Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 708 การบรรลุโดยบังเอิญ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 708 การบรรลุโดยบังเอิญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในห้องมืดสลัว

หลินสวินนั่งขัดสมาธิ ข้างๆ มีเศษผงผลึกวิญญาณระดับสูงกองใหญ่

เขาทำสมาธิมาเป็นเวลาห้าวันแล้ว บริเวณหน้าอกตรงหัวใจของเขา ชีพจรวิญญาณสีขาวสว่างแผ่แสงศักดิ์สิทธิ์ราวกับภาพในห้วงฝัน

ภายในแสงศักดิ์สิทธิ์นั่นปรากฏหุบเหวขนาดใหญ่ขึ้นอย่างคลุมเครือไม่ชัดเจน

หุบเหวราวกับภาพลวงตา ว่างเปล่าและไม่มีที่สิ้นสุด

ในขณะที่หลินสวินกำลังสงบจิตใจหยั่งรู้และสำรวจ ราวกับได้ยินเสียงธรรมอันเก่าแก่ดังมาจากส่วนลึกของเหวอย่างคลุมเครือ

พลังทั่วร่างของเขาโคจรหมุนเวียนอย่างเงียบๆ สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณอิ่มเอิบเต็มเปี่ยมแต่ไร้ตัวตน จิตใจปลอดโปร่ง ไม่มีความคิดมากวนใจ ลืมเลือนตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง

กระแสความร้อนลึกลับแผ่ออกจากจุดปราณทั้งสี่แห่งเส้นปราณหัวใจ ไหลเข้าสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย หล่อเลี้ยงเลือดเนื้อ กระตุ้นศักยภาพให้ฟื้นคืนมา

ส่วนถ้ำสวรรค์ในร่างกาย แสงศักดิ์สิทธิ์พรั่งพรูไหลหลั่ง บนแท่นมรรคโบราณมีแสงสมบัติที่ขาวดั่งหิมะลอยขึ้นมาสามสาย ลอยอยู่รอบๆ แท่นมรรค ยิ่งดูศักดิ์สิทธิ์และงดงามกว่าเดิม

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ หลินสวินไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด

……

วันที่เจ็ดของการทำสมาธิ

เสียงกรอบแกรบดังขึ้นจากข้างในตัวหลินสวิน ราวกับเสียงของดักแด้ทะลุรังไหม

พลันเห็นเส้นผมยาวของหลินสวินร่วงหลุดลงมา จากนั้นผมยาวดกหนาและดำขลับก็งอกขึ้นมาใหม่ด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ แต่ละเส้นล้วนส่องแสงแวววาว ยาวจรดลงมาถึงเอวราวกับน้ำตกสีดำ

จากนั้นผิวหนังของหลินสวินก็แตกออกทั่วทุกที่ แล้วเกิดผิวชั้นใหม่ที่ใสเหมือนแกะสลักจากหยกซึ่งสมบูรณ์แบบที่สุด ลวดลายกล้ามเนื้อไหลเวียนด้วยท่วงทำนองแห่งมรรค

ดูอ่อนนุ่มและเป็นประกาย เต็มไปด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด

จนกระทั่งตอนหลัง รอบตัวของหลินสวินปรากฏแสงศักดิ์สิทธิ์ขึ้น ละอองแสงโคจรอยู่รอบตัวเป็นประกายระยิบระยับ ขับเน้นให้เขาดูเหมือนวิญญาณเซียนที่กำลังจะลอกคราบ

ทุกอย่างราวกับเกิดใหม่ ประหนึ่งถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก!

……

ปิดด่านวันที่สิบ

รอบข้างหลินสวินเงียบสงบ บรรยากาศยิ่งเปลี่ยนเป็นโดดเด่นและไร้ตัวตน มีท่วงทำนองแห่งมรรคอันยากจะเปรียบเปรยแผ่กระจายออกจากรอบตัว

และภายในร่างกาย ยามนี้มีเสียงคำรามดุจดั่งฟ้าร้อง อวัยวะภายใน ถ้ำสวรรค์ เส้นปราณโลหิต กระดูกต่างสั่นไหวด้วยจังหวะอันเป็นเอกลักษณ์อย่างพร้อมเพรียงกัน สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรอบตัวราวกับภูผาทลายทะเลกระหน่ำ ส่งเสียงคำรามอยู่ภายในร่าง

ตุบ!

ตุบ!

ตุบ!

แม้แต่ทุกการเต้นของหัวใจก็ราวกับสายฟ้าตะลึงสวรรค์ มีพลังชีวิตยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งและทรงพลัง

เหล่าทหารคุ้มกันที่เฝ้าอยู่นอกห้องหลินสวิน ยามนี้สั่นเทิ้มไปทั้งตัว รู้สึกว่าจิตวิญญาณเหมือนถูกเสียงมหามรรคอันยิ่งใหญ่เคาะโจมตีอย่างรุนแรง ทรมานจวนเจียนจะกระอักเลือด

และนี่เป็นเพียงแค่การขับเคลื่อนของพลังเสี้ยวหนึ่งที่แผ่กระจายออกมาตอนที่หลินสวินฝึกปราณเท่านั้น!

……

วันที่สิบสามของการปิดด่าน

การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของหลินสวินก็จบลง ทุกอย่างดูเงียบสงบขึ้น

ฉัวะ!

และในเวลานี้เองหลินสวินลืมตาขึ้น ชั่วขณะนั้นในห้องราวกับมีสายฟ้าแลบเป็นประกายคู่หนึ่งกวาดผ่าน ฉีกสภาพแวดล้อมอันมืดมนนั่น!

เมื่อดูอย่างละเอียด ดวงตาสีดำขลับของหลินสวินราวกับหุบเหวลึก ภายในประกายศักดิ์สิทธิ์พลุ่งพล่าน มีบุคลิกชวนหวาดหวั่น ราวกับสามารถกลืนกินจิตวิญญาณของมนุษย์ได้!

‘คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงเลยจริงๆ… ว่าจะบรรลุขั้นด้วยความบังเอิญ… เรื่องราวบนโลกนี้ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ เต็มไปด้วยเรื่องเหลือเชื่อ…’

มุมปากของหลินสวินเผยรัศมีโค้งแปลกประหลาด ในเวลาเดียวกันประกายศักดิ์สิทธิ์ในดวงตาของเขาถูกเก็บไป เปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง ลุ่มลึกและชัดเจน

บรรลุแล้ว!

แม้แต่หลินสวินยังคิดไม่ถึงว่า ในการปิดด่านครั้งนี้จะทำให้ตนบรรลุขั้นโดยบังเอิญ ก้าวเข้าสู่ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง

ดูเหลือเชื่อมากจริงๆ

ก่อนหน้านี้เขายังเตรียมจะสะสมผลึกวิญญาณระดับสูงให้เพียงพอ แล้วค่อยลองบรรลุขั้น แต่เห็นได้ชัดว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการปิดด่านในครั้งนี้ ทำให้เขาสามารถบรรลุขั้นได้โดยไม่เสียผลึกวิญญาณระดับสูงเพิ่มเลยตั้งแต่ต้นจนจบ!

‘คงจะเกี่ยวกับพลังของชีพจรวิญญาณต้นกำเนิด…’

หลินสวินตกอยู่ในภวังค์ความคิด ก่อนหน้านี้เขาหยั่งรู้และสำรวจชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดมาโดยตลอด เพื่อจะควบคุมความลึกลับที่ซ่อนอยู่

แต่เมื่อหยั่งรู้จริงๆ นอกจากเสียงธรรมอันไม่มีที่สิ้นสุด เก่าแก่และคลุมเครือเข้าใจยาก หลินสวินก็ไม่ได้ค้นพบอะไรมากไปกว่านี้เลย

ทว่าตอนนี้หลินสวินถึงตระหนักได้ว่า การหยั่งรู้ครั้งนี้ไม่ได้สูญเปล่า ในสถานการณ์ที่แม้แต่เขายังไม่สามารถรับรู้ได้ พลังปราณกลับกระโดดขึ้นสู่ระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง!

‘ชีพจรวิญญาณต้นกำเนิด… หุบเหวกลืนกิน…’

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ แอบตัดสินใจว่าต่อไปจะสำรวจความลึกลับทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ พรสวรรค์ที่โดดเด่นเช่นนี้ เป็นขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเลยเชียว หากไม่สามารถขุดความเร้นลับมันออกมาได้ทั้งหมด ก็เป็นการทำลายของมีค่าที่ฟ้าประทานมาให้

จากนั้นหลินสวินเริ่มสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของตนหลังจากการบรรลุขั้น

‘พลังกายยกระดับขึ้นขั้นหนึ่ง เลือดลมเปี่ยมล้น แขนขางอกใหม่ได้ แม้จะบาดเจ็บสาหัส เพียงแค่มีเวลามากพอก็สามารถฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว…’

‘พลังปราณที่ทะลวงขึ้นมา ไม่ผิดจากที่คาด ถ้าต้องไปฆ่าบุคคลระดับเสอเจิ้นอีก แม้ไม่ต้องใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร ก็เพียงพอที่จะจบชีวิตอีกฝ่ายได้…’

‘น่าเสียดายที่พลังจิตวิญญาณยังคงอยู่ในระดับจันทราเคลื่อนคล้อย ไม่รู้เมื่อไหร่จึงจะสามารถเข้าถึงปริศนาแห่งระดับที่สามอย่างตะวันจรัสแสง’

‘ไม่เลวๆ ขอบเขตการหยั่งถึงมรรคก็มีพัฒนาการ ท่วงทำนองแห่งมรรคธาตุน้ำมีแนวโน้มจะสมบูรณ์แบบ ขาดอีกเพียงส่วนเดียว บางทีอาจจะสามารถเข้าถึงขอบเขตเจตจำนงแห่งมรรคได้’

เมื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังในร่างกายอย่างละเอียด หลินสวินก็ดีใจมาก ในสมรภูมิกระหายเลือดอันดุดันและอันตรายนี้ พลังที่มียิ่งแข็งแกร่งเท่าไหร่ โอกาสที่จะอยู่รอดก็ยิ่งมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

……

ไม่นานหลินสวินเปิดประตูออกมา ก็เจอกับสายตาเคารพยำเกรงและหวาดกลัวของทุกคน

กลุ่มทหารคุ้มกันที่เฝ้าอยู่หน้าห้องหลินสวินล้วนเป็นคนเก่าแก่ของสมรภูมิกระหายเลือด แต่ละคนต่างดุดันไร้เทียมทาน แต่ตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินกลับดูยำเกรงอย่างมาก

“คุณชายหลิน ใต้เท้าหลูมีคำสั่งว่า ตอนที่ท่านออกจากการปิดด่าน ให้ไปที่กองพลาธิการก่อน” หัวหน้าทหารคุ้มกันพูดอย่างเคารพ

“ลำบากทุกท่านแล้ว” หลินสวินประสานหมัด ช่วงที่ปิดด่านนี้เขารับรู้ได้นานแล้ว ว่าทหารคุ้มกันเหล่านี้ช่วยเฝ้าประตูให้ตนมาโดยตลอด

จนกระทั่งมองส่งหลินสวินจากไปแล้ว ทหารคุ้มกันเหล่านั้นจึงราวกับโล่งอก ต่างถอนหายใจรัว

เด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะคนนี้ ตอนนี้ชื่อเสียงสะเทือนสมรภูมิกระหายเลือดแล้ว กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่เป็นที่รู้จักโดยทั่วกันทั้งฝ่ายตนและฝ่ายศัตรู

ศรธนูดอกเดียวสังหารราชันกึ่งระดับ…

ฆ่าศัตรูแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อนมากมายในหุบเขาพยัคฆ์เพียงลำพัง ได้รับเหรียญกล้าหาญมากมาย…

กลายเป็นบุคคลโหดเหี้ยมที่อยู่ในระดับหยั่งสัจจะเพียงคนเดียว ที่ถูกจัดอยู่ในร้อยอันดับแรกของหมายจับกระดานโลหิตของศัตรู

ทั้งหมดนี้น่าทึ่งเกินไป!

แม้เรื่องราวจะผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดเกี่ยวกับหลินสวินยังคงก้องอยู่ในค่ายทั้งแปดแห่งของจักรวรรดิ

กองพลาธิการ

“คุณชายหลิน ท่านเจอปัญหาใหม่แล้ว!”

ทันทีที่เห็นหลินสวิน หลูเหวินถิงก็ถอนหายใจ “ท่านแม่ทัพได้ออกคำสั่งแล้วว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้ท่านอยู่แต่ในค่าย ห้ามออกไปไหน”

หลินสวินเลิกคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

หลูเหวินถิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมาให้หลินสวินฟังอย่างละเอียด เช่นเรื่องหมายจับกระดานโลหิต และผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อหลินสวินจากศึกที่หุบเขาพยัคฆ์

สุดท้ายหลูเหวินถิงพูดว่า “ในสมรภูมิกระหายเลือดตอนนี้ บุคคลชั้นยอดของเผ่าพ่อมดเถื่อนต่างประกาศว่าจะฆ่าท่าน เพื่อล้างแค้นให้กับราชันกึ่งระดับหมานจิ่ว สถานการณ์ไม่ดีต่อท่านอย่างมาก”

หลินสวินรู้เรื่องทั้งหมดนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เพียงแค่หมายจับกระดานโลหิตเท่านั้น เหตุใดต้องตื่นเต้นถึงเพียงนี้ พวกเขาจะฆ่าข้าก็เข้ามาเถอะ ข้ากำลังกังวลอยู่เลยว่าจะเพิ่มเหรียญกล้าหาญอย่างไร”

หลูเหวินถิงตกใจจนหน้าถอดสี พลันตะเบ็งเสียงว่า “ไม่ได้เด็ดขาด! คุณชายหลิน ท่านยังไม่เข้าใจความรุนแรงของเรื่องนี้อีกหรือ ขอเพียงแค่ท่านปรากฏตัวในสนามรบตอนนี้ อาจถึงขั้นนำมาซึ่งการจ้องรอโอกาสและโจมตีของราชันกึ่งระดับ!”

“แล้วอย่างไร ใช่ว่าข้าไม่เคยฆ่า” หลินสวินพูดสบายๆ

หลูเหวินถิงพูดไม่ออกทันที ซึ่งก็เป็นความจริง บุคคลชั้นยอดระดับกึ่งราชันแห่งสายคนเถื่อนมืดอย่างหมานจิ่ว ก็ถูกคุณชายคนนี้ฆ่าด้วยศรธนูเดียวมิใช่หรือ

แต่ถ้าให้เขาออกจากค่าย ไปผจญภัยในสนามรบต่อ จะนำพาอันตรายและอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดมามากเกินไป

หลูเหวินถิงไม่อยากวิตกกังวลอะไรอีกแล้ว

ในทำนองเดียวกัน เขาเองก็มั่นใจอย่างมากว่าแม่ทัพจ่างซุนเลี่ยจะต้องไม่อนุญาตอย่างแน่นอน

“คุณชายหลิน ท่าน… ท่านอย่าให้ข้าลำบากใจเลย” ท่าทางของหลูเหวินถิงเหมือนจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก อ้อนวอนหลินสวิน

หลังจากหลูเหวินถิงตื้ออยู่นาน สุดท้ายหลินสวินก็ยอม แต่เขาบอกว่า เมื่อมีโอกาสจะต้องให้เขาก้าวเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง

หลูเหวินถิงแอบโล่งอกไปทีหนึ่ง แค่รับปากก็ดีแล้ว เขากลัวแต่ว่าคุณชายหลินจะดื้อรั้งไม่ฟังใคร

“อีกอย่าง ในเมื่อต้องอยู่ในค่าย ข้าจะไม่มีอะไรทำก็ไม่ได้” จู่ๆ หลินสวินก็พูดขึ้น “ข้าอยากไปดูกองยุทโธปกรณ์เสียหน่อย”

“อะไรนะ”

หลูเหวินถิงสั่นไปทั้งตัว ความดีใจที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้หายไปสิ้น แม้แต่สีหน้ายังอึมครึมสับสน คุณชายน้อยท่านนี้ช่วยสงบเสงี่ยมหน่อยไม่ได้หรือ! เหตุใดจึงจะไปก่อเรื่องที่กองยุทโธปกรณ์อีกแล้ว

หลูเหวินถิงปวดหัวขึ้นมาทันที

“นี่ก็ไม่ได้หรือ” หลินสวินมุ่นคิ้ว

“ได้!”

หลูเหวินถิงกัดฟัน สุดท้ายก็รับปาก ในใจพลันคิดคำนวณอย่างรวดเร็วว่าควรมอบหมายภารกิจอย่างไรให้คุณชายหลิน ที่นอกจากสามารถทำให้เขาสงบเสงี่ยมลงได้ ยังไม่รบกวนระบบดำเนินการของกองยุทโธปกรณ์

วันนี้หลังจากข่าวที่คุณชายหลินจะไปทำหน้าที่ผู้ช่วยนักสลักวิญญาณที่กองยุทโธปกรณ์แพร่ออกไป ทุกคนก็ตกใจจนลูกตาแทบถลนทันที

ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างรู้สึกว่าเหลวไหล เด็กหนุ่มผู้กล้าที่ฆ่าราชันกึ่งระดับ เหตุใดจู่ๆ เพียงพริบตาก็กลายมาเป็นผู้ช่วยนักสลักวิญญาณได้

เช่นนี้ไม่ใช่ว่าใช้คนไม่เป็น แต่ไม่เหมาะเลยสักนิดต่างหาก!

ผู้ฝึกปราณหลายคนไม่เชื่อ คิดว่าเป็นข่าวปลอม เหลวไหลเกินไปแล้ว แม้แต่กลุ่มนักสลักวิญญาณในกองยุทโธปกรณ์เมื่อรู้ข่าวนี้ ต่างก็พูดอะไรไม่ออก

ตาเฒ่าหลูเหวินถิงคิดจะสร้างเรื่องอะไรอีกแล้วหรือ

ไม่ว่าอย่างไรตอนที่หลินสวินปรากฏตัวในกองยุทโธปกรณ์ ในที่สุดข่าวที่ถูกมองว่าเหลวไหลก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง!

ผู้ฝึกปราณมากมายในค่ายหมายเลขเจ็ดต่างงุนงงขึ้นมาทันที นี่เป็นเรื่องจริง!

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด