Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 930 คลื่นลมการหมั้นหมาย

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 930 คลื่นลมการหมั้นหมาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 930 คลื่นลมการหมั้นหมาย
ไป๋หลิงซีอดไม่ได้เงยหน้ามองขึ้นไป ก็เห็นว่าดวงตาดำของหลินสวินล้ำลึก หว่างคิ้วฉายแววผงาดกร้าวสุขุมเยือกเย็น

มาคิดดูก็ถูก ถ้าไม่ใช่เพราะตำหนักอมตะ อวี่หลิงคงย่อมไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของหลินสวิน ไม่ต้องกังวลอะไรจริงๆ

ทันใดนั้นจู่ๆ ไป๋หลิงซีก็รับรู้ได้ว่า นางนึกว่าหลินสวินยังเป็นหลินสวินในตอนนั้นอยู่เสมอ แต่กลับเพิกเฉยเรื่องหนึ่งไป

ในหมู่คนรุ่นเยาว์ในแดนฐิติประจิมแห่งนี้ หลินสวินได้หล่อหลอมกิตติศัพท์ไร้เทียมทานของตนเองผ่านการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่ามานานแล้ว ผู้ที่สามารถประมือกับเขาแทบจะมีเพียงไม่กี่คน!

……

หลายชั่วยามผ่านไป

เมื่อมาถึงเมืองหนึ่งในแคว้นต้าฉิน ไป๋หลิงซีก็จากไปแล้ว

นางต้องไปเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ด้วยมีคนใหญ่คนโตที่แดนพิสุทธิ์อมตะผู้หนึ่งรออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นไป๋หลิงซี หรือผู้สืบทอดแดนพิสุทธิ์อมตะที่เข้าร่วมเทศกาลโคมกถามรรคคนอื่นๆ ล้วนต้องไปรวมตัวที่นั่น จากนั้นจึงค่อยออกเดินทางกลับสำนัก

หาไม่แล้ว อาศัยพลังของพวกเขาเองย่อมไม่อาจข้ามแดนกลับไปยังแดนกาฬทักษิณได้

นี่ก็ทำให้หลินสวินรับรู้ได้ทันทีว่า ถ้าตนต้องการออกจากแดนฐิติประจิมไปยังแดนชัยบูรพา ก็ต้องคลี่คลายปัญหาข้อหนึ่งที่ว่า จะข้ามแดนอย่างไร

ก่อนหน้านี้หลินสวินยังเคยหวังให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์บรรพตเขียวช่วยตนแก้ปัญหานี้ แต่เพราะความขัดแย้งครั้งหนึ่ง ทำให้เขาล้มเลิกความคิดนี้ไป

หลินสวินครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่จึงตัดสินใจ รอส่งโครงกระดูกของเยวี่ยเจี้ยนหมิงกลับไปยังบ้านเกิดแล้ว ก็จะเริ่มสะสางปัญหานี้ทันที

……

เจ็ดวันผ่านไป

แคว้นวิญญาณอัคนี นครเตโช

หลินสวินเดินเข้าไปในนครอันเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ ยามเขามาถึงดินแดนรกร้างโบราณครั้งแรกเมื่อครึ่งปีก่อน เมืองแรกที่เข้ามาเยือนก็คือเมืองนี้

ได้เดินทางกลับมาเมืองนี้อีกครั้ง หลินสวินก็นึกถึงซย่าเสี่ยวฉง เด็กสาวใสซื่อเลอะเลือนผู้นั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนึกถึงบุคคลลี้ลับผู้หนึ่งที่จำศีลอยู่ที่ยอดเขาดาราโรยในภูเขาโคม่วง… เซ่าเฮ่า

เซ่าเฮ่ามาจากเผ่าราชันเร้นดารา เป็นนายน้อยแห่งเผ่านี้ สถานที่ที่เขาจำศีลอยู่ลี้ลับหาใดเทียบ มี ‘ค่ายกลศักดิ์สิทธิ์หมู่ดารา’ ปกป้อง มี ‘ไข่แห่งกลุ่มดาว’ เป็นที่พำนัก

ตอนนั้นหลินสวินก็มีสังหรณ์แรงกล้าอย่างหนึ่งว่า เมื่อเซ่าเฮ่าปรากฏตัวบนโลกหลังจากการจำศีลนิ่งเงียบ คลื่นลมจะต้องซัดสาดในโลกา เจิดจรัสเรืองรอง!

เพราะเขาไม่ธรรมดาเกินไป มีทั้งความมุ่งมั่น จิตใจ และความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ ที่มาของเขาลึกลับ ไม่รู้ว่าเขานิ่งเงียบมานานแค่ไหนแล้ว รอเมื่อมหาสงครามมาเยือนก็จะถือกำเนิดมาสู่โลก

ตอนนั้นเซ่าเฮ่ายังเคยออกตัวมอบเคล็ดวิชาเร้นดาราควบคุมหนอนให้แก่หลินสวิน นี่เป็นวิชาลับในการเลี้ยงหนอนกินเทพโดยเฉพาะวิชาหนึ่ง เรียกได้ว่าคลี่คลายเรื่องเร่งด่วนของหลินสวินไปได้

‘เซ่าเฮ่า… ไหนจะนายน้อยลึกลับที่ได้รับการปกป้องจากวานรเฒ่าชุดเขียวผู้นั้นที่เกาะอริยะปัญจธาตุ น่าจะเป็นคนจำพวกเดียวกัน เมื่อมหาสงครามมาเยือน พวกเขาจะต้องผงาดขึ้นมาแน่’

ยามหลินสวินครุ่นคิด ก็มาถึงหน้าต้นข่าวสารที่อยู่กลางเมืองแล้วโดยไม่รู้ตัว

ที่นี่ยังอึกทึกครึกโครมดังเดิม ล้อมรอบไปด้วยเงาร่างผู้ฝึกปราณมากมาย

“จะว่าไปเทพมารหลินผู้นี้ก็เริ่มผงาดขึ้นจากนครเตโชของพวกเรานี่ เขาในตอนนั้นยังเพิ่งสำแดงความสามารถ ใครจะคาดคิดได้ว่าตอนนี้เขาเลื่องชื่อไปทั้งแดนฐิติประจิมแล้ว ประหนึ่งราชันในหมู่คนรุ่นเยาว์ ไม่มีศัตรูเทียบเทียม”

“นี่ก็เรียกว่าผู้คนในตอนนั้นไม่รู้ว่าต้นไม้นี้จะสูงใหญ่เทียมเมฆได้ กระทั่งมันสูงเทียมเมฆจริงๆ ถึงได้ยอมรับกันว่าสูง ที่น่าเสียดายก็คือ หนทางแห่งความรุ่งเรืองของเทพมารหลินนองเลือดเกินไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าล่วงเกินสำนักโบราณไปกี่สำนัก ทางข้างหน้าของเขาย่อมพ่วงไปด้วยอันตรายและเคราะห์สังหาร!”

“หึ นี่เรียกว่าไร้เหตุผลสิ้นดี ไม่ใช่เพราะเทพมารหลินมาจากโลกชั้นล่างไร้ที่พึ่งพิงหรอกหรือ ยอมให้สำนักโบราณเหล่านั้นรังแกผู้อื่นเท่านั้น แต่ไม่ยอมให้เทพมารหลินโต้กลับหรือ นี่ช่างไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว!”

ข่าวบนต้นข่าวสารมากมายนัก เกินกว่าครึ่งของข่าวเหล่านั้นล้วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลโคมกถามรรค และข่าวที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลโคมกถามรรค ก็ต้องหนีไม่พ้นหลินสวิน

ดังนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเขาจึงย่อมกลายเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมที่สุดเป็นธรรมดา

หลินสวินใช้เคล็ดวิชามหาไร้รูปเปลี่ยนแปลงหน้าตาและกลิ่นอายประจำตัวไว้ก่อนแล้ว หาไม่จะต้องถูกจำได้ในทันที

สายตาของหลินสวินกวาดไปมาบนต้นข่าวสารอยู่ครู่ใหญ่แล้วจึงหันกายจากไป

เขารู้ดีว่ายิ่งตนชื่อเสียงโด่งดังขึ้นเท่าไร ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น สำนักโบราณเหล่านั้นย่อมไม่รามือโดยง่าย

สำหรับเขาแล้ว แดนฐิติประจิมแห่งนี้เหมือนกลายเป็นวังน้ำวนที่มีคลื่นประหลาดแปรปรวน อันตรายรายล้อมลูกหนึ่ง ไม่ควรอยู่นาน

เรื่องที่จะออกจากที่นี่ กลายเป็นเรื่องที่ต้องจัดการโดยเร็วที่สุดแล้ว

“ช่วยข้าติดต่อไป่เฟิงหลิวที บอกว่าถ้าต้องการศุภโชค อีกสามวันให้มาเจอกันที่นครเตโช”

ไม่นานนักหลินสวินก็พบผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยผู้หนึ่ง หลังจากบอกความต้องการของตัวเองแล้ว ก็มอบแกนวิญญาณขั้นกลางหนึ่งร้อยก้อนแก่อีกฝ่าย จากนั้นก็ลอยละล่องจากไป

……

แคว้นวิญญาณอัคนี เมืองพันทะเลสาบ

ที่นี่คือเมืองเล็กอันไกลลิบเมืองหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่โต เทียบกับนครเตโชแล้วก็เหมือนชนบทห่างไกลความเจริญ

ตระกูลเจิ้งเป็นตระกูลทรงอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองพันทะเลสาบ แต่บุคคลระดับผู้ก่อตั้งที่มีพลังปราณสูงสุดในตระกูล ยังมีพลังปราณแค่ระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น

หนึ่งวันผ่านไป เงาร่างของหลินสวินก็ปรากฏขึ้นที่เมืองพันทะเลสาบ

“เยวี่ยเจี้ยนหมิงหรือ ข้ารู้จักแน่นอน เขาเป็นถึงความภาคภูมิใจของพวกเราเมืองพันทะเลสาบเชียวนะ ในหมู่คนรุ่นเยาว์ก็เขานี่ล่ะที่โดดเด่นที่สุด ได้ยินว่าชื่อเสียงของเขาในตอนนี้ขจรทั่วแคว้นวิญญาณอัคนีไปนานแล้ว”

ระหว่างทาง หลินสวินหาผู้ฝึกปราณคนหนึ่งมาสอบถาม ฝ่ายหลังท่าทางภูมิใจ ปากก็มีแต่ความเคารพเยวี่ยเจี้ยนหมิง

นี่ทำให้หลินสวินรับรู้ได้ในทันทีว่าข่าวการตายของเยวี่ยเจี้ยนหมิงเหมือนจะยังมาไม่ถึงเมืองเล็กอันห่างไกลแห่งนี้

“เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่าตระกูลเยวี่ยอยู่ที่ใด”

“ริมทะเลสาบหลิวเขียว ไปถึงที่นั่นเจ้าก็รู้เอง”

“ขอบคุณมาก”

หลินสวินบอกลาผู้ฝึกปราณคนนั้น ไม่นานนักก็หาที่หมายพบ

ที่นั่นเป็นทะเลสาบงดงามสันโดษแห่งหนึ่ง น้ำทะเลสาบเป็นสีมรกตใสสะอาด ต้นหลิวสีเขียวชอุ่มเก่าแก่ต้นหนึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบ ใบหลิวพลิ้วไหวลู่ลม สีเขียวเปล่งปลั่ง งดงามอ่อนช้อย

บ้านตระกูลเยวี่ยตั้งอยู่ที่ริมทะเลสาบ นั่นเป็นคฤหาสน์ที่เรียบง่ายแต่ภูมิฐานหลังหนึ่ง

ระหว่างทางที่มาหลินสวินก็สืบข่าวมาแล้วว่า ยามเยวี่ยเจี้ยนหมิงอายุเจ็ดปี มารดาผู้ให้กำเนิดเขาก็จากไปเพราะป่วยหนักด้วยโรคเรื้อรัง ด้วยความเสียใจมากล้น บิดาของเขาผมหงอกขาวในคืนเดียว เวลาผ่านไปครึ่งปีเท่านั้นก็ปลีกตัวจากผู้คน จากไปอย่างกะทันหัน

ตระกูลเยวี่ยในตอนนี้ เหลือเพียงเยวี่ยเจี้ยนหมิงกับน้องชายฝาแฝดของเขาเยวี่ยเจี้ยนเฟย

เจี้ยนหมิง (กระบี่ขับขาน) คราขับขาน สะท้านใจผู้คน

เจี้ยนเฟย (กระบี่โบยบิน) คราโบยบิน พุ่งทะลุฟ้า

แค่จากชื่อ ก็รู้ว่าพี่น้องคู่นี้รับฝากความคาดหวังอันยิ่งใหญ่จากบิดามารดาของพวกเขา

แต่ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจก็คือ พรสวรรค์ของเยวี่ยเจี้ยนหมิงก้าวล้ำเกินคนทั่วไป โดดเด่นเหนือธรรมดา เหมาะสมแก่การฝึกปราณถึงที่สุด ตอนเขาอายุสิบสามปีก็ได้รับความชื่นชมจากคนเบื้องบนในสำนักยุทธ์พันเวท รับเข้าเป็นศิษย์เป็นกรณีพิเศษ

แต่เยวี่ยเจี้ยนเฟยกลับตรงข้าม ตั้งแต่เล็กก็ร่างกายอ่อนแอขี้โรค ทั้งสติปัญญาคล้ายบกพร่อง เหมือนกับคนโง่สมองทึบ กระทั่งตอนนี้ยังไม่หายเป็นปกติ

เรื่องนี้ยังกลายเป็นเรื่องพิศวงเรื่องหนึ่งในเมืองพันทะเลสาบแห่งนี้ คนพี่เป็นดั่งผู้กล้า ชื่อเสียงเลื่องลือทั่วแคว้นวิญญาณอัคนี แต่คนน้องกลับบกพร่องแต่กำเนิด ทึ่มทื่อราวคนโง่ จะไม่ให้ผู้อื่นสนใจย่อมเป็นเรื่องยาก

ทว่าตั้งแต่เยวี่ยเจี้ยนหมิงเข้าสำนักยุทธ์พันเวท ในเมืองพันทะเลสาบแห่งนี้ก็ไม่มีใครกล้าหัวเราะเยาะเยวี่ยเจี้ยนเฟยน้องชายของเขาอีก

เอี๊ยด~

หลังจากหลินสวินก้าวไปเคาะประตู ประตูบ้านตระกูลเยวี่ยที่ปิดสนิทบานนั้นก็ถูกเปิดออก ข้ารับใช้ชราที่แต่งกายเรียบง่ายผู้หนึ่งเดินออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “คุณชายมาหาใครหรือ”

“เยวี่ยเจี้ยนเฟย” หลินสวินพูดพลางประสานมือทักมาย เขาค้นพบอย่างเหนือความคาดหมายอยู่บ้างว่าข้ารับใช้ชราตรงหน้าเหมือนถูกคนอื่นตบตีอย่างรุนแรงมาก่อน จมูกคล้ำเขียวใบหน้าบวมเป่ง ตามเสื้อผ้ายังหลงเหลือรอยเท้ามากมาย ท่าทางสะบักสะบอมนัก

ข้ารับใช้ชราหน้าเปลี่ยนสีในทันใด พูดอย่างขุ่นเคืองว่า “เจ้าเป็นคนที่ตระกูลเจิ้งส่งมาล่ะสิ คุณชายรองตระกูลข้าก็ถูกพวกเจ้าจับไปแล้ว พวกเจ้ายังจะทำอะไรอีก”

ตระกูลเจิ้งหรือ

หลินสวินอึ้งไป นิ่วหน้าแล้วกล่าวว่า “ผู้เฒ่า ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเป็นเพื่อนของเยวี่ยเจี้ยนหมิง คราวนี้มีเรื่องจึงมาหา”

“เอ๋?”

ข้ารับใช้ชรางงงวย ทันใดนั้นก็พูดขึ้นอย่างปรีดาว่า “คุณชายทะ… ท่านเป็นเพื่อนของเจี้ยนหมิงจริงหรือ พูดเช่นนี้ ท่านก็เป็นศิษย์ชั้นสูงจากสำนักยุทธ์พันเวทหรือ ดียิ่งแล้ว! ทีนี้คุณชายรองก็ถือว่ามีคนช่วยแล้ว ถ้าท่านไม่มาล่ะก็ ข้าคงไปขอความช่วยเหลือที่สำนักยุทธ์พันเวทด้วยตัวเองแล้ว!”

เขาพูดไปดวงตาแก่ชราก็มีน้ำตาคลอหน่วย ร้องไห้ด้วยความปรีดาถึงที่สุด

“เยวี่ยเจี้ยนเฟยถูกจับไปหรือ” ดวงตาหลินสวินหรี่ลง ในใจมีสังหรณ์ไม่ดี จึงถามไปตรงๆ ว่า “นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผู้เฒ่าท่านเล่าให้ข้าฟังโดยละเอียดที”

“ได้ๆๆ!” ข้ารับใช้ชราเช็ดน้ำตาที่เอ่อจากดวงตา พยักหน้าหงึกหงักตอบรับ

……

ผ่านไปหนึ่งถ้วยชา หลินสวินก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในที่สุด

ที่แท้ในตอนที่เยวี่ยเจี้ยนหมิงเข้าสำนักยุทธ์พันเวทนั้น ตระกูลเจิ้ง ตระกูลทรงอิทธิพลที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองพันทะเลสาบก็มาหาถึงบ้าน หมายจะจับคู่เจิ้งอวิ๋นเฉี่ยว บุตรสาวคนเล็กของเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งกับเยวี่ยเจี้ยนเฟย และได้ทำหนังสือสัญญาหมั้นหมายไว้ รอเมื่อเจิ้งอวิ๋นเฉี่ยวอายุครบสิบแปดปีก็จะแต่งงานให้เยวี่ยเจี้ยนเฟยอย่างเป็นทางการ

ในตอนนั้นเรื่องนี้ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมใหญ่โตถึงที่สุด เพราะใครก็รู้ว่าเยวี่ยเจี้ยนเฟยเป็นคนโง่คนหนึ่ง ตระกูลเจิ้งทำเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการใช้วิธีแต่งงานไปสร้างความสัมพันธ์กับเยวี่ยเจี้ยนหมิงให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น

อย่างไรเสียตอนนั้นเยวี่ยเจี้ยนหมิงก็เข้าสำนักยุทธ์พันเวทไปแล้ว หนทางข้างหน้าเรียกได้ว่าไม่อาจจำกัดได้ ถ้ากลายเป็นครอบครัวของเยวี่ยเจี้ยนหมิง ฐานะของตระกูลเจิ้งในเมืองพันทะเลสาบก็ยิ่งมั่นคงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

เยวี่ยเจี้ยนหมิงย่อมรู้เรื่องนี้ แต่สุดท้ายก็ยังตอบรับเรื่องการแต่งงานไป เพราะเมื่อเขาไปฝึกปราณที่สำนักยุทธ์พันเวท ย่อมไม่อาจดูแลน้องชายเขาได้อีก

เพื่อไม่ให้น้องชายที่สติปัญญาบกพร่องถูกรังแก เยวี่ยเจี้ยนหมิงจึงตัดสินใจเช่นนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อให้น้องชายของเขาได้รับความคุ้มครองจากตระกูลเจิ้ง สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายไร้กังวล

เรื่องการแต่งงานดองกันนี้ดำเนินมาถึงปีนี้ ว่ากันตามอายุ เจิ้งอวิ๋นเฉี่ยวบุตรสาวของเจ้าบ้านตระกูลเจิ้งผู้นั้นอายุครบสิบแปดแล้ว ถึงเวลาที่ควรแต่งงานแล้ว

แต่ไม่กี่วันก่อน ตระกูลเจิ้งกลับกลับคำกะทันหัน ปฏิเสธว่าไม่เคยตอบรับเรื่องนี้ ทั้งยังโวยวายว่าคุณหนูตระกูลเจิ้งไม่มีทางแต่งงานกับคนโง่คนหนึ่งเด็ดขาด!

ตอนนี้ตระกูลเยวี่ยก็เหลือเพียงข้ารับใช้ชราที่ดูแลสารทุกข์สุกดิบในชีวิตประจำวันของเยวี่ยเจี้ยนเฟยเพียงผู้เดียว เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องราวไม่คาดฝันเช่นนี้ก็ลุกลี้ลุกลน โกรธเคืองแต่ก็ไม่รู้จะทำเช่นไรอย่างกะทันหัน

ส่วนเยวี่ยเจี้ยนเฟยก็เป็นคนที่สติปัญญาบกพร่องผู้หนึ่ง จึงช่วยอะไรไม่ได้เลย

เดิมทีข้ารับใช้ชรายังหวังว่าเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่ฝึกปราณในสำนักยุทธ์พันเวทจะกลับมารักษาความเป็นธรรมได้

ใครจะคิดว่าในเช้าวันนี้เอง จู่ๆ ตระกูลเจิ้งก็ส่งคนกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามาในบ้านตระกูลเยวี่ย แล้วจับเยวี่ยเจี้ยนเฟยที่กำลังกินข้าวอยู่ไป!

เมื่อหลินสวินมาถึง ข้ารับใช้ชรากำลังเขียนจดหมาย จะไปขอความช่วยเหลือจากเยวี่ยเจี้ยนหมิงที่อยู่สำนักยุทธ์พันเวท

แน่นอนว่า หลินสวินรู้ดีว่าต่อให้จดหมายนี้ส่งถึงสำนักยุทธ์พันเวท เยวี่ยเจี้ยนหมิงก็ไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว…

เมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดนี้ แววโหดเหี้ยมพลันไหววูบในดวงตาของหลินสวิน ในใจบังเกิดความขัดเคืองที่ไม่สามารถเก็บกลั้นไว้ได้

เพราะการตายของเยวี่ยเจี้ยนหมิงก็ทำให้เขาละอายและเจ็บปวดใจไม่ว่างเว้น แล้วตอนนี้ยังมาได้ยินว่าน้องชายร่วมอุทรของเขาถึงกับถูกผู้อื่นรังแกเช่นนี้ นี่จะให้หลินสวินไม่โกรธได้อย่างไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด