Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 558 แท่นมรรคหล่อเลี้ยงหินหยก คัมภีร์โบราณแผ่แสงทองทะยาน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 558 แท่นมรรคหล่อเลี้ยงหินหยก คัมภีร์โบราณแผ่แสงทองทะยาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 558 แท่นมรรคหล่อเลี้ยงหินหยก คัมภีร์โบราณแผ่แสงทองทะยาน
โดย

ในขณะที่หลินสวินกำลังตกใจ ลิงเฒ่าพลันชำเลืองมองเจดีย์สมบัติไร้อักษรในมือเขาปราดหนึ่งแล้วกล่าวว่า “สหายน้อย หากไม่ใช่เพราะเจดีย์นั่น เจ้าคงประสบเคราะห์ไปตั้งนานแล้ว โปรดเคารพตัวเองด้วย”

พูดจบเงาร่างของลิงเฒ่าก็กลายเป็นฝนแสงแถบหนึ่ง ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สิ่งที่หายไปพร้อมกับเขายังมีโอสถสมบัติไร้เทียมทานสิบกว่าต้นในสวนโอสถ มีเพียงผนึกต้องห้ามที่ยังอยู่!

หลินสวินเย็นวาบไปทั้งตัว คำพูดของลิงเฒ่าหมายความว่าอย่างไร

หรือว่าเป็นเพราะเจดีย์สมบัติไร้อักษร ทำให้ลิงเฒ่าไม่ลงมือกับตน?

หลินสวินจมสู่ห้วงความคิด

ความเป็นมาของเกาะอริยะปัญจธาตุลึกลับมาก เป็นอาศรมฝึกปราณที่ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งเก็บไว้ให้ลูกหลานของเขา หาใช่สถานที่แห่งวาสนาในสายตาคนนอกไม่

ส่วนลิงเฒ่านั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นข้ารับใช้ที่เฝ้าที่นี่ ความสามารถลึกลับไม่อาจคาดเดา

เพียงแต่สิ่งที่หลินสวินสงสัยคือ หากลิงเฒ่าตัวนี้เป็นผู้แข็งแกร่งในยุคบรรพกาล เหตุใดจึงยังมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้

แล้ว ‘คุณชายน้อย’ ที่ลิงเฒ่าพูดถึงเป็นใครกัน

สายตาของหลินสวินมองไปบนภูเขาเทพม่วงอำพัน ที่นั่นมีตำหนักเก่าแก่เขียวขจีตั้งตระหง่านอยู่ ภายนอกมีรอยดำจากการถูกฟ้าผ่า

สุดท้ายหลินสวินก้าวเท้าออกไป ตัดสินใจจะไปสำรวจตำหนักบนยอดเขานั่น

บางทีไปที่นั่น อาจจะได้รู้ว่าผู้ยิ่งใหญ่ที่สร้างเกาะอริยะปัญจธาตุแห่งนี้เป็นใคร และจะได้รู้ว่า ที่แห่งนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่!

……

“เอ๊ะ เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นเริ่มขึ้นเขาแล้ว!”

บนฝั่งทะเลสาบหินหนืด พลันมีคนส่งเสียงเพราะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของหลินสวิน

“เขารอจะไปช่วงชิงวาสนากับหลินหลางไม่ไหวแล้วหรือ”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาฬมังกรส่วนใหญ่เดาเช่นนี้

ก่อนหน้านี้พวกเขามองไม่เห็นว่าหลินสวินพบกับลิงเฒ่า จึงไม่รู้จุดประสงค์ที่จู่ๆ หลินสวินก็จะขึ้นเขา

“บุตรเทพ สถานการณ์ดูเหมือนจะผิดปกตินิดหน่อย พวกเราก็เริ่มเคลื่อนไหวดีหรือไม่”

มีคนเสนอ

จิตใจของอวี่เซียวเซิงเริ่มคาดเดาไม่ค่อยออกแล้ว

แต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้าปฏิเสธ “ที่แห่งนี้ผนึกต้องห้ามหนาแน่ เต็มไปด้วยไอสังหาร เข้าไปแล้วจะมีภัยพิบัติที่คิดไม่ถึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เรารออยู่ตรงนี้ก็พอแล้ว”

เขาไม่ได้ขี้ขลาด แต่คอยประเมินมองอยู่ตลอด และมั่นใจในความน่าสะพรึงกลัวของที่แห่งนี้ตั้งนานแล้ว หากไม่มีใครชิงเข้าไปก่อน บางทีเขาก็อาจจะเสี่ยงเข้าไปสำรวจ

แต่ตอนนี้ธิดาเทพหลิงหลานเผ่าสิงห์โลหิตกับเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นต่างชิงลงมือไปก่อนแล้ว เท่ากับว่ายึดโอกาสแรกไป ไปตอนนี้มีผลเสียมากกว่าผลดีอย่างชัดเจน จะเกิดอันตรายขึ้นมากมาย

“ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ปิดล้อมสถานที่แห่งนี้ให้หมด รอพวกเขาออกมาก็จะโจมตีทันที!”

อวี่เซียวเซิงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วออกคำสัง ไอสังหารน่าตกใจ

……

ไอทองม่วงแผ่กระจาย ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์และลึกลับ ภูเขาลูกนั้นตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ พุ่งสูงขึ้นฟ้า ทรงพลังอย่างที่สุด

ระหว่างทางไม่ได้มีคลื่นผนึกต้องห้ามแต่อย่างไร ทำให้ไม่นานหลินสวินก็มาถึงหน้าตำหนักเขียวขจีบนยอดเขา

ตำหนักหลังนั้นเก่าแก่และกว้างใหญ่ สร้างด้วยไม้สีเขียวทั้งหมด แม้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา แต่กลับไม่เคยถูกกัดเซาะ ยังคงแผ่กระจายท่วงทำนองมรรคอันยากจะอธิบายอยู่ทุกแห่งหน

เพียงแต่ตำหนักนี้ไม่ได้สมบูรณ์ มีหลายที่เป็นสีไหม้เกรียมราวกับเคยถูกฟ้าผ่า เต็มไปด้วยกลิ่นอายการทำลายล้างที่ไม่อาจเสื่อมคลายไปตามกาลเวลา

หลินสวินมองอย่างละเอียด บนไม้ที่สร้างตำหนักนี้ เขียวชอุ่มราวกับหยก บนพื้นผิวกลับมีลวดลายตามธรรมชาติ ราวกับเป็นร่องรอยแห่งมหามรรค ถึงได้มีกลิ่นอายของท่วงทำนองมรรคแผ่ออกมา

ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น เพียงแค่ไม้ที่สร้างตำหนักหลังนี้ก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าหายากแล้ว!

ฉึบ!

หลินสวินเอากระบี่วิญญาณเล่มหนึ่งออกมาแล้วโจมตีไปที่เสาต้นหนึ่งข้างตำหนักกลางอากาศ หมายจะตัดไม้มาพินิจสักส่วน

ฟุ่บ!

พลันเห็นว่าบนพื้นผิวของเสานั่นมีสายฟ้าสีเขียวสายหนึ่งยิงออกมา เสียงเปรี๊ยะดังกังวาน ทำลายดาบวิญญาณจนแหลกละเอียดไม่เห็นร่องรอย ไม่เหลือแม้แต่ซาก

หลินสวินสูดหายใจเย็นเยียบ ในใจแอบนึกกลัว เมื่อครู่นี้หากลงมือด้วยตัวเอง จะต้องถูกสายฟ้าสีเขียวนั่นสังหารอย่างไร้ปรานีแน่!

นี่มันไม้อะไรกัน ถึงกับมีพลังสายฟ้าสีเขียวด้วย

หลินสวินยิ่งรับรู้ได้ถึงความไม่ธรรมดาของที่แห่งนี้

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ โคจรพลังปราณแล้วเดินเข้าไปในตำหนักอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย

ภายในตำหนักว่างเปล่า เต็มไปด้วยหมอก ลึกลับและเงียบสงบ

ผนังทั้งสี่ด้านแกะสลักด้วยลวดลายโบราณ น่าเสียดายที่ส่วนใหญ่ไม่สมบูรณ์และเลือนรางไปแล้ว มีรอยด่างและพังทลายอย่างรุนแรง สามารถมองเห็นภาพทิวทัศน์จำพวกตะวันขึ้นจันทราจม ภาพการเซ่นไหว้ของบรรพบุรุษได้รางๆ เท่านั้น

ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ

ไม่นานหลินสวินก็ถูกแท่นบูชาที่อยู่ด้านในสุดตำหนักดึงดูด แท่นบูชาหล่อขึ้นจากเหล็กทองแดงสีม่วง กำจายไอม่วง ศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่

หลินสวินเข้าไปใกล้ พลันเห็นว่าด้านล่างของแท่นบูชาทองแดงม่วงถึงกับมีทางเดินลงไปยังใต้ดิน!

ใต้ดินก็คือยอดเขาที่แผ่ไอทองม่วง ถัดลงไปคือเกาะกลางทะเลสาบ ใต้เกาะกลางทะเลสาบคือทะเลสาบหินหนืด

ตอนนี้หน้าแท่นบูชาโบราณอันลึกลับนี้ กลับมีทางเดินสู่ใต้ดินเปิดออก เช่นนั้นภายในมีอะไรซ่อนอยู่

หลินสวินยิ่งรู้สึกสงสัย การจัดวางของเกาะอริยะปัญจธาตุนี้ไม่ธรรมดาและลึกลับมากเกินไป ลักษณ์ปัญจธาตุ หล่อเลี้ยงสายฟ้า เต็มไปด้วยผนึกต้องห้ามโบราณอันยากจะจินตนาการ

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่การตกแต่งแน่นอน เห็นได้ชัดว่าเหมือนกำลังปกป้องและหล่อเลี้ยงบางอย่างอยู่

และของชิ้นนี้ เกรงว่าจะซ่อนอยู่ภายในภูเขาด้านล่างตำหนักนี้!

สุดท้ายหลินสวินกัดฟัน ตัดสินใจเข้าไปสำรวจภายใน

สวบ!

เพียงแต่หลินสวินเพิ่งเข้าไปใกล้ ตรงปากทางเข้าของทางเดินนั่นพลันมีธนูสีดำยิงออกมากะทันหันดุจสายฟ้า เหี้ยมโหดดุดัน

หลินสวินใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งหนีอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชักดาบหักออกมาโจมตี กวาดล้างไปยังปากทางเข้านั้น

ตูม!

บริเวณนั้นถูกประกายดาบอันเจิดจรัสดั่งดวงดาราโจมตี พลันได้ยินเสียงร้อง “แย่แล้ว เด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์คนนั้นตามาสังหารแล้ว!”

นี่คือเสียงของผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิต!

หลินสวินเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเย็นเยียบ นึกถึงธิดาเทพหลินหลางที่เข้ามาที่นี่ตั้งนานแล้ว และนึกถึงผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่ถูกล่าสังหารจนหนีมาที่นี่

พรึ่บ!

เงาร่างของหลินสวินไหววูบพุ่งเข้าไปในทางเดิน ก็เห็นบันไดหินลาดชันทอดยาวลงไปด้านล่าง ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

เพียงพริบตาเท่านั้น หลินสวินก็มองเห็นเงาร่างของผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตคนหนึ่ง กำลังวิ่งลงด้านล่างอย่างบ้าคลั่ง

เห็นได้ชัดว่าเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวิน ไม่กล้าต่อสู้ จึงลงไปขอความช่วยเหลือ

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ทั่วร่างเปล่งแสง โคจรพลังปราณถึงขีดสุด แล้วใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็งพุ่งลงข้างล่างราวกับภูตผีวิญญาณ

ฉึบ!

กลางทาง กระบองยาวทองอร่ามแท่งหนึ่งปรากฏ พุ่งกระแทกไปที่ศีรษะของหลินสวินด้วยพลังยิ่งใหญ่รุนแรง ห่อหุ้มด้วยแสงเจิดจ้า

หลินสวินราวกับมีญาณทิพย์ ดาบหักหมุนวนฟันกระบองยาวแท่งนั้นจนหัก จากนั้นเสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆ ก็ถูกฟันจนสิ้นชีพ

หลินสวินไม่มองด้วยซ้ำ เดินต่อไปเบื้องล่างด้วยความเร็วที่ไม่ลดลงเลยสักนิด

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ระหว่างทางหลังจากนั้นมีผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตที่ซ่อนตัวอยู่ออกมาโจมตีเป็นระยะ แต่ทั้งหมดก็ถูกหลินสวินสังหารอย่างเด็ดขาด ไม่มีใครสามารถรอดไปได้

ก่อนหน้านี้ไม่นานหลินสวินเคยเห็นกับตาว่าพวกเขาโหดเหี้ยมและเย็นชาเพียงใด บีบให้เหล่าผู้ฝึกปราณที่จับตัวมาไปตาย เป็นตัวเบี้ยใช้แล้วทิ้ง

ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าหลินสวินย่อมไม่ใจอ่อน

ไม่นานบันไดหินที่ทอดตรงลงไปด้านล่างก็หายไป ปรากฏตำหนักที่ตั้งอยู่ในภูเขาหลังหนึ่ง สาดแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า สว่างไสวราวกับกลางวัน

“มาแล้ว เจ้าหมอนั่นมาแล้ว!”

“สารเลว ต้องหยุดเขาไว้!”

เสียงเอะอะดังขึ้นในตำหนัก พลันเห็นว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตกลุ่มหนึ่งถืออาวุธตั้งท่าป้องกันอยู่ตรงนั้น ไม่หลบเลี่ยงและถอยหนีอีกต่อไป

เพียงแต่ตอนที่เห็นหลินสวินปรากฏตัว สีหน้าของพวกเขาต่างขาวซีดขึ้นมาเล็กน้อย สายตาอึมครึมเย็นเยียบ ความชิงชังโหมกระหน่ำ

วันนี้เดิมทีราบรื่นมาก แต่คิดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะถูกเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ทำลาย สังหารพวกเขาจนแทบจะพ่ายแพ้ไม่เป็นท่า เสียหายอย่างหนักหน่วง

ในขณะเดียวกันพวกเขาก็นึกเสียใจ ถ้ารู้แต่แรกพวกเขาจะไม่จับเด็กหนุ่มคนนี้มาเป็นเบี้ยใช้งานอย่างแน่นอน

เสียดายที่มานึกเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว

หลินสวินไม่ได้ลงมือทันทีที่มาถึง แต่พินิจพิเคราะห์ก่อน

ภายในตัวภูเขาถึงกับมีตำหนักหลังหนึ่ง ทั้งยังเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างไสว ดูลึกลับและงดงามมาก

มหาศุภโชคที่ว่าจะต้องซ่อนอยู่ที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย!

จากนั้นก็เห็นว่าในส่วนลึกของตำหนักมีแท่นมรรคเก่าแก่เรียบง่ายแท่นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นที่สำหรับนั่งสมาธิฝึกปราณ แต่ตอนนี้บนแท่นนั้นกลับมีหินหยกยาวสี่ฉื่อชิ้นหนึ่งวางอยู่!

หินหยกเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งปัญจธาตุ งดงามมีสีสัน แปรเป็นฝนแสงล่องลอย สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่าภายในหินหยกราวกับมีสิ่งมีชีวิตหนึ่งหลับใหลอยู่ ดูลึกลับอย่างที่สุด

แต่รอบๆ แท่นมรรคกลับมีโซ่มากมายไขว้กันไปมา รวมทั้งแท่นมรรคและหยกลึกลับนั่นก็ล้วนถูกโซ่นั่นปกคลุมไว้

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือ โซ่เส้นนั้นราวกับหล่อจากเหล็กแท้มหามรรค แผ่คลื่นผนึกต้องห้ามอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

ตอนนี้ตรงหน้าแท่นมรรคมีเงาร่างเพรียวนั่งขัดสมาธิหันหลังให้ทุกคน ผมนุ่มลื่นสีเลือดราวกับน้ำตก

เห็นได้ชัดว่านั่นคือธิดาเทพหลินหลาง!

เพียงแต่นางเหมือนไม่รับรู้เรื่องรอบตัว นั่งขัดสมาธิอยู่อย่างนั้น ระฆังสำริดสีเลือดลอยหยดอยู่เหนือศีรษะ ล้อมรอบด้วยกลิ่นอายอันแปลกประหลาด

ส่วนเบื้องหน้านาง กลับมีคัมภีร์ทองอร่ามราวกับหล่อขึ้นด้วยทองคำเล่มหนึ่ง!

สิ่งที่ทำให้หลินสวินตกใจที่สุดคือ คัมภีร์นั้นราวกับมีจิตวิญญาณ ดิ้นรนไม่หยุด ระเบิดฝนแสงลายมรรคเจิดจ้าแสบตา

แต่ด้วยคลื่นพลังอันคลุมเครือที่กระจายออกจากระฆังสำริดสีเลือด ทำให้การดิ้นรนของคัมภีร์เล่มนั้นถูกกำราบลงชั่วขณะ มันจึงไม่สามารถหลุดออกจากการควบคุมได้

ธิดาเทพหลินหลางกำลังใช้พลังของระฆังสำริดสีเลือด สยบและเก็บคัมภีร์ทองที่ราวกับมีจิตวิญญาณนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย!

นัยน์ตาหลินสวินหดรัดลง คัมภีร์เล่มนี้จะต้องเป็นวาสนาไร้ที่เปรียบอย่างแน่นอน เป็นไปได้สูงมากว่าภายในจะมีความลับแห่งมรดกที่เจ้าของเกาะอริยะปัญจธาตุซ่อนเอาไว้!

ชิ้ง!

ดาบหักคำรามเสียงใส หลินสวินตัดสินใจจะลงมือ

“อย่าเข้ามา!” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตเหล่านั้นตะเบ็งเสียง ภายนอกดูเข้มแข็ง แต่ภายในนั้นขี้ขลาดตาขาว เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังปกป้องธิดาเทพหลินหลาง

“ไสหัวไป!” มีหรือที่หลินสวินจะพูดมากอีก เงาร่างราวกับชือน้ำแข็ง แข็งกร้าวดุดัน พุ่งเข้าไปสังหาร

ตำหนักแห่งนี้เกิดการต่อสู้ขึ้น ดุเดือดอย่างที่สุด หลินสวินใช้พลังทั้งหมด ประดุจดั่งเทพมาร กดดันทำลายอย่างสิ้นเชิง

ชั่วขณะหนึ่งผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตแทบจะถูกสังหารอยู่ฝ่ายเดียว ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวิน

เห็นว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงห์โลหิตกำลังจะถูกหลินสวินสังหารหมดแล้ว จู่ๆ เสียงอันเย็นเยียบไร้ที่เปรียบพลันดังขึ้น “สหายยุทธ์ เจ้าคิดจะฆ่าให้สิ้น ขัดแย้งกับเผ่าสิงห์โลหิตของข้าหรือ”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด