Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 735 เสียงคำรามผูเหลา

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 735 เสียงคำรามผูเหลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โฮก!

เสียงนั่นมีพลังตะลึงโลก กึกก้องทะลุเมฆเหนือเก้าชั้นฟ้า สะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ ราวกับเสียงฟ้าคำรน ดุจดั่งมังกรครวญ แผ่กระจายเป็นวงกว้างและน่าเกรงขาม

ชั่วขณะนั้น ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นเพียงรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณถูกค้อนยักษ์กระแทกจนเกือบแตกสลาย ภาพตรงหน้าพร่ามัว

หลายคนที่พลังอ่อนด้อย ถูกสะเทือนจนกระอักเลือด ร่างกายซวนเซล้มลงพื้น

แม้แต่เหล่าผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนระดับมหาเวทที่ความสามารถยอดเยี่ยมก็ไม่วายจิตวิญญาณรวดร้าวรุนแรง อดส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว เพียงเสียงเดียวเท่านั้น ทว่ากลับประหนึ่งมีอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ น่าสะพรึงกลัวไร้เทียมทาน

ฉึบ!

แทบจะในเวลาเดียวกัน คมดาบสีขาวเจิดจ้าโฉบผ่าน เหมือนลำแสงที่กะพริบอยู่กลางอากาศ ทะยานผ่านข้างตัวเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าพ่อมดเถื่อน

ฉัวะๆๆๆ!

ทันใดนั้นลำคอของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนแต่ละคนถูกตัดขาด เลือดสดๆ พุ่งออกมาประหนึ่งน้ำพุ ถูกฆ่าตายคาที่ ไวจนพวกเขาไม่ทันตอบสนองด้วยซ้ำ

ที่น่ากลัวที่สุดคือ จิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้นเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บสาหัส คมดาบสีขาวเป็นประกายราวกับหิมะนี่ก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน เข้ามากวาดล้างชีวิตในสนามรบ

นี่ใช่ศึกสงครามซะที่ไหน เป็นการสังหารหมู่ชัดๆ!

“หนีเร็ว!”

เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดผวาดังก้องไปทั่ว ทัพผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนนับร้อยคนหนีกระจัดกระจายออกไปในทันที

ตอนนี้ไม่ต้องให้เหยียนจิ่วเกอเตือน แต่ละคนก็หนีเร็วกว่ากระต่าย อยากให้พ่อแม่คลอดขาออกมาเพิ่มอีกสักสองข้างเสียเหลือเกิน

เพียงแต่แม้พวกเขาไว คมดาบสีขาวสว่างจ้านั่นกลับไวกว่าพวกเขา อีกทั้งเสียงคำรามปานฟ้าร้องในที่นั้นก็ยังคงสั่นสะเทือน จู่โจมและโจมตีจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนเหล่านั้น ทำให้การหนีของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง

ชั่วขณะเดียวบริเวณนั้นพลันวุ่นวายอลม่าน ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนหวาดกลัว มีเพียงคมดาบที่ประหนึ่งลำแสงนั่นพริบไหวคำราม ตัดศีรษะเปื้อนเลือดมากมายร่วงลงพื้นไป

“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…”

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนหนึ่งสีหน้าเศร้าโศก อดหันกลับไปมองไม่ได้

พลันเห็นว่าในระยะอันไกลโพ้น เด็กหนุ่มคนนั้นยืนอยู่เพียงลำพัง สองมือยังคงไพล่หลัง มีเพียงด้านหลังที่ปรากฏภาพมายาสัตว์เทพ เป็นสิ่งที่คล้ายกับมังกรฟ้าบรรพกาล กำลังแหงนหน้าร้องคำราม

“นี่มัน…”

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนนั้นขนลุกซู่ไปทั้งตัว ภาพมายาสัตว์เทพนั่นน่าสะพรึงกลัวเกินไป หัวเป็นมังกร ร่างกายเป็นเจียว หนวดยาวราวรุ้งทองทิ้งดิ่ง ดวงตาราวกับพระอาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์แรงกล้า ทั่วทั้งตัวเปล่งประกายแสงสีทองเจิดจรัสอย่างไร้ขีดจำกัด บดบังท้องฟ้าทั้งผืนเอาไว้!

มันแหงนหน้าขึ้นคำรามราวกับฟ้าร้อง ดุจมังกรครวญ สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีคลื่นเสียงแผ่กระจาย อากาศบริเวณนั้นถูกโจมตีจนแตกสลาย กลายเป็นความปั่นป่วนม้วนตัวออกมา

“สัตว์เทพผูเหลางั้นหรือ?!”

ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทคนนั้นตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งกาย จากนั้นเขารู้สึกเพียงว่าเสียงคำรามเสียงหนึ่งดังกรอกหู จิตวิญญาณเกิดเสียงดังตูม ราวกับถูกฟ้าผ่า เจ็บจนเขากุมศีรษะโอดครวญ

ฉัวะ!

จากนั้นคมดาบสีขาวสว่างเจิดจ้าก็โฉบเข้ามาตัดหัวเขา

ไกลออกไปแสนไกล เหยียนจิ่วเกอที่ชิงหนีไปก่อนมองเห็นภาพนี้พอดีก็อดสูดหายใจด้วยความตกใจไม่ได้ พลันรู้สึกเย็นวาบไปทั้งกาย

ในการรับรู้ของเขา ผู้ใต้บังคับบัญชาและสหายเหล่านั้นถูกตัดหัวลงมากองเต็มพื้นราวกับฟางข้าว เลือดสดๆ มีให้เห็นทั่วทุกที่ น่าสยดสยองยิ่ง

“เจ้าเด็กนี่เป็น… เป็นเทพมารคนหนึ่งจริงๆ ด้วย!”

เหยียนจิ่วเกออดกรีดร้องออกมาไม่ได้ พยายามหนีอย่างเต็มกำลัง เขาตกใจแล้วจริงๆ อีกฝ่ายไม่ได้ใช้คันธนูและลูกศรที่อานุภาพสะเทือนไปทั้งสมรภูมิกระหายเลือดคู่นั้น ก็ยังสามารถกวาดล้างทัพของเขาได้อย่างง่ายดาย ฝีมือน่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว

‘หนีไวเชียว’

หลินสวินมองไปยังทิศทางที่เหยียนจิ่วเกอหนีไป สุดท้ายก็ไม่ได้ตาม

ชิ้ง!

ดาบหักสีขาวสว่างเจิดจ้าที่เกือบจะโปร่งแสงถูกเก็บกลับไปในห้วงนิมิต ในเวลาเดียวกันภาพมายาสัตว์เทพที่อยู่ด้านหลังหลินสวินก็หายไปอย่างเงียบๆ

และในที่นั้นมีซากศพเต็มไปหมด นอกจากเหยียนจิ่วเกอ ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนคนอื่นล้วนถูกฆ่าอย่างอนาถ!

ผลการรบนี้เรียกได้ว่าน่าทึ่ง ถึงอย่างไรแม้เหยียนจิ่วเกอจะหนีไปได้ แต่ในสนามรบก็มีผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทถึงสี่คนถูกฆ่า

ทั้งยังถูกกำจัดอย่างง่ายดายโดยไม่ต้องลงแรงมากมาย!

หลินสวินเริ่มเก็บทรัพย์หลังศึก

สำหรับเขาแล้วศึกนี้ถือว่าชนะมาอย่างผ่อนคลายมากจริงๆ ส่วนอานุภาพของ ‘เสียงคำรามผูเหลา’ ก็ทำให้หลินสวินพอใจอย่างมาก

กระบวนท่านี้คือมรดกลับ ‘ร่างที่หก’ ของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เป็นวิชาลับอันน่าสะพรึงที่เจาะจงโจมตีจิตวิญญาณโดยเฉพาะ หลินสวินเพิ่งหยั่งถึงควบคุมได้ไม่นาน

ทว่าด้วยระดับ ‘พลังจิต’ ของพลังจิตวิญญาณของเขา การฝึกเสียงคำรามผูเหลากลับไต่ระดับอย่างรวดเร็ว ง่ายกว่าฝึกไอซวนหนีอย่างมาก

เมื่อสำแดงกระบวนท่าวิชาลับนี้ออกมา ราวกับสัตว์เทพบรรพกาลผูเหลาคำราม เสียงสามารถเขย่าจักรวาล สะเทือนสุริยันจันทราภูผานทีจนแหลกละเอียด!

แม้จะเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติที่ควบรวมพลังจิตได้แล้ว หากถูกโจมตีเช่นนี้โดยไม่ทันระวัง ก็สามารถทำให้จิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

ก่อนหน้านี้หลินสวินใช้เสียงคำรามผูเหลาโจมตีกองทัพศัตรูจนบาดเจ็บสาหัส แล้วฉวยโอกาสนั้นเรียกดาบหักออกมา เมื่อครู่นี้จึงคว้าชัยในศึกครั้งนี้ได้อย่างง่ายดาย

พูดง่ายๆ ก็คือ เสียงคำรามผูเหลาเป็นการโจมตีจิตวิญญาณ และหลังจากดาบหักเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็กลายเป็นสมบัติระดับ ‘ศาสตราจิต’ ที่น่าสะพรึงกลัวชิ้นหนึ่ง เมื่อสองสิ่งนี้จับคู่กัน พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นเรียกได้ว่าตะลึงโลกอย่างแน่นอน

ปึง!

หลังจากจัดการสนามรบเสร็จแล้ว หลินสวินโยนห่อสัมภาระที่บรรจุทรัพย์หลังศึกแน่นขนัดลงพื้น จากนั้นก็จากไปเพียงลำพังพร้อมเสียงหวีดแหลม

ไม่นาน ขบวนผู้ฝึกปราณจักรวรรดิขบวนหนึ่งปรากฏตัวในสนามรบแห่งนี้

เมื่อเห็นกองเลือดและซากศพเกลื่อนพื้น ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิเหล่านั้นก็อดอุทานอย่างตกใจไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง

“กลุ่มที่เท่าไหร่ของวันแล้ว”

มีคนอดถามไม่ได้

“กลุ่มที่ห้า”

เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นในสนามรบอีกครั้ง

“คุณชายหลินสือเอ้อร์เด็ดจริงๆ! ออกโรงคนเดียวก็เทียบเท่าทัพใหญ่ชั้นเอกทัพหนึ่งแล้ว!”

“ครั้งนี้คุณชายหลินไม่ได้ใช้คันธนูและศรน่าสะพรึงกลัวคู่นั้นด้วยซ้ำ แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา เหล่าผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทกลับถูกฆ่าตายราวกับไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”

“คุณชายหลินเป็นผู้กล้าไร้เทียมทานแห่งจักรวรรดิ เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ ราชากึ่งระดับที่ตายในมือเขาก็ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว บุคคลระดับมังกรศักดิ์สิทธิ์บนฟากฟ้าอย่างเขา ใช่ว่าคนอย่างเราจะคาดเดาได้ซะที่ไหน”

“อย่ามัวพูดจาไร้สาระ รีบเก็บของ!”

ไม่นานผู้ฝึกปราณจักรวรรดิเหล่านี้ก็เก็บห่อสัมภาระที่หลินสวินทิ้งเอาไว้ขึ้นมาอย่างคล่องแคล่วว่องไว แล้วออกจากพื้นที่แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว

……

เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบนสมรภูมิกระหายเลือดในวันนี้อย่างต่อเนื่อง

ผาต้นไหว นี่เป็นพื้นที่อันตรายแห่งหนึ่งในสมรภูมิกระหายเลือด มีกองกำลังมือฉมังของค่ายทัพพ่อมดเถื่อนประจำการที่นี่ตลอดทั้งปี

เพียงแต่วันนี้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งมาเยือนโดยลำพังและเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่

เวลาหนึ่งถ้วยชาหลังจากนั้น

ผาต้นไหวเปื้อนเลือด เหลือไว้เพียงซากศพกองเต็มพื้น เขม่าควันและเพลิงสงครามฟุ้งกระจาย

จากการคำนวณของผู้ฝึกปราณจักรวรรดิที่เข้ามาเก็บกวาดสนามรบ ศึกนี้ผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวทสามคนและพ่อมดเถื่อนมือฉมังอีกสามร้อยคนที่ประจำการอยู่ที่ผาต้นไหว ต่างถูกฆ่าตายทั้งหมดไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว

……

เหยี่ยวไร้ข้าม

เป็นพื้นที่อันตรายอย่างมากอีกแห่งหนึ่งในสมรภูมิกระหายเลือด ภูเขามีรูปร่างแปลกประหลาด ทับซ้อนกันเป็นคลื่น เข้าไปข้างในเหมือนตกอยู่ในเขาวงกตธรรมชาติ

ทัพพ่อมดเถื่อนมือฉมังกองหนึ่งของสายคนเถื่อนมืดกำลังแทรกซึมเข้าไปในนั้น ‘เหยี่ยวไร้ข้าม’ แม้จะอันตรายอย่างที่สุด แต่กลับเป็นทางลัดไปยังค่ายหมายเลขสี่ของจักรวรรดิ

ครั้งนี้ขบวนทัพสายคนเถื่อนมืดจะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจลอบสังหารที่ค่ายหมายเลขสี่ของจักรวรรดิ

เพียงแต่ระหว่างทางพวกเขากลับเจอเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

หรือพูดอีกอย่างว่าเด็กหนุ่มคนนั้นราวกับรอพวกเขาอยู่ที่นั่นมาโดยตลอด

“หลินสือเอ้อร์!”

แทบจะในแวบแรกที่เห็น ผู้แข็งแกร่งมือฉมังสายคนเถื่อนมืดขบวนนี้ก็จำหลินสวินได้โดยพร้อมเพรียงกัน

ถึงอย่างไรอิ๋งเชวี่ยนายน้อยราชนิกุลและราชันกึ่งระดับหมานจิ่วแห่งสายคนเถื่อนมืดของพวกเขาก็ล้วนถูกหลินสวินฆ่า พวกเขาจะจำไม่ได้ได้อย่างไร

ดั่งคำที่ว่า เมื่อศัตรูได้พบหน้ากัน ย่อมมีอารมณ์โกรธแค้นรุนแรงเป็นพิเศษ การต่อสู้จึงเริ่มขึ้นในทันที

ทว่าหลังจากนั้นเพียงหนึ่งเค่อ ศึกที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ก็จบลง บนพื้นดินเหลือไว้เพียงกองซากศพ ส่วนหลินสวินจากไปตั้งนานแล้ว

……

เทือกเขาทองสัมผัส

แดนดาราโรย

หุบเขาห้วยผี

…ในแต่ละพื้นที่ของสมรภูมิกระหายเลือด มีศึกนองเลือดเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่ตายมีพวกที่มาจากสายคนเถื่อนอัคคี สายคนเถื่อนวารี สายคนเถื่อนพสุธา สายคนเถื่อนทองคำ… มีทั้งผู้แข็งแกร่งระดับมหาเวท และพ่อมดเถื่อนจอมพลัง…

สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือ พวกเขาล้วนตายในมือคนคนเดียวกัน

จนกระทั่งรัตติกาลมาเยือน

การต่อสู้ครั้งนี้ยืดยาวข้ามพื้นที่ต่างๆ ไปทั้งวันกว่าจะจบลง

นี่ทำให้ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิที่ติดตามหลินสวินเพื่อขนทรัพย์หลังศึกต่างถอนหายใจยาว บอกตามตรงว่าหัวสมองของพวกเขาตะลึงจนแน่นิ่งไปหมดแล้ว

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ แต่แค่ตามขนทรัพย์หลังศึกอยู่ข้างหลังหลินสวิน ก็ทำให้พวกเขาวิ่งเต้นไปมาอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนเริ่มจะทนไม่ไหวแล้ว

ช่วยไม่ได้ หลินสวินลงมือข้ามพื้นที่มากเกินไป อีกทั้งผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนที่ฆ่าระหว่างทางก็มากมาย ทำให้พวกเขาที่แม้เพียงเก็บกวาดทรัพย์หลังศึกก็ยังต้องเปลืองแรงไปไม่น้อย

เมื่อข่าวนี้แพร่กลับค่ายหมายเลขเจ็ดของจักรวรรดิ ทั้งค่ายก็ฮือฮาขึ้นมา ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิมากมายต่างตื่นตกใจ มารวมตัวกันดูความครึกครื้นที่กองพลาธิการ

ที่นั่นมีห่อสัมภาระซึ่งแน่นขนัดด้วยทรัพย์หลังศึกมากมายกองอยู่ รอให้ทหารของกองพลาธิการมาตรวจสอบเหรียญกล้าหาญ

ด้วยทรัพย์หลังศึกมากเกินไป แม้แต่หลูเหวินถิงยังตกใจและลงมือตรวจสอบด้วยตัวเอง

“มารดามันเถอะ เจ้าหนูนี่เรียกว่าไปสู้รบเสียที่ไหน นี่มันวิ่งไปกวาดล้างคนเดียวชัดๆ!”

หลูเหวินถิงตรวจสอบไปพลางพูดหยาบคายไปพลาง หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความตะลึงและดีใจ หลายวันมานี้บรรยากาศในค่ายจักรวรรดิอึมครึมมาโดยตลอด ตึงเครียดและกดดัน

แต่การกระทำในวันนี้ของหลินสวิน จะต้องกระตุ้นขวัญกำลังใจได้อย่างยอมเยี่ยมแน่นอน!

คืนนั้นเหรียญกล้าหาญของหลินสวินถูกคำนวณออกมา ผู้ฝึกปราณจักรวรรดิทุกคนในค่ายอึ้งงันไปทันที

เหรียญกล้าหาญชั้นหนึ่งถึงยี่สิบเก้าเหรียญ!

ส่วนชื่อของ ‘หลินสือเอ้อร์’ ก็กระโดดไปอยู่อันดับที่เก้าในการจัดอันดับเหรียญกล้าหาญของค่ายหมายเลขเจ็ด!

ต้องรู้ว่าเหรียญกล้าหาญหนึ่งร้อยอันดับแรกล้วนสั่งสมมาหลายปี กว่าจะได้ครองตำแหน่งอันเป็นตัวแทนของเกียรติยศนี้

แต่หลินสวินเพิ่งมาอยู่ในค่ายไม่ถึงครึ่งปี เหรียญกล้าหาญที่สะสมได้กลับพุ่งพรวดพราด กระโดดขึ้นมาอยู่อันดับที่เก้าด้วยความเร็วที่เกินจริงจนพาให้ตะลึง!

แน่นอนว่าเหรียญกล้าหาญที่เขาได้จากการสังหารราชันกึ่งระดับก็ถูกนับรวมเข้าไปด้วย

ผู้ฝึกปราณค่ายหมายเลขเจ็ดต่างตื่นเต้น ขวัญกำลังใจล้นปรี่ ความเคารพนับถือต่อหลินสวินยิ่งมากถึงระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

จนกระทั่งตกดึก แม้แต่ผู้ฝึกปราณของค่ายอื่นๆ อีกเจ็ดค่ายของจักรวรรดิ ก็ได้รู้ ‘ผลงานการรบเย้ยฟ้า’ ของหลินสวิน พลันเกิดความฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่

แต่บรรยากาศในค่ายพ่อมดเถื่อนกลับดูอึมครึมมากเป็นพิเศษ เพราะ ‘วีรกรรมอันเกริกก้อง’ ของหลินสวิน ทำให้ราชันพ่อมดเถื่อนหลายคนยังตกตะลึง

สุดท้าย ชื่อของ ‘หลินสือเอ้อร์’ ในหมายจับกระดานโลหิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด