Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 905 จตุลักษณ์ราชัน

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 905 จตุลักษณ์ราชัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 905 จตุลักษณ์ราชัน
รอยสลักวิญญาณหนาแน่นคลุมเครือพลุ่งพล่านราวกระแสวารี รัศมีเทพน่ากริ่งเกรงไหววูบ

นอกกระบวนผนึกมรรคราชัน มู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินยืนเคียงไหล่กัน หว่างคิ้วล้วนยังคงเต็มไปด้วยความอึมครึม

แม้ว่าจะขังหลินสวินไว้ได้แล้ว แต่เมื่อนึกถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ในใจทั้งสองคนยังคงรู้สึกอับอายและโกรธเคือง

“เหอะๆ เจ้าเทพมารหลินก็ไม่เท่าไรนี่”

เงาร่างกลุ่มหนึ่งเดินออกมาในบริเวณใกล้เคียงพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง ถึงกับเป็นซาหลิวฉาน จงหลีอู๋จี้และชิงเหลียนเอ๋อร์

สีหน้าพวกเขาล้วนเจือไปด้วยความลำพองใจที่ยากปกปิด ในมือแต่ละคนถือแผ่นจานกระบวนแผ่นหนึ่ง แผ่นจานกระบวนแต่ละแผ่นสลักรอยสลักวิญญาณที่ต่างกันออกไป กำลังแผ่คลื่นรางเลือนควบคุมกระบวนผนึกมรรคราชันที่อยู่ไม่ไกล

“ที่คราวนี้จัดการเทพมารหลินได้ เพราะได้ท่านทั้งสองช่วยเหลือ” จงหลีอู๋จี้กุมมือคารวะ พูดกับพวกมู่เจี้ยนถิง

“ไม่ต้องเกรงใจ” มู่เจี้ยนถิงเอ่ยเนิบนาบ “พวกเราได้สิ่งที่แต่ละคนต้องการเท่านั้น”

จงหลีอู๋จี้พูดอย่างเคารพนบนอบว่า “พี่มู่วางใจได้ พวกข้าทำเพียงเพื่อฆ่าหลินสวิน ส่วนศุภโชคกับสมบัติอริยะที่อยู่กับตัวเขาย่อมเป็นของพวกท่านสองคน”

สีหน้ามู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินถึงค่อยดีขึ้นมาก

เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนล่วงหน้า แอบร่วมมือกันอยู่ก่อนแล้วในหมู่พวกเขา พวกจงหลีอู๋จี้ต้องการสังหารหลินสวิน ส่วนมู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินก็ต้องใจศุภโชคกับสมบัติอริยะที่อยู่กับตัวหลินสวิน!

“แม่นางเหลียนเอ๋อร์ ค่ายกลนี้จะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

ซาหลิวฉานที่อยู่ข้างกันนิ่วหน้าถาม เขาออกจะกังวล ตื่นตระหนกกับพลังต่อสู้ของหลินสวินเข้าจริงๆ แล้ว ทำให้เขาหวาดกลัวหลินสวินอย่างบอกไม่ถูก

“วางใจได้ ค่ายกลนี้มีนามว่า ‘จตุลักษณ์ราชัน’ ก่อตัวขึ้นมาจากธงรบจตุลักษณ์หนึ่งร้อยแปดผืนที่บรรพชนเผ่าข้าหลอมขึ้นเองกับมือ ทันทีที่ถูกกักอยู่ในนั้น ก็เหมือนกักขังมังกรคลั่ง แม้แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็หลุดจากการคุมขังไม่ได้!”

ชิงเหลียนเอ๋อร์พูดอย่างไม่ลังเล ดวงตากระจ่างฉายแววหยิ่งผยอง นางรู้อานุภาพของกระบวนผนึกมรรคราชันชิ้นนี้ดี

ทุกคนใจสงบลงอย่างยิ่ง

“เฮอะ คราวนี้เทพมารหลินก็หนีเคราะห์ยากแล้ว” เสียงซาหลิวฉานชิงชังและลำพองใจ สะใจที่ได้แก้แค้น

“หากไม่ใช่เพื่อเร่งรีบชิงมหาโชค ก็ไม่ต้องลำบากแม่นางเหลียนเอ๋อร์นำค่ายกลนี้ออกมา ข้าจะสั่งสอนมันว่าจะทำตัวเป็นผู้เป็นคนได้อย่างไร!”

จงหลีอู๋จี้สีหน้าหยิ่งผยอง

ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา กลับเป็นมู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินที่ชิงชังและหงุดหงิดในใจ หากเทพมารหลินอ่อนแอขนาดนั้น จะกำราบพวกเขาสองคนจนเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้ได้อย่างไร

แต่จงหลีอู๋จี้กลับเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาได้ มาเทียบกันเช่นนี้แล้ว ไม่ได้สะท้อนว่าพวกเขาสองคนยังเทียบกับจงหลีอู๋จี้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ

มู่เจี้ยนถิงพูดอย่างงุ่นง่านว่า “อย่ามัวพูดพร่ำเลย รีบฆ่ามันเสีย เวลากระชั้นแล้ว”

ดอกตูมสำริดเหล่านั้นที่เหลืออยู่บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณใช้เวลาไม่นานก็จะเบ่งบาน เขาไม่อยากเสียเวลาตอนนี้

“ที่พี่มู่พูดมาถูกต้องอย่างยิ่ง”

ระหว่างที่จงหลีอู๋จี้พูด ก็เริ่มโคจรแผ่นจานกระบวนของแต่ละคนร่วมกับซาหลิวฉานและชิงเหลียนเอ๋อร์

โครม!

รัศมีเทพอบอวล รอยสลักวิญญาณผันผวน

ค่ายกลใหญ่จตุลักษณ์ราชันดุจฟื้นตื่นจากความเงียบงัน ไอสังหารแผ่ขยายออกมาสะท้านคลื่นลม

ชั่วขณะนั้น พื้นที่สี่ทิศเหนือค่ายกลใหญ่ก็มีปรากฏการประหลาดยิ่งใหญ่มากมายอย่างเสือขาวโลดแล่น วิหคชาดโผบิน มังกรเขียวยึดครอง เต่าดำชูคอ แผ่คลื่นต้องห้ามที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับราชันขวัญผวาได้ออกมา

…….

“สวรรค์! นี่เป็นค่ายกลใหญ่สะท้านโลกาชั้นไหนกัน กลิ่นอายน่าหวาดหวั่นเกินไปแล้ว เทพมารหลินอยู่ในนั้นจะรอดชีวิตกลับมาไหม”

ไกลออกไปมีผู้แข็งแกร่งมากมายรีบรุดมา เมื่อได้เห็นทุกอย่างนี้ล้วนตื่นตระหนกจนอกสั่นขวัญแขวน หน้าเปลี่ยนสียิ่ง

“นี่เป็นกับดักอันหนึ่ง บุคคลแห่งยุคกลุ่มหนึ่งร่วมมือกันวางขึ้น จะสังหารเทพมารหลินในครั้งเดียว!”

บางคนสังเกตเห็นว่านอกค่ายกลใหญ่นั้น จงหลีอู๋จี๋กับพวกมู่เจี้ยนถิงและเหลยเชียนจวินรวมตัวกัน นี่ก็เพียงพอที่จะแสดงทุกอย่างให้ชัดเจนแล้ว

‘เทพมารหลินจะเสียท่าแล้ว…’

ทั้งมีผู้แข็งแกร่งหลายคนทอดถอนใจในใจ

เทพมารหลินเป็นคนโดดเด่นไร้เทียมทานปานไหน ทะลวงจากโลกชั้นล่างมาเพียงลำพัง หัวเดียวกระเทียมลีบ อาศัยเพียงพลังของตัวเองคนเดียวก็ก่อกวนคลื่นลมในแดนฐิติประจิม ผงาดขึ้นอย่างแข็งกร้าวในหมู่คนรุ่นเยาว์

บุคคลแห่งยุคเช่นนี้ ตอนนี้กลับจะสิ้นชีพบนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ นี่ย่อมพาให้ผู้อื่นเห็นใจและสงสาร

……

ในกระบวนผนึกมรรคราชันเป็นทิวทัศน์อีกแบบหนึ่ง

จากการโคจรค่ายกลใหญ่ รอยสลักวิญญาณแปรปรวนราวธารดารา ไหลรินลงมาท่วมค่ายกลใหญ่ทั้งค่ายให้จมลง ภายในนั้นเกิดทิวทัศน์วันโลกาวินาศอย่างสายฟ้าไหววูบอสนีคำรามร้อง เพลิงแรงกล้าโหมกระหน่ำ สายน้ำม้วนตลบ หินผากลิ้งร่วง

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณอื่น เกรงว่าคงสิ้นหวังไปก่อนแล้ว เพราะที่นี่ไม่อาจหลบหนีได้ ทำได้เพียงรอความตายเหมือนสัตว์ที่ถูกกักขัง

แต่ในสายตาของหลินสวิน การโจมตีทุกอย่างนี้เป็นเพียงสิ่งที่แปรสภาพจากค่ายกลต่างกันไป แม้รางเลือนและน่าพิศวง น่าหวาดหวั่นหาใดเทียบ แต่ไม่ได้ไม่มีช่องโหว่

สวบ!

ในชั่วพริบตาที่ค่ายกลใหญ่โคจร หลินสวินก็เคลื่อนไหว หายตัวต่อเนื่องในค่ายกลใหญ่ด้วยความเร็วอัศจรรย์ราวสายฟ้า

เปรี้ยง!

พายุสายฟ้าเจิดจ้าแสบตาไหลบ่า ดูเหมือนไม่อาจต้านทานได้ พาให้ผู้อื่นสิ้นหวัง แต่หลินสวินยื่นแขนออกไปแตะเบาๆ ในห้วงอากาศ

ทันใดนั้นพายุสายฟ้าอันมืดฟ้ามัวดินนั้นก็พลันพังทลาย มลายหายไปราวถูกแทงจุดตาย

หลินสวินถือโอกาสนี้หายตัวหลบหนีไปก่อนแล้ว

นั่นคือการโจมตีที่แปรสภาพมาจาก ‘กระบวนค่ายกลสายฟ้าสลาตันพันมายา’ ควบคุมด้วยพลังเสือขาวที่เป็นหนึ่งในสี่ลักษณ์ พลังสังหารน่าตื่นตระหนก

เพียงแต่สำหรับหลินสวินแล้ว การสลายค่ายกลเช่นนี้ไม่เปลืองแรงเท่าไรเลย

ตำแหน่งปฐมาจารย์สลักวิญญาณของเขาไม่ได้มาจากการคุยโว!

ก่อนหน้านี้ในจักรวรรดิจื่อเย่า ขนาดสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันยังเป็นฝ่ายมาหาหลินสวินเอง ด้วยหวังว่าเขาจะช่วยหลอมชุดศึกสลักวิญญาณให้ได้

ในสถานการณ์เช่นนี้หลินสวินจะกลัวได้อย่างไร ไม่แน่บางทีกระบวนผนึกมรรคราชันนี้อาจสามารถสังหารสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันได้ แต่กลับไม่รวมถึงเขาหลินสวิน!

ปึง!

ท่ามกลางทะเลเพลิงหินหนืดถาโถม หลินสวินก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ชือน้ำแข็งทะยานฟ้าพุ่งเข้าไปยังส่วนลึกของทะเลเพลิง จากนั้นทะเลเพลิงนี้ก็พังทลายลงราวเศษกระดาษ

นี่คือ ‘กระบวนค่ายกลสุริยะทมิฬลี้เพลิง’ ควบคุมด้วยพลังแห่งวิหคชาดหนึ่งในจตุลักษณ์ ครอบครองอานุภาพเผาฟ้าทลายดิน

แต่เช่นเดียวกัน ถูกหลินสวินมองทะลุจุดอ่อนของค่ายกลได้ในปราดเดียว แล้วสลายไปอย่างง่ายดาย

ในเวลาต่อมา ค่ายกลใหญ่ที่เคราะห์สังหารหนักหนาสามารถล้อมสังหารระดับราชันได้นี้ กลับถูกหลินสวินสลายเคราะห์สังหารทั้งหมดได้ประหนึ่งเดินเล่นในสวนเงียบสงบ

“พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าจะฆ่าข้าหลินสวินได้เช่นนี้”

ดวงตาสีดำของหลินสวินดุจสายฟ้า กวาดมองไปยังเวิ้งฟ้า ที่นั่นขาวโพลนเวิ้งว้าง ถูกพลังรอยสลักวิญญาณพร่าเลือนฟุ้งตลบบดบัง แต่เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมองการเคลื่อนไหวของตนจากตรงนั้น!

“พวกเจ้าล้างคอรอไว้จะดีที่สุด ยามพังค่ายกลได้ จะไปเอาหัวพวกเจ้ามาล้างแค้น!” หลินสวินวาจานิ่งเรียบ แต่เผยไอสังหารเย็นเยียบหาใดเทียมออกมา

จากนั้นหลินสวินก็ถอนสายตากลับมา เงาร่างพลันปกคลุมด้วยไอซวนหนีดุจนิมิตมายาชั้นหนึ่งแล้วหายตัวไป

……

จงหลีอู๋จี้แข็งทื่อไปทั้งตัว นัยน์ตาหดรัด ชั่วพริบตาเมื่อครู่เขาเหมือนรู้สึกได้ว่า สายตาของหลินสวินมองมาทางตนจากที่ไกลลิบ

นั่นเป็นสายตาเช่นไรกัน

นิ่งสงบและเรียบเฉยราวเหวลึกสีดำ เผยไอสังหารไร้ขอบเขตออกมา!

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้”

อีกด้านหนึ่ง พวกซาหลิวฉาน ชิงเหลียนเอ๋อร์ก็หน้าเปลี่ยนสี รู้สึกถูกสายตาของหลินสวินเพ่งเป้าไว้เช่นเดียวกับจงหลีอู๋จี้

“ค่ายกลใหญ่นี้จะมีปัญหาหรือไม่ ไม่ได้พูดว่าขนาดสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันยังถูกล้อมสังหารอยู่ภายในนั้นหรือ” ซาหลิวฉานอดไม่ได้ถามออกไป

“ค่ายกลนี้เป็นสิ่งที่บรรพชนเผ่าหงส์เขียวของข้าหลอมขึ้นมากับมือ จะมีข้อผิดพลาดได้อย่างไร เจ้าหมอนี่น่าจะเชี่ยวชาญศาสตร์สลักรอยวิญญาณ ถึงสามารถพ้นอันตรายไปได้”

ชิงเหลียนเอ๋อร์นิ่วหน้า นางก็ออกจะฉงนจริงๆ อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งเลย ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันผู้หนึ่งก็ไม่น่าทำได้ง่ายดายอย่างหลินสวิน

สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ก็คือ หลินสวินช่ำชองศาสตร์สลักรอยสลักวิญญาณเช่นกัน!

“ทุกท่าน ดูท่าพวกเราต้องใช้พลังทั้งหมดแล้ว!”

ชิงเหลียนเอ๋อร์กัดฟันกรอด ดวงตากระจ่างบังเกิดแววตาโหดเหี้ยม “แม้จะเปลืองพลังวิญญาณจำนวนมหาศาล แต่พวกเราก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!”

“ยังขอให้ทั้งสองท่านช่วยคุ้มครองพวกเราด้วย” สายตาจงหลีอู๋จี้มองไปทางพวกมู่เจี้ยนถิง ทั้งสองล้วนพยักหน้าตอบรับ

ทันใดนั้นพวกจงหลีอู๋จี้ก็ไม่ออมมืออีก โคจรพลังทั้งร่างควบคุมแผ่นจานกระบวนในมือถึงขีดสุด

โครม!

ภายในค่ายกลใหญ่ สภาพการณ์พลันแปรเปลี่ยน น่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้น

ฮูม!

มังกรเขียวตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากในทิวเขาไพศาลสีเขียวฟากบูรพา ร่างม้วนกระหวัดราวภูผา ชูคอส่งเสียงร้องแห่งมังกรสะท้านไปเก้าชั้นเมฆ

โฮก!

เสือขาวยาวร้อยจั้งตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากพื้นที่ที่เหมือนนรกสีดำฟากประจิม ทั้งร่างแผ่แสงทองแสบตาราวกระบี่ พลังสังหารดุดันสะเทือนแดนดิน น่ากลัวไร้ที่สิ้นสุด

ฟึ่บ!

วิหคชาดตัวหนึ่งสยายปีกโผขึ้นฟ้าจากฟากทักษิณ ปีกงดงามปลดปล่อยลูกไฟสีแดงสดนับหมื่นพันออกมา ห้วงอากาศลุกโชน แผดเผาจักรวาล

ตึง!

เต่าดำตัวหนึ่งเยื้องย่างเหนือแผ่นดินฟากอุดร เท้าทั้งสี่ราวเสาค้ำสวรรค์ ทุกก้าวที่เหยียบย่างลงมาล้วนสั่นสะเทือนจนผืนปฐพีแตกระแหง สรรพสัตว์ล้มตาย

ในความคลุมเครือ ค่ายกลใหญ่นี้แผ่พลังต้องห้ามรางเลือนเก่าแก่ออกมาดุจบุคคลระดับราชันมาเยือน สามารถกำราบภพภูมิหนึ่ง เคลื่อนกวาดทั่วจักรวาลฟ้าดิน

นี่เป็นอานุภาพที่แท้จริงของกระบวนผนึกมรรคราชัน หากวางไว้ในโลกภายนอก สามารถหลอมเมืองเมืองหนึ่งให้กลายเป็นเถ้าธุลี ทำให้ภูผาธาราหมื่นลี้ราบเป็นหน้ากลอง!

เพียงแต่…

ก็ในช่วงเวลาสำคัญนี้เอง พวกจงหลีอู๋จี้กลับพบอย่างฉับพลันว่า เงาร่างหลินสวินในค่ายกลใหญ่หายไปแล้ว!

“เกิดอะไรขึ้น”

จงหลีอู๋จี้สีหน้าเคร่งเครียด

“หรือจะถูกฆ่าตายไปแล้ว”

ซาหลิวฉานฉงนใจไม่ว่างเว้น

“เขายังมีชีวิตอยู่ แม้พวกเราไม่สามารถเล็งเป้าได้ แต่พลังของค่ายกลนี้ทำให้ข้าสัมผัสได้ว่าเขาซ่อนอยู่ภายในนั้น!”

ดวงตาเปล่งประกายของชิงเหลียนเอ๋อร์เย็นเยียบ ไอสังหารแผ่พุ่ง “ทุกท่านจะชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด หาไม่แล้วเกรงว่าจะถูกอีกฝ่ายคว้าโอกาสได้ และจะไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนไว้!”

พวกจงหลีอู๋จี้สั่นสะท้าน ล้วนไม่กล้าวอกแวก

ส่วนมู่เจี้ยนถิงกับเหลยเชียนจวินที่อยู่ใกล้กันในใจกลับสงสัยอยู่บ้าง กระบวนผนึกมรรคราชันนี้ สามารถฆ่าผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่งได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าบี้มดตัวหนึ่งให้ตายเสียอีก แต่เหตุใดยามเล็งเป้าที่หลินสวิน กลับเกิดเหตุเหนือความคาดหมายอย่างต่อเนื่องได้

หรือว่า…

ในมือของอีกฝ่ายยังถือไพ่ตายไว้อีก?

เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ความคิดเดียวกันก็โผล่ขึ้นมาในสมองของทั้งสองคน… สมบัติอริยะ!

และมีเพียงพลังของสมบัติอริยะ ถึงอาจจะทำให้หลินสวินซึ่งเป็นผู้ฝึกปราณระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง ยืนหยัดในกระบวนผนึกมรรคราชันได้ถึงตอนนี้!

ก่อนหน้านี้ในข่าวต่างๆ ล้วนเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับศุภโชคที่อยู่กับตัวหลินสวิน ตอนที่มีข่าวว่าเขาครอบครอบสมบัติอริยะ ทั้งสองคนยังฟังหูไว้หูอยู่บ้าง

แต่ตอนนี้ พวกเขากลับพอจะชี้ชัดได้ว่า เป็นไปได้สูงมากว่าข่าวนี้จะเป็นจริง!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของทั้งสองก็บังเกิดความโลภลุกโชนที่ไม่อาจเก็บกลั้นไว้ได้

เทียบกับศุภโชคที่อยู่บนต้นโคมสำริดมรรคโบราณ ศุภโชคที่ซ่อนอยู่กับตัวเทพมารหลินผู้นี้ก็ต้องไม่ใช่เล็กๆ แน่ ถึงกับเป็นไปได้ว่าจะมีไม่น้อยกว่ากัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด