Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 557 ลิงเฒ่าผู้เฝ้าสวนโอสถ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 557 ลิงเฒ่าผู้เฝ้าสวนโอสถ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 557 ลิงเฒ่าผู้เฝ้าสวนโอสถ
โดย

“หลินหลางล่ะ?”

ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตถามอย่างไม่จำยอม

“ธิดาเทพหลินหลางขึ้นภูเขาเทพม่วงอำพัน ไปช่วงชิงมหาศุภโชคในตำหนักหลังนั้นก่อนเกิดการต่อสู้ขอรับ”

เป้าหยาตอบ ก่อนจะพูดอย่างลังเลว่า “แต่สถานการณ์ก็แย่มาก ทางออกของเกาะอริยะปัญจธาตุถูกกำลังคนของเผ่าวาฬมังกรปิดล้อมไว้หมดแล้ว…”

แย่แล้ว!

ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตเหม่อลอยไปชั่วขณะ นั่นล้วนเป็นคนรุ่นหลังที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าของพวกเขา จู่ๆ ก็ล้มไปมากขนาดนั้น แม้แต่หลินหลางยังถูกล้อมเอาไว้!

ผลกระทบนี้รุนแรงมากเกินไปแล้ว ครั้งนี้เกรงว่าไม่เพียงไม่ได้รับศุภโชค แต่ยังจะเสียอัจฉริยะไปกลุ่มหนึ่ง!

ผู้ยิ่งใหญ่แต่ละเผ่าที่อยู่บริเวณนั้นในใจต่างตื่นตระหนก สายตาจำนวนไม่น้อยหันมองผู้เฒ่าเกาหยาง

เพราะบรรดากำลังคนของแต่ละฝ่ายที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะในครั้งนี้ มีเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณเท่านั้นที่เป็นตัวแทนของเผ่ามนุษย์

เด็กหนุ่มที่ฆ่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตจนเลือดกลายเป็นสายน้ำ เกรงว่าจะมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ!

แต่ผู้เฒ่าเกาหยางเองก็อึ้งงันอยู่บ้าง เขาคิดให้หัวแตกก็คิดไม่ออกว่าใครเป็นคนทำ ต้องรู้ว่าในบรรดาศิษย์ที่เข้าสู่แดนลับอสูรมารอริยะครั้งนี้ มีเพียงอวิ๋นเช่อเท่านั้นที่มีพลังปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณ คนอื่นๆ ล้วนบรรลุสู่ระดับหยั่งสัจจะนานแล้ว

แต่เท่าที่ผู้เฒ่าเกาหยางรู้ มหามรรคปลิดชีพที่อวิ๋นเช่อครอบครอง แม้จะเผด็จการและน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่ถ้าอยากฆ่าผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะขั้นสูงอย่างเป้าหยานั้น ไม่มีทางทำได้เด็ดขาด!

นอกเสียจากว่าพวกเซียวหรันมาช่วย

แต่ข่าวที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ นั่นเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มเพียงคนเดียว!

เรื่องนี้ทำให้ผู้เฒ่าเกาหยางคิดไม่ตกว่าเป็นใครกันแน่

“สหายยุทธ์ แดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเจ้าฝีมือดีมาก!”

ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตพูดอย่างอึมครึมน่ากลัว สายตามีแววเคียดแค้น มองไปทางผู้เฒ่าเกาหยาง

“นี่เป็นเรื่องปกติในการต่อสู้ การช่วงชิงวาสนาจะไม่มีผู้แพ้ได้อย่างไร”

แม้ว่าจะมีข้อสงสัยในใจ แต่ท่าทีของผู้เฒ่าเกาหยางกลับไม่อ่อนแอ เอ่ยปากเสียงเรียบ

“ข้าเพียงอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร”

ผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตพูดเสียงขรึม

ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ก็ฉงนใจ ผลการต่อสู้ของเด็กหนุ่มคนนั้นพลิกฟ้ามาก สามารถกวาดล้างผู้แข็งแกร่งรุ่นเยาว์เผ่าสิงห์โลหิตได้เพียงลำพัง ทำให้พวกเขาไม่อาจมองข้ามได้

“ไม่สามารถบอกอะไรได้”

คำตอบของผู้เฒ่าเกาหยางเรียบง่ายมาก และเผด็จการยิ่ง ไม่กลัวคำข่มขู่เลยสักนิด

แม้ในใจผู้อาวุโสเผ่าสิงห์โลหิตจะไม่จำยอม แต่ก็รู้ว่าจะแตกหักกับแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณตอนนี้ไม่ได้ จึงทำได้เพียงอดทนไปก่อน

เขาเชื่อว่าขอเพียงแค่เด็กหนุ่มคนนั้นยังอยู่ในแดนลับอสูรมารอริยะ ช้าเร็วก็ต้องได้รู้ว่าเขาเป็นใคร!

ผู้ยิ่งใหญ่เผ่าอื่นๆ ก็คิดเช่นนั้น อย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มระดับมหาสมุทรคนหนึ่งกลับพลิกฟ้าได้ขนาดนี้ ราวกับเทพมารก็ไม่ปาน ใครจะกล้าเพิกเฉยเล่า

ข่าวที่เกิดขึ้นทางนี้ไม่นานก็แพร่สะบัดไปทั่วทุกสารทิศ ถูกผู้ยิ่งใหญ่เผ่าอื่นๆ รับรู้ และคำวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ ‘เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์’ คนนี้ก็กลายเป็นประเด็นร้อนไปชั่วขณะ

……

ริมทะเลสาบหินหนืด

“บุตรเทพ สถานการณ์ไม่เข้าทีอยู่บ้าง เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นแข็งแกร่งเพียงนี้ ถ้ารอให้หลินหลางหวนกลับมา เกรงว่าจะถูกเขาช่วงชิงวาสนาที่หลินหลางได้มา”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรคนหนึ่งขมวดคิ้ว ดูกังวลเล็กน้อย

“แย่งไปแล้วอย่างไร ขอเพียงพวกเราคุมทางเข้าออกเกาะอริยะปัญจธาตุเอาไว้ อย่างมากเราก็แค่ฆ่าเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนี้ซะ แล้วชิงวาสนามาอีกครั้ง”

อวี่เซียวเซิงพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย รูปลักษณ์ของเขาดูกล้าหาญ ทรงพลังกดดันผู้คน มีจิตใจห้าวหาญเหยียดหยันเสมือนดั่งเป็นผู้นำแห่งคนรุ่นเยาว์

“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้หญิงอย่างหลินหลางไม่ได้ฆ่าง่ายขนาดนั้น แม้เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นจะแข็งแกร่ง แต่ถ้าเจอหลินหลางก็ไม่ได้มีโอกาสชนะมากเท่าไร”

อวี่เซียวเซิงมีต้นทุนพอจะพูดเช่นนี้ เพราะเขาเคยประมือกับหลินหลางมาแล้ว เข้าใจความแข็งแกร่งของผู้หญิงคนนี้อย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในมือนางยังมีสมบัติลับชิ้นหนึ่ง ยิ่งน่าหวั่นหวาด

ตอนที่ชิงต้นกล้ารุกขทรัพย์วิญญาณทอง แม้แต่อวี่เซียวเซิงเองยังเกือบจะเสียท่าให้สมบัติลับชิ้นนั้นแล้ว!

“รอเถอะ พวกเราเพียงเฝ้ารออยู่ที่นี่ ก็สามารถช่วงชิงวาสนาครั้งใหญ่นี้มาไว้ในมือได้แล้ว”

อวี่เซียวเซิงหัวเราะเบาๆ เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและดูถูก

สถานการณ์ตอนนี้ละเอียดอ่อนนัก กลายเป็นสถานการณ์ที่ ‘ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]’

ธิดาเทพหลินหลางที่ออกไปเสาะหาวาสนาในภูเขาเทพม่วงอำพันก็เหมือน ‘จักจั่น’ ตัวนั้น ในขณะที่หลินสวินที่อยู่ตีนเขาเป็น ‘ตั๊กแตน’

ส่วนอวี่เซียวเซิงมองว่าตนเป็น ‘นกขมิ้น’ ไม่ว่า ‘ตั๊กแตน’ จะได้กิน ‘จักจั่น’ หรือไม่ ‘นกขมิ้น’ อย่างเขาก็จะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว!

……

ท่ามกลางเวลาที่ผ่านเลยไป คิ้วของหลินสวินค่อยๆ ขมวดขึ้น

ผนึกต้องห้ามที่ปกคุลมอยู่บนสวนโอสถ เขาอ่านออกหมดแล้ว แต่กลับไม่สามารถคลี่คลายมันได้

สาเหตุง่ายมาก พลังของผนึกต้องห้ามยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งเกินไป มีพลังมหามรรคอันยากจะคาดเดา ศักดิ์สิทธิ์น่าสะพรึง ผู้ฝึกปราณระดับมหาสมุทรวิญญาณอย่างเขาสลายไม่ได้แน่

แม้อยากตามหาทางรอดสักทางยังไม่มี!

ผนึกต้องห้ามเช่นนี้จะต้องเป็นฝีมือของผู้ยิ่งใหญ่สะเทือนโลกอย่างไม่ต้องสงสัย พลังน่าสะพรึงกลัวมาก

หรือจะยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้?

หลินสวินไม่จำยอมอยู่บ้าง

ไม่ว่าจะเป็นหญ้ากิเลนหรือโสมราชันโคมสมบัติ หรือโอสถวิญญาณอื่นๆ ถอนมาเพียงต้นเดียว ก็ใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว มูลค่ามหาศาล!

จะให้หลินสวินยอมแพ้ได้อย่างไร

เขาเงยหน้าขึ้นมองบนภูเขาเทพม่วงอำพัน เงาร่างของธิดาเทพหลินหลางและกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตหายไปจากตรงนั้นตั้งนานแล้ว ลึกลับเงียบเชียบ ไม่มีเสียงดังแว่วมาเลย

ส่วนบริเวณริมฝั่งทะเลสาบหินหนืด เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรเบิกตาจับจ้อง ทำให้หลินสวินอดรู้สึกระแวงไม่ได้

เมื่อครู่นี้เขาได้ยินแล้วว่ารุกขทรัพย์วิญญาณทองที่พบก่อนหน้านี้ ถูกบุตรเทพอวี่เซียวเซิงแห่งเผ่าวาฬมังกรช่วงชิงไป

ดังนั้นหลินสวินไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรกลุ่มนี้คิดจะรออยู่ที่นี่ เฝ้าทางเข้าออกรอชิงวาสนา

โชคดีที่อย่างน้อยหลบอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบก็ยังถือว่าปลอดภัย

หลินสวินลูบคาง จ้องสวนโอสถพลางครุ่นคิด

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น จู่ๆ เขาพลันงัดเจดีย์สมบัติไร้อักษรออกมา แสงมรรคทองนิลกาฬสาดประกายออกมา ม้วนตัวเข้าหาหาหญ้ากิเลนต้นหนึ่งในสวนโอสถ

ในขณะเดียวกันเขาก็แอบรวบรวมกำลัง เตรียมพร้อมหลบหนี

อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้มีผู้ฝึกปราณคนหนึ่งใช้พลังคว้าโอสถวิญญาณกลางอากาศ สุดท้ายยังไม่ทันได้เข้าใกล้ก็ถูกฝนแสงสังหาร กลายเป็นเลือดกองหนึ่ง

หืม?

สิ่งที่ทำให้หลินสวินดีใจคือ แสงมรรคทองนิลกาฬกวาดออกไป แต่กลับไม่ได้รบกวนพลังผนึกต้องห้ามในสวนโอสถ ม้วนเก็บหญ้ากิเลนต้นนั้นได้อย่างราบรื่น แม้แต่ดินสีเพลิงบริเวณรากก็ถูกขุดออกมาด้วย!

สวบ!

หญ้ากิเลนถูกม้วนออกมา ทันใดนั้นพลันมีฝนแสงสีสันสลับไปมาล่องลอยกลางอากาศ แสงศักดิ์สิทธิ์พลิ้วไหว ราวกับมีภาพมายาของกิเลนตัวหนึ่งปรากฏขึ้น คำรามท่ามกลางลมเมฆ เผยปรากฏการณ์ประหลาดสะเทือนโลกา!

“นั่นมัน…หญ้ากิเลนหรือ?!”

“โอสถสมบัติไร้เทียมทาน!”

ริมฝั่งทะเลสาบหินหนืด เสียงร้องตกใจดังขึ้น จากตรงนี้ถึงเกาะกลางทะเลสาบระยะทางเพียงแค่ร้อยจั้ง ทำให้เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน

พวกเขาตาวาวขึ้นมาทันที ลมหายใจหอบถี่ ละโมบอย่างมาก

แม้แต่บุตรเทพอวี่เซียวเซิงยังหัวใจกระเพื่อมไหวรุนแรง นัยน์ตาเผยความแปลกประหลาด

ทว่าเพียงครู่เดียวเท่านั้นปรากฏการณ์ประหลาดนั่นก็หายไป เพราะหญ้ากิเลนพร้อมทั้งดินนั่นถูกสยบไว้ภายในเจดีย์สมบัติไร้อักษร

ตอนนี้หลินสวินยิ่งตื่นเต้น ไม่คิดเลยว่าแสงมรรคทองนิลกาฬจะมหัศจรรย์เช่นนี้ แม้แต่พลังผนึกต้องห้ามเหล่านั้นยังสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

ซวา!

หลินสวินปล่อยแสงมรรคทองนิลกาฬออกไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเล ยื่นเข้าไปในสวนโอสถราวกับตกปลา ม้วนพันโสมราชันโคมสมบัติต้นนั้นเอาไว้

สวบ~

ตอนที่โสมราชันโคมสมบัติถูกเอาออกมาสำเร็จ กลางอากาศเหมือนดั่งจุดโคมไฟมากมาย ราวกับดวงอาทิตย์เล็กๆ เปล่งแสงเจิดจรัส ฝนแสงแผ่กระจาย ส่งกลิ่นโอสถหอมเย็นที่ชวนให้จิตวิญญาณเคลิ้มตาม!

“โสมราชัน…โสมราชันโคมสมบัติหรือ”

บนฝั่งทะเลสาบมีคนร้องอย่างตะลึง

“สวรรค์! มีผลทั้งหมดสิบแปดผล นั่นก็หมายความว่ามันมีฤทธิ์โอสถถึงหนึ่งหมื่นแปดฟันปีมิใช่หรือ”

และมีคนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าคลั่งไคล้

“นั่นจะต้องเป็นสวนโอสถที่อริยะปลูกไว้อย่างแน่นอน มีโอสถสมบัติโบราณไร้เทียมทานจากบรรพกาล!”

มีคนร้องตะโกน เช็ดหมัดถูมือ อยากจะพุ่งขึ้นไปเสียเดี๋ยวนี้ ตักตวงให้สาสม

ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างไม่คิดว่า สวนโอสถแห่งเดียวจะมีโอสถวิญญาณอะไร จนกระทั่งโอสถวิญญาณสองต้นนั้นปรากฏขึ้น ทำให้พวกเขาตื่นตะลึงทันที ตระหนักได้ว่าสวนโอสถในเกาะกลางทะเลสาบนั่นมีศุภโชคซ่อนอยู่!

พวกเขาหายใจหอบแรง อิจฉาตาร้อนไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ หากไม่ใช่เพราะเกรงกลัวพลังผนึกต้องห้ามบนทางเดิน พวกเขาคงพุ่งไปตั้งนานแล้ว

“รีบอะไร สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องตกอยู่ในมือพวกเราอยู่ดี”

อวี่เซียวเซิงขมวดคิ้วต่อว่า ความจริงในใจเขาก็ตื่นเต้นไม่หยุดเช่นกัน โอสถสมบัติระดับนั้น เพียงต้นเดียวก็เรียกได้ว่ามูลค่ามหาศาล ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ครอบครอง

แต่ตอนนี้โอสถสมบัติระดับนี้กลับปรากฏอยู่ในสวนโอสถผืนเดียว น่าทึ่งเกินไปแล้ว ใครก็ยากจะไม่ถูกดึงดูด

ด้านหลินสวิน ได้โสมราชันโคมสมบัติต้นหนึ่งมาครองก็ยิ่งดีใจ ถลกแขนเสื้อขึ้นเตรียมจะเก็บต่อให้เกลี้ยง ถ้าสามารถขนดินในสวนโอสถนั่นไปด้วยได้จะดีที่สุด

สามารถหล่อเลี้ยงโอสถสมบัติไร้เทียมทานมากมายเพียงนี้ได้ แค่คิดก็รู้ว่าที่มาของดินนี้ไม่ธรรมดา ถ้าเอาไปด้วยได้ ต่อไปก็สามารถทดลองปลูกโอสถวิญญาณบางอย่างเองได้

ทว่าพอหลินสวินจะลงมืออีกครั้ง พลันมีเสียงถอนหายใจดังขึ้น…

“สหายน้อย โปรดหยุดแค่พอควร”

พร้อมกับเสียงนั้น ลิงเฒ่าตัวหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นในสวนโอสถ ขนสีเทาขาว สายตาแฝงประสบการณ์อันโชกโชน ถือไม้เท้าเขียว ดูชราภาพไม่กระฉับกระเฉง

หลินสวินตกใจ แทบไม่กล้าเชื่อ ใครจะคิดว่าภายในสวนโอสถจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่

“ที่นี่เป็นที่ที่เจ้านายของข้าเก็บไว้ให้ลูกหลาน แม้ตอนนี้คุณชายน้อยของข้ายังไม่เคยปรากฏตัว แต่ในอนาคตกลับต้องการโอสถวิญญาณเหล่านี้เพิ่มความมั่นคงให้มรรควิถี” ลิงเฒ่าพูดด้วยเสียงทุ้มลึก

เขาไม่ได้เผยไอสังหาร ลักษณะท่าทางดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน แต่หลินสวินกลับไม่กล้าดูถูก ลิงเฒ่าตัวนี้ดูเหมือนจะธรรมดา แต่กลับให้ความรู้สึกลึกลับเกินคาดเดา

“ไม่ทราบว่าเจ้านายของท่านคือ?” หลินสวินพลันถามขึ้น

ลิงเฒ่าส่ายหน้า “นามเจ้านายเป็นสิ่งต้องห้าม สิ่งที่บอกเจ้าได้คือ พื้นที่แถบนี้เป็นที่ที่เจ้านายสร้างขึ้นเองกับมือ หาใช่สถานที่แห่งวาสนาที่เก็บไว้ให้คนนอก แต่เป็นอาศรมฝึกปราณที่เตรียมเอาไว้ให้ลูกหลานของเจ้านาย”

หลินสวินยิ่งรู้สึกตกใจเข้าไปใหญ่ เกาะอริยะปัญจธาตุเป็นสถานที่ที่เจ้านายของลิงเฒ่าตัวนี้เตรียมไว้ให้ลูกหลานของเขาโดยเฉพาะหรือ?

นี่มันน่าสะเทือนใจเกินไปแล้ว!

“ถ้าอย่างนั้นเจ้านายของผู้อาวุโสคืออสูรมารอริยะในตำนานผู้นั้นงั้นหรือ” หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยถาม

“ไม่ใช่”

คำตอบของลิงเฒ่าทำให้หลินสวินอึ้งค้างอยู่กับที่ทันที ผู้ที่สามารถสร้างสถานที่ต้องห้ามอันมหัศจรรย์ระดับเกาะอริยะปัญจธาตุได้ กลับไม่ใช่อสูรมารอริยะบรรพกาลในตำนานงั้นหรือ

แล้วจะเป็นใคร

ทันใดนั้นหลินสวินพลันสังเกตเห็นว่า พวกเขาทุกคนเหมือนจะเข้าใจผิดแล้ว

ดูเหมือนว่าแดนลับอสูรมารอริยะแห่งนี้ ไม่ได้สร้างขึ้นโดยอสูรมารอริยะบรรพกาลเพียงคนเดียวเท่านั้น!

——

[1] ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นอยู่ข้างหลัง ใช้เปรียบเปรยถึงผู้ที่ไร้วิสัยทัศน์ เล็งผลระยะสั้นโดยไม่ระวังว่าจะมีผลร้ายในระยะยาวรออยู่ นอกจากนี้ยังใช้กระทบกระเทียบผู้ที่เอาแต่จ้องจะคิดบัญชีกับผู้อื่น โดยลืมไปว่าตนเองก็อาจกำลังถูกผู้อื่นจ้องจะคิดบัญชีเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด