Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 799 ฝ่าฟันอุปสรรค

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 799 ฝ่าฟันอุปสรรค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฆ่าก่อนค่อยชิงสมบัติ? ก็ดี!”

ท่ามกลางเสียงตวาดลั่น มหายุทธ์วัยกลางคนท่าทางทรงภูมิคนหนึ่งพุ่งออกมา

ตูม!

เขากดฝ่ามือลงไป ควบรวมเป็นรอยฝ่ามือหวดลงอย่างหนักหน่วง ห้วงอากาศแตกละเอียดชั่วพริบตา ก้อนหินในที่นั้นกลายเป็นจุณ ต้นไม้เก่าแก่แปรเปลี่ยนเป็นซากไม้

สวบ!

เงาร่างหลินสวินวาบกะพริบแผ่วเบาลอยล่องหลีกหลบ เพียงแต่พื้นที่ที่เคยอยู่กลับถูกรอยฝ่ามือทลายออกเป็นหลุมมหึมา พื้นดินแตกระแหงแผ่ขยาย ดินโคลนพลิกตลบพุ่งขึ้นฟ้า

แค่คิดก็รู้ว่าการโจมตีของชายวัยกลางคนที่ทรงภูมิคนนี้ดุดันเพียงใด

ห้วงอากาศสั่นระรัว รุ้งเทพทองอร่ามโฉบพุ่งออกมาฟาดฟันดั่งอสนีบาต พลานุภาพรุนแรงร้ายกาจ เฉียบขาดเสียดกระดูก

นี่คือกระบี่วิญญาณสีทองเล่มหนึ่ง ปลายคมเจิดจรัส ไอสังหารทะลวงเมฆา ออกมาจากมือหานเหยียนเชวีย

หลินสวินหลบได้อีกครา สันเขาที่เขายืนอยู่ถูกฟันออกเป็นสองซีก ตัวภูเขาพังทลายเกิดเสียงครืนสนั่นฟ้าดิน

“สมเป็นเอกบุคคลรุ่นเยาว์ เจ้าหนุ่ม ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีปัญญาเลิศ หากเจ้าสิ้นชีพเช่นนี้ไม่น่าเสียดายไปหน่อยหรือ”

ฮว่าชิงฉือหัวหน้าสำนักมุกวิญญาณทอดถอนใจเนิบช้า ท่าทางราวเมตตาอาสูร

ตูม!

ขณะกล่าวก็มีคนบุกโจมตีอีกครา แผดเสียงคำรามสะท้านฟ้าสะเทือนดินชวนกระตุกจิตวิญญาณ

นี่คือชายหนุ่มเคร่งขรึมที่มีผมราวเปลวเพลิงสะดุดตา ทันทีที่โจมตีก็เหมือนวานรปีศาจไร้เทียมทานตัวหนึ่ง การเคลื่อนไหวแคล่วคล่อง พลังเหี้ยมโหดป่าเถื่อนปกคลุมฟ้าดิน

ถัดมาคนอื่นๆ ในสำนักมุกวิญญาณทยอยบุกโจมตี แต่ละคนยิ่งอำมหิตขึ้นเรื่อยๆ ลงมือไร้ปรานี จิตสังหารดั่งกระแสวารีครอบคลุมทั่วฟ้าดิน

สวบๆๆ!

เงาร่างพวกเขาวูบไหว เจือแสงศักดิ์สิทธิ์และไอสังหารเข้มข้น ปิดล้อมป่าเขาแถบนี้

เห็นชัดว่าหานเหยียนเชวียเคยบอกพวกเขา ว่าตอนนั้นหลินสวินเคยอาศัยยานสำเภาหนีรอดการตามฆ่าของอสูรเฒ่าเครือเถา จึงทำเช่นนี้เพื่อป้องกันเขาใช้วิธีเดิมหลบหนีไปอีกครา

“เจ้าดูสิ ตอนนี้เจ้าเหมือนปลาติดแห เหมือนหมูในอวย ไร้หนทางรอดนานแล้ว หากต้องตายโดยเปล่าประโยชน์ เหตุใดไม่ส่งมอบยานสำเภาออกมาเสียเองเล่า”

ฮว่าชิงฉือเอ่ยทอดถอนใจ เขาไม่รีบเร่งและสงบยิ่ง ท่าทางราวจับกุมชะตาหลินสวินไว้มั่นแล้ว

“เจ้ามีพรสวรรค์มาก พลังแฝงไร้จำกัด หนทางข้างหน้ายิ่งไม่อาจประมาณ ทำให้ใจข้ารู้สึกอยากถนอมผู้มีพรสวรรค์อย่างอดไม่ได้ หากเจ้ายอมจำนนตอนนี้ บางทีข้าไม่เพียงแต่ไว้จะชีวิตเจ้า ยังจะรับเจ้าเป็นศิษย์มาบ่มเพาะปลูกฝัง”

ฮว่าชิงฉือยิ้มแนะ

แต่ขณะเขากล่าววาจา ณ ที่นั้นอุดมด้วยแสงดาบเงากระบี่นานแล้ว มหายุทธ์สำนักมุกวิญญาณทั้งกลุ่มออกจู่โจม ทำให้ฟ้าดินแถบนี้ตกอยู่ในความยุ่งเหยิงโกลาหล

หลินสวินไม่ผลีผลาม เขาหลีกหลบต่อเนื่อง ทว่าสายตากลับจ้องมองทิศทางหนึ่ง

ณ ที่นั้น เขาสังเกตเห็นกลิ่นอายซึ่งอันตรายยิ่งกว่า มีสัตว์ประหลาดเฒ่าคล้ายราชันกึ่งระดับผู้หนึ่งซ่อนตัวท่ามกลางความมืดมิด นี่คือภัยคุกคามแอบแฝงประการหนึ่ง!

หลินสวินเงียบงันไปครู่หนึ่งแล้วพลันถอนใจ “คืนนี้มีเรื่องมากมายจริงๆ หากพวกเจ้าเปลี่ยนวันมาช่วงข้าอารมณ์ดี บางทีอาจสามารถรักษาชีวิต แต่ตอนนี้…”

กล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาล้ำลึกดุจหุบเหวของเขาพลันฉายแววชวนประหวั่น เสมือนสายฟ้าแปลบตาเฉือนแหวกรัตติกาล

“พวกเจ้าจงตายให้หมดนี่แหละ!”

ที่นี่คือป่าเขาเก่าแก่ห่างจากนครเตโชพอควร สภาพภูมิประเทศสูงต่ำ ยอดเขาทอดยาวติดกัน ต้นไม้เก่าแก่เติบโตต้นแล้วต้นเล่า

ที่แห่งนี้เกิดความอลหม่านภายใต้ราตรีกาล ไม่มีแม้เสียงนกแมลง เหลือเพียงบรรยากาศหนาวเหน็บเงียบสงัด

หลินสวินยืนอยู่คนเดียวตรงนั้น ละอองแสงอบอวลทั่วร่าง ผิวกายส่องสว่าง สองนัยน์ตาสาดแสงอสนีบาต

คำพูดนี้เขาพูดอย่างราบเรียบและเด็ดขาด แต่ทำเอาพวกฮว่าชิงฉือตะลึงงัน เกือบคิดว่าฟังผิดไป

นี่มันเวลาไหนแล้ว ไอ้เด็กนี่ยังกล้าคุยโวโอ้อวดไม่กระดาก เห็นชัดว่าอยากตายจนทนไม่ไหว!

กลิ่นอายน่าพรั่นพรึงตลบอบอวลท่ามกลางป่าเขา นี่คืออานุภาพของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ แม้ยังไม่ลงมือ แต่ไอสังหารนั่นกลับเรียกได้ว่าร้ายกาจล้นฟ้า!

“ไม่ต้องลังเล ฆ่ามันซะ” ฮว่าชิงฉือทอดถอนใจด้วยท่าทางเสียดาย

ตูม!

เสียงเพิ่งดังมา มหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั้งหมดก็ลงมือเคลื่อนไหว พุ่งเข้าสังหารหลินสวินจากหลากทิศทาง

พริบตานั้นแสงสมบัติพวยพุ่ง สายฟ้าตัดสลับ แสงศักดิ์สิทธิ์เอ่อท้น เปิดศึกสังหารอย่างแท้จริง

“ฟัน!”

หานเหยียนเชวียเรียกกระบี่วิญญาณทองอร่ามออกมา เปรียบดั่งเทพกระบี่บันดาลโทสะพุ่งสังหารหลินสวิน แสงกระบี่ราวห้อทะยาน กวาดล้างฟ้าดิน

วู้ม!

ชายฉกรรจ์ทรงภูมิตวาดลั่นจนห้วงอากาศพังทลาย เงาร่างราวภูผาสูงตระหง่าน ซัดหมัดหนึ่งออกมาจนก้อนหินใกล้ๆ แหลกเป็นจุณ กระแสลมชวนประหวั่นจะเข้าปกคลุมหลินสวิน

ฟึ่บ!

อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มเคร่งขรึมผมแดงดุจเพลิงผลาญเงาร่างวาบไหว เสมือนวานรคลั่งเกรี้ยวกราดออกจู่โจม รวดเร็วปานสายฟ้า นิ้วทั้งห้าดั่งกรงเล็บมังกร พุ่งตะปบศีรษะหลินสวินอย่างหนักหน่วง

“ตัว!”

ด้านฮูหยินงามวัยกลางคนก็เอ่ยสัจคาถาประหลาด เรียกแส้ยาวสีม่วงเส้นหนึ่งออกมา รัดพันด้วยสัญลักษณ์น่าหวาดกลัวเต็มพรืด แสงอสนีพลุ่งพล่าน เฆี่ยนแส้แหวกอากาศ ปล่อยไอสังหารชวนขนพองสยองเกล้า

เวลานี้มหายุทธ์สำนักมุกวิญญาณคนอื่นๆ ต่างใช้วิชาลับของตน เรียกสมบัติออกมาถล่มสังหารหลินสวินจากรอบทิศ

ภาพเหตุการณ์เช่นนี้สามารถใช้คำว่าสะเทือนใต้หล้ามาบรรยายได้ หากเปลี่ยนเป็นผู้แข็งแกร่งระดับหยั่งสัจจะคนอื่น เกรงว่าคงสิ้นหวังไร้แรงต้าน

ไม่จำเป็นต้องสงสัย พวกเขาไม่คิดเปิดโอกาสแก่หลินสวิน หมายกำจัดให้สิ้นซากในคราเดียว!

แต่หลินสวินในตอนนี้กลับไม่หลบเหมือนก่อนหน้า เลือกเป็นฝ่ายเข้าโจมตีเอง

ตูม!

เงาร่างเขาพุ่งทะยาน ชือน้ำแข็งขาวหิมะเชิดหัวขึ้นฟ้า ซัดแส้ยาวสีม่วงนั่นกระเจิดกระเจิง

ขณะเดียวกันเขาก็เปล่ง ‘เสียงคำรามผูเหลา’ ออกมา คลื่นเสียงชวนประหวั่นแผ่ซ่าน สลายการโจมตีเกินครึ่งให้เป็นผุยผง

และเขายังซัดหมัดหนึ่งออกไป!

โครม!

เลือดสีสดสาดกระเซ็น เสียงกระดูกแตกละเอียดดังก้องขึ้น

ก็เห็นชายฉกรรจ์ทรงภูมิหาใดเปรียบนั่นที่เดิมหมายซัดหมัดทุบอกหลินสวินให้เละ ใครเล่าจะคาดคิดว่ากลับถูกหลินสวินใช้วิธีแข็งชนแข็ง ซัดแขนขวาจนแตก!

หากไม่ใช่เพราะหลบทัน พลังหมัดนี้ถึงขั้นสามารถทำร่างกายครึ่งหนึ่งของเขาแหลกเป็นจุณ!

ชายฉกรรจ์ทรงภูมิโอดร้องทุรนทุราย ตกใจจนจิตวิญญาณแทบหลุดลอย สีหน้าซีดเผือด

ตูม!

เวลาเดียวกัน เงาร่างหลินสวินวูบไหว พุ่งไปอีกฝั่ง

ฝีเท้าเขาทลายพื้น เงาร่างฉีกทลายความว่างเปล่า ผมดำทั้งศีรษะพลิ้วสยาย นัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนีบาต เสมือนดั่งกลายเป็นเทพมารตนหนึ่ง อานุภาพผงาดผยองน่าหวาดกลัว

“เร็วเข้า! รีบฆ่ามันซะ!”

ห่างออกไป ฮว่าชิงฉือเห็นแล้วตกใจ ดวงตาปูดโปนแทบถลน ไหนเลยจะคาดคิดว่าเพิ่งเริ่มต่อสู้ เด็กหนุ่มนั่นกลับระเบิดพลังชวนประหวั่นเช่นนี้ออกมาได้

ภายใต้การโอบล้อมโจมตีของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทั้งกลุ่ม ยังกล้าบุกจู่โจมอย่างแข็งกร้าว ซ้ำทำคนผู้หนึ่งบาดเจ็บสาหัสภายในการโจมตีเดียว ดุดันเกินไปแล้ว!

“ฆ่า!”

หลินสวินดุจมังกรคลั่งปลดพันธนาการ พลังหมัดยิ่งใหญ่ไพศาล อานุภาพเปี่ยมกลิ่นอายมลายล้าง ซัดกรงเล็บชายหนุ่มเคร่งขรึมนั่นจนพินาศ

ฝ่ายหลังเห็นท่าไม่ดีก็ถอยตัวหลบหนีโดยไม่ลังเล

หลินสวินไม่ไล่ตามไป แต่พุ่งสังหารคนอื่นต่อ

ยามอยู่สมรภูมิกระหายเลือดก่อนหน้านี้ เขาสังหารผู้แข็งแกร่งพ่อมดเถื่อนระดับมหาเวทซึ่งเทียบเท่าระดับกระบวนแปรจุติไม่รู้เท่าไหร่ แม้แต่ราชันกึ่งระดับยังถูกเขาฆ่าทิ้งไม่น้อย

มาบัดนี้พลังปราณของเขาลึกล้ำและทรงพลังจวนสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้มีหรือจะเห็นคนพวกนี้ในสายตา

สาเหตุที่เมื่อครู่ไม่ลงมือ เพราะเขาไม่คิดก่อความเคลื่อนไหวใหญ่โต หลีกเลี่ยงการดึงดูดผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ

แต่เห็นฝ่ายตรงข้ามลงมือเหี้ยมโหดหมายสังหารเขา มีหรือเขาจะยังกังวลอยู่อีก ย่อมต้องใช้วิธีที่แข็งกร้าวที่สุดในบัดดล!

ตูม!

พลังทั่วร่างหลินสวินดุจเปลวเพลิง ไต่ไปถึงระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทุกการเคลื่อนไหวเปี่ยมอานุภาพทำลายล้างฟ้าดิน

นี่คืออานุภาพของมกุฎราชันระดับหยั่งสัจจะ กลืนกินภูผาธารา สามารถเหยียดหยันศัตรูทั้งมวลจากเบื้องสูง

แม้เป็นการต่อสู้ข้ามระดับ แต่มาดผยองไร้เทียมทานเช่นนั้นหาใช่สิ่งที่ใครๆ สามารถทำได้!

ฆ่า!

พริบตานั้นหลินสวินสำแดงประทับปี้อั้น เสียงตึงหนึ่งดังขึ้นก็ซัดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งลอยละลิ่ว อัดจนกระดูกทั่วร่างแตกร้าวไม่รู้กี่ท่อน ส่งเสียงแตกดังกร๊อบๆ เลือดกลบจมูกปาก อเนจอนาถเหลือประมาณ

ดุดันเกินไปแล้ว!

เวลานี้เหล่าคนของสำนักมุกวิญญาณต่างตื่นตระหนก ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ได้ประมาท มองหลินสวินเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว

มิฉะนั้นคงไม่เคลื่อนพลคนชั้นแนวหน้าของสำนักมากขนาดนี้ เพื่อจัดการเด็กหนุ่มระดับหยั่งสัจจะอย่างเขาคนเดียว

แต่ยามนี้พวกเขาถึงได้พบว่า พวกเขายังประเมินความน่ากลัวของเจ้าหนุ่มนี่ต่ำไป!

พลังต่อสู้พลิกฟ้า พลานุภาพร้ายกาจเช่นนั้น แม้ในหมู่ผู้กล้าแห่งยุคก็ยังเรียกได้ว่ายากพบเห็น

ถึงขั้นทำให้ผู้คนไม่อาจไม่สงสัย ว่าเด็กหนุ่มนี่อยู่เกินกว่าขอบเขตที่เรียกว่าผู้กล้าแห่งยุคนานแล้ว!

อย่างไรเสียแม้เหล่าผู้กล้าชั้นยอดปัจจุบันจะสามารถสังหารศัตรูข้ามระดับได้ แต่เมื่อเผชิญกับการโอบโจมตีของมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติจำนวนมากเช่นนี้ เกรงว่าก็คงยากพ้นหายนะ

แต่เด็กหนุ่มผู้เหมือนดั่งเทพมารกลับกำลังบุกจู่โจมอย่างกร้าวแกร่งท่ามกลางวงล้อม ซ้ำยังทำพวกเขาสองคนบาดเจ็บสาหัส นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!

ฮูหยินงามวัยกลางคนกรีดเสียงร้อง แส้ยาวสีม่วงของนางถูกหลินสวินคว้าแล้วกระชากดึงเต็มเหนี่ยว ลากนางเข้าไป

นางไม่ยอมปล่อยมือ แส้ยาวสีม่วงนี้คือสมบัติหายากชิ้นหนึ่ง ที่ผ่านมาถูกนางถนอมรักษาไม่นำออกมาใช้โดยง่าย

เปรี้ยง!

ก็เห็นชั่วขณะที่นางลังเล หลินสวินซัดฝ่ามือหนึ่งเข้าใส่ พลังฝ่ามือโหมสาดแสงศักดิ์สิทธิ์แรงกล้า ซัดนางลอยกระเด็นไปทั้งตัว เลือดไหลเจ็ดทวาร ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนโฉมหน้าแปรเปลี่ยนจากเค้าเดิม

ฟุ่บ!

แทบจะในเวลาเดียวกัน กระบี่วิญญาณทองอร่ามพุ่งสังหารมายังหลินสวิน อำมหิตเฉียบขาดหาใดเปรียบ

แต่ยังไม่ทันเข้าประชิด ก็เห็นดาบหักเจิดจ้าดุจหิมะพุ่งกระหวัดแผ่วเบา กระบี่วิญญาณสีทองพลันถูกผ่าออกเป็นสองท่อนดั่งเต้าหู้

เดิมทีหานเหยียนเชวียดุดันแข็งกร้าว หมายฉวยโอกาสตัดคอหลินสวินในคราเดียว แต่ตอนนี้กลับหวาดผวา ร้องตะโกนเสียงหลงขนลุกชันทั้งตัว

กระบี่วิญญาณของเขาถึงกับถูกทำลายง่ายดายเช่นนี้!

อันตรายถึงชีวิตทำให้หานเหยียนเชวียไม่อาจสนใจสิ่งอื่น เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็วหลบการตามโจมตีของหลินสวิน

ฉัวะ!

แต่ช้าไปก้าวหนึ่ง ดาบหักกวาดผ่านอากาศ แสงบริสุทธิ์ดุจหิมะมาพร้อมคมดาบไร้เทียมทาน เสียงฟุ่บหนึ่งดังขึ้นก็ทะลวงท้องของเขาเป็นรูโหว่ชุ่มเลือด โลหิตแดงสดสาดพรมดุจน้ำตก เกือบจะถูกฟันตัวขาด

“อ๊าก…”

หานเหยียนเชวียส่งเสียงร้องโหยหวนเล็กแหลม ซวนเซล่าถอยกลางอากาศ เขาเป็นถึงยอดมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ กลับต้านการโจมตีเดียวไม่อยู่ ถึงขั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส

หากไม่ใช่พรรคพวกของเขาเข้าช่วยเหลือทันเวลา การจู่โจมนี้ก็พอจะปลิดชีพเขาแล้ว!

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วประกายไฟกระทบหิน เร็วจนทำผู้คนลายตาพร่ามัว หากตอบสนองไม่ทันเพียงนิดอาจเกิดอันตรายถึงแก่ความตาย

ป่าเขาแถบนี้ถูกทำลายราบ ความบอบช้ำอาบธรณี กลิ่นอายต่อสู้และคาวเลือดตลบอบอวลชวนประหวั่น

ตูม!

สีหน้าหลินสวินนิ่งสงบ นัยน์ตาเยียบเย็นเปล่งประกาย พุ่งสังหารต่อเนื่อง เขาสุขุมเยือกเย็นแต่น่าหวาดกลัวนัก พลานุภาพแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม หมายมุ่งจบศึกอย่างรวดเร็ว

…………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด