Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 655 เสียใจตอนนี้? สายไปแล้ว!

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 655 เสียใจตอนนี้? สายไปแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดาบคำรามลึกล้ำ ถาโถมดั่งวายุอสนีบาต

ชั่วพริบตาเงาร่างหลินสวินหายไปจากจุดเดิม

ฟุ่บ!

ชายวัยกลางคนดูภูมิฐานผู้หนึ่งกำลังยิ้มเยาะ แต่เพียงพริบตาเขากลับพบว่าช่วงอกพลันเย็นวาบ เมื่อก้มหน้าลงมอง ตรงหน้าอกถูกแทงทะลุเป็นรูโหว่ชุ่มเลือดไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

“เจ้า…” รอยยิ้มเยาะเขาแข็งค้างบนใบหน้า ม่านตาขยายออกหมายจะพูดอะไร แต่กลับไม่มีโอกาสกล่าวออกมาก็สิ้นใจล้มลงกับพื้น

ตูม!

อีกฟากหนึ่ง คนใหญ่คนโตผู้หนึ่งถือจอกสุรากำลังดื่มด่ำ แต่ลูกตาเขาพลันถลน พลันปรากฏเงาร่างชือน้ำแข็งที่ดุจเจียระไนจากหิมะน้ำแข็งตัวหนึ่ง กำลังยึดครองห้วงอากาศ จ้องมองเขาอย่างเฉยชา

“ไม่…!” เขาเพิ่งหมายจะดิ้นรน ร่างกายก็ถูกกรงเล็บชือน้ำแข็งตะครุบแหลกละเอียด เลือดเนื้อกระเซ็นซ่านตายคาที่

“ยังจะชักดาบ หรือเจ้าลูกสุนัขนี่ยังกล้าจะลงมือ…”

ชั่วขณะเดียวกันฮูหยินงามคนหนึ่งเอ่ยพูดเสียงแหลม กำลังจะเย้ยหยันและหยามหน้าหลินสวินยกหนึ่ง แต่กลับรู้สึกราวถูกกระทิงดุตัวหนึ่งพุ่งชนหนักหน่วง กล้ามเนื้อกระดูกระเบิดแตกละเอียด เลือดเนื้อสาดกระจาย ตายอนาถในพริบตา ณ ตรงนั้น

นี่คือ ‘ปะทะฟู่ซี่’! กระแทกเพียงคราสะท้านคีรี!

“มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล…”

ผู้อาวุโสผมขาวแกมเทาคนหนึ่งกำลังขมวดคิ้วครุ่นคิด กลับไม่สังเกตเลยว่ามีเงาร่างปี้อั้นตัวหนึ่งปรากฏ ฆ่าสังหารลงมาเสียงสนั่น กดทับร่างกายเขาจนแหลกละเอียด กลายเป็นแอ่งโคลนเลือดเนื้อแดงย้อมผืนปฐพี

ภาพต่างๆ นี้แทบเกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วมิอาจจินตนาการ ราวกับในเวลาเดียวกันมียอดฝีมือไร้เทียมทานมากมายออกจู่โจมพร้อมกัน

แต่แท้จริงแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากหลินสวินเพียงคนเดียว!

ระดับขั้นและพลังเขาตอนนี้ เรียกได้ว่าเป็นมกุฎราชันระดับหยั่งสัจจะนานแล้ว สามารถเหยียดหยันบุคคลในขอบเขตระดับเดียวกัน จู่โจมสังหารอริศัตรูทั้งมวล

บรรดา ‘คนใหญ่คนโต’ ที่เรียกกันในโถงนี้ บางทีอาจไม่ขาดระดับหยั่งสัจจะ และบางคนอาจมีตำแหน่งและฐานะเป็นคนชั้นแนวหน้าในตระกูลรอง อำนาจล้นฟ้า

แต่หากกล่าวถึงพลังต่อสู้ที่แท้จริง ต่างเทียบไม่ได้แม้แต่บุคคลระดับบุตรเทพธรรมดาในส่วนลึกทะเลกลืนวิญญาณ สำหรับหลินสวินตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกที่มีแต่ชื่อ ย่อมไม่มีความคุกคามข่มขวัญใดแต่แรก!

ในโถงใหญ่เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน เสียงแผดคำรามอย่างตระหนกขุ่นเคือง

ที่แห่งนั้นระเนระนาดถ้วนทั่ว โต๊ะสำรับแหลกละเอียด จอกสุราระเบิดป่นปี้ ผนังกำแพงถล่มพังทลาย พื้นดินย้อมโลหิตแตกระแหง ราวกับถูกพายุฝนรุนแรงทำลายล้างหนักหน่วง

ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา รวดเร็วเกินไปแล้ว เร็วจนกระทั่งตอนนี้ยังมีคนใหญ่คนโตไม่น้อยไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง

อันที่จริงใครเล่าจะคาดคิดว่าหลินสวินจะลงมือตรงๆ เช่นนี้

เรียบง่าย ตรงไปตรงมา ทำตามใจไม่ใส่ใจผู้อื่น!

“เจ้ากล้า…”

หลินเทียนหลงคำราม เรียกกระบี่สำริดเล่มหนึ่งออกมาแล้วพุ่งแหวกสังหาร

หลินสวินกดมือลงตามสะดวก พลังน่าหวาดกลัวไร้รูปสายหนึ่งม้วนแผ่ออก หลินเทียนหลงยังไม่ทันเข้าประชิดก็ถูกกระแทกปลิวออกไปอย่างหนักหน่วง จมูกปากกลบโลหิต

การโจมตีเพียงคราเท่านั้น หลินเทียนหลงหัวหน้าตระกูลหลินแห่งธารประจิมผู้สง่าผ่าเผย ผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะรุ่นอาวุโสคนหนึ่ง กลับประหนึ่งตัวตลกที่ถูกกระแทกปลิวกระเด็น ไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย

หลินเทียนหลงตื่นตระหนก ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ถึงปัญหา เด็กหลินสวินนี่กล้ามาด้วยตัวคนเดียว มีหรือจะมารนหาที่ตาย เห็นชัดแจ้งว่าเข่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด!

เพียงแต่ไม่ได้พบกันแค่ครึ่งปี เจ้าหนุ่มระดับมหาสมุทรวิญญาณเมื่อตอนนั้น มาวันนี้ทำไมถึงเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวเช่นนี้

คนอื่นๆ ส่วนหนึ่งต่างหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ตระหนักถึงปัญหาเดียวกัน นี่ทำให้พวกเขายิ่งตระหนกขุ่นเคือง ในใจสับสนวุ่นวาย

ในโถงแห่งนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโตของสามตระกูลรองมารวมตัวกัน พลังรบแข็งแกร่งระดับใด

แต่ตอนนี้ เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นก็ถูกหลินสวินสังหารไปแล้วหกเจ็ดคน อีกทั้งแม้แต่ยอดฝีมือระดับหลินเทียนหลงยังไม่อาจทานการโจมตี ถูกซัดสะเทือนจนจมูกปากกลบโลหิต น่าอเนจอนาถเต็มกลืน นี่มัน…

น่าตระหนกเกินไป!

ทำไมเขาทรงพลังเช่นนี้?

นี่คือสิ่งที่คนใหญ่คนโตทั้งหมดต่างยากจะรับได้ ครึ่งปีเท่านั้น เด็กนี่เติบใหญ่ถึงขั้นพลิกฟ้าเช่นนี้ หากให้เวลาเขามากอีกหน่อย นครต้องห้ามนี้เกรงว่าคงเอาเขาไม่อยู่แล้ว!

“ลงมือพร้อมกัน สังหารเจ้าเด็กนี่!”

หัวหน้าแห่งคานเมฆาหลินเนี่ยนซานคำราม เขาสังเกตเห็นว่าคนมากมาย ณ ที่นั้นถูกพลานุภาพของหลินสวินทำเอาหวาดหวั่น หากเป็นเช่นนี้ต่อไปผลที่ตามมาคงไม่อาจคาดคิด

มีเพียงรวมพลังสยบมันด้วยกำลังอันฮึกเหิมรุนแรง อาจพอพลิกสถานการณ์กลับมาได้!

ดังคำกล่าวที่ว่า หนึ่งครั้งเรียกพลัง สองครั้งเริ่มเสื่อมทราม สามครั้งพาสิ้นสุด หลินเนี่ยนซานไม่เชื่อหรอกว่า ความแข็งแกร่งของหลินสวินจะสามารถสืบเนื่องต่อไปเช่นนี้โดยตลอด

ตูม!

คนใหญ่คนโตมากมายราวพบเจอแกนนำหลัก มุ่งล้อมสังหารหลินสวินพร้อมหลินเนี่ยนซาน

เพียงชั่วขณะวิชาลับ สมบัติล้ำค่านานัปการลอยล่องทั่ว สาดแสงเจิดจ้าแปลกตา ก่อเกิดคลื่นผันผวนน่าหวาดกลัว ทำเอาทั้งโถงพังทลายโดยสมบูรณ์ กลายเป็นซากปรักหักพัง

นัยน์ตาหลินสวินไม่ตระหนกวิตก เงาร่างเขาดุจภาพฝัน ท่าทางสง่างามไร้มลทิน เผชิญหน้าการล้อมโจมตีเยี่ยงนี้ เขาไม่แม้แต่จะมอง สำแดง ‘ผนึกป้าเซี่ย’ ออกไป

ตูม!

พลานุภาพน่าหวาดกลัวไร้รูปครอบคลุมทั่วบริเวณ และกลายเป็นเขตต้องห้าม ทำคนใหญ่คนโตแต่ละคนซึ่งล้อมโจมตีเข้ามาถูกพันธนาการกลางอากาศ

มองจากที่ห่างไกล พวกเขาเสมือนปลาตัวแล้วตัวเล่าที่ถูกแช่ในชั้นน้ำแข็ง หยุดชะงักอยู่ตรงนั้น ถึงขั้นไม่ขยับเขยื้อนเพียงเสี้ยว!

ภาพเหตุการณ์แปลกประหลาดนี้น่าตระหนกจนคนใหญ่คนโตอีกส่วนซึ่งอยู่ไกลออกไปขนพองสยองเกล้า ในใจหลั่งเหงื่อเย็นยะเยียบ นี่มันวิชาลับน่าสะพรึงอะไรกัน

ฟุ่บๆๆๆ!

ไม่รอให้พวกเขาฟื้นคืนสติ ก็เห็นดาบหักในมือหลินสวินวาดกวาดแผ่วเบา หัวคนเจ็ดแปดหัวเลือดหลั่งรินร่วงหล่นลง

ศพไร้หัวซึ่งถูกพันธนาการของพวกเขาจึงร่วงหล่นตุบๆ ลงพื้นดิน เอนกายในบ่อโลหิต

มีเพียงหลินเนี่ยนซานคนเดียวที่โชคดีรอดพ้นจากหายนะ ใช่ว่าพลังต่อสู้เขาแข็งแกร่งยิ่งยวด แต่ดูเหมือนหลินสวินจงใจละเว้นเขาครั้งหนึ่ง

เมื่อเห็นหัวคนเหล่านั้นหล่นกลิ้งเต็มพื้นกับตาตนเอง ทำเอาหลินเนี่ยนซานตกใจจนดวงตาปูดโปนแทบถลน เส้นเลือดดำตรงหน้าผากปรินูน แทบพังทลายอยู่ตรงนั้น

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ชั่วพริบตาเป็นตายแบ่งแยก เดิมทีพวกเขาหมายสยบหลินสวินด้วยพลังฮึกเหิมหนักหน่วง ไหนเลยจะคาดคิด แม้บุกโจมตีแต่เช่นนี้ยังคงถูกกำลังของอีกฝ่ายทำลายล้างมิอาจต้าน

นึกถึงเมื่อครู่ที่ตนเกือบก้าวสู่ความตาย หลินเนี่ยนซานก็ขวัญหนีดีฝ่อ สีหน้าไม่น่าดูอย่างที่สุด

“คนเดียวเนี่ยนะ ซ้ำยังเป็นแค่เด็กหนุ่มเพียงคนเดียว เขา… ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งเช่นนี้” ทั่วร่างเขาสั่นระริก ยากจะรับทุกอย่างนี้

แต่ขณะที่หลินเนี่ยนซานกำลังมึนงง หลินสวินอาศัยเวลานี้ทยอยสังหารอีกสี่ห้าคนติดต่อกัน เกือบทั้งหมดถูกฆ่าในกระบวนท่าเดียว เรียบง่ายตรงไปตรงมา ผ่อนคลายราวเกี่ยวเก็บข้าว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยถูกสกัดกั้น

อานุภาพทรงพลังไร้เทียมทานเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มใดๆ ก็สั่นสะเทือนทุกคนที่อยู่ตรงนั้น!

ที่น่ากลัวที่สุดคือจวบจนเวลานี้ ทั้งตัวหลินสวินยังคงมีท่าทีนิ่งสงบไร้อารมณ์ อาภรณ์มิแปดเปื้อน เด่นผงาดไร้มลทิน

แต่ใต้ฝ่าเท้าเขากลับสุมกองไปด้วยร่างไร้วิญญาณและบ่อโลหิตมากมายที่ยังคงอุ่นอยู่!

ราชันอินทรีแดงเฝ้าดูอยู่ด้านข้างโดยตลอด นี่คือเรื่องในตระกูลของหลินสวิน ไม่ให้มันสอดมือเข้ามายุ่ง ด้วยเหตุนี้มันจึงเพียงมองดูสมรภูมิฉากนี้

แม้เคยรู้ซึ้งถึงความน่าหวาดกลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวิน แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยตาตนเอง ยังคงทำให้ใจราชันอินทรีแดงกระเพื่อมไหว ไม่อาจนิ่งสงบ

ในที่สุดมันก็เข้าใจ ว่าเหตุใดสมัยบรรพกาลผู้แข็งแกร่งหมื่นเผ่าพันธุ์จึงยกย่องสรรเสริญและใฝ่ฝันถึง ‘มกุฎมรรคา’ เช่นนี้

ผู้สามารถก้าวสู่ขอบเขตนี้จะต้องเป็นราชันในหมู่ผู้กล้า ประดุจตะวันกลางนภา สามารถส่องประกายชั่วกัปชั่วกัลป์!

นี่คือมรรคาซึ่งแข็งแกร่งที่สุด ถูกขนานนามว่ามกุฎวีรชน สามารถกดกำราบและกวาดล้างผู้คนในระดับเดียวกัน!

และหลินสวิน ได้ยืนอยู่บนยอดมกุฎระดับหยั่งสัจจะอย่างไม่ต้องสงสัยแม้แต่น้อย ดุจดั่งราชัน เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่มีลมหายใจคนหนึ่ง!

‘ใครเล่าจะคาดคิด ราชันระดับหยั่งสัจจะ ผู้กล้าที่อยู่ในมรรคาสูงสุด จะเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีคนหนึ่ง’

ราชันอินทรีแดงไม่อาจนิ่งสงบยิ่งกว่าเดิม ตื่นเต้นและสั่นสะท้าน

ขณะเดียวกันมันยังเวทนาบรรดาคนใหญ่คนโตตระกูลรองพวกนั้น นี่ก็คือกบในกะลาที่น่าสงสารกลุ่มหนึ่ง ไม่รู้ความยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน น่าขันหาใดเปรียบ

บุคคลเฉกเช่นนายท่าน ไม่ช้าก็เร็วต้องสร้างเกียรติและศักดิ์ศรีในการชิงชัยหมื่นมรรคา อนาคตหลังจากนี้มิอาจประมาณได้

แต่พวกเขากลับไม่รู้จักฉวยโอกาสนี้สนับสนุนค้ำชูนายท่าน กลับเห็นนายท่านเป็นศัตรูเพื่อแย่งชิงอำนาจน่าหัวเราะส่วนหนึ่ง ทำไมช่างน่าขันเยี่ยงนี้

‘โอกาสอันประเสริฐอยู่เบื้องหน้า พวกเจ้ากลับมีตาหามีแววไม่ เหอะๆ ช่างไร้สาระจริงๆ…’

ราชันอินทรีแดงยิ้มเยาะอยู่ในใจ

การเข่นฆ่ายังคงดำเนินต่อเนื่อง หลินสวินประหนึ่งกลายเป็นเพชฌฆาตไร้ปรานี เหินทะยานทั่วที่แห่งนั้น

เลือดสดๆ ไหลรินเต็มพื้น ทุกหนแห่งล้วนเป็นสีแดงชวนประหวั่น ดุจนรกสังหารน่าสยดสยอง

หากถูกคนภายนอกรู้เข้าจะต้องหน้าเปลี่ยนสีเป็นแน่ นี่ล้วนเป็นคนตระกูลหลิน ถึงแม้เป็นตระกูลรอง ที่ไหลอยู่ในกายก็ยังเป็นโลหิตตระกูลหลิน

แต่หลินสวินกลับมีท่าทีจะสังหารให้สิ้น หากแพร่งพรายออกไปจะต้องแบกรับชื่อเสียหนักหน่วงว่า ‘สังหารเครือญาติ’!

แต่หลินสวินหาได้สนใจไม่

เพื่ออนาคตของตระกูลหลิน เขาจำต้องสะสางให้สิ้นซาก ไม่อาจทนให้เหตุการณ์นองเลือดเมื่อสิบกว่าปีก่อนเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง!

สำหรับคนทรยศ จำเป็นต้องมอบการโจมตีอันเหี้ยมโหด

และในสายตาหลินสวิน ขุมอำนาจสามตระกูลรองธารประจิม คานเมฆาและยอดวายุ ได้ทำการทรยศอย่างสมบูรณ์แล้ว

สิบกว่าปีก่อน พวกเขาก็สมคบคิดขุมอำนาจภายนอก แบ่งสรรปันส่วนทรัพย์สินตระกูลหลินด้วยกัน หลินสวินอดทนแล้ว ยินยอมให้โอกาสพวกเขาไถ่บาปและกลับเนื้อกลับตัว รับปากว่าจะมอบเวลาให้พวกเขาใคร่ครวญสามปี

แต่ท้ายที่สุดพวกเขากลับไม่รู้จักเห็นคุณค่า กลับหันไปพึ่งพาสองตระกูลจั่วและฉินโดยสมบูรณ์ ยอมเป็นสุนัขรับใช้สองตระกูลนี้ แต่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ต่อภูเขาชำระจิต

นี่ก็คือสิ่งที่หลินสวินไม่อาจอดทนอย่างเด็ดขาด!

“หยุด! พวกเรายอมแพ้แล้ว…”

หลินเทียนหลงร้องตะโกนอย่างโศกา เขาสั่นไปทั้งตัว ไม่อาจควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ในใจหลั่งเลือด

คนใหญ่คนโตที่มารวมตัวกันครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลชั้นนำของสามตระกูลรอง แต่ยามนี้กลับถูกผู้อื่นสังหารราวกับเด็ดผักหั่นแตง นี่เป็นการโจมตีที่ไม่ว่าใครก็ยากจะรับได้

หลินเทียนหลงมิอาจทนมองได้อีกต่อไป ความเสียหายนี้มากเกินไปแล้ว กระทั่งหลังจากนี้แม้แต่จะยืนหยัดในนครต้องห้ามยังยากลำบาก!

ขณะเดียวกันในใจเขาก็เกิดความสิ้นหวัง

ครึ่งปีก่อน หลินสวินที่อยู่ในระดับมหาสมุทรวิญญาณกดข่มพวกเขาสามตระกูลจนหายใจไม่ออก มาวันนี้เขาเปลี่ยนเป็นน่าหวาดกลัวและทรงพลังเช่นนี้ ต่อจากนี้ไปพวกเขาสามตระกูลไหนเลยจะมีโอกาสพะงาบหายใจ

“ข้าให้เวลาพวกเจ้าใคร่ครวญสามปี ตอนนี้เพิ่งมาเสียใจภายหลัง? สายไปแล้ว!”

นัยน์ตาดำขลับของหลินสวินเย็นชา น้ำเสียงนิ่งสงบแฝงความเด็ดเดี่ยว ในใจเขาโกรธแค้นยิ่ง ไฟโทสะที่สุมอกยังไม่ได้ระบายให้หมดไป วันนี้ไม่ว่าผู้ใดจะมา ล้วนมิอาจขัดขวางการสะสางบัญชีให้สิ้นซากครานี้!

………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด