Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 533 เจ้าของหลังม่าน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 533 เจ้าของหลังม่าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 533 เจ้าของหลังม่าน
โดย

เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงตวาดว่าอย่างไม่เกรงใจของหลินสวิน สีหน้าของพวกฉีอวี้ องค์หญิงหลิงหวงต่างก็อึมครึมและไม่น่าดูอยู่บ้าง

คืนนี้พวกเขามาร่วมงานเลี้ยง ไหนเลยจะคิดว่ายังไม่ทันได้เข้าประตูใหญ่หอสรวลทรัพย์ กลับต้องมาเจอกับหลินสวิน!

หากเป็นก่อนหน้านี้ ด้วยนิสัยหยิ่งผยองเอาแต่ใจขององค์หญิงหลิงหวง คงอาละวาดไปนานแล้ว แต่นับจากที่หลินสวินกลายเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณ ชื่อเสียงสั่นสะเทือนใต้หล้า แม้แต่ราชวงศ์ยังเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเขา องค์หญิงหลิงหวงจึงไม่กล้าหุนหันพลันแล่นอีก

เด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ดูเหมือนอายุยังน้อยกว่าพวกเขา แต่สถานะและอำนาจในทุกวันนี้ ล้ำหน้าคนรุ่นเดียวกันไปมากโข

ด้วยเหตุนี้แม้ฉีอวี้ที่เคยถูกหลินสวินบีบบังคับให้คุกเข่า เวลานี้ก็ได้แต่ควบคุมความชิงชังและความโกรธภายในใจอย่างเต็มที่

“ตีสุนัขยังต้องดูเจ้าของ เจ้ากลับไม่สนใจใยดี ทำให้ข้ารับใช้ของข้าบาดเจ็บ หลินสวิน เจ้าทำเช่นนี้ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ”

ฉีอวี้สูดหายใจลึก เอ่ยปากเสียงแข็ง

หลินสวิน!

ทันทีที่ได้ยินชื่อนี้ เหล่าคนหนุ่มสาวที่อยู่ข้างกายฉีอวี้และองค์หญิงหลิงหวงพวกนั้นต่างอ้าปากค้าง สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้านี้เป็นใคร!

นี่ก็คือบุคคลโหดร้ายป่าเถื่อนที่ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วคนหนึ่ง อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ต่อให้บรรดาคนใหญ่คนโตส่วนหนึ่งมา ก็เกรงว่าจะไม่ยอมขัดใจเจ้าหมอนี่โดยง่าย

ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากเจ้าหมอนี่มันวิปริตเกินไป ในนครต้องห้ามทุกวันนี้ เป็นคนเหี้ยมโหดที่ผู้คนต่างให้การยอมรับ ไม่มีใครอยากหาเรื่องกับคนเช่นนี้หรอก

“เจ้าบอกว่าข้าทำเกินไปหรือ”

หลินสวินมุ่นคิ้ว กวาดตามองฉีอวี้อย่างเย็นชา “ดูท่า เจ้ายังคิดว่าคนรับใช้พวกนั้นของเจ้าเมื่อครู่ไม่ได้ทำอะไรผิด?”

ฉีอวี้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถูกสายตาของหลินสวินมองจนพลันอึดอัดไปทั้งตัว ถึงแม้เขาจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนหนึ่ง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหลินสวิน ในใจก็กลัวลนลานเหมือนเดิม

ช่วยไม่ได้ ครั้งก่อนที่ช่วยกู้อวิ๋นถิงแย่งชิง ‘เขาวัวขุย’ เขาถูกหลินสวินกำราบให้คุกเข่าในคราเดียว ในใจจึงหลงเหลือเงามืดอยู่

เขากัดฟันพูด “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ใครจะรู้ว่าคนพวกนั้น… คือคนของเจ้า”

สายตาเขามองไปยังชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นที่อยู่ไม่ไกล ในใจก็รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมพอควร พวกคนสวมใส่ชุดน่าเกลียดราวกับขอทานกลุ่มหนึ่ง ใครจะคิดว่าพวกเขามีความสัมพันธ์ใหญ่หลวงกับหลินสวิน

หากรู้เรื่องพวกนี้แต่แรก พวกเขาจะยอมหลบลี้หนีไปให้ไกล!

“ขอโทษ!”

หลินสวินคร้านจะพูดมากความ พูดสั้นกระชับได้ใจความ

“เจ้า…”

ฉีอวี้สีหน้าประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ให้เขาลูกหลานสายตรงตระกูลฉีอันสง่างามน่าเกรงขามขอโทษชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเนี่ยนะ หากเรื่องนี้แพร่ออกไป หลังจากนี้จะให้เขาเป็นผู้เป็นคนอย่างไรได้อีก

“หลินสวิน แม้ราชวงศ์ของข้าไม่คิดจะสืบสาวเอาความความผิดของเจ้าในอดีตอีก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะสามารถไม่เกรงกลัวฟ้าดินได้!”

องค์หญิงหลิงหวงทนไม่ไหวอีกต่อไป นางรู้สึกว่าคืนนี้พวกเขาทนมาเพียงพอแล้ว แต่หลินสวินยังคงกัดแน่นไม่ปล่อย นั่นทำให้นางอดรนทนไม่ไหวทันที

“เหอะๆ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเป็นตัวแทนราชวงศ์แห่งจักรวรรดิได้งั้นรึ”

หลินสวินถามกลับ เขาไม่เคยรู้สึกดีกับองค์หญิงหลิงหวงที่เอาแต่ใจหยิ่งผยองเช่นนี้ เห็นนางทำท่าโอหังอวดดีมาตำหนิตน ทำให้หลินสวินอารมณ์ไม่ดีทันที เทียบกับองค์หญิงจิ่งเซวียนแล้ว อันธพาลคนนี้ยิ่งทำให้คนไม่ชอบเข้าไปใหญ่

“หลินสวิน เจ้าคิดจะเอาอย่างไรกันแน่”

องค์หญิงหลิงหวงหน้าเขียว

“ข้าบอกไปแล้ว ขอโทษ”

หลินสวินใบหน้าไร้ความรู้สึก “มิฉะนั้น วันนี้พวกเจ้าใครก็อย่าหวังจะได้กลับไป!”

ที่นี่คือหน้าหอสรวลทรัพย์ เป็นเวลาค่ำคืนที่ผู้คนพลุกพล่านมากที่สุด เขตพื้นที่บริเวณนี้ยังมีผู้คนสัญจรไปมา การเคลื่อนไหวของพวกเขาตรงนี้ทำให้ผู้คนใกล้เคียงมากมายตื่นตระหนกตกใจ ต่างพากันส่งสายตามองมา ส่งเสียงกระซิบกระซาบ

“ที่แท้เขาก็คือหลินสวิน ท่าทีดูไม่เกรงกลัวสิ่งใดจริงอย่างที่เล่าลือ แม้แต่พวกองค์หญิงหลิงหวง ฉีอวี้ล้วนไม่อยู่ในสายตา”

“แหะๆ น่าสนใจ คืนนี้ไม่มาเสียเที่ยว มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”

“พวกที่เหมือนกับขอทานนั่นเป็นใคร ทำไมหลินสวินถึงกับฉีกหน้าพวกองค์หญิงหลิงหวงเพื่อพวกเขา”

“ชู่ว! หุบปาก! ขอทานอะไร เจ้าอยากตายก็อย่าลากข้าไปเกี่ยวด้วยสิ ถ้าถูกหลินสวินได้ยินเข้า เจ้าอย่าได้บอกว่ารู้จักข้าเชียว!”

ส่วนเหล่าสาวใช้คนงามที่ยืนต้อนรับแขกอยู่หน้าประตูหอสรวลทรัพย์นั้น เวลานี้แต่ละคนต่างตะลึงงันอยู่กับที่ นิ่งอึ้งราวกับรูปปั้นดิน

หลินสวิน!

เมื่อครู่… คนที่ถูกพวกนางปฏิเสธไม่ให้เข้าไป ถึงกับเป็นเด็กหนุ่มผู้มีความสามารถที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นปฐมาจารย์สลักวิญญาณรุ่นเยาว์ซึ่งสั่นสะเทือนนครต้องห้ามคนนั้น!

แต่ว่า ทำไมเขาถึงพาคนบ้านนอกกลุ่มหนึ่งมาล่ะ! นี่มัน นี่มัน…

ชั่วขณะเดียวสาวใช้พวกนั้นต่างสับสน ในใจรู้สึกร้อนอกร้อนใจ สีหน้าปรวนแปร เกิดความรู้สึกกระสับกระส่ายเป็นอันมาก

ที่น่าเสียดายคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินต่างไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้ ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกนางแม้แต่น้อย

เพียงแต่เมื่อชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นถูกพวกข้ารับใช้ของฉีอวี้ล่วงเกิน หลินสวินก็ไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป

หากยังไม่เอาความอีก ก็จะกลายเป็นว่าเขาหลินสวินจะกลั่นแกล้งอย่างไรก็ได้!

ด้วยเหตุนี้ เวลานี้ท่าทีหลินสวินจึงหนักแน่นถึงที่สุดอย่างเห็นได้ชัด ขอโทษ ไม่ขอโทษก็อย่าหวังได้กลับไป! ถึงแม้เรื่องราวจะบานปลายใหญ่โต หลินสวินก็ไม่สนใจ

อย่างไรในนครต้องห้ามทุกวันนี้ หลินสวินไม่กังวลว่าจะยังมีใครกล้าเป็นปฏิปักษ์กับเขา

“เจ้าแน่ใจนะว่าต้องการข่มขู่ผู้คนเช่นนี้”

น้ำเสียงฉีอวี้ราวกับลอดออกมาจากไรฟัน ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองอยู่ ถูกหลินสวินบีบบังคับอยู่ตรงนี้ ต้องการให้พวกเขาขอโทษชาวบ้านพวกนั้น นั่นทำให้เขาปรากฏสีหน้ารับไม่ได้

“ทำไม เจ้ายังคิดจะลงมือกับข้างั้นสิ”

นัยน์ตาดำขลับของหลินสวินฉายแววเย็นเยียบ

“เจ้า…”

ฉีอวี้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว เจ้าหลินสวินนี่เซ้าซี้เกินไป ไม่ลดราวาศอก เหมือนกับหินที่อยู่ในส้วมทั้งเหม็นทั้งแข็งจริงๆ

ขณะเดียวกันภายในใจเขาก็หวาดกลัวอยู่บ้าง ครั้งก่อนถูกหลินสวินทำให้พ่ายแพ้ ทำให้เขาเสียหน้าไม่เหลือ ไม่อาจเงยหน้าขึ้นในสาขายอดยุทธศาสตร์ หากครานี้ลงมือกับหลินสวินแล้วถูกกำราบอีกครั้ง นั่นคงต้องอับอายไปถึงตระกูล

“หลินสวิน ข้าว่าพอแค่นี้เถอะ”

หัวหน้าหมู่บ้านเซียวเทียนเริ่นก้าวออกมาข้างหน้า เอ่ยปากเสียงทุ้มต่ำ เขาไม่อยากให้หลินสวินล่วงเกินผู้คนมากเกินไปเพราะพวกเขา มันไม่คุ้มค่า

ชาวบ้านคนอื่นต่างก็พยักหน้า พวกเขาไหนเลยจะมองไม่ออก หลินสวินกำลังออกหน้าแทนพวกเขา เพียงแต่พวกเขาก็ดูออกว่าฐานะของหนุ่มสาวเหล่านั้นไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง เห็นชัดว่าเป็นผู้ดีมีสกุลของตระกูลมหาอำนาจ พวกเขาไม่อยากให้หลินสวินลำบากใจเพราะเรื่องนี้

หลินสวินชะงัก ทอดถอนใจอยู่ภายใน ชาวบ้านเหล่านี้ต่างล้วนซื่อสัตย์เจียมตนยิ่งนัก ยอมให้ตัวเองเสียเปรียบเล็กน้อย แต่ไม่อยากให้ตนไปล่วงเกินคนอื่น

เวลานี้พลันมีเสียงก้องราวระฆังเสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่ห่างไกล “ทำผิดแล้วก็ขอโทษ ยังมีอะไรให้เสียหน้าอีก”

ผู้ที่กล้าส่งเสียงออกมาตอนนี้เห็นชัดว่าต้องไม่ใช่บุคคลธรรมดา ด้วยเหตุนี้เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น จึงดึงดูดสายตาไม่น้อยทันที

นั่นคือชายวัยกลางคนร่างผอมบางคนหนึ่ง ชุดสีเทาทั้งตัว ใบหน้าคมคาย แข็งแกร่งเด็ดขาด ร่างที่ดูเหมือนที่ไม่สะดุดตานั้นราวกับแฝงไว้ด้วยภูเขาไฟลูกหนึ่ง มีกลิ่นอายที่พร้อมปะทุให้ผู้คนหวาดกลัวได้ตลอดเวลา

เจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียว!

ผู้คนมากมายในที่นั้นใจสะท้าน ที่แท้เป็นท่านอ๋องในตำนานคนนั้นนั่นเอง เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่คาดคิดคือ คำพูดของเขาเมื่อครู่ เห็นชัดว่าไม่ได้อยู่ข้างองค์หญิงหลิงหวงสักนิด!

นี่ทำให้ผู้คนตระหนกตกใจยิ่งนัก

“ท่านอา ข้าจะไม่ขอโทษ ท่านไม่เห็นหรือว่าเจ้าหมอนี่ระรานคนอื่นขนาดไหน!”

องค์หญิงหลิงหวงน้อยใจอยู่บ้าง พูดอย่างโกรธเคือง

จ้าวจิ่วเซียวชะงักงัน เห็นชัดว่าจนปัญญาอยู่บ้าง ท้ายที่สุดก็ทอดถอนใจเฮือกหนึ่ง สายตามองไปทางหลินสวินพลางกล่าว “สหายน้อยหลินสวิน มิสู้ให้ข้ากล่าวขอโทษแทนเป็นอย่างไร”

หา! ผู้คนในที่นั้นต่างตกใจฮือฮา จ้าวจิ่วเซียวเชียวนะ! เจิ้นไห่อ๋องของจักรวรรดิผู้สง่างามน่าเกรงขาม เพื่อคลี่คลายการโต้เถียงกันเหตุการณ์หนึ่ง ถึงกับกล่าวขอโทษคนรุ่นหลังอย่างหลินสวิน คาดไม่ถึงจริงๆ

“ในเมื่อผู้อาวุโสออกปาก ผู้น้อยก็จะไม่เอาความ เพียงแต่ผู้น้อยหวังว่าหลังจากนี้จะไม่เกิดเรื่องราวเช่นนี้อีก”

หลินสวินกล่าวด้วยความเคารพ เขาได้แต่เลิกแล้วกันไป จ้าวจิ่วเซียวก็มาแล้ว เขาไหนเลยจะสามารถไล่บี้ไม่ปล่อยได้อีก

จ้าวจิ่วเซียวพยักหน้า “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”

“ในเมื่อเรื่องราวคลี่คลายลงแล้ว ถ้าอย่างนั้นผู้น้อยขอลาก่อน”

หลินสวินไม่คิดอยู่ต่อ ฟ้ามืดแล้ว เขาต้องรีบหาสถานที่ทำให้ชาวบ้านเหล่านี้ได้อิ่มท้อง

เขามีปราณอยู่ในตัว ไม่กินอาหารก็ได้ แต่ชาวบ้านเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา ไม่อาจทานทนต่อความหิวโหยแต่แรก

“ประเดี๋ยวก่อน!”

กลับเห็นจ้าวจิ่วเซียวกล่าวว่า “เจ้าพาคนมากมายขนาดนี้มา เหตุใดยังไม่เข้าไปในหอสรวลทรัพย์ก็จะจากไปเสียแล้วล่ะ”

ไม่รอให้หลินสวินได้อธิบายก็มีชายชราท่าทางเหมือนพ่อบ้านคนหนึ่งเข้ามาอย่างรีบเร่ง พูดอะไรบางอย่างเสียงเบาข้างหูจ้าวจิ่วเซียว

ครู่หนึ่งจ้าวจิ่วเซียวพลันเข้าใจกระจ่าง สีหน้าราบเรียบกล่าวกับพ่อบ้านคนนั้นว่า “เรื่องนี้เจ้าไปจัดการ จำไว้ต้องกลับมารายงานข้า”

พูดจบเขาก็เดินมาข้างหน้า ยิ้มพลางกล่าวกับหลินสวิน “เหตุการณ์เมื่อครู่ข้ารู้หมดแล้ว ไป ข้าจะเตรียมสถานที่สังสรรค์ที่หนึ่งให้พวกเจ้าด้วยตนเอง”

หลินสวินส่ายศีรษะ “ช่างเถิดขอรับ ไปที่ไหนก็เหมือนกันหมด”

จ้าวจิ่วเซียวมุมปากปรากฏรอยยิ้มขื่น กดเสียงต่ำพลางกล่าว “เจ้าหนุ่ม หอสรวลทรัพย์แห่งนี้เป็นอาณาเขตของข้า หากให้ผู้คนในใต้หล้ารู้ว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าพาเพื่อนมาพบปะสังสรรค์แต่กลับถูกปฏิเสธอยู่หน้าประตู เจ้าจะให้ข้าเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”

หลินสวินอึ้งงันไปชั่วขณะ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเถ้าแก่ที่อยู่หลังม่านหอสรวลทรัพย์แห่งนี้ จะเป็นเจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียว!

เขาเข้าใจกระจ่างโดยพลัน มิน่าที่แห่งนี้ถึงชื่อเสียงยิ่งใหญ่เช่นนี้ จนถึงทุกวันนี้ถึงขั้นไม่มีใครกล้าก่อเรื่องในนั้น ที่แท้เพราะมีเจิ้นไห่อ๋องสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนี่เอง

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่อาจขัดศรัทธา”

หลินสวินก็ตรงไปตรงมาดี พยักหน้ารับคำ

“ฮ่าๆๆ ไปเถอะ คราก่อนข้าเทหมดหน้าตัก ไม่ง่ายเลยกว่าจะรวมครบหนึ่งล้านกว่าเหรียญทองซื้อสิทธิ์หลอมอาวุธของเจ้ามาหนึ่งครั้ง อาศัยโอกาสนี้ ข้าก็อยากจะคุยกับเจ้าอยู่เหมือนกัน”

จ้าวจิ่วเซียวหัวเราะร่า

จากนั้นนั้นก็พาหลินสวินและชาวบ้านหมู่บ้านเฟยอวิ๋นทั้งกลุ่มเข้าไปในหอสรวลทรัพย์

แต่สิ่งที่เห็นกับตาทั้งหมดนั้น ผู้คนละแวกใกล้เคียงต่างทอดถอนใจพักหนึ่ง นี่เพราะเป็นหลินสวินหรอก หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ไหนเลยจะได้การต้อนรับเช่นนี้จากเจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียว

พวกองค์หญิงหลิงหวงและฉีอวี้สีหน้าประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ท้ายที่สุดก็ได้แต่จนปัญญาอดกลั้นอารมณ์ไว้ ช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่มีความสามารถไปเอาเรื่องกับหลินสวินจริงๆ นอกเสียจากว่าจะฉีกหน้าถึงที่สุด แต่นั่นต้องเป็นวิธีที่สูญเสียทั้งสองฝ่ายเป็นแน่ ได้ไม่คุ้มเสีย

และเมื่อพวกเขาต่างเข้าไปยังหอสรวลทรัพย์ ชายชราพ่อบ้านที่เคยพูดคุยกับเจิ้นไห่อ๋องจ้าวจิ่วเซียวคนนั้นก็ก้าวเดินไปหน้าประตู สายตานิ่งสงบกวาดมองไปยังสาวใช้รับแขกที่งดงามสิบกว่าคนนั่น

น้ำเสียงเขาไร้ซึ่งอารมณ์เพียงเสี้ยว กล่าวว่า “เรื่องราวเมื่อครู่พวกเจ้าก็เห็นแล้ว ข้าต้องการคำตอบที่น่าพึงพอใจ”

สาวใช้พวกนั้นสีหน้าซีดเผือด รู้ตัวว่าครานี้พุ่งชนหายนะครั้งใหญ่เข้าให้แล้ว

…………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด