Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 882 ลอยล่องในอดีต

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 882 ลอยล่องในอดีต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 882 ลอยล่องในอดีต
ครืนๆ…

เมื่อผู้แข็งแกร่งทั้งหมดเหยียบบนดอกบัวสีทองเริ่มรุดหน้าฝ่าลมโต้คลื่น ทะเลปรวนแปรซึ่งเดิมนิ่งสงบพลันเปลี่ยนเป็นถาโถมซัดสาด คลื่นยักษ์ควบทะยาน

บนดอกบัวทองดอกหนึ่ง หลินสวินและเยวี่ยเจี้ยนหมิงเคียงบ่าเคียงไหล่ โคจรพลังควบคุมดอกบัวใต้เท้ามุ่งไปเบื้องหน้า

‘น้ำทะเลแต่ละหยดต่างมีน้ำหนักหมื่นชั่ง ก่อเกิดแรงต้านมหาศาล ต้องโคจรปราณตลอดเวลาจึงจะเดินหน้าต่อไปได้’

‘หากเจอคลื่นโหมซัดจะกลายเป็นล่อแหลมอันตราย ไม่อาจเหินอากาศล่องสัญจร ทันทีที่ถูกม้วนสู่ห้วงทะเลก็จะโดนคัดออก’

‘ไม่สิ น้ำทะเลนี่แปลกประหลาด!’

ทันใดนั้น หลินสวินซึ่งกำลังทำความคุ้นเคยกับพลังของการทดสอบรอบนี้นัยน์ตาหดรัด สัมผัสถึงพลังไร้รูปที่แปลกประหลาดและเยียบเย็นแผ่กระจาย กำลังจู่โจมจิตวิญญาณตน

ภายใต้ความไม่ทันตั้งตัว ทำให้หลินสวินสั่นสะท้านทั่วกาย ในใจพลันงุ่นง่านไม่หยุด พลังทั่วร่างล้วนได้รับผลกระทบ

เฮือก…

หลินสวินสูดหายใจลึกตั้งจิตมั่น ในใจลอบกล่าวว่าจริงดังคาด การทดสอบด่านที่สามนี้เพ่งเล็งพลังสภาวะจิตของผู้ฝึกปราณ!

สภาวะจิต เป็นสิ่งอัศจรรย์และล้ำลึกเหลือประมาณ

สมัยบรรพกาล อริยบุคคลผู้เก่งกาจมากมายต่างคิดว่าการบำเพ็ญเพียร สิ่งที่ฝึกคือกระบวนการ ‘สยบจิต’ !

จิตดั่งหินผา หากโลกธรรมทั้งแปด[1]ก้าวล้ำเข้ามา ยังคงตระหง่านไม่ไหวติง

จิตไม่แน่วนิ่ง หากคิดฟุ้งซ่านลุ่มหลง ล้วนแต่ทุกข์ร้อน

มรรคายากลำบาก เปี่ยมอันตราย หากใจไม่มั่นคงห่วงหน้าพะวงหลัง ความสำเร็จก็จะไม่มาก และชักนำมารจากภายนอกให้เข้าล่วงล้ำ จนต้องประสบด่านเคราะห์!

สภาวะจิตเกี่ยวโยงถึงเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา[2] ได้รับผลกระทบง่ายที่สุด

สภาวะจิตแน่วแน่ แม้คุณสมบัติธรรมดาก็มีหวังก้าวสู่มหามรรค

แต่หากสภาวะจิตไม่เสถียร แม้มีคุณสมบัติเย้ยฟ้า มรดกวิชาไร้เทียมทาน ผลสัมฤทธิ์ก็จะจำกัด ไม่อาจเดินบนมรรคาได้ไกลนัก

สรุปคือ สภาวะจิตล้ำลึกและยากควบคุมที่สุด

อย่างเช่นเซี่ยอวี้ถัง ก่อนหน้านี้เขาหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ถูกขนานนามว่าคนโดดเด่นรุ่นเยาว์แห่งจักรวรรดิ ท่วงท่าสง่างามครองพิภพ

แต่นับจากมาถึงดินแดนรกร้างโบราณพบเจอหลินสวิน สภาวะจิตของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่อาจยอมรับความจริงที่หลินสวินแข็งแกร่งกว่าเขา ในใจถูกปกคลุมด้วยเงามืดแห่งความริษยาชิงชัง

ตัวเขาเองตระหนักได้ว่านี่คือมารในใจของเขา เป็นบ่วงจิตอย่างหนึ่ง หากไม่กำจัดต้องส่งผลต่อหนทางการฝึกปราณของเขา

น่าเสียดาย เซี่ยอวี้ถังเลือกหนทางผิด ไม่ได้มองปัญหาจากตนเอง แต่คิดว่าเพียงขุดรากถอนโคนหลินสวินทิ้งก็จะสามารถกำจัดมารในใจได้ ฉะนั้นจึงทำให้เกิดเรื่องน่าเศร้า ถูกหลินสวินกำราบสิ้นเชิง

“อ๊าก…!”

“ระวัง!”

“ไม่ ไม่นะ!”

ไม่นานนัก บนทะเลปรวนแปรพลันกึกก้องด้วยเสียงตะโกนหวาดตระหนกต่อเนื่องเป็นระลอก

ก็เห็นผู้แข็งแกร่งไม่น้อยแต่ละคนเหมือนขาดสติ บ้างตะโกนหวาดผวา บ้างลุกลี้ลุกลนตัวสั่น บ้างท่าทางราวเป็นบ้าโหวกเหวกตะเบ็งลั่น

จากนั้นขณะพวกเขาไม่ทันได้สติ ทั้งตัวก็ถูกคลื่นยักษ์ถาโถมซัดกระเด็น ร่วงหล่นจากดอกบัวทองสู่ทะเลปรวนแปรก่อนหายลับจากไป

เห็นชัดว่าพวกเขาถูกคัดออกแล้ว

นี่ทำให้ในใจหลินสวินครัดเคร่ง ตระหนักได้ว่าทะเลปรวนแปรแม้ไร้อันตรายถึงชีวิต แต่กลับแฝงด่านเคราะห์ซึ่งน่ากลัวยิ่งกว่า

นี่คือการทดสอบซึ่งเพ่งเล็งสภาวะจิตโดยเฉพาะ หากสามารถข้ามพ้นจะถึงอีกฝั่งโดยราบรื่น หากไม่อาจก้าวผ่านจะจมสู่ทะเลปรวนแปรและถูกคัดออก

‘ทะเลปรวนแปร… แปรปรวน…’ หลินสวินใคร่ครวญ

ครืน!

ฉับพลันนั้นคลื่นลูกหนึ่งเบื้องหน้าถาโถมเข้ามา ม้วนซัดดั่งกองหิมะ เสียงราวฟ้าร้องสนั่น

แค่ชั่วพริบตา จิตใจหลินสวินได้รับผลกระทบรุนแรงประหนึ่งจมสู่ฉากฝันร้าย

‘เหวินจิ้ง เจ้ารีบพาลูกหนีไป!’ ท่ามกลางความเลือนราง ข้างหูหลินสวินได้ยินเสียงกังวลหนึ่งดังขึ้น เจือความสั่นเครือและอ้อนวอน

‘ไม่ได้ สายไปแล้ว…’ เสียงทอดถอนใจเปี่ยมความเจ็บปวดดังขึ้น

จากนั้นหลินสวินลืมตาอย่างลำบาก เห็นใบหน้างดงามของหญิงสาวที่เจือความร้อนรน

แต่ตัวเขากลับถูกหุ้มด้วยผ้าห่อทารก ถูกหญิงสาวโอบกอดในอ้อมแขนอย่างแน่นหนา

นี่มัน…

หลินสวินตะลึงงัน ตนกลายเป็นเด็กทารกหรือ

‘เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!?’ เสียงคำรามอย่างโศกเศร้าหาใดเปรียบของชายหนุ่มดังก้องขึ้น

หลินสวินหันกลับไป ก็เห็นบุรุษท่าทางองอาจชวนประหวั่นคนหนึ่งอยู่ด้านข้าง บนใบหน้าคมชัดนั้นเปี่ยมด้วยความเจ็บปวดและผิดหวัง

ห่างออกไปไกล แสงเพลิงโหมกระหน่ำ ลุกโชนท่ามรัตติกาล เจิดจ้าบาดตายิ่งยวด

ยังมีเสียงกรีดร้องโหยหวน เสียงร่ำไห้สิ้นหวังหมดหนทาง เสียงคำรามด้วยความคับแค้นไม่ยินยอม… ผสมเข้าด้วยกันท่ามกลางแสงเพลิงยามราตรี

หรือว่า ชายหญิงคู่นี้คือหลินเหวินจิ้งและลั่วชิงสวินบิดามารดาของตน

ในใจหลินสวินสั่นสะท้าน

ทันใดนั้นชายวัยกลางคนร่างผอมคนหนึ่งพุ่งมาแต่ไกล ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล บนหน้าเปื้อนคราบโลหิต กล่าวอย่างตื่นตระหนก ‘นายน้อย แย่แล้ว! พวกผู้นำตระกูล… พวกเขา…’

เป็นลุงจง!

ใจหลินสวินสั่นสะท้านอีกครา ชายวัยกลางคนซึ่งอาบโลหิตทั่วร่างนั่น ไม่ใช่ทั่นฮวาม้าขาวเสิ่นจิงหลุนหรอกหรือ แค่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นหลินจงเข้ารับใช้ตระกูลหลิน

เพียงแต่หลินจงที่อยู่เบื้องหน้าหนุ่มกว่าในความทรงจำของหลินสวิน

‘เป็นอย่างไร’ ชายหนุ่มถามเสียงขรึม

‘ถูกฆ่าหมดแล้วขอรับ!’ ชายวัยกลางคนร่างผอมส่งเสียงเศร้า แค้นจนดวงตาแดงก่ำ

ชั่วขณะชายหนุ่มโกรธจนผมตั้ง ดวงตาปูดโปนแทบถลน สีหน้าคล้ำเขียวน่ากลัวเหลือประมาณ ‘เจ้านั่นคิดอาศัยพลังตนเองทำลายตระกูลหลินของข้า? รังแกกันเกินไปแล้ว!’

‘เหวินจิ้ง เขามาเพราะลูกของเรา’

เวลานี้หญิงสาวกลับเปลี่ยนเป็นนิ่งสงบคล้ายหมดความรู้สึก ‘ข้าคิดอยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะมาเร็วเช่นนี้ กลับเพราะเด็กคนนี้ ทำให้ตระกูลหลินของเราติดร่างแห…’

นางพูดพลางก้มมองเด็กทารกในอ้อมแขน บนใบหน้างามเต็มไปด้วยความสับสน

หลินสวินสะท้านใจ เขาอ้าปากอยากเอื้อนเอ่ยแต่ได้แค่ส่งเสียงอ้อแอ้ นี่ทำให้เขารู้สึกไร้กำลังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งร้อนรนทั้งโมโห

ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่า นี่ก็คือบิดามารดาของตน!

‘น่าขัน! ลูกของเราเพิ่งครบเดือน จะเป็นเพราะเขาถึงทำให้เกิดเรื่องทุกอย่างนี้ได้อย่างไร ชิงสวิน เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่’ หลินเหวินจิ้งกล่าวเดือดดาล

‘เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ ตั้งแต่เขาเกิดมาก็ไม่เหมือนเด็กคนอื่น ครอบครองชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดที่พิเศษ…’ ลั่วชิงสวินทอดถอนใจ

แต่ไม่รอนางพูดจบก็ถูกหลินเหวินจิ้งตัดบท “ข้ารู้เรื่องเหล่านี้ แต่แค่เพราะชีพจรวิญญาณต้นกำเนิดอย่างเดียวจะนำมาซึ่งหายนะคราวนี้เชียวหรือ”

‘เจ้าไม่เข้าใจ!’ ลั่วชิงสวินสูดหายใจลึก “เจ้าก็รู้ ปีนั้นข้าระหกระเหินมาโลกนี้เพื่อหลีกหนีการตามล่า”

‘ต่อมาข้าพบกับเจ้า เดิมข้าคิดว่าบนโลกใบน้อยซึ่งมหามรรคบกพร่องนี้คงไม่เกิดเหตุสุดวิสัยอะไรชั่วชีวิต แต่คาดไม่ถึงว่าสุดท้ายความวุ่นวายก็ยังมาเยือน…’

‘เจ้ารู้ไหมว่าเพราะอะไร’

กล่าวถึงตรงนี้ มุมปากลั่วชิงสวินปรากฏความขมขื่นและเจ็บปวด ‘เพราะเดิมทีข้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกนี้!’

หลินเหวินจิ้งขมวดคิ้วกล่าว ‘ข้ารู้ เจ้ามาจากดินแดนรกร้างโบราณ’

‘ไม่!’ ลั่วชิงสวินส่ายศีรษะ ‘ข้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณเช่นกัน ข้า… มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา’

ฟากฝั่งฟ้าดารา?

หัวสมองหลินสวินอึ้งงันอยู่บ้าง ไม่ใช่คนของโลกชั้นล่าง ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ แต่มาจากสถานที่ซึ่งไม่อาจจินตนาอื่น?

ฟากฝั่งฟ้าดารา นั่นคือที่ไหนกัน?

ตูม!

พูดคุยถึงตรงนี้ก็ถูกเสียงดังสนั่นชวนประหวั่นตัดบท

เบื้องหน้าหลินสวินเหตุการณ์พลันแปรเปลี่ยน ก็เห็นกลางทะเลเพลิงหลินเหวินจิ้งคำรามเดือดดาล ‘หนีไป! รีบหนีไปสิ! พาลูกของเราหนีไป…!’

เห็นได้ว่าเขาร้อนรนและเดือดดาลราวกับเป็นบ้า

‘ข้าไม่ไป ครั้งนี้หนีไปได้ อย่างไรภายหลังก็มาอีก ไม่สู้ตายจากไปพร้อมเจ้า ต่อจากนี้… ก็ไม่ต้องทรมานอีกแล้ว’

ลั่วชิงสวินสีหน้านิ่งสงบ นางก้มมองทารกในอ้อมแขน บนใบหน้าเปี่ยมความทรมานและเศร้าโศก พลางกล่าวพึมพำ ‘ลูกเอ๋ย โลกนี้ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรมาแต่แรก เป็นแม่ที่ผิดต่อเจ้า…’

เผาะๆ… น้ำตากระจ่างสองสายหลั่งลงมาและตกสู่ใบหน้าหลินสวิน ในใจเขาพลันเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก คล้ายจะหายใจไม่ออก

ชิ้ง!

ก็เห็นเวลานี้กระบี่ครวญแผ่วพลิ้วก้องกังวานกลางฟ้าดิน สั่นสะเทือนทั่วทิศ

หลินสวินมองไปตามใต้สำนึก เห็นชายที่สวมอาภรณ์ขาวยิ่งกว่าหิมะ ผมดำปลิวสยาย เจตกระบี่ทั่วร่างทะลวงเมฆา สีหน้าเย็นชาถึงขีดสุดคนหนึ่ง ถือกระบี่โบราณสีดำเข้ามา

บนตัวกระบี่ดำสนิทดุจรัตติกาล ยังหลั่งมุกโลหิตแดงก่ำ

เบื้องหลังเขาคือภาพทะเลเพลิงและความพินาศ

จากนั้นปลายกระบี่เทียมฟ้าปรากฏ ฉีกกระชากเวิ้งนภา เจิดจ้ายิ่งยวด และน่าหวาดกลัวถึงขีดสุด

ต่อมาก็ไม่เห็นอะไรอีก

แต่หลินสวินรู้ เป็นกระบี่นี้ที่ปลิดชีพพ่อแม่เขา!

ชั่วพริบตานั้นหลินสวินหัวสมองว่างเปล่า ความโกรธแค้น ไร้เรี่ยวแรง สิ้นหวัง โศกเศร้า ฝังกลบสภาวะจิตเขาดั่งกระแสวารี

เพียงแต่สภาวะจิตของเขากลับนิ่งสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

ตรงกันข้าม เขากำลังรับรู้และสัมผัสถึงผลกระทบแห่งอารมณ์ซึ่งถาโถมเหลือจะเอ่ยนี้โดยละเอียด

หลินสวินรู้ว่า นี่ก็คือรสชาติของความเคียดแค้น

เพียงแต่ก่อนหน้านี้ เขารู้แค่บิดามารดาคือใคร ศัตรูเป็นใคร แต่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และไม่เคยรู้ซึ้งด้วยตนเองเช่นนี้

อวิ๋นชิ่งไป๋!

“หลินสวิน หลินสวินเจ้าตื่นสิ” ริมหูได้ยินเสียงเรียกของเยวี่ยเจี้ยนหมิง

หลินสวินรู้สึกตัวโดยสมบูรณ์แล้ว วิสัยทัศน์เบื้องหน้าฟื้นคืน ทะเลปรวนแปรที่ซัดสาดกำลังโหมคลั่ง ม้วนฟองคลื่นขาวดุจหิมะ

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เยวี่ยเจี้ยนหมิงถามด้วยความกังวล

“ไม่เป็นไร” หลินสวินส่ายศีรษะ ที่หางตาเขามีคราบน้ำตาหยดหนึ่งระเหยจากไป ไม่ถูกใครค้นพบ

“ระวังด้วย พลังของทะเลปรวนแปรนี้อันตรายยิ่ง ส่งผลกระทบน่ากลัวกับสภาวะจิต พลาดเพียงก้าวคงถูกคัดออก”

เยวี่ยเจี้ยนหมิงกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นพิลึกพิลั่นอยู่บ้าง “เมื่อครู่ข้ารู้สึกเหมือนฝัน หวนกลับไปครั้งวัยเยาว์ที่ฝึกปราณในสำนัก เพราะดื้อรั้นเกินไปจึงถูกอาจารย์กักบริเวณไว้ในเขตหวงห้ามหลังภูเขา”

“เป็นเวลาสามเดือนเต็มที่หันหน้าเข้ากำแพงพิจารณาความผิดอยู่คนเดียว ความรู้สึกนั้น… ช่างยากทานทนเหลือเกิน ตอนนั้นข้าเกลียดอาจารย์มาก ยังสาบานว่าต่อไปจะล้างแค้นคืน…”

พูดถึงตรงนี้เยวี่ยเจี้ยนหมิงพลันหยุดชะงัก กล่าวเคอะเขินอยู่บ้าง “ทำให้เจ้าขบขันเสียแล้ว ตอนนั้นข้ายังเด็กไม่เข้าใจอะไร ก็สาบานไปอย่างนั้นแหละ”

“ข้าเข้าใจ” หลินสวินยิ้ม สายตามองทะเลปรวนแปรไร้ขอบเขต เขารู้ว่าภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตนประสบเมื่อครู่ก็เหมือนกับเยวี่ยเจี้ยนหมิง ถูกพลังของทะเลปรวนแปรส่งผลต่อสภาวะจิต เผยความทรงจำที่ฝังกลบฝุ่นของตนออกมาอีกครั้ง

……………….

[1] โลกธรรมแปด หมายถึง ธรรมดาของโลก เรื่องของโลก ธรรมชาติของโลกที่ครอบงำสัตว์โลก และสัตว์โลกต้องเป็นไปตามธรรมดานี้ 8 ประการ ประกอบด้วย มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข ทุกข์

[2] เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา เจ็ดอารมณ์ ได้แก่ ยินดี โกรธ เศร้า กลัว รัก เกลียด และความใคร่ หกปรารถนา ได้แก่ ปรารถนาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด