Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 575 กวาดล้างระดับเดียวกัน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 575 กวาดล้างระดับเดียวกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง!

เสียงกระหึ่มดังขึ้น เงาร่างของอวี่เซียวเซิงถูกพลังน่าหวาดหวั่นซัดกระเด็นออกไปพร้อมกับทวนกระดูกมังกรในมือ

เงาร่างของเขาซวนเซ ถอยหลังออกไปสิบกว่าจั้งถึงหยุดนิ่ง แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง แต่สีหน้าของเขาก็ระบายความฉงนใจ

ผู้อื่นก็ล้วนตกใจ ไม่อาจคาดคิดได้ว่า ในช่วงเวลาสำคัญที่สุดหลินสวินเพียงใช้ฝ่ามือซัดสลายการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของอวี่เซียวเซิง!

เดิมทีในใจจ้าวจิ่งเซวียนบีบคั้นเครียดเกร็งถึงขีดสุดแล้ว เมื่อได้เห็นภาพนี้จิตใจที่พะวงอยู่ก็สงบลง ใบหน้างามปรากฏรอยยิ้มราวได้ปลดปล่อยภาระหนักอึ้ง

“เจ้าหนู รีบลุกขึ้นมาฆ่าเจ้าพวกคนเฮงซวยไร้จิตสำนึก เลวทรามหาใดเทียบพวกนี้เร็ว!”

จินตู๋อีเอ็ดตะโรเสียงดัง ลมหายใจของเขาแผ่วเบา เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน แต่เวลานี้กลับมีชีวิตชีวาตื่นเต้น

เพียงแต่หลินสวินยังคงนั่งขัดสมาธิเช่นนั้น รอบกายเปล่งแสงส่องประกาย ไม่มีรอยฉีกแตก ไม่มีรอยแผลแล้ว ไร้ร่องรอยบุบสลายโดยสิ้นเชิง

ส่วนในถ้ำสวรรค์ภายในกาย แสงพลังวิญญาณราวสมุทรนทีไหลบ่า แสงอัศจรรย์แวววาวระเบิดออก แท่นมรรคโบราณแท่นหนึ่งตั้งตระหง่าน บนนั้นมีแสงสมบัติไตรมรรคศักดิ์สิทธิ์แวววับราวหยกขาวทอดลงมา ทุกอย่างดูโอฬารไพศาล เจิดจ้าเป็นอมตะ

เขาฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แล้ว แผลมรรคทั้งหมดสลายไป พลังโซ่เคราะห์สวรรค์นั้นกลับถูกบดขยี้หลอมรวมเข้าไปในแท่นมรรค กลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงที่สร้างความมั่นคงและขัดเกลาแท่นมรรค

ตอนนี้สภาพทั้งกายของเขาเหยียบย่างเข้าสู่สุดยอดสัมบูรณ์ของระดับหยั่งสัจจะขั้นต้นแล้ว แปรเปลี่ยนเป็นทรงพลังกว่าแต่ก่อน ก้าวล้ำไม่มีใครเทียม เรียกได้ว่าอยู่ในระดับยอดมกุฎแล้ว!

เวลานี้ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามพุ่งเข้ามาแล้ว เพราะพลังที่ไหลออกมาจากร่างกายหลินสวินนั้นกล้าแข็งและโอหังนัก กดดันจนสรรพสัตว์ทั่วฟ้าดินล้วนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัว ตัวสั่นเทาคลานอยู่บนพื้นไม่หยุดหย่อน

พรึ่บ!

หลินสวินลืมตา เหมือนยอดเขาสองยอดฉีกทึ้งห้วงอากาศ เจิดจ้าไปทั่ว พาให้สะท้านขวัญ

จนกระทั่งตอนนี้หลินสวินถึงรู้สึกได้ว่าตนต่างจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง สามารถเหยียดหยันรอบทิศ มองเหล่าผู้กล้าอย่างหยิ่งผยองได้อย่างแท้จริง

พลังน่าหวาดหวั่นถูกเก็บงำราวกับกระแสน้ำเชี่ยวเร้นในกายหลินสวิน สรรพสัตว์ทั่วฟ้าดินหยุดสั่นสะท้าน หยัดกายขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหนีไปเหมือนปลดเปลื้อง

หลินสวินท่าทางเกินธรรมดา ดวงตากระจ่างลุ่มลึก ราบเรียบและนิ่งสงบ แสงอัศจรรย์ทั่วร่างเก็บอยู่ภายใน ไม่เห็นร่องรอยใดๆ สายตาของเขากวาดไปรอบที่นั่น มีท่วงทำนองมรรคที่คืนสู่สภาวะดั้งเดิมแบบหนึ่ง

“ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว…”

จ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ไม่ไกลเอ่ยเสียงเบา รอยยิ้มแย้มบานบนในหน้าซีดขาวราวโปร่งแสง ทำให้ในใจหลินสวินพลันสั่นระรัว

เสียงพูดยังไม่ทันเงียบไป จ้าวจิ่งเซวียนก็เหมือนฝืนทนไม่ไหวอีกแล้ว มุมปากมีเลือดไหล ร่างกายร่วงตกลงมาจากห้วงอากาศ

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้นางต้านทานคนระดับบุตรเทพมากมาย สู้หมดหน้าตักราวไม่ต้องการมีชีวิต ยังมีชีวิตรอดได้ก็โชคดีมากแล้ว

แต่ตอนนี้ ในที่สุดเพราะบาดเจ็บสาหัสยิ่งนักจึงทนต่อไปไม่ไหวแล้ว…

เงาร่างหลินสวินหายตัวไปทันใด โอบจ้าวจิ่งเซวียนไว้ในอกอย่างแน่นหนา ราวกับกลัวว่าถ้าผ่อนแรงมือฝ่ายหลังจะหายไป

จ้าวจิ่งเซวียนขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้ารวบตัวข้าจนเจ็บแล้ว”

ใบหน้างามกระจ่างของนางดูสง่างามอรชรมาตลอดตั้งแต่เมื่อก่อน เวลานี้อิงอยู่ในอ้อมแขนของหลินสวินกลับเผยความอ่อนแอที่หาได้ยากยิ่งออกมา

หลินสวินพินิจดวงหน้าซีดขาวนั้นของนาง เดิมในใจมีคำพูดมากมายที่ต้องการเอ่ยออกมา แต่สุดท้ายเขาก็พูดเพียงประโยคเดียวว่า “พักให้สบาย ที่เหลือให้ข้าจัดการเถอะ”

ประโยคเดียวง่ายๆ ที่ราบเรียบจนเหมือนพูดเรื่อยเปื่อยนั้น กลับทำให้จ้าวจิ่งเซวียนตะลึงไป ในดวงตามีความรู้สึกที่พูดไม่ถูกพองฟู ในที่สุดนางก็ทำเพียงร้องอืม

ไกลออกไป จินตู๋อีนอนอยู่ในหนองน้ำ พึมพำด้วยความโมโหกับตัวเอง เจ้าคนที่เห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเพื่อน ไม่เห็นหรือว่าข้าเกือบม้วยแล้ว ทำไมไม่มาช่วยข้าก่อน อาการบาดเจ็บของข้าสาหัสกว่าแม่หนูนั่นมากนะ!

ราวกับได้ยินเสียงในใจของจินตู๋อี หลินสวินหันหน้ามาพูดว่า “เจ้าคางคก ขอบใจมากนะ”

จินตู๋อีตะโกนเสียงดังว่า “ถ้าเจ้ารู้สึกผิดจริงก็ไปฆ่าพวกเศษเดนพวกนั้นให้ข้า!”

“ได้!”

หลินสวินพยักหน้า ตอบรับอย่างเต็มใจยิ่ง

เพียงแต่ก่อนต่อสู้ เขาส่งจ้าวจิ่งเซวียนเข้าไปรักษาบาดแผลในชั้นหนึ่งของเจดีย์สมบัติไร้อักษรก่อน แล้วจึงถามจินตู๋อีว่าต้องการรักษาบาดแผลหรือไม่ ผลปรากฏว่าฝ่ายหลังกลับปฏิเสธทันควัน พูดว่าอยากเห็นกับตาว่าเจ้าพวกนั้นจะตายอย่างไร

ในระหว่างนี้พวกอวี่เซียวเซิงและหลินหลางล้วนสังเกตการณ์ด้วยสายตาเยียบเย็น กำลังสำรวจพลังของหลินสวิน ไม่ลงมืออย่างง่ายๆ อีก

ที่จริงแล้วตั้งแต่ตอนที่อวี่เซียวเซิงถูกซัดกระเด็น พวกเขาก็รับรู้ได้ว่าการคิดจะฆ่าหลินสวินก่อนที่เขาจะฟื้นฟูร่างกายขึ้นมาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว

ส่วนพลังที่หลินสวินปลดปล่อยออกมาจากร่างก็ทำให้พวกเขาสะท้านขวัญและกดดัน ทั้งไม่กล้าลงมือบุ่มบ่ามเกินตัว

เพียงแต่เมื่อได้ยินจินตู๋อีด่าพวกเขาว่าเป็นเศษเดน หมายจะดูหลินสวินฆ่าพวกเขาตาย ก็ทำให้พวกเขาทนไม่ไหวแล้ว

“เหอะ เจ้าคิดว่ามันเป็นผู้กอบกู้จริงๆ หรือ น่าขัน! ฟื้นฟูร่างกายมาได้แล้วอย่างไรเล่า ต่อหน้าพวกเรา สุดท้ายก็ยากรอดพ้นความตาย!”

บุตรเทพเผ่ากวางหยกเอ่ยปาก ดวงตาน่าหวาดหวั่น จิตสังหารพลุ่งพล่าน

“ทุกท่าน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเด็กนี่รับมือยาก ที่สำคัญที่สุดคือ หากคิดจะชิงศุภโชคที่อยู่กับตัวเขา พวกเราต้องรีบฆ่าเขาให้ได้ก่อนที่คนอื่นจะตามมาทัน!”

อวี่เซียวเซิงเอ่ยด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม “ดังนั้นไม่สู้พวกเราร่วมมือกันกำจัดมันอย่างเต็มที่ แล้วค่อยแบ่งของที่อยู่บนตัวมันดีกว่า ว่าอย่างไร”

เมื่อพูดคำนี้ออกมาก็พาให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยเห็นด้วยในทันใด พลังที่หลินสวินแสดงออกมาเมื่อครู่ทรงอำนาจเกินไป ทำให้พวกเขาหวาดหวั่นใจยิ่ง หากร่วมกันลงมือได้ย่อมดียิ่งแล้ว

“แต่ข้าขอเตือนทุกท่านประโยคหนึ่ง ยามต่อกรกับเด็กนี่ ไม่สามารถเก็บพลังที่แท้จริงเหมือนตอนสู้กับผู้หญิงคนนั้นได้อีกแล้ว”

หลินหลางกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

คราต่อกรกับจ้าวจิ่งเซวียน พวกเขาแยกกันสู้ ล้วนคิดจะไปฆ่าหลินสวินก่อนเพื่อช่วงชิงศุภโชค กลับถูกจ้าวจิ่งเซวียนฉวยโอกาสมากมาย จนถึงขั้นเสียโอกาสงามไปไม่น้อย

ครั้งนี้ที่ต้องต่อกรคือหลินสวินที่ฟื้นตัวใหม่ หลินหลางไม่ต้องการให้เกิดเรื่องทำนองนั้นอีก

ผู้แข็งแกร่งระดับบุตรเทพคนอื่นล้วนเงียบงัน ยอมรับข้อเสนอนี้

“พูดจบหรือยัง เช่นนั้นก็จะส่งพวกเจ้าไปตายแล้ว!”

หลินสวินมองดูทุกอย่างนี้อย่างเงียบเชียบ กระทั่งเวลานี้ถึงได้ส่งเสียงในที่สุด

ทั้งร่างของเขาพลันร้องคำราม ท่วงทำนองมรรคไหลบ่า พลังปราณเพิ่มสูงขึ้นถึงสภาพสัมบูรณ์ที่น่ากลัวถึงขีดสุดในชั่วพริบตา ราวกับในกายมีเทพองค์หนึ่งฟื้นคืนชีพ พาให้หวาดหวั่น

ฟ้าดินหวีดร้อง สภาพอากาศแปรปรวน พลังตระหนกกำเริบเสิบสาน ทำให้จิตวิญญาณพวกอวี่เซียวเซิงหวาดผวาไม่หยุดหย่อน

“พลังน่ากลัวนัก!”

บุตรเทพคนหนึ่งสีหน้าหนักอึ้ง

“หากไม่กำจัดเด็กนี่ ภายหลังก็คงไม่มีใครกำราบมันได้ ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นเภทภัยใหญ่หลวงแน่!”

อวี่เซียวเซิงระเบิดจิตสังหาร

“ฆ่า!”

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งออกโจมตีก่อนแล้ว เป็นบุตรเทพเผ่าคชามาร ร่างกายมหึมาราวบรรพต ทั่วร่างพวยพุ่งไปด้วยไอมารลึกล้ำน่าหวาดหวั่น

ในมือเขาถือกระบองยักษ์กระดูกขาวด้ามหนึ่ง กระแทกห้วงอากาศให้แตกออกดังโครม พุ่งอัดหลินสวินที่อยู่ไกลออกไปอย่างจัง

พลังขนาดนั้นสามารถบดขยี้ภูผาธารา ปั่นป่วนฟ้าดิน รุนแรงดุร้ายยิ่งนัก

รอบตัวหลินสวินปรากฏท่วงทำนองมรรคแวววาว แสงประกายไหลหลั่ง ไพศาลศักดิ์สิทธิ์ ราวกับเทวดาจุติลงมายังโลก

เขาปล่อยหมัดเดียวออกไปอย่างเบามือ ประจันหน้ากับอีกฝ่าย

ตึง!

หมัดที่ดูเหมือนธรรมดาหมัดหนึ่งกลับสะเทือนจนกระบองยักษ์กระดูกขาวนั้นสั่นไหวยุ่งเหยิง ส่งเสียงครวญโหยหวน ส่วนร่างของบุตรเทพคนนั้นถูกลมหมัดปกคลุม ซัดกระเด็นอย่างรุนแรงราวกับถูกคีรีเทพบดอัด !

พลานุภาพเช่นนี้สร้างความหวาดหวั่นให้แก่ทุกคนทันที เพียงหมัดเดียวเท่านั้นก็ซัดทำลายบุตรเทพเผ่าคชามาร ไม่อาจสู้กับหลินสวินได้เลย!

“นี่สิโว้ยถึงเย้ยฟ้าจริง…” จินตู๋อีตาเบิกกว้าง พึมพำกับตัวเองด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“ยังนิ่งอยู่ทำไม ลงมือพร้อมกัน!”

อวี่เซียวเซิงคำรามเดือดดาล โบกทวนกระดูกมังกรดังชิ้ง ร้องเสียงยาวแล้วออกโจมตีฟาดฟัน

ผู้แข็งแกร่งคนอื่นไม่กล้าร่ำไร เพียงการโจมตีเดียวก็ทำให้พวกเขารับรู้ได้ถึงความน่ากลัวและวิปริตของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ตรงหน้า

นี่ทำให้พวกเขายิ่งหวาดหวั่น ยิ่งไม่กล้าดูถูก

พวกเขาล้วนลงมือแล้ว!

วิ้ง!

คลื่นเสียงโบราณมโหฬารดังสะท้อนสี่ทิศ ระฆังสำริดสีเลือดหมุนคว้างปรากฏขึ้นพร้อมกับที่ธิดาเทพหลินหลางพุ่งโจมตีสังหารหลินสวิน

“ย๊าก!”

บุตรเทพเผ่ากวางหยกตะคอกลั่น คว้าบรรทัดหยกสีเขียวเจิดจ้าเล่มหนึ่งออกมา ปรากฏลวดลายมรรคลึกลับ มีพลังเกรียงไกรที่สามารถสั่งสอนสรรพสัตว์ได้

บรรทัดหยกเล่มนี้ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สมบัติลับที่เก่าแก่ชิ้นหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

ฮูม!

แสงอัศจรรย์สีเขียวหยกอบอวล แปรสภาพเป็นชุดเกราะที่เก่าแก่ชุดหนึ่ง ปกคลุมร่างกายธิดาเทพเผ่ากาฬพฤกษ์ บนชุดเกราะนั้นประทับรูปสลักลึกลับ มีกลิ่นอายบรรพกาลหนาแน่น

เห็นได้ชัดว่าที่มาของชุดเกราะนี้ไม่อาจดูเบาได้!

ยามนี้บุคคลระดับบุตรเทพจากแต่ละเผ่าล้วนเคลื่อนไหวเต็มกำลัง ชั่วพริบตาฟ้าดินแถบนี้ก็บังเกิดคลื่นใหญ่สะท้านโลกา ราวกับภัยพิบัติวันสิ้นโลกมาเยือน สภาพการณ์น่ากลัวเกินธรรมดา

ในช่วงชุลมุนนี้ ผมดำของหลินสวินปลิวไสว นัยน์ตากระจ่างใส มีท่วงท่าสง่าเกินคนทั่วไปที่ยากบรรยาย เท้าเหยียบย่างก้าวย่างชือน้ำแข็ง ดูลวงตาดุจเทพไท้เดินออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ พลานุภาพเหลือคณา

เขาสำแดงเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ พลังหมัดเรียบง่าย ไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลี แต่กลับมีพลังทำลายล้างเกินจินตนา ทำลายห้วงอากาศ สั่นสะท้านสมบัติลับทุกชิ้น ทลายวิชาทั้งปวง!

ไม่มีทางถูกกำราบได้เลย!

ต่อให้ถูกบุคคลชั้นยอดรุ่นเดียวกันล้อมโจมตี ต่อให้ถูกสมบัติลับไร้เทียมทานมากมายพัวพัน ก็ไม่อาจกำราบท่วงท่าและอานุภาพของเขาได้!

ตูม!

ใต้หล้าครั่นครืนราวกับฟ้าถล่มดินทลาย ต่อให้เป็นโลกภายนอก การต่อสู้ที่ไร้ผู้ใดเทียบเทียมได้ชั้นนี้ก็ยังยากพบเห็น สามารถดึงดูดให้ทั้งโลกจับตา ก่อนให้เกิดคลื่นลมยิ่งใหญ่!

“ตายซะ!”

ระหว่างต่อสู้ บุตรเทพเผ่ากวางหยกคำรามเดือดดาล ชูบรรทัดหยกเขียวเจิดจ้าฉวยโอกาสกระแทกใส่หลังหลินสวินอย่างรุนแรง

ได้ยินเสียงโครมกึกก้อง เงามายาของสัตว์เทพฟู่ซี่ก็ปรากฏขึ้นจากหลังหลินสวิน ชูคอคำราม พุ่งชนบุตรเทพเผ่ากวางหยกจนทั้งร่างสั่นเทา กระอักเลือดออกมา

“ฆ่า!”

อีกด้านหนึ่ง อวี่เซียวเซิงโบกทวนใหญ่กดดันสังหารเข้ามา

หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ปล่อยหมัดออกไป ลมหมัดราวเทพไท้พุ่งซัดอวี่เซียวเซิงจนกระเด็น เงาร่างซวนเซ

ในเวลาเดียวกันเงามายาของชือน้ำแข็งตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่เท้าของหลินสวิน ไกวหางครั้งหนึ่งฟาดไปบนร่างของบุตรเทพเผ่ากวางหยกอย่างรุนแรง ฝ่ายหลังส่งเสียงอู้อี้ กระดูกไหล่ถูกทำลายแหลกละเอียด เลือดสีแดงสดไหลริน

ในชั่วพริบตาบุตรเทพสองคนก็ถูกซัดให้ถอยไป ทั้งยังมีคนหนึ่งถูกโจมตีได้รับบาดเจ็บ!

พลานุภาพไร้เทียมทานชั้นนี้ ช่างเหมือนไม่มีใครประมือได้ ขับเน้นให้หลินสวินยิ่งไม่โดดเด่นธรรมดา ราวราชันผู้หนึ่งกำลังกวาดล้างอริศัตรูทั้งมวลในระดับเดียวกัน

จินตู๋อีที่อยู่ไกลออกไปมองเหม่อ ในใจฮึกเหิมนัก ตื่นตะลึงไม่ว่างเว้น

เขาคาดเดาได้ว่าหลังจากหลินสวินฟื้นตัวแล้วต้องแข็งแกร่งมากแน่ แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด