Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 675 ขานชื่อท้าทาย

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 675 ขานชื่อท้าทาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อันที่จริง…”

เสิ่นทั่วลังเลครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ครั้งนี้เชิญเจ้ากลับมาสำนักศึกษาก็เป็นเรื่องช่วยไม่ได้อยู่บ้าง คิดขอให้เจ้าช่วยหน่อย”

หลินสวินเลิกคิ้วขึ้นโดยพลัน “ยังมีเรื่องที่สำนักศึกษามฤคมรกตจัดการไม่ได้อีกหรือ”

เสิ่นทั่วยิ้มขื่น “ครั้งนี้ต่างจากแต่ก่อน สถานการณ์ไม่ธรรมดาอยู่บ้าง”

ถัดจากนั้นเสิ่นทั่วจึงอธิบายเรื่องราวความเป็นมาพักหนึ่ง

ที่แท้เมื่อวานนี้ มีคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ พาบรรดาศิษย์รุ่นเยาว์ส่วนหนึ่งมาเยือนโลกชั้นล่าง และมายังสำนักศึกษามฤคมรกต

จุดประสงค์ของพวกเขาครานี้ คือหมายอาศัยช่วงก่อนที่โลกชั้นล่างจะเกิด ‘พิบัติมหามรรค’ คัดเลือกกล้าพันธุ์ดีที่พลังแฝงเป็นเลิศคนหนึ่งจากสำนักศึกษามฤคมรกต และพาไปฝึกปราณยังแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์

เดิมทีนี่น่าจะเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่ที่น่าอักอ่วนคือ ก่อนหน้านี้ศิษย์ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นส่วนหนึ่งในสำนักศึกษามฤคมรกต ได้รุดหน้าไปยังดินแดนรกร้างโบราณอยู่ก่อนแล้ว

เฉกเช่นกู้อวิ๋นถิงที่เคยประชันกับหลินสวิน หรืออย่างเหล่าผู้มากสามารถรุ่นเยาว์อย่างซ่งอี้ ไป๋หลิงซี จ้าวหยิน บัดนี้ต่างไม่อยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตนานแล้ว

ปัจจุบันศิษย์ที่ยังคงอยู่ในสำนักศึกษามฤคมรกตแม้ไม่ขาดแคลนผู้มีความสามารถและมพรสวรรค์ แต่เปรียบเทียบกันแล้วประสิทธิภาพกลับค่อนข้างด้อยกว่าบ้าง

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ผู้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ต่างผิดหวังพอควร และเกิดการดูถูกเหยียดหยามต่อสำนักศึกษามฤคมรกต

เดิมทีนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แต่ในวันนี้ ศิษย์ส่วนหนึ่งในสำนักศึกษามฤคมรกตกลับเกิดความขัดแย้งกับผู้สืบทอดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์

กล่าวถึงตรงนี้หว่างคิ้วเสิ่นทั่วเจือความอึมครึมวูบหนึ่ง ยิ่งมีความคับแค้นและโทสะเหลือจะเอ่ยประการหนึ่ง “เจ้าพวกนั้นกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว เห็นศิษย์สำนักศึกษาเราเป็นมดปลวก คำพูดเย่อหยิ่งและสบประมาทถึงที่สุด ไม่เกรงใจแม้แต่น้อย”

“หลังจากนั้นศิษย์ในสำนักศึกษาไม่พอใจ ก็เลยเกิดการปะทะกับพวกเขาหรือ” หลินสวินกล่าวถาม

“ไม่ผิด เรื่องเกี่ยวกับเกียรติยศอัปยศ ใครจะสามารถระงับอารมณ์ลงได้เล่า”

เสิ่นทั่วสีหน้าอึมครึม เขาอายุปูนนี้แล้วยังถูกทำให้โกรธจนเป็นอย่างนี้ เห็นได้ว่าความโอหังของพวกผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นั่นกำเริบเสิบสานมากเพียงใด

หลินสวินเข้าใจโดยส่วนใหญ่แล้ว ก่อนกล่าวหยั่งเชิง “ในการปะทะครานี้ บรรดาศิษย์เหล่านั้นของสำนักศึกษาเราคงจะไม่…”

เสิ่นทั่วสีหน้าเปลี่ยนเป็นเก้กังยิ่ง พยักหน้าขมขื่น “ไม่ผิด ล้วนแพ้หมด แพ้จนยับเยินไม่เป็นท่า”

ถูกคนดูแคลนและดูถูกก่อน จากนั้นจึงถูกคนที่ดูถูกตนเองเอาชนะในการปะทะ… ความรู้สึกนี้ช่างทำให้คนอึดอัดและอับอายเกินไปแล้ว

ชั่วขณะเดียวหลินสวินก็เข้าใจอารมณ์ของเสิ่นทั่ว ก่อนตบบ่าเขากล่าวปลอบใจ “ท่านก็อย่าได้คิดมาก อย่างไรเสียนั่นก็เป็นผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ ศักยภาพของพวกเขาก็แข็งแกร่งยิ่งจริงๆ”

เขาเคยประสบพลังที่แท้จริงของพวกเซียวหรัน ซูซิงเฟิง กงหยางอวี่ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ ย่อมรู้ชัดว่าผู้สืบทอดสำนักโบราณเหล่านี้ไม่มีบุคคลธรรมดาสักคน

เทียบกับบรรดาศิษย์สำนักศึกษามฤคมรกตเหล่านั้น ท้ายที่สุดก็ย่อมเห็นถึงความด้อยกว่าบางส่วน

นี่ใช่ว่าหลินสวินหยามน้ำหน้า แต่เป็นตัวเขาเคยรู้ซึ้งด้วยตนเอง เทียบเคียงอยู่ในใจ แล้วตัดสินออกมาเป็นความจริงเช่นนี้

แต่พอได้ยินคำพูดปลอบใจของหลินสวิน สีหน้าเสิ่นทั่วยิ่งงุ่มง่ามและคับแค้นกว่าเดิม ครู่ใหญ่จึงกล่าว “ศิษย์ของสำนักศึกษาเราหากพ่ายในมือผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ นั่นก็ช่างมันเถอะ แต่ครั้งนี้ผู้ลงมือเป็นแค่ผู้ติดตามข้างกายผู้สืบทอดพวกนั้น…”

หลินสวินชะงักงัน อดไม่ได้ที่จะลอบถอนใจ ศิษย์สำนักศึกษามฤคมรกตผู้สง่าผ่าเผย คนไหนบ้างไม่ใช่ผู้พร้อมสรรพซึ่งคัดเลือกจากการทดสอบทรหดหลายชั้น อย่างการทดสอบระดับอำเภอ การทดสอบระดับจังหวัด การทดสอบระดับมณฑล การทดสอบระดับอาณาจักร

กล่าวได้ว่า บรรดาศิษย์เหล่านั้นเป็นตัวแทนกลุ่มคนรุ่นเยาว์แห่งจักรวรรดิซึ่งมีพรสวรรค์และพลังแฝงที่สุด เป็นเสาหลักในอนาคตของจักรวรรดิ

แต่บัดนี้เมื่อบรรดาศิษย์เหล่านี้เผชิญหน้ากับการยั่วยุและดูถูก กลับยังสู้ไม่ได้แม้แต่ข้ารับใช้ข้างกายของอีกฝ่าย ทั้งยังพ่ายแพ้จนยับเยินไม่เป็นท่า นี่…

เห็นได้ว่าน่าอัปยศอดสูและเสียหน้าเกินไปแล้ว!

มิน่าเล่าด้วยฐานะของเสิ่นทั่วในปัจจุบัน เขาถึงได้คับแค้นและโมโหเช่นนี้

“เจ้าก็รู้ หลายเดือนก่อนกลุ่มศิษย์ชั้นยอดที่สุดของสำนักศึกษามฤคมรกตเราต่างถูกส่งไปดินแดนรกร้างโบราณก่อนแล้ว อย่างกู้อวิ๋นถิง จ้าวจิ่งเหวิน จั่วอวี้จิง หวงหลงเซิน…”

เสิ่นทั่วกลัดกลุ้มยิ่ง “หากมีคนในบรรดาพวกเขาอยู่ เชื่อว่าการปะทะนี้คงไม่พัฒนามาถึงขั้นสุดจะทานทนเช่นนี้เป็นแน่”

หลินสวินคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าที่เสิ่นทั่วพูดก็ไม่ผิด

เท่าที่เขารู้ บน ‘กระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ’ อันลึกลับที่สุดแห่งสำนักศึกษามฤคมรกต ได้จัดอันดับบุคคลผู้กล้าซึ่งเรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้าแต่ละคนไว้

ตอนนั้นกู้อวิ๋นถิงเคยก้าวเข้าสู่กระดานนี้

ที่น่าเสียดายคือ โดยทั่วไปศิษย์ที่ก้าวขึ้นไปอยู่ในกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ ต่างถูกส่งไปยังดินแดนรกร้างโบราณเสร็จสรรพ

แน่นอนว่านอกจากกระดานรวมมหาสมุทรวิญญาณ สำนักศึกษามฤคมรกตยังมี ‘สาขายอดยุทธศาสตร์’ อีกหนึ่ง บรรดาศิษย์ในนั้นแต่ละคนต่างมีพลังปราณระดับหยั่งสัจจะ ไม่มีพวกธรรมดาสักคน

แต่เช่นเดียวกัน ศิษย์เหล่านี้ล้วนไม่อยู่ในสำนักศึกษานานแล้ว

เมื่อเผชิญหน้ากับการเหยียดหยันและยั่วยุของผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ในเวลาเช่นนี้ สถานการณ์ของสำนักศึกษามฤคมรกตเห็นชัดว่าน่ากระอักกระอ่วนอยู่บ้างจริงๆ

ก็ไม่แปลกที่เสิ่นทั่วจะวิ่งมาขอความช่วยเหลือจากเขา

“แต่ว่าฐานะของข้าคืออาจารย์ ไปช่วยเหลือเช่นนี้จะเหมาะสมหรือ” หลินสวินถาม เขายินดีช่วยอย่างยิ่ง

ไม่ว่าเสิ่นทั่วหรือเจ้าสำนักสำนักศึกษามฤคมรกตต่างเคยช่วยเหลือเขาไม่น้อย หลินสวินเห็นตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษามฤคมรกตนานแล้ว ในสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงเกียรติยศของสำนักศึกษาเช่นนี้ แน่นอนว่าหลินสวินย่อมไม่อาจนั่งนิ่งดูดาย

“เฮ้อ”

กลับเห็นเสิ่นทั่วถอนหายใจ สีหน้าพิลึกพิลั่นกล่าว “เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องกังวล เพราะว่า…”

เขาพูดต่อไม่ออกอยู่บ้าง

“เพราะว่าอะไร” หลินสวินอยากรู้อยากเห็นยิ่งกว่าเดิม

“เพราะพวกเขาขานชื่อหมายเรียกเจ้าไปสู้โดยตรง” เสิ่นทั่วอึดอัดอยู่นาน กว่าจะบอกความจริงออกมา

หลินสวินขมวดคิ้วมุ่น สังเกตเห็นอย่างฉับไวว่าคำพูดคำจาของอีกฝ่ายต้องไม่เป็นมิตรเช่นนี้แน่ จะต้องพูดอะไรไม่น่าฟังเกี่ยวกับตน เพียงแต่เสิ่นทั่วไม่สะดวกบอกก็แค่นั้น

“หึๆ อาศัยคนอย่างพวกเขา มีคุณสมบัติมาท้าทายข้ารึ” หลินสวินยิ้มแล้ว เผยฟันขาวดุจหิมะ

ใช่ว่าเขาหลงระเริง แต่ก่อนหน้านี้แม้แต่ผู้สืบทอดที่แท้จริงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณ เขาก็เคยสังหารมาแล้ว มีหรือจะหวาดกลัวผู้สืบทอดอีกสำนักหนึ่ง

ได้ยินหลินสวินกล่าวเช่นนี้ เสิ่นทั่วกลับร้อนรนอยู่บ้าง “น้องชาย เจ้าคงไม่ใช่ไม่เต็มใจลงมือกระมัง”

หลินสวินนิ่งเงียบ นัยน์ตาดำเปลี่ยนเป็นล้ำลึก กล่าวราบเรียบ “ธุระนี้แน่นอนว่าต้องช่วยเหลือ เกรงแต่ว่าพวกเขาจะไม่มีความสามารถมาประลองกับข้า ขอบอกไว้ก่อน หากไม่ระวังถึงตายขึ้นมา ก็อย่าได้โยนความรับผิดชอบมาให้ข้า”

เสิ่นทั่วถึงกับอ้าปากค้าง ตะลึงงันไปครู่ใหญ่ ในใจนอกจากฮึกเหิมยินดี ยังอดไม่ได้ที่จะกังวลอยู่บ้าง เพราะเขารู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ ทันทีที่ลงมือขึ้นมาก็โหดเหี้ยมป่าเถื่อนระดับใด!

นี่คือผู้นำที่เมื่อเห็นต่างคนละทาง ก็สังหารมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติหกคนของสองตระกูลทรงอิทธิพลชั้นสูงเชียวนะ!

ความดุดันป่าเถื่อนเช่นนี้แหละคือดาบแท้ทวนจริง ฝ่าฟันสังหารออกมาจากภูเขาศพทะเลเลือด ไม่มีการล้อเล่นไม่เอาจริงแม้แต่น้อย!

ทันใดนั้นเสิ่นทั่วพลันเฝ้าคอยอยู่บ้าง

……………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด