Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 628 อำนาจอันไร้รูปร่าง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 628 อำนาจอันไร้รูปร่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ตกลง”

หลินสวินตกปากรับคำอย่างยินดี

ชิงอวิ๋นหยางหาได้ลังเลอีก นำทางไปก่อน

ระหว่างทางหลินสวินเองจึงได้เข้าใจ ที่แท้การชุมนุมประมูลสมบัติครานี้ ขณะที่คนใหญ่คนโตของขุมอำนาจเผ่าพันธุ์มากมายกำลังมา ก็มีคนรุ่นเยาว์ผู้เป็นหน้าเป็นตาเฉกเช่นชิงอวิ๋นหยางมากมายติดตามมาด้วย

ในบรรดาคนรุ่นเยาว์เหล่านี้ไม่ขาดแคลนบุคคลชั้นยอดระดับบุตรเทพ แต่ละคนฐานะไม่ธรรมดา

ชิงอวิ๋นหยางก็ได้รับเทียบเชิญฉบับหนึ่ง จึงมาเข้าร่วมงานชุมนุมระหว่างเหล่าชนรุ่นเยาว์แต่ละเผ่าครานี้

หนึ่งเค่อผ่านไป ณ หอวาโยเมามาย

ที่นี่ถูกเหมาไว้หมดแล้ว นอกหอมีผู้แข็งแกร่งอาวุธพร้อมสรรพคอยเฝ้าระวัง หากไร้เทียบเชิญก็ไม่อาจเข้าไปข้างในได้เด็ดขาด

“เจ้าห้ามก่อเรื่องให้ข้าเด็ดขาด”

เมื่อมาถึงที่นี่ ชิงอวิ๋นหยางกำชับอีกครั้ง เหมือนยังคงไม่วางใจหลินสวิน

นี่ก็เป็นปกติ หากหลินสวินคือเด็กหนุ่มเทพมารนั่นจริง ก่อเรื่องเพียงครั้งเดียว ผลที่ตามมาคงรุนแรงหาใดเปรียบเป็นแน่!

นี่คืองานชุมนุมคนรุ่นเยาว์แต่ละเผ่า ถ้าหากว่าเกิดความขัดแย้งอะไรขึ้นใครจะแบกรับไหว

และจากที่ชิงอวิ๋นหยางเห็น หลินสวินคือบุคคลอันตรายและป่าเถื่อน เกรงว่าพอเขาฟังไม่เข้าหูแล้วจะฆ่าสังหารทั่วทิศ ดังนั้นจึงทำการกำชับครั้งแล้วครั้งเล่า

หลินสวินขบขันอยู่บ้าง เขาเป็นคนชอบหาเรื่องเช่นนั้นเสียที่ไหน

กระทั่งเพื่อไม่ให้ดึงดูดสายตาผู้คน ตั้งแต่ก่อนเหยียบเข้าเกาะโจมเมฆา เขาก็แต่งกายปลอมตัวอยู่ครู่หนึ่ง แม้แต่บุคลิกยังเปลี่ยนเป็นราบเรียบและธรรมดายิ่งกว่าเดิม ไม่ให้ดึงดูดสายตาผู้คน

ช่วยไม่ได้ ถ้าหากฐานะของเขาถูกเปิดเผย ผลที่ตามมาคงสาหัสเอาการ

ดังนั้นไม่ต้องให้ชิงอวิ๋นหยางกล่าวเตือน หลินสวินก็ไม่คิดเป็นฝ่ายหาเรื่องเองอยู่แล้ว

ทว่าแม้คิดเช่นนี้ หลินสวินยังคงตกปากรับคำชิงอวิ๋นหยางอย่างจริงจัง

“ที่แท้เป็นบุตรเทพเผ่าตะพาบเขียว เชิญ!”

ผ่านการตรวจสอบของยามอารักษ์ หลินสวินและชิงอวิ๋นหยางเข้าสู่หอวาโยเมามายอย่างราบรื่น

ชั้นสูงสุดหอวาโยเมามายคือโถงกว้างขวางโอ่อ่ายิ่งแห่งหนึ่ง เพียงพอบรรจุคนนับร้อย เรืองรองทองอร่าม

จากที่นี่ถึงขั้นสามารถมองเห็นเกาะโจมเมฆากว่าครึ่งเกาะ

เมื่อพวกหลินสวินมาถึง โถงใหญ่แห่งนี้มีผู้ฝึกปราณนั่งเต็มอยู่ก่อนแล้ว ล้วนแต่เป็นบุคคลผู้ปรีชาสามารถรุ่นเยาว์จากแต่ละเผ่า

บุรุษหล่อเหลาสตรีงดงาม เสื้อผ้าอาภรณ์แม้ต่างกันออกไป แต่กลิ่นอายแต่ละคนล้วนแข็งแกร่งหาใดเปรียบ แทบทั้งหมดต่างเป็นระดับหยั่งสัจจะ!

นี่ทำให้หลินสวินแอบทอดถอนใจอย่างอดไม่อยู่

ในจักรวรรดิจื่อเย่า ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งสัจจะเช่นเหยาทั่วไห่ต่างสามารถครองความเป็นใหญ่เหนือมณฑล ได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน

แต่ในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณนี่ ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะกลับพบเห็นได้โดยทั่วไป ทั้งล้วนเป็นคนรุ่นเยาว์ หารุ่นอาวุโสไม่เจอสักคน

แค่เพียงกระบวนรบและจำนวนเช่นนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่แวดวงผู้ฝึกปราณของจักรวรรดิจื่อเย่าทัดเทียมได้แล้ว!

“คุณชายอวิ๋นหยาง เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้”

ทันทีที่มาถึงทางเข้าโถง ก็มีชายหนุ่มคิ้วขมวดที่ผมม่วงทั้งศีรษะ สีหน้าท่าทางหยิ่งทะนงคนหนึ่ง ดูเหมือนไม่พอใจยิ่งที่ชิงอวิ๋นหยางโอ้เอ้ล่าช้า

ที่เหนือความคาดหมายหลินสวินคือ ชิงอวิ๋นหยางผู้หยิ่งทะนงหาใดเปรียบในอดีตที่ผ่าน เหมือนค่อนข้างหวาดกลัวชายหนุ่มผู้นี้ เผยความอักอ่วนวูบหนึ่ง ก่อนกล่าวอธิบาย “ขออภัย ข้า…”

“อย่าพูดมากไร้สาระ รีบเข้ามานั่งที่!”

ชายหนุ่มผมม่วงตัดบทอย่างหงุดหงิด ไม่มองชิงอวิ๋นหยางอีก ถอนสายตากลับไป

ชิงอวิ๋นหยางสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก คล้ายมีโทสะอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดยังอดกลั้นไว้ พาหลินสวินไปนั่งตรงมุมของโถงใหญ่

เวลานี้เหลือแค่ตำแหน่งตรงมุมที่ว่างอยู่

หลินสวินเห็นทุกอย่างนี้อยู่ในสายตา ใคร่ครวญบางสิ่งอย่างอดไม่อยู่ เขาไม่ได้ถามมากความ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะถามมากมาย

ในโถงใหญ่ครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง ชนรุ่นเยาว์แต่ละเผ่าผู้ปรีชาสามารถรวมตัวอยู่ภายในแน่นขนัด ชายหล่อเหลาหญิงงดงามต่างร่ำสุราเจรจาพาที

“พูดถึงชุมนุมประมูลสมบัติครั้งนี้ ข้อกำหนดแม้เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่และเป็นประวัติการณ์ แต่ที่สามารถเข้าร่วมล้วนเป็นคนใหญ่คนโตรุ่นอาวุโส ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรามากเท่าใดนัก”

ทันใดนั้นบุรุษหนุ่มชุดดำคนหนึ่งซึ่งนั่งตรงที่นั่งหลักเอ่ยพูดเสียงดัง พลันดึงดูดสายตาทั้งหมดในโถงใหญ่

หลินสวินสังเกตเห็นอย่างฉับไว สายตาที่มองไปยังบุรุษหนุ่มชุดดำเหล่านั้น บ้างมากบ้างน้อยล้วนเคลือบความหวาดกลัวเสี้ยวหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นความเคารพนับถือ

เห็นชัดว่าฐานะของบุรุษหนุ่มชุดดำคนนี้พิเศษยิ่งนัก โดดเด่นเหนือกว่าคนรุ่นเยาว์เผ่าอื่นๆ ณ ที่นั้นอยู่บ้าง

‘เขาคือลั่วหยา บุตรเทพเผ่าหงส์ทมิฬ ในหมู่บุคคลระดับบุตรเทพแต่ละเผ่าแห่งน่านสมุทรทะเลใต้ ความแกร่งด้านพลังต่อสู้อยู่ในสามสิบอันดับแรก’

ชิงอวิ๋นหยางสื่อจิต บอกฐานะคนผู้นี้แก่หลินสวิน น้ำเสียงเคลือบความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ เสี้ยวหนึ่ง

‘อ้อ เทียบกับหนิวทุนเทียนเผ่าวัวมารทรงพลังแล้วเป็นอย่างไร’ หลินสวินถาม

ชิงอวิ๋นหยางมุมปากกระตุกรุนแรงวูบหนึ่ง แทบจะกลอกตา เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเจ้าคนข้างกายนี่เป็นพวกดุดันป่าเถื่อนหาใดเปรียบคนหนึ่ง

‘ไม่อาจเทียบ หนิวทุนเทียนจัดเป็นบุตรเทพชั้นยอด ความแกร่งด้านพลังต่อสู้เพียงพอให้อยู่ในสามอันดับแรก’

ชิงอวิ๋นหยางอดทนอธิบายประโยคหนึ่ง ในใจขมขื่นอยู่บ้าง การอธิบายนี้ของตนเกินความจำเป็นโดยสิ้นเชิง ในสายตาเจ้าหมอนี่เกรงว่าคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้แต่แรกกระมัง

‘อย่างนั้นหรือ’ หลินสวินกล่าวมึนงง ‘หากพูดเช่นนี้ล่ะก็ เจ้าหมอนี่น่าจะระดับเดียวกับข่งซิ่วบุตรเทพเผ่าโห่วเมฆาสินะ’

หน้าผากชิงอวิ๋นหยางปรากฏเส้นเลือดดำ หน้าตาหมดคำจะพูด ‘ความแกร่งด้านพลังต่อสู้ของข่งซิ่วจัดอยู่ในสิบอันดับแรก ลั่วหยาไหนเลยจะเทียบข่งซิ่วได้’

‘ไม่หรอกมั้ง งั้นเปรียบกับบุตรเทพเผ่ากวางหยกเป็นอย่างไร’ หลินสวินถาม

ชิงอวิ๋นหยางแทบพังทลาย อยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก บุตรเทพที่เจ้าหมอนี่พูดถึงแต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง จะมาเปรียบเทียบกับลั่วหยาได้อย่างไร

ที่น่าโมโหที่สุดคือพูดเปรียบเทียบกันแล้ว เขาชิงอวิ๋นหยางแม้แต่ลั่วหยายังเทียบไม่ได้ นี่มิใช่แสดงว่าเขาชิงอวิ๋นหยางไม่เอาไหนหรอกรึ

เห็นชิงอวิ๋นหยางไม่พูด หลินสวินยิ่งสงสัยกว่าเดิม ‘หรือว่า… แม้แต่ธิดาเทพหลินหลางเผ่าสิงห์โลหิตก็เทียบไม่ได้?’

ชิงอวิ๋นหยางจะร้องไห้อยู่แล้ว พี่ใหญ่เจ้าน่ะอย่าถามอีกเลย ละเว้นข้าได้หรือไม่

‘ที่แท้ก็ไม่เท่าไร’

หลินสวินสรุปออกมาคร่าวๆ อดไม่ได้ที่จะตลกอยู่บ้าง เดิมทีเขาคิดว่างานชุมนุมครานี้จะมีเอกบุคคลอหังการมาเข้าร่วม

ใครเล่าจะคาดคิด ตนประเมินพวกเขาสูงเกินไปแล้ว

‘ก็ถูก แวดวงที่เจ้าคบค้าย่อมมีศักยภาพไม่ต่างจากเจ้านัก ก่อนหน้านี้เป็นข้าเข้าใจผิดไปเอง’

หลินสวินเหมือนครุ่นคิดอะไรได้ แต่การพูดความจริงประโยคนี้ของเขาราวดาบเล่มหนึ่งก็ไม่ปาน เสียบแทงทะลุหัวใจของชิงอวิ๋นหยาง ทำเอาเขาคับแค้นและอับอายหาใดเปรียบ

เจ้าหมอนี่… ช่างรู้จักทรมานผู้คนเกินไปแล้ว!

“ชุมนุมประมูลสมบัติแม้ไม่เกี่ยวกับพวกเรา แต่งานชุมนุมครั้งนี้ข้ากลับมีเรื่องสำคัญหนึ่งต้องเจรจากับทุกคน”

บนที่นั่งประธาน ลั่วหยาสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง แววตาผงาดผยอง รับการจับตามองจากผู้คน

“ไม่ทราบว่าเรื่องสำคัญระดับใดกัน ถึงทำให้พี่ใหญ่ลั่วตื่นตระหนกได้”

มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเอ่ยถาม

ลั่วหยากล่าวเสียงแข็ง “คิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องของเด็กหนุ่มเทพมารนั่นมาแล้ว ที่ข้าต้องการพูดคุยครั้งนี้เกี่ยวข้องกับบุคคลนี้!”

เด็กหนุ่มเทพมาร!

สมญานามนี้ราวกับเวทมนตร์ก็ไม่ปาน แค่เพียงพริบตา ทำให้ดวงตาของหนุ่มสาวทุกคนหดรัด สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นเงียบงันไปไม่น้อย

เห็นชัดว่าพวกเขาล้วนเคยได้ยินเรื่องราวอันป่าเถื่อนที่ ‘เด็กหนุ่มเทพมาร’ กระทำ ด้วยเหตุนี้จึงตื่นตระหนก

ชิงอวิ๋นหยางยิ่งแข็งทื่อไปทั้งตัว มือพลันสั่นระริก จอกสุราที่เพิ่งยกขึ้นเกือบร่วงหล่นลง

เด็กหนุ่มเทพมาร!

ที่งานชุมนุมครั้งนี้หมายวิพากษ์หารือ เกี่ยวข้องกับเจ้าคนข้างตัวนี่เองรึ

ชั่วขณะเดียวหัวใจชิงอวิ๋นหยางพลันบีบรัดขึ้นมา เขาอดไม่ได้เหลือบมองหลินสวินวูบหนึ่ง กลับเห็นฝ่ายหลังสีหน้าไม่สะทกสะท้าน กำลังกินขนมหนึ่งอย่างออกรสออกชาติ ราวกับไม่มีเรื่องอะไร สบายใจจนทำให้รู้สึกหมั่นไส้

‘เจ้าหมอนี่… ช่างสงบนิ่งซะจริง…’

ชิงอวิ๋นหยางพลันมีแรงกระตุ้นรุนแรง แทบอยากจะเคาะกบาลหลินสวินออกมาดูว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่

ไม่กังวลใจสักนิดเชียวรึ

ไม่ตื่นเต้นหรือ

หากถูกมองฐานะออกจะทำอย่างไร

ชิงอวิ๋นหยางจิตใจสับสนดั่งด้ายพันกัน

‘อย่าคิดฟุ้งซ่าน ยิ่งเจ้าเป็นอย่างนี้ก็เห็นชัดว่ายิ่งผิดปกติ ถูกคนจับพิรุธออกได้โดยง่าย’

หลินสวินเหลือบมองเขาวูบหนึ่งพลางเอ่ยปากสื่อจิต

ชิงอวิ๋นหยางในใจกระตุกวูบอย่างแรง สีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย เขาตระหนักได้ว่าตนเสียอาการอยู่บ้าง

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด