Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 551 ประตูลึกลับ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 551 ประตูลึกลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 551 ประตูลึกลับ
โดย

วัวดำตัวนั้นราวม้าศึกชั้นดีหาใดเปรียบ ทั้งตัวดำขลับเป็นเงาวาว แสงสว่างไหลเวียนหมุนวน จตุบาทราวเสาเหล็ก ย่ำเหยียบหมอกเมฆาที่เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เปล่งประกายเจิดจรัส

บนเมฆาเรืองรองมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ ล้วนเป็นผู้ฝึกปราณเฉกเช่นเดียวกัน มีทั้งชายและหญิง

มีเพียงเงาร่างหนึ่งนั่งอยู่บนหลังวัวดำ นั่นเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาน่าเกรงขามคนหนึ่ง สวมใส่เสื้อคลุมดำ ศีรษะประดับเกี้ยวสูง นัยน์ตานิ่งสงบประหนึ่งมีสุริยันจันทรากระเพื่อมคล้อยอยู่ภายใน

“เกาะหมอกตะวันรอน เผ่าวัวมารทรงพลัง!”

“แม้แต่เจ้าวัวเฒ่านี่ก็มาด้วย…”

เมื่อมองเห็นเงาร่างกลุ่มนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งของเผ่าวาฬมังกรเกาะท่องมรกต เผ่าหงส์หิรัณย์เขาวิญญาณโลหิตต่างก็ตื่นตระหนก ส่งเสียงฮือฮาไม่หยุด เผยสีหน้าจริงจังหนักแน่น

เห็นชัดว่าพวกเขากริ่งเกรงเผ่าวัวมารทรงพลังพอสมควร

ส่วนผู้เฒ่าเกาหยางก็ขมวดคิ้วมุ่นอย่างอดไม่ได้

เขาจำได้แล้ว ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนหลังวัวนั่น นามว่าหนิวเซี่ยวรื่อ ‘ราชันวัวมาร’ ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดคนหนึ่ง หลายปีก่อนถึงขั้นเคยท่องไปในดินแดนรกร้างโบราณ เอาชนะผู้แข็งแกร่งมากมาย ชื่อเสียงเหี้ยมโหดโจษจันไปทั่ว!

ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งแห่งเกาะหมอกตะวันรอนมาถึง แม้ไม่พูดอะไรกลับทำให้ทุกฝ่ายหวาดกลัว สาเหตุล้วนเป็นเพราะหนิวเซี่ยวรื่อผู้ได้รับสมญานามว่า ‘ราชันวัวมาร’ คนนี้

ต่อให้เป็นในหมู่ขุมอำนาจชนเผ่าพื้นเมืองในทะเลกลืนวิญญาณ หนิวเซี่ยวรื่อก็เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินคนหนึ่ง ราวคลื่นยักษ์อันร้ายกาจ

“ท่านผู้เฒ่า สถานการณ์ดูไม่สู้ดีนัก”

เหวินเสียงรู้สึกว้าวุ่นใจ

เห็นการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้กับตาตนเอง พวกเขาไม่ว่าใครต่างก็ไม่กล้าประเมิน ‘โลกชั้นล่าง’ ต่ำเกินไปอีก ช่างน่ากลัวจริงๆ เพียงแค่ชั่วเวลาไม่นานก็มีราชันระดับสังสารวัฏสามคนนำพาผู้คนแต่ละเผ่าเดินทางมา แม้แต่ในดินแดนรกร้างโบราณก็ยังยากจะพบเห็น!

“ไม่ต้องกังวล แดนลับอสูรมารอริยะมีข้อจำกัดอันน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือกว่าระดับหยั่งสัจจะไม่อาจก้าวล้ำเข้าไปในนั้น”

ผู้เฒ่าเกาหยางปลอบขวัญด้วยเสียงอบอุ่น “หรือกล่าวได้ว่า คู่แข่งที่แท้จริงของพวกเจ้า มีเพียงแค่คนรุ่นราวคราวเดียวกันในขุมอำนาจพวกนั้นเท่านั้น”

ทุกคนค่อยวางใจได้บ้าง หากราชันระดับสังสารวัฏเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย แดนลับอสูรมารอริยะนั่นก็ไม่ต้องเข้าไปแล้ว ถึงเข้าไปก็เหมือนไปตาย

ไม่นานก็มีขุมอำนาจมากมายหลายหลากมาถึง ต่างมาจากส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณ เป็นขุมอำนาจชนเผ่าพื้นเมืองของน่านน้ำผืนนี้

เช่นเผ่าเต่าทมิฬ เผ่าม้านิลเมฆา เผ่าวิญญาณอมตะเป็นต้น ล้วนเป็นเชื้อสายหมื่นเผ่าบรรพกาล ต่างเผ่าต่างกลายเป็นขุมอำนาจฝ่ายหนึ่ง อาณาเขตตั้งอยู่ในแต่ละพื้นที่บนทะเลกลืนวิญญาณ

ขุมอำนาจมากขนาดนี้ทยอยกันมา ทำให้บริเวณใกล้เคียง ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ ครึกครื้นและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์

การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ผู้เฒ่าเกาหยางก็คาดไม่ถึง ขุมอำนาจเหล่านี้ราวกับนัดแนะกันมา ทยอยมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เขารับมือไม่ทัน

แต่สถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าวาสนาระดับ ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ พวกเขาแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณย่อมไม่ยอมพลาดโอกาสแน่!

อีกทั้งผู้เฒ่าเกาหยางยังมีความมั่นใจ แค่อาศัยชื่อของสำนักพวกเขา ก็เพียงพอให้เกิดผลลัพธ์อันน่าหวาดหวั่น ทำให้ขุมอำนาจอื่นไม่กล้าเข้ามายุ่ง

“หากไม่เห็นด้วยตาตนเอง ข้าคงคิดว่านี่เป็นการชุมนุมหมื่นเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่…”

เซียวหรันพึมพำ ผู้โดดเด่นเช่นเขาเวลานี้ก็ยากจะนิ่งสงบ

หลินสวินเองก็ตกอยู่ในความตื่นตะลึง เขาเพิ่งเคยประสบพบเจอสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดพิสดารมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกนั่นราวย้อนกลับไปยังกาลเวลาแห่งบรรพกาลก็มิปาน หมื่นเผ่าพันธุ์แออัดเรียงราย เผ่ามนุษย์เป็นเพียงหนึ่งในนั้น

ปรากฏการณ์เช่นนี้ ที่นครต้องห้ามไม่อาจพบเห็นได้อย่างสิ้นเชิง!

และนี่ยังทำให้หลินสวินตระหนักถึงความเร้นลับของทะเลกลืนวิญญาณยิ่งกว่าเดิม ที่นี่ไม่เพียงแต่มี ‘สุสานสมุทรฝังมรรค’ มี ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ หนึ่งในจตุโบราณสถานแห่งบรรพกาล

ทั้งยังมีทายาทหมื่นเผ่าบรรพกาล ต่างกลายเป็นขุมอำนาจ ครองอาณาเขตในส่วนลึกแห่งน่านน้ำ!

ประหลาดมหัศจรรย์ยากหยั่งถึง จู่ๆ หลินสวินก็นึกถึงตะพาบเขียวขึ้นมา ตอนแรกตะพาบเขียวติดอยู่ในชั้นแรกของโบราณสถานบรรพกาลนั่นกว่าหลายพันปี มาวันนี้กลับหลุดรอดออกมาได้

บุคคลเฉกเช่นตะพาบเขียว ครั้งนี้ก็จะนำผู้คนในเผ่าใต้อิทธิพลตนมาด้วยหรือไม่

ครืน!

ขณะที่หลินสวินคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น บนท้องฟ้าเหนือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์พลันเกิดการเปลี่ยนแปลง รุ้งศักดิ์สิทธิ์ที่ราวกับร่างมังกรนั่นกลับพังทลายลงอย่างไม่คาดคิด กลายเป็นฝนแสงโปรยซัดสาด ลำแสงสาดส่องพรั่งพราวเพริศพริ้ง

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าฝนแสงเหล่านั้นรวมตัวอยู่เหนือน่านฟ้าหุบเหวสมุทร สาดแสงสว่างไสว ร่างเค้าโครงบานประตูที่ว่างเปล่าบานหนึ่งทีละน้อย

ทันใดนั้นเองทุกคน ณ ที่นั้นต่างพลุ่งพล่าน

ขุมอำนาจแต่ละเผ่าล้วนถูกดึงดูด แววตาเปล่งประกาย พวกเขาต่างรู้ดีว่าทางเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะใกล้จะเปิดออกแล้ว!

ฝนแสงราวลอยล่อง ร้อยถักเข้าด้วยกันเสมือนภาพมายาศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือหุบเหวสมุทร ก่อสร้างบานประตู จับรวมกันเป็นทางเดินลึกลับเส้นหนึ่ง

ประหนึ่งว่านั่นคือเส้นทางสู่โลกลี้ลับ ทำให้ผู้คนในที่นั้นสั่นสะท้านอย่างสุดซึ้ง

ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าทยอยออกมาเบื้องหน้า ครอบครองตำแหน่งที่เอื้อประโยชน์ เกือบทั้งหมดมีปราณระดับหยั่งสัจจะ แต่ละคนท่าทางไม่ธรรมดา พลังตลบอบอวลไปทั่วร่างประหนึ่งหมู่ดาราระยิบระยับ

นี่คือผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์แต่ละเผ่าที่จะเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะเพื่อช่วงชิงวาสนา ล้วนเป็นผู้กล้าของแต่ละขุมอำนาจ ไม่ว่าคนใดต่างเรียกได้ว่าน่าตกตะลึงหาใดเปรียบ มาวันนี้มาอยู่รวมกัน ถือเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งอย่างแท้จริง

ทางด้านแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ หลินสวินก็ร่วมกับพวกจ้าวจิ่งเซวียน เคลื่อนใกล้ไปเบื้องหน้า พวกเขาเองก็แผ่พลังอานุภาพไม่ด้อยกว่าคนอื่น พลันดึงดูดสายตาให้เหลือบมองมาไม่น้อยทันที

ภายในสายตานั้นมีทั้งประหลาดใจ หยอกล้อ รังเกียจ กระหายสังหาร

ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ผู้ที่จะก้าวเข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะครานี้ล้วนแต่เป็นเหล่าผู้คนที่ยอดเยี่ยมเจิดจรัสทั้งสิ้น เหล่าอัจฉริยะในยุคปัจจุบันต่างคนต่างมีพลังและความทะนงเป็นของตนเอง

ตอนนี้มารวมตัวกันเพื่อแข่งขันแย่งชิงวาสนาครั้งใหญ่ ใครกันแน่ที่จะเป็นอันดับหนึ่ง ใครที่ไร้ผู้ต่อกร และใครจะสามารถไขว่คว้าโชควาสนาอันยิ่งใหญ่ที่สุดไป

ทั้งหมดนี้ถูกลิขิตให้เผยคำตอบในแดนลับอสูรมารอริยะ!

ไม่นานนักบนท้องฟ้าเหนือแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ประตูบานนั้นในที่สุดก็ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นมา ภายในประตูเปล่งประกายล้ำลึก ลำแสงลึกลับไหลบ่าเอ่อล้น

เพียงแค่เข้าไปในนั้นก็สามารถไปถึงแดนลับอสูรมารอริยะได้!

เวลานี้คนใหญ่คนโตส่วนหนึ่งของแต่ละเผ่าเริ่มทยอยลงมือวางแผนการ แม้แดนลับอสูรมารอริยะจะมีโชควาสนาเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ก็ล่อแหลมอันตรายหาใดเปรียบเช่นเดียวกัน

เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายมากเกินไป คนใหญ่คนโตแต่ละเผ่าต่างเตรียมแผนการเอาตัวรอดส่วนหนึ่งให้แก่คนในเผ่าของตน

ถึงอย่างไรคนที่จะเข้าไปช่วงชิงวาสนาในดินแดนลี้ลับครั้งนี้ ต่างเป็นผู้กล้าฝีมือล้ำเลิศของแต่ละเผ่า ทุกความสูญเสีย สำหรับแต่ละเผ่าแล้วเรียกได้ว่าไม่น้อยไปกว่าการถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วง

“จำใส่ใจเอาไว้ ต้องพกยันต์จักจั่นทองติดตัวให้ดี หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะสามารถช่วยพวกเจ้าช่วงชิงโอกาสในการมีชีวิตรอดครั้งหนึ่ง”

ผู้เฒ่าเกาหยางกำชับพวกเซียวหรัน

ขณะเดียวกันเขาก็นำแผนภาพสลักลึกลับชุดหนึ่งแจกจ่ายให้เหล่าผู้สืบทอดแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ

ภายในแผนภาพสลักลึกลับบันทึกวาสนาที่ควรค่าแก่การใส่ใจและช่วงชิงในแดนลับอสูรมารอริยะไว้ หากแต่ไม่สมบูรณ์ เป็นเพียงเศษชิ้นส่วนหนึ่งเท่านั้น

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น มูลค่าของมันก็น่าตกใจอย่างยิ่ง!

ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ได้วางแผนมาก่อนอย่างมั่นเหมาะ เตรียมตัวมาพร้อมสรรพ

เห็นจะมีเพียงหลินสวินที่หมดคำจะพูดอยู่บ้าง เขาไม่ได้รับทั้งยันต์จักจั่นทอง และไม่ได้รับแผนภาพสลักลึกลับนั่นด้วย ช่วยไม่ได้ ใครให้เขาเป็นเพียงแค่ ‘ผู้ติดตาม’ คนหนึ่ง…

‘รอหลังจากเข้าไปแล้ว เจ้าต้องติดตามข้าให้ดี อย่าได้วิ่งไปทั่วเด็ดขาด คู่แข่งครานี้นอกจากพวกเราตรงนี้แล้วยังมีผู้แข็งแกร่งของเผ่าอื่น จะต้องอันตรายถึงที่สุดเป็นแน่’

จ้าวจิ่งเซวียนเรียกหลินสวินมาอยู่ข้างกาย ก่อนสื่อจิตกำชับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใย

‘นั่นแน่นอนอยู่แล้ว’

หลินสวินรับคำอย่างยินดี ในบรรดาคนกลุ่มนี้ บางทีอาจมีเพียงจ้าวจิ่งเซวียนที่มองเขาเป็นเพื่อนจริงๆ

‘จำไว้ ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าลงมือกับพวกเรา ให้ฆ่าทิ้งซะ ผลที่ตามมาทั้งหมดข้ารับผิดชอบเอง’

จ้าวจิ่งเซวียนพลันเสริมอีกประโยค สายตากวาดมองไปยังซูซิงเฟิงที่อยู่ไม่ไกลอย่างคล้ายตั้งใจและไม่ตั้งใจ

หลินสวินพยักหน้า

ขณะเดียวกันซูซิงเฟิงเองก็สื่อจิตเช่นกัน ‘ศิษย์น้องเหวินเสียง หลังจากเข้าไปแล้วจะต้องจับตาดูเจ้าเด็กนั่นอย่าให้คลาดสายตา อย่าให้สมบัติชิ้นนั้นในมือเขาถูกคนอื่นตัดหน้าชิงไปก่อนอย่างเด็ดขาด หากสามารถชิงเอาเจดีย์ที่สร้างจากเหล็กเทพศุภโชคมาได้ ก็เหมือนกับได้รับวาสนาครั้งใหญ่!’

‘ศิษย์พี่ซูวางใจได้เลย’

เหวินเสียงหัวเราะคิกคักตกปากรับคำ

วู้ม!

เวลานี้ ห่วงสำริดที่พลังไหลบ่าเอ่อล้นพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะของผู้แข็งแกร่งเผ่าวัวมารทรงพลังแห่งเกาะหมอกตะวันรอน

“เริ่มลงมือเถอะ” ณ สถานที่ไกลออกไป ราชันวัวมารหนิวเซี่ยวรื่อออกปาก น้ำเสียงลุ่มลึกเคร่งขรึมราววายุอสนีบาต ปั่นป่วนไปทั่วจตุทิศ

พลันเห็นห่วงสำริดนั่นส่องประกาย สาดส่องลำแสงนับหมื่น โอบล้อมผู้แข็งแกร่งเกาะหมอกตะวันรอนเหล่านั้นพุ่งเข้าสู่บานประตูนั่น

ตึง!

เสียงปะทะอันน่าพรั่นพรึงดังก้องขึ้น ก็เห็นว่าภายในบานประตูพรั่งพราวด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ถึงกับกระแทกห่วงสำริดนั่นปลิวกลับออกมา!

นี่คือสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง มาจากมือราชันวัวมาร อานุภาพอัศจรรย์ไร้ขีดจำกัด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังภายในประตูบานนั้นกลับเหมือนไม่อาจทานทน

แต่ว่าอาศัยโอกาสนี้ ผู้แข็งแกร่งแห่งเกาะหมอกตะวันรอนเหล่านั้นต่างสามารถเข้าไปในประตูได้อย่างราบรื่น หายลับจากไป ทั้งไม่ประสบสิ่งที่ไม่คาดคิด

เห็นดังนั้นคนใหญ่คนโตเผ่าอื่นๆ ก็ทยอยลงมือ คุ้มกันผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์เผ่าตนเข้าสู่บานประตู

ซ่า!

ท่านย่าเทพสังหารใช้ไม้เท้าไม้ไผ่ม่วงอันหนึ่ง สรรสร้างแสงมงคลให้โน้มลงมาปกคลุมผู้แข็งแกร่งแห่งเกาะท่องมรกต พาพวกเขาเข้าสู่บานประตูอย่างราบรื่น

ตึง!

ราชันหมื่นสังหารเผ่าหงส์หิรัณย์ตวาดออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนนำค้อนอสนีออกมา…

ชั่วขณะนั้นฟ้าดินแถบนี้ปั่นป่วนโกลาหล แสงสมบัติหลากสีสันสลับซ้อนงามแปลกตา คุ้มกันเปิดทางให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าแย่งกันเข้าสู่บานประตูนั้น

และยังมีผู้ฝึกปราณที่มาตัวคนเดียวหมายฉวยโอกาสเข้าไปข้างใน แต่เพราะไม่มีผู้แข็งแกร่งคอยหนุนส่ง พวกเขายังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ในบานประตูทำลายล้าง ไม่เหลือแม้แต่ซากกระดูก!

นั่นทำให้ผู้คนมากมายต่างสิ้นหวัง ตระหนักรู้ว่าบานประตูนั้นไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้าไปได้

“ไปเถอะ!”

เวลานี้ผู้เฒ่าเกาหยางก็นำเตาเทพหมื่นปักษาออกมา จำแลงเป็นเงาเทพนกปีศาจมากมาย พลานุภาพล้นฟ้า โอบล้อมพวกหลินสวินพุ่งเข้าไปในบานประตู

“เตาเทพหมื่นปักษา?”

ณ ที่ห่างไกล ราชันวัวมารเปิดปากพูด น้ำเสียงแฝงความประหลาดใจ “คิดไม่ถึงว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณก็มาด้วย”

ผู้เฒ่าเกาหยางสงบปากสงบคำ นัยน์ตากลับฉายแววหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่ง ยังดีที่ราชันวัวมารไม่ได้พูดอะไรอีก

“ผู้อาวุโส เจดีย์สมบัติลึกลับที่ท่านพ่อข้าได้มาหลังนั้นก็ลอยออกมาจากส่วนลึกของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นั่น ถูกเขารับมาได้โดยไม่ตั้งใจ”

บนผืนน้ำที่ไกลห่างออกไปยังมีเงาร่างกลุ่มหนึ่ง เด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างชายชราชุดดำอีกคน เอ่ยพูดเสียงเบา

“ผู้อาวุโส ควรลงมือได้แล้วหรือไม่ ข้ารับรองว่าแผนภาพลึกลับนั่นไม่ผิดแน่ มันลอยออกมาพร้อมกับเจดีย์สมบัติ จะต้องเกี่ยวข้องกับแดนลับอสูรมารอริยะนี่อย่างแน่นอน!”

อีกฟากหนึ่ง เด็กหนุ่มอีกคนร้อนใจจนไม่อาจรอคอยอยู่บ้าง

หากหลินสวินอยู่ตรงนี้จะต้องจำได้อย่างแน่นอน เด็กสาวและเด็กหนุ่มคนนี้ ก็คือเหยาซู่ซู่และเหลียนเฟย!

ชายชราชุดดำพิจารณาใคร่ครวญครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ราวกับตัดสินใจ กล่าวว่า “ก็ดี!”

เขาพลันเงยหน้าขึ้น นำกระดูกสัตว์ขาวกระจ่างท่อนหนึ่งออกมา แปลงเป็นหมอกแสงศักดิ์สิทธิ์ลึกลับผืนหนึ่ง ปกคลุมเหยาซู่ซู่ เหลียนเฟย และผู้ฝึกปราณบริเวณใกล้เคียงเหล่านั้น มุ่งไปยังบานประตูที่อยู่ห่างไกลพร้อมกัน

“‘กระดูกอริยะ’ ของคนเถื่อนวารี?” ณ ที่ไกลออกไป คนใหญ่คนโตมากมายถูกทำให้ตื่นตระหนก สายตาทยอยมองมาทางนี้

ชายชราชุดดำยืนอยู่ตรงนั้น เงียบสงบดุจภูเขาสูงตระหง่าน ราวกับไม่รับรู้อะไร

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด