Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 854 จงหลีอู๋จี้

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 854 จงหลีอู๋จี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 854 จงหลีอู๋จี้
ทุกคนตรงนั้นเงียบสนิท

ซาหลิวฉานก่อนหน้านี้โกรธจัด สำแดงวิชาลับไร้เทียมทาน เสียงธรรมสะเทือนเลื่อนลั่น สะท้อนลักษณ์เงามายาฉลามสมุทรสีเลือดบรรพกาล ราวกับจะกลืนกินฟ้าดิน

แม้แต่ชิงเหลียนเอ๋อร์ ในเวลาเช่นนี้ล้วนไม่อาจไม่หลบ

แต่การปะทะหนักหน่วงนี้ ผู้ที่ถูกซัดพินาศไม่ใช่เทพมารหลินแต่กลับเป็นซาหลิวฉาน นี่ทำให้ทุกคนต่างคาดไม่ถึง

เหนือคำว่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง

ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ของซาหลิวฉานได้รับการยอมรับจากคนรุ่นเยาว์แดนฐิติประจิมนานแล้ว ถูกขนานนามว่าผู้กล้าแห่งยุค ทั้งบัดนี้ที่สำแดงคืออภินิหารไร้เทียมทาน แต่ยังถูกเทพมารหลินซัดทำลายในการปะทะซึ่งหน้า นี่ไม่ได้บ่งชี้ว่าศักยภาพที่แท้จริงของเทพมารหลินเหนือกว่าซาหลิวฉานหรือ

นี่ทำให้ผู้กล้าแห่งยุคมากมายตรงนั้นต่างลอบตกตะลึง

อย่างเช่นเด็กสาวชุดม่วงที่มาจากตำหนักปรกอุดมซึ่งนิ่งเงียบไม่พูดจา วางตัวโดดเด่นเหนือโลกามาตลอด ขณะนี้กลับไม่อาจนิ่งสงบอยู่บ้าง บนใบหน้างามฉายระลอกคลื่นเสี้ยวหนึ่ง

ส่วนผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะเหล่านั้นต่างตะลึงตาค้าง พวกเขาถึงขั้นรู้สึกว่า หลินสวินในเวลานี้มีท่วงท่าสง่างามเหนือกว่าศิษย์พี่อวี่หลิงคง!

นี่เป็นไปได้อย่างไร

พวกเขายากจะเชื่อ

ไม่เพียงแค่พวกเขา ไป๋หลิงซีที่ดูเหมือนเงียบสงบดังเดิม อันที่จริงขณะนี้มือหยกขาวกระจ่างของนางก็สั่นเล็กน้อย เผยให้เห็นว่าในใจนางหาได้นิ่งสงบเช่นภายนอก

“เจ้าถึงกับทำให้ข้าบาดเจ็บ?”

กลางอากาศ สีหน้าซาหลิวฉานถมึงทึงดวงตาเบิกกว้าง คล้ายไม่อาจยอมรับทุกอย่างนี้ น้ำเสียงเจือความเดือดดาลและประหลาดใจ

“การฆ่าเจ้าง่ายราวพลิกฝ่ามือ จำเป็นต้องตื่นตูมเช่นนี้ด้วยหรือ”

หลินสวินยิ้มเยาะ ผมดำของเขาพลิ้วไหว ทั่วร่างอาบไล้แสงเจิดจรัส พลังเจตจำนงแห่งมรรคหมุนเวียน ขับเน้นจนเขาเหมือนมหาสุริยันดวงหนึ่งที่สาดส่องฟ้าดิน

เขาไม่ได้หยุดมือ ขณะกล่าวเงาร่างพุ่งไปเบื้องหน้าต่อสู้อย่างต่อเนื่อง

“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะแกร่งขนาดนี้จริงๆ!”

เหนือความคาดหมาย ชิงเหลียนเอ๋อร์ที่เพิ่งหลีกหลบถึงกับชิงลงมือก่อน ดาบโค้งสีเขียวแหลมคมเปล่งประกายที่ครอบครองตัดขวางห้วงอากาศ

ฟึ่บ!

คมดาบนับหมื่นพันปรากฏกลางท้องฟ้า ประดุจดาวหางโน้มดิ่งเจิดจรัสแปลบตา เขียวครามเวิ้งว้างทั่วผืนแผ่น ความน่าตระหนกชวนประหวั่นแห่งไอดาบแหวกผ่าฟ้าดิน รวมตัวหนาแน่นดั่งพายุฝน

ผู้ฝึกปราณมากมายกลางที่นั้นแสบตาจนต่างลืมตาไม่ขึ้น แสงดาบส่องพร่างพราวหนาแน่น โชติช่วงเพริศพรายเกินไป

“จันทร์เขียวประหัตมาร!” ซาหลิวฉานนัยน์ตาพลันหดรัด เดิมหมายออกจู่โจม แต่เวลานี้เขากลับเลือกเฝ้าดูเพราะมองออกว่า ที่ชิงเหลียนเอ๋อร์สำแดงคือมรดกลับพิทักษ์เผ่าแขนงหนึ่งของเผ่าหงส์เขียว

ทันทีที่สำแดง ดาบดุจจันทร์เขียวแขวนประดับเวิ้งฟ้า สามารถปั่นป่วนฟ้าดิน กำจัดเทพมาร อานุภาพน่าหวาดกลัวยิ่ง

อีกทั้งดาบในมือชิงเหลียนเอ๋อร์คือสมบัติล้ำค่าบรรพกาลชิ้นหนึ่งนาม ‘ดาบทลายแสงเขียว’ พลานุภาพเทียบกับยอดศาสตรามรรคราชันแล้วไม่ด้อยไปกว่ากัน

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซาหลิวฉานอยากลองดูว่าหลินสวินจะรับมือการโจมตีของชิงเหลียนเอ๋อร์ได้หรือไม่ เพราะจวบจนตอนนี้เขาไม่อาจยอมรับภาพที่ถูกซัดโจมตีเมื่อครู่ รู้สึกว่าเสมือนฝันเกินไป

ครืน!

ทั่วผืนฟ้าไอดาบตัดสลับ เขียวเลื่อมพรายดุจจันทร์เสี้ยวคลั่งระบำ ปั่นป่วนหยินหยาง

ไม่จำเป็นต้องสงสัย เห็นภาพที่หลินสวินซัดซาหลิวฉานจนย่อยยับ ทำชิงเหลียนเอ๋อร์เองก็สั่นสะท้านยกใหญ่ ดังนั้นเวลานี้จึงลงมือใช้วิชาไม้ตาย

หลินสวินไร้หวั่นเกรง ถือทวนใหญ่เจิดจ้าดุจหิมะเล่มหนึ่งเสียงดังชิ้ง แหวกสังหารออกไปปานสายฟ้าแลบ

นี่คือสมบัติชิ้นหนึ่งซึ่งชิงมาจากมือซาหลู่หลังสังหารอีกฝ่าย

เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!

ดาราเพลิงซ่านเซ็น แสงอัศจรรย์แผ่กระจาย ไอสังหารสะเทือนเก้าสวรรค์

แค่ชั่วพริบตา เขากับชิงเหลียนเอ๋อร์ประมือกันนับร้อยครั้ง คมดาบพลุ่งพล่านไร้ขอบเขต แทบฝังกลบหลินสวินทั้งตัว

ชิงเหลียนเอ๋อร์ตอนนี้เรียกได้ว่าน่ากลัวอย่างแท้จริง ความน่ากลัวของอานุภาพเฉียบขาด แสงดาบเขียวเลื่อมพรายดุจจันทร์เสี้ยวสายแล้วสายเล่าโหมปล่อยออก ฉีกผ่าแหวกอากาศทลาย

ครืน!

ห่างออกไปสิ่งปลูกสร้างบางส่วนถูกไอดาบฟัน แยกทลายในบัดดล พื้นดินต่างถูกตัดออกเป็นร่องร้าวขนาดมหึมาไขว้ขนานกันมากมาย

แครก!

แค่ชั่วพริบตา ทวนใหญ่ในมือหลินสวินถูกฟาดหักแตกละเอียด

เฮือก!

ทุกคน ณ ที่นั้นส่งเสียงสูดหายใจ หรือเทพมารหลินจะประสบเคราะห์แล้ว

มุมปากชิงเหลียนเอ๋อร์ปรากฏเส้นโค้งเย็นเยียบ แต่ไม่รอให้นางมีความสุข เส้นโค้งตรงมุมปากก็แข็งตัว

เพราะขณะที่ทวนแตกสลาย ใจกลางหว่างคิ้วหลินสวินมีแสงดาบบริสุทธิ์เจิดจ้าราวหิมะสายหนึ่งโฉบออกมา ปรากฏกลางท้องฟ้ากะทันหัน

พริบตานั้นประดุจดั่งลำแสงที่มาจากบรรพกาล ไหลผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลา มีความงามตระการชวนตะลึง เหมือนไม่ใช่ความจริงเกินไป

ผลุบ!

ชิงเหลียนเอ๋อร์ส่งเสียงกรีดร้อง คล้ายได้รับความตระหนกถึงขีดสุด เงาร่างพุ่งถอยกลางอากาศ

มวลชนตะลึงงัน เดิมคิดว่าเทพมารหลินจะประสบเคราะห์ ไหนเลยจะคิดว่าพริบตานี้ ชิงเหลียนเอ๋อร์กลับคล้ายพบเจอเคราะห์มหาวิบัติ!

เร็วเกินไปแล้ว!

ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในชั่วประกายไฟ ทำเอาผู้ฝึกปราณมากมายต่างไม่ทันตอบสนอง

มีเพียงบุคคลแห่งยุคบางส่วนที่สังเกตเห็นอย่างว่องไวว่า แสงดาบสายนั้นที่โฉบออกจากร่างหลินสวิน เพียงชั่วพริบตาก็ทำชิงเหลียนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัส!

แม้แต่พวกเขาเองยังจับได้แค่ภาพนี้ แต่ไม่อาจสืบรู้ความเร้นลับชวนประหวั่นซึ่งแฝงในการโจมตีอย่างแท้จริง

ฟึ่บ…

บนท้องฟ้า ชิงเหลียนเอ๋อร์ถอยถึงนอกระยะร้อยจั้ง รอยแผลที่เลือดหลั่งรินลากยาวจากตำแหน่งไหล่ซ้ายถึงส่วนท้องฝั่งขวา โลหิตไหลล่อง อีกเพียงนิดก็จะผ่าอกแหวกท้องนางแล้ว!

“สวรรค์!” เมื่อเห็นภาพนี้ชัดเจน ผู้ฝึกปราณในที่นั้นขนพองสยองเกล้า ตกใจจนทั่วร่างแข็งทื่อตะลึงงันอยู่ตรงนั้น ชิงเหลียนเอ๋อร์เกือบประสบเคราะห์?

นี่มันไม่สมจริงรางกับความฝันเกินไป!

ด้านผู้กล้าเหล่านั้นต่างสีหน้าจริงจังเคร่งขรึม ในใจม้วนซัดโกลาหล การโจมตีเมื่อครู่นั่น แม้พวกเขาไม่อาจสังเกตเห็นความลึกลับอัศจรรย์ที่แท้จริง แต่กลับทำให้พวกเขาสัมผัสถึงภัยคุกคามโดยพร้อมเพรียง!

‘เขายังมีไพ่ตายอยู่!’

มีเพียงซาหลิวฉานซึ่งอยู่ในสนามรบที่สังเกตเห็นความน่ากลัวของการโจมตีเมื่อครู่อย่างฉับไว ความน่าตระหนกในชั่วพริบตานั้นทำให้ในใจเขาสั่นระรัว หอบหายใจไม่หยุด

เขาสัมผัสได้ว่าหลินสวินยังซ่อนไม้ตายอันน่ากลัวยิ่งยวด!

และนี่ ก็คืออานุภาพแห่งดาบหัก!

หลังจากก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติ เริ่มควบคุมพลังเจตจำนงแห่งมรรคอย่างแท้จริง ทำให้อานุภาพของดาบหักสำแดงออกมาได้ส่วนหนึ่งในที่สุด

แม้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง แต่พลานุภาพร้ายกาจพลิกฟ้านั่นยังคงเรียกได้ว่าไม่มีสิ่งใดทำลายไม่ได้ ล้วนสามารถสยบราชันกึ่งระดับได้โดยง่าย!

แต่ชิงเหลียนเอ๋อร์แค่บาดเจ็บสาหัส ไม่ได้ถูกฟันตายคาที่ ก็สมชื่อผู้กล้าแห่งยุคนั่นของนางแล้ว

“เจ้าคนต่ำทราม ยังไม่ยอมตายอีกหรือ”

ขณะที่ทุกคนสั่นสะท้าน หลินสวินไม่มีหยุดพัก ทะยานตัวไปเบื้องหน้า หมายฉวยโอกาสนี้สังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ในคราเดียว

ผู้หญิงคนนี้แม้เป็นธิดาเทพคนปัจจุบันของเผ่าหงส์เขียว แต่อำมหิตเหลือประมาณ ไม่เคยเจอกันมาก่อนยังหยามหน้าและยั่วยุเขาถึงขีดสุด หมายเหยียบย่ำเขาขึ้นไป

นี่ทำให้หลินสวินไม่ออมมืออย่างเด็ดขาด

เขาทนมาพอแล้ว ในเมื่อลงมือแล้วก็ต้องสังหารให้ถึงที่สุด มีเพียงทำเช่นนี้จึงจะสามารถเชือดไก่ให้ลิงดู มอบความหวาดหวั่นถึงจิตวิญญาณให้กับพวกที่ลบหลู่และประณามเขาเหล่านั้น!

“บ้าเอ๊ย!”

หลังจากชิงเหลียนเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังคงไม่กล้าเชื่อ ตระหนกขุ่นเคืองหาใดเปรียบ นางคิดไม่ถึงว่าตนเกือบประสบเคราะห์ นี่ทำให้ในใจนางมีความอับอายและคั่งแค้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

แต่เมื่อเห็นหลินสวินจู่โจมเข้ามาติดๆ พาให้นางแทบคลั่ง นี่คือมองว่านางเป็นเหยื่อ หมายทำการจู่โจมสังหารหรือ

รังแกกันเกินไปแล้ว!

ฝึกปราณมาจนป่านนี้ นางยังไม่เคยเจอสถานการณ์อันตรายคับแค้นเช่นนี้

“หลินสวิน คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”

แต่ในช่วงเวลาสำคัญ ซาหลิวฉานพุ่งทะยานขวางหน้า พลังหมัดสีโลหิตสะท้านสะเทือน เสียงฟุ่บดังขึ้น แรงหมัดแหวกอากาศพุ่งสังหารไปทางหลินสวิน

“ไสหัวไป!”

หลินสวินจะรีบสังหารชิงเหลียนเอ๋อร์ เวลานี้จึงโคจรพลังทั่วร่างถึงขีดสุด พลันส่งเสียงคำรามผูเหลาทันใด

ครืน!

คลื่นเสียงสีทองกระเพื่อมไหวเหมือนมีตัวตน แผ่กระจายซัดห้วงอากาศแหลกลาญ กระแทกซาหลิวฉานให้ลอยออกไปทั้งตัว

เสียงคำรามผูเหลานี้ดุดันหาใดเปรียบ ซ้ำยังพุ่งเป้าที่จิตวิญญาณ ชิงเหลียนเอ๋อร์ที่อยู่ออกไปเดิมก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ภายใต้ความไม่ทันตั้งตัว ถูกเสียงคำรามสะเทือนโสตประสาท จิตวิญญาณเกิดความเจ็บปวดรวดร้าวจนเกือบระเบิดออก

“อ๊าก…!” นางส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ผมเผ้าสยายยุ่ง ใบหน้างามในเวลานี้ดูดุร้ายและบิดเบี้ยวเป็นพิเศษ

ไหนเลยจะยังมีท่วงท่าแห่งธิดาเทพที่หยิ่งทะนงอวดดีเหมือนก่อนหน้า ราวกับเป็นบ้าไปอย่างไรอย่างนั้น

ตูม!

และเวลานี้หลินสวินทะยานพุ่งมาถึง เข้าสังหารอย่างแกร่งกร้าว

ผู้ฝึกปราณทั้งหมดหวาดผวา ดวงตาเบิกกว้าง ใจเคว้งไหวหวั่น แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ท่าทางหยิ่งผยองสยบทั่วทิศนั่นของเทพมารหลิน ทำเอาพวกเขาหวาดกลัวโดยสมบูรณ์

แย่แน่!

บรรดาผู้กล้าเหล่านั้นต่างสีหน้าแปรเปลี่ยน ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ของชิงเหลียนเอ๋อร์ล่อแหลมอย่างยิ่ง ใกล้จะประสบเคราะห์!

เพียงแต่ในช่วงสำคัญนี้พลันมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น…

ก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่ทรงพลังดุจทวนสายหนึ่งปรากฏกลางอากาศกะทันหัน ขวางกั้นเบื้องหน้าชิงเหลียนเอ๋อร์ จากนั้นฝ่ามือหนึ่งพลันสะบัดออกไป

ปัง!

ในบริเวณนั้นเกิดเสียงปะทะน่าสะพรึง แสงอัศจรรย์ฉายสาด สลายการโจมตีอันแกร่งกร้าวของหลินสวิน

นี่ทำให้หัวคิ้วหลินสวินพลันขมวดมุ่น สีหน้าเยียบเย็นอยู่บ้าง

ในเวลาเช่นนี้ถูกคนทำลายการโจมตี ไม่อาจปลิดชีพชิงเหลียนเอ๋อร์ ทำให้หลินสวินโมโหอยู่ในใจ

เขาเงยหน้ามองไป ก็เห็นผู้มาเยือนสวมชุดดำ ใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรียบ ผมยาวสีม่วงทิ้งตัวลง ในดวงตาปรากฏสัญลักษณ์ลึกลับที่ราวกับหล่อจากทองคำ น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ

ชุดดำ ผมม่วง ดวงตาฉายสัญลักษณ์สีทอง ลักษณะพิเศษทั้งมวลแสดงให้เห็นว่าชายหนุ่มคนนี้โดดเด่นและไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง

“จงหลีอู๋จี้!”

“เขามาถึงแล้ว!”

ผู้คนทั่วบริเวณนั้นตื่นตระหนก จดจำฐานะชายหนุ่มผมม่วงชุดดำนั่นได้ เพียงพริบตาก็ทำให้เขากลายเป็นจุดรวมสายตาของมวลชน

ก่อนหน้านี้ชิงเหลียนเอ๋อร์บาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ซาหลิวฉานจะโจมตี แต่ก็ยังถูกซัดสะเทือนถอย อีกนิดเทพมารหลินก็จะสังหารทั่วทิศ ทว่าจงหลีอู๋จี้ก็มาถึง!

เขามาได้ทันเวลามาก คล้ายกะเกณฑ์ไว้อย่างดี กอบกู้สถานการณ์อันตรายได้ในชั่วขณะ เท่ากับช่วยชีวิตชิงเหลียนเอ๋อร์นั่น

รูปแบบการปรากฏตัวเช่นนี้ดึงดูดความสนใจผู้คนอย่างมากโดยไม่ต้องสงสัย และขับเน้นความไม่ธรรมดาของเขาให้โดดเด่นขึ้นถึงที่สุด ชั่วขณะเดียวก็กลายเป็นที่สนใจยิ่งกว่าซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์

“มาเร็วมิสู้มาถูกจังหวะ ทันทีที่จงหลีอู๋จี้ปรากฏตัวก็ตัดสินความเหนือชั้นได้แล้ว!” ผู้ฝึกปราณมากมายรำพึงรำพัน

แต่สีหน้าบรรดาผู้กล้าตรงนั้นกลับผิดแปลก ในใจลอบระแวดระวัง พวกเขาไหนเลยจะดูไม่ออก เห็นชัดว่าจงหลีอู๋จี้มาถึงนานแล้วแต่แอบซ่อนตัวโดยตลอด รอเวลานี้จึงค่อยปรากฏตัว!

เหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้

นั่นง่ายดายมาก!

หนึ่ง สามารถกดข่มซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์ อาศัยสิ่งนี้ขับเสริมความพิเศษของเขา

สอง ถือโอกาสช่วยชีวิตชิงเหลียนเอ๋อร์ นี่ก็คือบุญคุณใหญ่หลวง แม้ชิงเหลียนเอ๋อร์ไม่ยินยอม แต่สักวันก็ต้องตอบแทนน้ำใจใหญ่หลวงนี้!

พูดได้ว่าจังหวะที่จงหลีอู๋จี้ปรากฏตัวแม่นยำหาใดเปรียบ คว้าประโยชน์ได้ครบถ้วน หากกล่าวว่านี่คือเหตุบังเอิญ มีแต่ผีเท่านั้นแหละถึงเชื่อ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด