Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 527 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (หก)

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 527 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (หก) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 527 ความแค้นในปีนั้นขาดสะบั้นในวันนี้ (หก)
โดย

เวลาไตร่ตรองสามลมหายใจ!

เห็นได้ชัดว่าเป็นการกดดันทางใจรูปแบบหนึ่ง เห็นชัดว่าเหยาทั่วไห่ไม่คิดจะให้หลินสวินมีโอกาสได้ใคร่ครวญ

ยอมรับมัน หรือไม่ก็…

รอชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นเหล่านั้นถูกสังหาร!

เหยาทั่วไห่มีชื่อเสียงมานานหลายปี ฉลาดล้ำลึก ในเมื่อเขากล้าพูดขนาดนี้ ก็อย่าได้คาดหวังว่าเขาจะปรานีใดๆ

หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถูกไล่ต้อนเข้าสู่หลุมพรางเพียงลำพัง ภายใต้ความกดดันสูงระดับนี้กลัวแต่จะพังครืนไปนานแล้ว

แต่หลินสวินไม่ได้เป็นเช่นนั้น เวลานี้ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นไร่ที่สิ้นสุด แต่สีหน้าท่าทางกลับเยือกเย็นและราบเรียบมากขึ้นเรื่อยๆ

“เหยาทั่วไห่ เจ้าคิดว่าโค่นข้าได้แน่แล้วจริงหรือ”

น้ำเสียงของหลินสวินเองก็เห็นได้ชัดว่าดูสงบผิดปกติ ไม่เจือความแปรปรวนทางอารมณ์ เสมือนว่าการข่มขู่ของเหยาทั่วไห่ไม่เคยสร้างผลกระทบใดๆ ต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

เคร้ง!

ฝ่ามือของเหยาทั่วไห่ผุดกระบี่วิญญาณที่ใสราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง และพาดเข้าที่ลำคอของชาวบ้านคนหนึ่ง

จากนั้นเขากล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “เจ้าแน่ใจหรือว่าจะลองดู”

ชั่วขณะนี้บรรยากาศลพันเปลี่ยนเป็นเงียบกริบทันใด ไร้ซึ่งเสียงนกกา ภายในใจทุกคนล้วนตึงเครียด คล้ายกับขอเพียงหลินสวินไม่ทำตามสักนิดเดียว ก็จะนำไปสู่เหตุการณ์นองเลือดอันแสนโหดร้ายฉากหนึ่ง

หลินสวินไม่ได้พูดพล่ามอีกต่อไป ยกมือขึ้นโบกกลางอากาศหนึ่งครา

หลายคนต่างอึ้งงัน จนถึงป่านนี้แล้ว เจ้าหนุ่มนี่ยังจะโบกมือทำอะไรอีก

มีเพียงเหยาทั่วไห่ที่คล้ายจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ม่านตาพลันหดลง

โครม!

เกือบจะในเวลาเดียวกัน เบื้องหลังหลินสวินมีเสียงก้องปานอสนีฟาดดังสนั่นระลอกหนึ่ง เรือรบระดับกลางแห่งจักรวรรดิที่มีความยาวร้อยจั้งลำหนึ่งแหวกชั้นเมฆมาเยือนด้วยเสียงโครมครัน ประดุจป้อมปราการกลางอากาศ

เรือรบอินทรีเหิน!

บนนั้นติดตั้งอาวุธหนักที่สามารถฆ่าล้างผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะได้ โดยทั่วไปจะเห็นได้เฉพาะในสนามรบชายแดนอันกว้างขวางเท่านั้น

แต่ตอนนี้เรือรบลำดังกล่าวกลับปรากฏขึ้นเบื้องหน้าตระกูลเหยาในจังหวัดชิงเฟิงแบบปุบปับ สิ่งนี้ทำให้คนตระกูลเหยาเหล่านั้นล้วนมีท่าทางอึ้งค้างอย่างกลั้นไม่อยู่

จังหวัดชิงเฟิงแห่งนี้เป็นอาณาเขตของพวกเขาตระกูลเชียวนะ!

ทว่าตอนนี้ เรือรบระดับกลางของจักรวรรดิลำหนึ่งกลับปรากฏขึ้นแบบเทพไม่รู้ผีไม่เห็น เล็ดลอดหูตาของพวกเขาตระกูลเหยาไปได้ นี่ก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

หว่างคิ้วของเหยาทั่วไห่ผุดความเคร่งขรึมขึ้น กลางนัยน์ตามีลำแสงอสนีพวยพุ่ง แต่กลับไม่ได้ตื่นตระหนก เพียงแต่มองดูฉากนี้อย่างเงียบๆ เท่านั้น

ตูม!

และในเวลานี้เอง เรือรบอินทรีเหินร่อนลงมา ประตูห้องโดยสารเปิดออก มีเงาร่างกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเดินออกมาจากด้านใน ดูอุ่นหนาฝาคั่ง ทรงอำนาจใหญ่หลวง

เงาร่างเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเหนือธรรมดา แต่ละคนท่วงท่าหนักแน่น กลิ่นอายแข็งแกร่ง ถึงขั้นไม่ขาดผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะ!

อีกทั้งไม่ได้มีแค่คนเดียวเท่านั้น แต่มาเป็นกลุ่ม…

นี่หมายความว่าอย่างไร

ทั่วทั้งจังหวัดชิงเฟิง ล้วนหาผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะไม่ค่อยเจอเท่าใด ทว่าตอนนี้กลับมีผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะปรากฏกายขึ้นกลุ่มหนึ่ง ภาพไหนเลยจะเป็นเพียงความตระการตา มันคือเรื่องน่าตกใจตะลึงโลกชัดๆ!

กระทั่งทอดสายตาไปทั่วทั้งมณฑลซีหนาน หากคิดจะระดมมหายุทธ์ระดับหยั่งสัจจะมากมายขนาดนี้ ยังเป็นเรื่องยากเหลือแสน!

หรือนี่จะเป็นกำลังเสริมที่หลินสวินเชิญมา?

คนตระกูลเหยาเหล่านั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกไม่มั่นคง

ในแผนการครั้งนี้ พวกเขาใช้กลยุทธ์จำพวก ‘ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม’ ‘ปิดฟ้าข้ามทะเล’ ล่อหลินสวินจากนครต้องห้ามเข้าสู่เมืองตงหลิน จากนั้นก็ลวงจากเมืองตงหลินมาจังหวัดชิงเฟิง ทุกอย่างนี้ล้วนทำเพื่อหลีกเลี่ยงพลังของขุมอำนาจอื่นๆ ที่จะปรากฏตัวเข้ามาช่วยหลินสวินทั้งนั้น

ทว่าใครเลยจะคาดคิด สถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้ยังเกิดขึ้นจนได้!

“ไอ้เด็กเหลือขอต่ำทรามคนนี้ รู้อยู่แล้วว่าเขาคงไม่มาตายเปล่าคนเดียวแน่!”

“สารเลว เขาทำได้อย่างไรกัน เวลาแค่สองวันเท่านั้น เขาระดมผู้ช่วยตั้งมากมายขนาดนี้จากที่ไหนกัน”

“จากรายงานเห็นได้ชัดว่าหลังออกจากนครต้องห้ามเจ้าหลินสวินนี่ก็ไม่ได้รบกวนขุมอำนาจอื่นใดเลย แต่เหตุใดถึงเกิดเรื่องพรรค์นี้ได้อีก”

คนตระกูลเหยาตะลึงโกรธและด่าว่า ไม่ได้ย่ามใจเหมือนก่อนหน้าอีก ตระหนักได้ว่าสถานการณ์เริ่มไม่เข้าที ในใจกระวนกระวายอยู่บ้าง

“หลินสวิน หากเจ้าคิดว่าเชิญผู้ช่วยส่วนหนึ่งมา แล้วจะสามารถช่วยชีวิตชาวบ้านพวกนี้กลับไปได้ เช่นนั้นก็เป็นความผิดพลาดมหันต์แล้ว!”

เหยาทั่วไห่เอ่ยปากพูดเสียงขรึม แม้จะอยู่ในเวลานี้ เขาก็ยังไม่ระส่ำระสายให้เห็น แน่วแน่สงบนิ่ง

หลินสวินไม่อาจไม่ยอมรับ เหยาทั่วไห่เป็นคู่ประมือที่ยากต่อกรที่สุดคนหนึ่งจริงๆ อย่างน้อยความอหังการที่ไม่ว้าวุ่นเมื่อเผชิญกับอันตรายเช่นนี้ ใช่ว่าคนทั่วไปจะทัดเทียมได้

เพียงแต่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น หลินสวินยังไม่ได้เอ่ยคำ สีหน้าของเหยาทั่วไห่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวเสียงหลงว่า “เป็น…เป็นไปได้อย่างไร”

เนื่องจากขณะนี้ เขาตะลึงงันมองเห็นว่ามีเงาร่างคล้ายนักโทษกลุ่มหนึ่งถูกพันธนาการอย่างแน่นหนา ลำเลียงออกมาจากด้านในเรือรบอินทรีเหิน

มีไม่ต่ำกว่าร้อยคน!

และเงาร่างที่ถูกควบคุมไว้เหล่านี้ ล้วนเป็นคนในตระกูลเหยาของพวกเขาทั้งสิ้น!

ต่อให้เป็นความเยือกเย็นของเหยาทั่วไห่ ภายในใจตอนนี้ก็อดผุดความหวาดหวั่นเสี้ยวหนึ่งขึ้นมาไม่ได้อยู่ดี

ตั้งแต่หลินสวินออกจากนครต้องห้ามจนถึงตอนนี้ เวลาไม่ถึงสามวัน ไม่เพียงสามารถระดมพลผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งรุดมาหน้าเสริมกำลัง ยังสามารถจับกุมคนตระกูลเหยาทั้งหมดที่กระจายตัวอยู่ทุกแห่งหนเอาไว้ได้ นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ควรรู้ว่าจังหวัดชิงเฟิงแห่งนี้อยู่ใต้เปลือกตาของเขาเหยาทั่วไห่ ทว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เขากลับไม่เคยสัมผัสถึงความผิดปกติเลยสักเสี้ยว!

ด้วยเหตุนี้แค่คิดก็รู้ว่า พลังที่ยื่นมือเข้าช่วยหลินสวินครั้งนี้แข็งแกร่งเพียงใดแล้ว

“สวรรค์! นายน้อยอวี้คุนจากเรือนผู้อาวุโสใหญ่ คุณหนูฟางเฟยเรือนผู้อาวุโสสาม นายน้อยอวี้ถิงเรือนผู้อาวุโสเก้า… พวกเขา…พวกเขาทั้งหมดถูกจับได้อย่างไร”

เวลานี้คนตระกูลเหยาพวกนั้นต่างก็ส่งเสียงอุทานอย่างตกใจ มือไม้เย็นวาบ แต่ละคนท่าทางอึมครึมไหววูบ สั่นสะท้านไปกับภาพดังกล่าว

เดิมพวกเขานึกว่าหลินสวินถูกพวกเขาจูงจมูกเดินแต่แรกแล้ว การมาตัวคนเดียวในครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการมาตายเปล่า

ทว่าไม่คิดเลยว่า เรือรบอินทรีเหินลำหนึ่งจะปรากฏขึ้นกะทันหัน ไม่เพียงนำกลุ่มผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะอันแข็งแกร่งมาเท่านั้น กระทั่งยังจับกุมสมาชิกนับร้อยคนในตระกูลเหยาของพวกเขาไว้อีกด้วย!

โดยเฉพาะเหล่าคนที่เดินอยู่ด้านหน้า ล้วนเป็นลูกหลายสายตรงในตระกูลเหยา!

ทันใดนั้นบรรยากาศทั่วลานเปลี่ยนเป็นเงียบกริบ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาเร็วเกินไป ทำให้ทั้งตระกูลเหยาตกสู่ความสะทกสะท้าน ยากจะสงบลงได้

สายลมโหยหวน กวาดม้วนฟ้าดิน

เรือรบอินทรีจอดเทียบอยู่บนพื้นกว้าง ผู้แข็งแกร่งที่รุดหน้ามาสมทบกลุ่มหนึ่งรวมตัวอยู่เบื้องหลังหลินสวิน ภายใต้การนำของมู่หวั่นซู

ส่วนคนตระกูลเหยาที่ถูกจับกุมเหล่านั้น แต่ละคนสีหน้าซึมเซาห่อเหี่ยว เผยตัวอยู่เบื้องหน้าตระกูลเหยาที่อยู่ห่างออกไปประหนึ่งนักโทษก็ไม่ปาน

สถานการณ์ตรงหน้าเพียงมองดูก็เข้าใจ

หลินสวินไม่ได้มาคนเดียว ยังนำกำลังยิ่งใหญ่แข็งแกร่งและน่ากลัวขบวนหนึ่งมาด้วย ในนั้นมีอิทธิพลของอัครการค้า และก็มีกำลังพลที่มาจากตระกูลหนิง ตระกูลเย่ และตระกูลกง ในเวลานี้เมื่อรวมเข้าด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นการพานพบของผู้แข็งแกร่ง พลังอำนาจน่าครั่นคร้าม

ส่วนคนตระกูลเหยาที่ถูกจับเหล่านั้น กลายเป็นไพ่เด็ดใบหนึ่งในมือหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย พลิกผันและเปลี่ยนสถานการณ์ในตอนนี้ของหลินสวินทันใด

“คนรุ่นหลังน่ากลัวจริงหนอ ภายในสามวันก็เตรียมการตั้งมากมายขนาดนี้ได้สำเร็จโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง ทำให้ข้าอดเปิดโลกไม่ได้”

หลังนิ่งเงียบเนิ่นนาน เหยาทั่วไห่ก็เปล่งเสียงทอดถอนใจออกมา ตอนนี้เขายังคงไม่ถูกสั่นคลอนความมั่นใจอยู่ดี สงบและเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าเพียงแค่ใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟันเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะตาแก่อย่างเจ้าต่ำทรามเกินไป ไยข้าต้องนำพลังยิ่งใหญ่เช่นนี้ออกมาด้วย”

หลินสวินส่งเสียงเย็นเยียบ “หยุดพูดพล่ามแล้วปล่อยชาวบ้านเหล่านั้นเสีย ข้าก็จะปล่อยตัวคนตระกูลเหยาของพวกเจ้าทันทีเหมือนกัน”

“แลกเปลี่ยน?”

นัยน์ตาดำของเหยาทั่วไห่ลุ่มลึก

“หัวหน้าตระกูล! ไม่ได้เป็นอันขาดนะ! หากทำเช่นนี้ข้อได้เปรียบของพวกเราก็จะ…”

“หัวหน้าตระกูล สถานการณ์ในวันนี้พวกเราคว้ามาได้อย่างยากลำบาก จะปล่อยให้ไอ้ลูกหมาหลินสวินสมปรารถนาหรือ”

“ในฐานะคนตระกูลเหยา ก็ควรตระหนักถึงการเสียสละเพื่อตระกูล ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจยอมรับเงื่อนไขของอีกฝ่ายได้โดยเด็ดขาด!”

คนตระกูลเหยาเหล่านั้นต่างร้อนรนตะโกนเสียงดังขึ้นมา พวกเขามองเห็นทะลุปรุโปร่ง วันนี้หลินสวินนำกำลังแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งมา หากปล่อยชาวบ้านพวกนั้นไปก็เท่ากับทำให้หลินสวินไม่ต้องพะวงหลังอีก เช่นนั้นต่อไปการต่อสู้แสนเลวร้ายก็จะปะทุขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

กระทั่งเป็นไปได้ว่าตระกูลเหยาอาจจะประสบกับความล่มสลายที่ไม่สามารถจินตนาการได้!

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ใครก็ไม่เต็มใจปล่อยให้หลินสวินได้สมดั่งปรารถนา

“ทำตามที่เขาบอก แลก!”

สิ่งที่นอกเหนือความคาดหมายก็คือ เหยาทั่วไห่ในยามนี้มุ่งมั่นอย่างมาก พูดเฉียบขาด “พวกเขาก็เป็นคนตระกูลเหยาเหมือนกับข้า หากสามารถเอาชีวิตพวกชั้นต่ำไร้ค่าพวกนี้แลกพวกเขากลับมาได้ ข้าเหยาทั่วไห่ย่อมไม่มีความลังเลใดๆ ”

“พวกชั้นต่ำไร้ค่า?”

ประกายเย็นเยียบไหวเคลื่อนในดวงตาหลินสวิน “ในสายตาของข้า คนตระกูลเหยาของพวกเจ้ารวมกันทั้งหมด ยังเทียบไม่ได้กับความเลอค่าของชาวบ้านเหล่านั้นแม้แต่คนเดียว!”

เหยาทั่วไห่สีหน้าราบเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ เหมือนคร้านจะโต้เถียงกับหลินสวินแล้ว

จากนั้นทั้งสองฝ่ายเริ่มแลกเปลี่ยนตัวประกัน ขั้นตอนไม่ได้ชวนตื่นเต้น เพียงแต่ฝั่งตระกูลเหยาแต่ละคนกลับถลึงตาแทบถลน รู้สึกว่านี่เป็นความอัปยศอย่างหนึ่ง

และยามหลินสวินรับชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นเหล่านั้นกลับมา ธนูที่ง้างสายตึงมาตลอดในใจในที่สุดก็คลายลง คล้ายกับตัดความกลัดกลุ้มหนักอึ้งในใจนั้นทิ้งไปได้แล้ว

พวกหัวหน้าหมู่บ้านเซียวเทียนเริ่นต่างตื้นตันจนพูดจาสะเปะสะปะ ไม่คิดเลยสักนิดว่าวันนี้จะยังมีโอกาสได้รับชีวิตใหม่อยู่อีก

หลินสวินมอบพวกเขาให้มู่หวั่นซู่พาเข้าไปพักผ่อนในเรือรบอินทรีเหิน คราวนี้จึงทอดสายตามองไปทางเหยาทั่วไห่ที่อยู่ห่างออกไป

ชั่วขณะนั้นพลังของหลินสวินพลันเปลี่ยนไป จิตสังหารที่เก็บกดไว้ในใจเนิ่นนานปะทุออกมา ชาวบ้านที่เขาห่วงใยมากที่สุดได้รับการช่วยเหลือแล้ว และตอนนี้ก็ควรจะคิดบัญชีนี้เสียที!

ด้านหลังของหลินสวิน ผู้แข็งแกร่งที่เป็นบุคคลสำคัญจากอัครการค้า ตระกูลหนิง ตระกูลเย่ และตระกูลกง ในเวลานี้ต่างรวมตัวพร้อมบุกทุกเมื่อ

ไอสังหารไร้รูปราวกับควันสัญญาณเตือนศัตรู พวยพุ่งสู่เบื้องบน ทำให้ฟ้าดินแปรเปลี่ยน เปี่ยมด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันโหมคลั่ง

ด้านตระกูลเหยา แต่ละคนกลับสีหน้าเคร่งขรึม กัดฟันกรอด พวกเราต่างรู้ดี ต่อไปต้องเป็นการต่อสู้อันเลวร้ายฉากหนึ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แน่นอน

นี่โยงไปถึงความเป็นความตายของตระกูลเหยา!

เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ภายในใจของพวกเขาเศร้าโศกก็คือ ไม่มีชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นเหล่านั้นเอาไว้ข่มขู่ ลำพังพลังตระกูลเหยาของพวกเขา กลัวแต่วันนี้ยากจะหยุดยั้งฝีเท้าของศัตรูเอาไว้ได้

ไม่ใช่ว่าพวกเขามองโลกในแง่ร้าย แต่เพราะพลังที่ศัตรูใช้ในครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป เป็นกลุ่มผู้อยู่ในระดับหยั่งสัจจะทั้งนั้น!

อาศัยแค่พลังระดับนี้ ก็สามารถเดินวางโตในมณฑลซีหนานได้แล้ว!

ตระกูลเหยาของพวกเขาเป็นแค่ผู้ยิ่งใหญ่ฝ่ายหนึ่งในจังหวัดชิงเฟิงเท่านั้น ทั้งตระกูลก็มีเพียงเหยาทั่วไห่คนเดียวที่ยืนอย่างภาคภูมิใจในระดับหยั่งสัจจะ แล้วนี่จะไม่ให้พวกเขามองโลกในแง่ร้ายได้อย่างไรกัน

ทว่าในยามนี้ เหยาทั่วไห่กลับยังคงสงบนิ่งหาที่เปรียบมิได้ ถึงขนาดที่ในดวงตามีแสงอสนีพลุ่งพล่าน เจือแววฮึกเหิมเร่าร้อนที่ยากจะสังเกตได้

เขากวาดมองหลินสวินรวมถึงผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหลินสวินด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ทันใดนั้นพลันยิ้มน้อยๆ แผดเสียงขึ้นว่า “หลินสวิน เจ้าคิดว่าตัวเองชนะแล้วจริงๆ หรือ ผิดแล้ว! ข้าเคยบอกแต่แรกแล้ว ทุกอย่างในวันนี้เจ้าถูกลิขิตให้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเชิญผู้ช่วยมาเท่าไร ก็ต้องพินาศย่อยยับอยู่ดี!”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด