Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 847 ไม่หวาดหวั่นอีกต่อไป

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 847 ไม่หวาดหวั่นอีกต่อไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 847 ไม่หวาดหวั่นอีกต่อไป
ทั่วลานเกิดความฮือฮา กระสับกระส่ายไม่สิ้น

ถึงกับมีคนถูกไล่ออกจากหอวสันตสารท?

นี่ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน!

ชั่วขณะ ทุกสายตาต่างพากันมองเข้าไป

ก็เห็นคนผู้นั้นมีรูปลักษณ์หล่อเหลา เพียงแต่เวลานี้ผมเผ้ากระเซิง คราบเลือดเปื้อนมุมปาก ดูแล้วสะบักสะบอมเป็นที่สุด

“เอ๋ นั่นดูเหมือนเยวี่ยเจี้ยนหมิงผู้สืบทอดสำนักยุทธ์พันเวทที่ชื่อเสียงโด่งดังในแคว้นวิญญาณอัคนีนี่!”

“สวรรค์! นี่เป็นถึงผู้กล้าคนหนึ่งเชียว ไฉนจึงถูกคนซัดออกจากหอวสันตสารทเสียได้ นี่ต่อไปจะให้เยวี่ยเจี้ยนหมิงเงยหน้าอ้าปากได้อย่างไรไหว”

ผู้ฝึกปราณละแวกใกล้เคียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด

“เมืองผาดาราในปัจจุบันรวมพลผู้กล้าต่างเขตแคว้นในแดนฐิติประจิม กลายเป็นที่สนใจและจับตามองของคนทั่วหล้า บัดนี้กลับเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้น คราวนี้เยวี่ยเจี้ยนหมิงอาจจะชื่อเสียงป่นปี้โดยสิ้นเชิงแล้ว!”

ผู้ฝึกปราณจำนวนมากต่างพรั่นใจ

“เฮอะ! แคว้นวิญญาณอัคนี? ที่นั่นไม่มีแม้แต่สำนักที่เรียกได้ว่าเก่าแก่เลยสักแห่ง เยวี่ยเจี้ยนหมิงคนนี้นับเป็นอะไรเล่า คู่ควรถูกเรียกว่าผู้กล้าด้วยหรือ น้ำหน้าอย่างเขาสมควรถูกไล่ออกจากหอวสันตสารทแล้ว!”

และมีผู้ฝึกปราณจำนวนไม่น้อยหัวเราะเยาะ รู้สึกไม่เห็นด้วย

แต่เวลานี้นัยน์ตาหลินสวินไหววูบ เขาคิดไม่ถึงเช่นเดียวกันว่าจะได้พบเยวี่ยเจี้ยนหมิงอีกครั้งภายใต้สถานการณ์พรรค์นี้

ภายใต้สายตาจับจ้องของฝูงชน กลับถูกซัดกระเด็นออกมาเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดเป็นคนทำก็ออกจะเกินเหตุไปหน่อยแล้ว หมายจะหยามน้ำหน้าดูถูกเยวี่ยเจี้ยนหมิงชัดๆ!

“ถุย! เศษเดนอย่างเจ้าก็เพ้อพกคิดจะมีพื้นที่อยู่ในหอวสันตสารทด้วย? ช่างไม่ดูเงาหัวตัวเองจริงๆ รีบไสหัวไป!”

เวลานี้เงาร่างล่ำสันปานภูเขาปรากฏตัวภายในหอวสันตสารท แขนสองข้างกอดอก ผรุสวาทใส่เยวี่ยเจี้ยนหมิงด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

“เป็นผู้แข็งแกร่งจากเผ่าฉลามสมุทรแห่งทะเลมารพิฆาต!”

“ข้าจำได้เลาๆ เจ้าหมอนี่ดูเหมือนจะเป็นผู้ติดตามคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายซาหลิวฉานบุตรเทพเผ่าฉลามสมุทร แต่คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่ผู้ติดตามคนหนึ่งก็ยังกร้าวแกร่งและทรงพลังเช่นนี้ ไม่เห็นเยวี่ยเจี้ยนหมิงอยู่ในสายตาอย่างสิ้นเชิง”

“ฮ่าๆ ทะเลมารพิฆาตเดิมก็เป็นสถานที่รวมพลผู้แข็งแกร่งแห่งหนึ่งอยู่แล้ว หนำซ้ำเผ่าฉลามสมุทรยังเป็นขุมกำลังระดับผู้นำในนั้นอีกด้วย พวกเขาคงไม่สนใจเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่ถือกำเนิดในแคว้นวิญญาณอัคนีคนนั้นหรอก”

ตัวตนของชายร่างยักษ์กำยำผู้นั้นถูกจำได้อย่างรวดเร็ว ในลานบังเกิดเสียงฮือฮาหนึ่งระลอก

เยวี่ยเจี้ยนหมิงตะกายขึ้นมาจากพื้น สีหน้าคล้ำเขียวหาใดเปรียบ จ้องชายร่างยักษ์กำยำคนนั้นไม่วางตา กล่าวว่า “ข้าเฝ้าถามตัวเองว่าแต่ไรมาก็ไม่เคยผูกพยาบาทกับเผ่าฉลามสมุทรของพวกเจ้า แต่เหตุใดถึงได้เพ่งเล็งและทำข้าอดสูถึงเพียงนี้”

ในใจเขาเปี่ยมด้วยความเดือดดาล กลับทำได้เพียงสะกดเอาไว้ แต่เขายังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

“เฮอะ ดูท่าเจ้ายังไม่ยอมแพ้”

ชายร่างยักษ์กำยำสาวเท้าก้าวออกมา ลำแสงแกร่งกร้าวพุ่งปราดจากนัยน์ตา จ้องเยวี่ยเจี้ยนหมิงอย่างดูถูกเหยียดหยามแล้วกล่าว “เจ้าพูดไม่ผิด เจ้าไม่เคยล่วงเกินพวกข้าจริงๆ เพียงแต่ ใครใช้ให้เจ้าอ้างตัวว่าเป็นสหายกับเทพมารหลินขี้หมาอะไรนั่น”

ทั่วลานตะลึงอึ้งค้าง คราวนี้ถึงได้ตระหนัก ที่แท้เยวี่ยเจี้ยนหมิงประสบเคราะห์โดยไร้ความผิด ก็เพราะถูกเทพมารหลินดึงมาเอี่ยวด้วย

โดยเฉพาะหลินสวิน นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที เขาเพิ่งรู้ในตอนนี้เช่นกัน ว่าที่เยวี่ยเจี้ยนหมิงถูกคนซัดลอยออกมา ก็เพียงเพราะเคยบอกว่าเป็นสหายกับตน!

นี่เรียกว่าเหตุผลอะไรกัน

เพียงเพราะบอกว่าเป็นสหายของตนก็ต้องทนรับการโจมตีเช่นนี้เชียวหรือ

หลินสวินเข้าใจอย่างที่สุด เผ่าฉลามสมุทรทำเช่นนี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการหมายหัวตน ต้องการให้คนทั่วหล้าได้ประจักษ์กันถ้วนหน้า ว่าผู้ใดที่มีความเกี่ยวข้องกับตน จะถูกพวกเขากดข่มทั้งสิ้น!

เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครจะกล้ายุ่งกับตนอีก

“เพราะแบบนี้เองหรือ” เยวี่ยเจี้ยนหมิงเกือบคิดว่าตนหูฝาด ยากจะเชื่อ สีหน้าเปลี่ยนเป็นอึมครึมไม่น่าดูหาที่เปรียบไม่ได้ อะไรที่เรียกว่ากำเริบเสิบสานใช้อำนาจบาตรใหญ่

ก็นี่อย่างไรเล่า!

เพื่อจัดการหลินสวิน ถึงขนาดใช้วิธีต่ำช้าเช่นนี้ ข่มเหงรังแกกันเกินไปชัดๆ!

“ฮ่าๆ ดูท่าเจ้ายังไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าจะพูดอีกรอบ คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเทพมารหลินขี้หมานั่น ไม่ว่าหน้าไหนล้วนเป็นเป้าที่พวกเราเผ่าฉลามสมุทรต้องกำราบทั้งสิ้น!”

ชายร่างยักษ์กำยำกล่าวถึงตรงนี้ จู่ๆ พลันนึกอะไรขึ้นมา แววตาเจือประกายดุกร้าว กวาดมองทั่วลานแล้วร้องตะโกนดังลั่น “เทพมารหลินเจ้ามาหรือยัง ช่างเป็นสวะชัดๆ เห็นสหายเจ้าถูกหยามเกียรติเช่นนี้ก็ตกใจจนไม่กล้าแสดงตัวแล้วเรอะ!”

ทั่วลานเงียบกริบ ไร้สรรพเสียง ทุกคนต่างตระหนักว่าที่เผ่าฉลามสมุทรทำเช่นนี้เห็นชัดว่ากำลังยั่วยุ ต้องการบีบให้เทพมารหลินเป็นฝ่ายปรากฏตัวก่อน!

“ผู้มาเจตนาไม่ดี ท่านอย่าหุนหันพลันแล่นเด็ดขาด เทศกาลโคมกถามรรคยังไม่ทันเริ่ม เวลานี้ไม่เหมาะจะก่อความขัดแย้งกับผู้อื่น” ไป่เฟิงหลิวรีบสื่อจิตเตือนสติหลินสวิน

เพียงแต่หลินสวินกลับทำหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยิน

ครั้งแรกที่รู้ว่าเขาถูกเหล่าผู้กล้าพวกนี้มองเป็นเป้าจู่โจม หมายเหยียบเขาก้าวสูงขึ้นไป ในใจเขาก็มีเพลิงโทสะอยู่บ้างแล้ว

เพียงแต่เขากลับไม่เคยเก็บเรื่องไม่เป็นเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ รับหน้าด้วยท่าทีสุขุมเยือกเย็นมาโดยตลอด คิดว่าหากมีคนกล้ากระโจนออกมายั่วยุตน เช่นนั้นตนย่อมไม่เกรงใจ

แต่ตอนนี้เขาเพิ่งพบว่าตนคิดผิด!

ยิ่งตนไม่สนใจ อีกฝ่ายก็ยิ่งลำพอง ได้คืบจะเอาศอก ทำให้ตนเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเห็นได้ชัด

กระทั่งหลินสวินสงสัยว่าการวางตัวเป็นคนประเภท ‘ผู้ใดไม่รุกรานข้า ข้าไม่รุกรานผู้นั้น’ ของตนกลับทำให้คนจำนวนมากมองว่าขี้ขลาดและถอยหนี!

เหมือนเช่นยามนี้ ผู้ติดตามข้างกายซาหลิวฉานคนหนึ่งเท่านั้น ยังกล้าไล่เยวี่ยเจี้ยนหมิงออกจากหอวสันตสารทภายใต้สายตาของฝูงชน หยามเกียรติเต็มกำลัง ใช้สิ่งนี้มาโจมตีและกระตุ้นตน คิดบีบตนให้ปรากฏตัว นี่…

จะวางโตเกินไปแล้ว!

สิ่งสำคัญที่สุดคือเยวี่ยเจี้ยนหมิงพบเจอความอัปยศอดสูขนาดนี้แค่เพราะบอกว่าเป็นสหายของตน นี่แตะโดนขีดความอดทนของหลินสวินอย่างไม่ต้องสงสัย!

วันหน้าหากมีศัตรูคนอื่นๆ ต้องการจัดการเขา ก็คงทำเลียนแบบเช่นนี้ ใช้สหายส่วนหนึ่งของเขามาข่มขู่ เช่นนั้นผลที่ตามมาคงยากจะจินตนาการ!

“ดูท่าเทพมารหลินคงตกใจจนไม่กล้าโผล่หัวมาแล้ว”

ห่างออกไปชายร่างยักษ์กำยำยังคงหัวเราะลั่นอย่างดูถูก หยามหลินสวินต่อหน้าผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วน

“ข้าขอเตือนเจ้าให้หุบปากเป็นดีที่สุด!” เยวี่ยเจี้ยนหมิงหน้าคล้ำเขียว ตะโกนอย่างเดือดดาล “เผ่าฉลามสมุทรของพวกเจ้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ”

ชายร่างยักษ์กำยำปั้นหน้าขรึม ท่าทางแกร่งกร้าวอำมหิต กล่าวอย่างน่าเกรงขาม “กรรมตามสนอง? น่าขัน! โลกวิถีเคารพผู้แข็งแกร่งมาแต่ไหนแต่ไร กรรมตามสนองที่เจ้าว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่าเสียงคร่ำครวญของพวกอ่อนแอไร้ทางสู้เท่านั้น!”

เขากล่าวพลางสาวเท้าเดินไปทางเยวี่ยเจี้ยนหมิง

“เจ้าจะทำอะไร” เยวี่ยเจี้ยนหมิงหน้าเปลี่ยนสี

“เจ้าไม่ได้บอกว่ากรรมตามสนองหรือ ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มรสของกรรมตามสนองก่อนเป็นคนแรก ถือโอกาสเตือนสติคนทั้งโลกว่าการคบค้ากับเทพมารหลินต้องไม่มีจุดจบที่ดี!”

ท่ามกลางเสียงหัวเราะลั่น เงาร่างของชายร่างยักษ์พุ่งออกมา กลิ่นอายแกร่งกร้าวระฟ้าแผ่ซ่านทั่วร่าง เงื้อฝ่ามือขึ้นซัดใส่เยวี่ยเจี้ยนหมิงเต็มกำลัง

ตูม!

ห้วงอากาศหวีดปะทุ ถูดซัดระเบิดในทันที ลมฝ่ามือน่าสะพรึงพวยพุ่งด้วยแสงเลือดพร่าตา ครอบฟ้าคลุมดิน ปกคลุมทั่วดินแดนไกลโพ้นสี่ทิศ

ผู้ฝึกปราณจำนวนมากสูดหายใจเฮือก ตระหนักได้ถึงความน่าสะพรึงของชายร่างยักษ์ อย่าเห็นเป็นแค่ผู้ติดตามคนหนึ่งเท่านั้น ความจริงทรงพลังยิ่ง!

และเวลานี้หลินสวินก็เริ่มขยับตัว ย่างเท้าหนึ่งก้าว พลันหายไปจากจุดเดิมเพียงชั่วแล่น

เขาตัดสินใจสู้สุดตัวแล้ว ไม่เกรงกลัวสิ่งใดอีกต่อไป วันนี้ต่อให้ประมุขสวรรค์มาเยือน ก็ขวางความมุ่งมั่นที่จะลงมือของเขาไม่ได้!

พรึ่บ!

ครู่ต่อมาเงาร่างของหลินสวินปรากฏอยู่เบื้องหน้าเยวี่ยเจี้ยนหมิง เพียงสะบัดแขนเสื้อ แสงเรืองพิสุทธิ์เต็มฟ้าพลันแผ่ซ่านท่ามกลางเสียงตูมตาม สลายฝ่ามือสีเลือดสายนั้นในพริบตา

“หลินสวิน?”

เยวี่ยเจี้ยนหมิงอึ้งงัน เดิมทีเขาคิดว่าคราวนี้ตนต้องประสบเคราะห์แน่แล้ว ไหนเลยจะคิดว่าจู่ๆ หลินสวินจะปรากฏตัวออกมาในชั่วพริบตา

ไม่ไกลนักชายร่างยักษ์คนนั้นก็หรี่ตาลง เทพมารหลิน? เขามาแล้วจริงๆ หนำซ้ำยังอยู่ที่นี่มาโดยตลอด?

“เทพมารหลิน!”

“สวรรค์ เทพมารหลินปรากฏตัวแล้ว!”

ใกล้ๆ นั้นผู้ฝึกปราณทั้งหมดร้องอุทาน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์อื่นๆ หรือจะเป็นผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ ในขชั่วขณะต่างก็เปลี่ยนเป็นฮึกเหิมหาใดเปรียบ

เทพมารหลิน!

นี่เป็นถึงพวกกร้าวแกร่งที่ผงาดในแดนฐิติประจิมประหนึ่งดาวหาง เคยสำแดงการต่อสู้สะท้านโลกกับหญิงสาวสวมหน้ากากลึกลับบนเวิ้งฟ้า

และเคยสังหารราชันกึ่งระดับสี่คนจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬด้วยตัวคนเดียว ฝ่าวงล้อมอย่างทรงพลัง

กระทั่งยังมีข่าวลือว่าเขามีความเกี่ยวโยงกับหญิงสาวปริศนาปานจักรพรรดินีแห่งบรรพกาลผู้หนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การล้างผลาญเขาเถื่อนเมฆินทร์อันเป็นแหล่งอาศัยของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอีกด้วย!

หลายวันที่ผ่านมาก็เคยมีผู้กล้าแห่งยุคจำนวนมากร้องปาวๆ หมายจะสยบเทพมารหลิน คิดว่าเขาแอบอ้างสร้างชื่อ ความจริงชื่อเสียงไม่เหมือนคำร่ำลือ

อย่างเช่นจงหลีอู๋จี้ที่เป็นถึงบุคคลไร้เทียมทานผู้เป็นเหมือนราชันมารอวตาร ก็เคยพูดต่อหน้าคนทั้งโลกว่าขอเพียงเทพมารหลินปรากฏตัวในเทศกาลโคมกถามรรค เขาจะลงมือสยบเทพมารหลินเป็นคนแรก!

หรืออย่างชิงเหลียนเอ๋อร์ธิดาเทพเผ่าหงส์เขียว ถึงขั้นลั่นวาจาว่าจะทำให้เทพมารหลินสำนึกผิดต่อหน้าธารกำนัล ยอมรับคำกล่าวที่ว่าชื่อเสียงตนไม่สมกับคำร่ำลือ!

ทั้งหมดนี้แม้จะทำให้เทพมารหลินถูกตราหน้าครหา แต่กลับทำให้ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายขึ้นไปอีกขั้น

แดนฐิติประจิมในยามนี้ ‘เทพมารหลิน’ สามคำนี้แทบจะเป็นที่รู้จักของทุกผู้คน!

เพียงแต่ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าเทพมารหลินจะปรากฏตัวในเวลานี้ ชั่วขณะนั้นอารมณ์ของผู้ฝึกปราณทั่วลานฮึกเหิมขึ้นมาโดยสมบูรณ์ราวกับถูกจุดชนวน

มีเพียงไป่เฟิงหลิวที่ยิ้มเจื่อน ที่แห่งนี้มีเหล่าผู้กล้ารวมตัว ดึงดูดความสนใจทั่วทั้งแดนฐิติประจิม การปรากฏตัวเวลานี้จึงไม่ฉลาดเอามากๆ

แต่ว่าไป่เฟิงหลิวก็เข้าใจ ยามนี้หลินสวินคงถูกยั่วโทสะเข้าให้แล้ว หากเปลี่ยนเป็นเขาก็คงสะกดไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน

ผู้แข็งแกร่งเผ่าฉลามสมุทรคนนั้นทำเกินกว่าเหตุเกินไปจริงๆ!

“เจ้าก็คือเทพมารหลินขี้หมาคนนั้น? ในที่สุดเจ้าก็ปรากฏตัวแล้ว เพียงแต่… ดูแล้วก็คงไม่พ้นเท่านี้ ให้ข้าลองทดสอบดูก่อนว่าเจ้ามีศักยภาพสักกี่มากน้อยกันแน่!”

หลังจากชายร่างยักษ์อึ้งไปก็แสยะยิ้ม ยกมือขึ้นเรียกง้าวมหึมาสีเลือดเล่มหนึ่งออกมา ฟาดสังหารห้วงอากาศ พุ่งไปตัดหัวหลินสวิน

ตูม!

แสงเลือดสะท้านฟ้าแผ่ซ่านออกมาจากง้าวใหญ่ บาดตาจนผู้คนไม่กล้าลืมตา เจิดจ้าเกินไปแล้ว!

ดุจดั่งรุ้งเทพแหวกห้วงอากาศ พิฆาตจักรวาล!

“น่าสะพรึงนัก! ทรงพลังกว่าเมื่อครู่ตั้งกี่เท่าตัว หรือว่าเขาซ่อนพลังแท้จริงมาโดยตลอดเพื่องัดกระบวนท่าไม้ตายมาใช้ยามนี้”

ผู้ฝึกปราณมากมายหน้าเปลี่ยนสี พากันถอยหลบ

พวกเขาสัมผัสได้ว่าชายร่างยักษ์ไม่ได้บ้าระห่ำเหมือนอย่างที่แสดงออก แต่มีความแยบยลแฝงอยู่ในความหยาบช้า เก็บถนอมพลังมาโดยตลอด จนกระทั่งเทพมารหลินปรากฏตัวยามนี้ถึงได้งัดพลังแท้จริงออกมาใช้!

ด้วยเหตุนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ทางวาจาชายร่างยักษ์จะดูถูกเทพมารหลินอย่างมาก ทว่ายามที่ลงมือจริงๆ กลับไม่ได้ชะล่าใจแต่อย่างใด

เพียงแต่เผชิญหน้ากับการโจมตีที่เรียกได้ว่าแกร่งกร้าวสะท้านโลก หลินสวินกลับยืนนิ่งอยู่กับที่ ทำเพียงยื่นมือออกไป

เสียงระเบิดตูมตามดังก้องหนึ่งครา ก็เห็นแสงเลือดน่าสะพรึงนั้นระเบิดกระจุย กลายเป็นละอองแสงโปรยปรายในทันที

แต่มือเรียวยาวขาวเนียนของหลินสวินกลับกุมปลายง้าวใหญ่ที่เจิดจ้าบาดตาหาใดเปรียบเอาไว้อย่างแน่นหนา!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด