Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 939 กระดิ่งสีม่วง

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 939 กระดิ่งสีม่วง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางหมอกสีเทาขุ่นไกลออกไป แมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจขนาดเท่าฝ่ามือเบียดเสียดบีบคั้นห้วงอากาศ ราวกับเมฆดำที่ปกคลุมท้องฟ้า

เสียงร้องเล็กแหลมก้องกระหึ่มทั่วฟ้าดิน โจมตีจิตวิญญาณของผู้คนโดยตรง เปี่ยมด้วยพลังฉีกทึ้งเจาะทะลวงอันน่าพรั่นพรึง น่าผวาหาใดเปรียบ

พวกมันถูกหมอกสีเทาห่อหุ้ม พุ่งกรูกันเข้ามาทางยานสมบัติที่พวกหลินสวินอยู่!

ตูม!

พวกโค่วซิงลงมือโดยไม่ลังเล การโจมตีอันหนักหน่วงแผ่ออกไปยังห้วงอากาศห่างไกลหนแล้วหนเล่า

อานุภาพสุดแสนน่าทึ่ง แต่ประสิทธิภาพกลับพาให้ผู้คนฉงนสนเท่ห์

ก็เห็นแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจเหล่านั้นยังคงโถมเข้ามาตามเดิม ไม่ว่าการโจมตีจะรุนแรงและทรงพลังเพียงใดกลับไม่สามารถต้านพวกมันได้เลย ตรงข้ามพวกมันกลับฝ่าทะลวงเข้ามาอย่างง่ายดาย!

มีเพียงแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจเพียงส่วนน้อยที่ถูกบดขยี้สลายกลายเป็นผุยผง แต่เมื่อเทียบกับกองทัพแมลงเม่าที่ครอบฟ้าคลุมดินนั้นแล้ว ความสูญเสียนี้แทบไม่สลักสำคัญ

นี่เป็นเรื่องบัดซบเสียจนพาให้ผู้คนสิ้นหวัง เจ้าพวกเส็งเคร็งเหล่านี้น่าพิศวงเกินไป วิธีต่อสู้ธรรมดาทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย!

“นี่ก็คือแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจ มันวิวัฒน์มาจากพลังวิญญาณ กำเนิดโดยการกลืนกินเศษเสี้ยววิญญาณผู้แข็งแกร่ง ต้องระวังตัวให้มากๆ!” แม่นางเยวี่ยเอ่ยเตือน

ขณะที่พูดนางพลิกมือเรียว กลางฝ่ามือปรากฏกระดิ่งเล็กๆ พวงหนึ่งขึ้น มีทั้งหมดเก้าใบ แต่ละใบต่างดูเหมือนตีหลอมขึ้นจากกระจกแก้วสีม่วง พื้นผิวสลักลวดลายโบราณเช่น วิหคบุปผามัจฉาแมลง แว่นแคว้นภูผาธารา ฟ้าเสถียรดินขนานเป็นต้น

กระดิ่งเก้าใบถูกร้อยเข้าด้วยกันด้วยเชือกสีแดงที่มีรอยไหม้เส้นหนึ่ง ทันทีที่ปรากฏก็ส่งเสียงกังวานเสนาะหู ก้องสะท้อนทั่วฟ้าดิน

กรุ๊งกริ๊ง!

จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคลื่นเสียงสีม่วงสว่างไสวแผ่กว้างออกไปวงแล้ววงเล่า วิวัฒน์เป็นเงากระบี่นับพันนับหมื่นกลางห้วงอากาศ ส่งเสียงหวีดหวิวแน่นขนัด

เงากระบี่แต่ละสายต่างสาดแสงสีม่วงงดงามออกมา ดุกร้าวไร้เทียมทาน รายล้อมด้วยพลังเจตจำนงมรรค ล้วนวิวัฒน์มาจากคลื่นเสียงบริสุทธิ์ทั้งหมด

เวลานี้เงากระบี่พันหมื่นพุ่งปราดออกไปพร้อมกันราวกับกระบี่หมื่นเล่ม ภาพนี้น่าตื่นตาอย่างแท้จริง มีพลังสะเทือนจิตใจผู้คน!

โครม!

เพียงชั่วขณะ กองทัพแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจที่เหมือนเมฆดำปกคลุมฟ้าดินก็ถูกแทงทะลุเป็นรูกลวงตัวแล้วตัวเล่าในชั่วพริบตา ไม่รู้ว่ามีแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจเท่าไรที่ถูกสังหารคาที่ ร่างแตกเป็นเสี่ยงกลายเป็นพยับหมอกสีเทาขุ่นและมลายหายไป

โค่วซิงและคนอื่นๆ ต่างอึ้งงัน ในใจสั่นสะท้าน กระดิ่งสีม่วงแวววาวพวงหนึ่งถึงกับสาดพลังสังหารน่าสะพรึงเช่นนี้ออกมา นี่เหนือจินตนาการของพวกเขาโดยสิ้นเชิง

แม้แต่หลินสวิน เวลานี้ก็รู้สึกตกใจเช่นกัน จากนั้นจึงตระหนักได้ว่ากระดิ่งในมือแม่นางเยวี่ยพวงนั้นจะต้องเป็นยอดสมบัติคีตะอย่างแน่นอน

กระทั่งอาจเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นศาสตราจิตอย่างหนึ่ง!

ศาสตราจิต หล่อหลอมจากเจตวัตถุ ขับเคลื่อนด้วยพลังจิตวิญญาณ อานุภาพยากหยั่งถึง ล้ำค่าและหาได้ยากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับยอดศาสตรามรรคราชัน!

‘น่าสนใจ ที่มาของแม่นางเยวี่ยผู้นี้เกรงว่าคงไม่ธรรมดาเป็นแน่ เพียงแต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด ถึงต้องอาศัยความช่วยเหลือในการข้ามแม่น้ำพรมแดนสู่แดนชัยบูรพา…’

หลินสวินขบคิด

กริ๊งๆ!

กระดิ่งสีม่วงส่งเสียงกังวานเสนาะหู ระลอกคลื่นเสียงแผ่ขยายกว้างวงแล้ววงเล่า บ้างก็กลายเป็นปราณกระบี่ที่เสมือนจริง บ้างก็กลายเป็นการโจมตีลับอันแสนมหัศจรรย์…

ถึงแม้พลังสังหารจะน่าตกใจหาใดเปรียบ แต่จำนวนแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจเหล่านั้นมีมหาศาลเกินไป ดำมะเมื่อมราวกับพยับเมฆ ครอบฟ้าคลุมดินเสมือนว่าฆ่าไม่จบไม่สิ้น

บรรดานักผจญภัยอย่างพวกโค่วซิงไม่กล้าชะล่าใจ ซัดโจมตีสุดกำลัง พวกเขาต่างรู้ดี หากไม่สามารถต้านการโจมตีของแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจได้ คราวนี้จะต้องพังพินาศอย่างแน่นอน!

‘ไม่ถูกสิ!’

หลินสวินกำลังเตรียมจะโจมตี จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความไม่เข้าที ในส่วนลึกของกองทัพแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจนั้นยังซุกซ่อนกลิ่นอายน่าหวาดกลัวถึงขีดสุดอยู่ บงการทุกอย่างได้ราวกับผู้เป็นราชัน

ถึงแม้อีกฝ่ายจะซุกซ่อนอย่างเร้นลับถึงขีดสุด แต่ภายใต้การครอบคลุมของพลังจิตรับรู้มหึมาของหลินสวิน ก็ยังถูกจับได้อยู่ดี

ดังคาด ขณะเดียวกับที่หลินสวินค้นพบ จู่ๆ ในส่วนลึกของกองทัพแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจนั้นก็มีเสียงกรีดร้องเสียดฟ้าสายหนึ่งดังขึ้น ซัดสะเทือนห้วงอากาศในบริเวณนี้จนสั่นไหวรุนแรง ลำพังแค่คลื่นเสียงก็เพียงพอจะโหมพิฆาตยอดฝีมือในพื้นที่นี้ทั้งเป็นได้แล้ว!

โชคดีที่บนยานสมบัติมีกระดิ่งสีม่วงของแม่นางเยวี่ยคุ้มกันอยู่ คลื่นเสียงสีม่วงที่แผ่ขยายออกไปมีประสิทธิภาพสลายการโจมตีชนิดนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บรรดานักผจญภัยอย่างพวกโค่วซิงไม่ได้รับบาดเจ็บ

“ทุกคนระวังตัวด้วย มีราชันแมลงเม่าตัวหนึ่งบัญชาการอยู่ที่นี่!” แม่นางเยวี่ยก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมถึงขีดสุด

ไกลออกไป ในส่วนลึกของกองทัพแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจปรากฏสิ่งมีชีวิตลำตัวสีเงินตัวหนึ่ง ดวงตาเจิดจ้าประหนึ่งเพชรสีเลือด สาดแสงแวววาวแปลกพิสดารน่าพรั่นพรึงผ่านพยับหมอกสีเทา กวาดมองมายังยานสมบัติ

มันน่าสะพรึงเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมีขนาดเท่าฝ่ามือ แต่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวกลับเสมือนราชันที่แท้จริง กระพือปีกแผ่คลื่นเสียงพลังวิญญาณสีเงินออกมาซัดกระแทกกับพลังกระดิ่งสีม่วงในมือแม่นางเยวี่ย

พรึ่บ!

เงาร่างแม่นางเยวี่ยไหววูบ ทะยานขึ้นกลางอากาศ กระดิ่งสีม่วงพวงนั้นถูกนางบังคับเต็มกำลัง พาให้ทั่วสรรพางค์กายของนางรายล้อมด้วยรัศมีสีม่วงสุกสกาว

นางไม่อาจไม่ต่อสู้กับราชันแมลงเม่าตัวนั้น หาไม่ทุกคนบนยานสมบัติลำนี้จะต้องพบหายนะเป็นแน่!

“ทุกคน สถานการณ์สุ่มเสี่ยง พวกเราจะต้องสู้สุดแรงเกิด ส่วนจะแพ้หรือชนะคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเจตนาสวรรค์…” แม่นางเยวี่ยส่งเสียงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

สีหน้าของพวกโค่วซิงก็เคร่งขรึมถึงขีดสุดเช่นกัน นี่คือหายนะครั้งใหญ่ กระทั่งพาให้ผู้คนรู้สึกถึงความสิ้นหวัง หากสู้สุดใจอาจยังพอมีหวังรอดชีวิต หากไม่สู้ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

โครม!

เพียงครู่เดียว แมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจก็กรูเข้ามา โถมขึ้นไปบนยานสมบัติประหนึ่งสายน้ำไหลเชี่ยว

และเวลานี้เอง พวกโค่วซิงจึงตระหนักได้ว่าสิ่งมีชีวิตประหลาดยุคบรรพกาลชนิดนี้น่าหวาดกลัวเพียงใด แต่ละตัวโหดเหี้ยมอำมหิตหาใดเปรียบ แกล้วกล้าไม่หวั่นตาย พุ่งโจมตีจิตวิญญาณของมนุษย์โดยตรง!

พวกมันหล่อเลี้ยงตัวเองด้วยการกลืนกินเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของผู้แข็งแกร่งที่ร่วงหล่น มรดกตกทอดและความทรงจำที่บรรจุอยู่ในเสี้ยวจิตวิญญาณล้วนถูกพวกมันหลอมรวมและควบคุมด้วยเช่นกัน น่ากลัวถึงที่สุด

หากมีเพียงสองสามตัวนั่นย่อมรับมือได้ง่าย แต่ยามนี้กลับทะลักเข้ามาประหนึ่งกระแสน้ำเชี่ยว เหมือนห่าตั๊กแตนชัดๆ นั่นพาให้ผู้คนสิ้นหวังอย่างเห็นได้ชัด

“อ๊าก…!” เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น

การป้องกันของยานสมบัติถูกโจมตี ผู้แข็งแกร่งหญิงคนหนึ่งไม่ว่าจะต้านทานอย่างไรก็ถูกฝูงแมลงเม่าหุ้มรุมกายทั้งบนล่างในชั่วขณะ

เพียงครู่เดียวบนพื้นก็เหลือเพียงศพสมบูรณ์หนึ่งศพ แต่จิตวิญญาณของนางกลับถูกกลืนกินจนเกลี้ยงตั้งแต่แรกแล้ว!

นี่ทำให้พวกโค่วซิงดวงตาแทบถลน ทั้งตกใจระคนเดือดดาล

ความแข็งแกร่งของผู้แข็งแกร่งหญิงคนนั้นหาได้อ่อนแอ ครอบครองปราณระดับหยั่งสัจจะขั้นสูง แต่ทันทีที่โรมรันกันกลับตกที่นั่งลำบากจนตาย!

“ทุกคนระวัง ต้องปกป้องจิตวิญญาณเอาไว้!”

จงอางแดงร้องตะโกนเตือนคนอื่นๆ เหตุที่ผู้แข็งแกร่งหญิงคนนั้นตกที่นั่งลำบากเมื่อครู่เป็นเพราะจิตวิญญาณถูกโจมตี พาให้นางตอบสนองช้าไปหนึ่งก้าว

เดิมทีหลินสวินคิดจะไปช่วย แต่กลับไม่ทันเลยสักนิด เพราะแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจพวกนั้นมีมากเกินไป มาเยือนจากทั่วสารทิศอย่างแน่นหนา แม้แต่เขาก็ยังถูกปิดล้อม

“เจ้าตัวเส็งเคร็งสมควรตายพวกนี้!”

หลินสวินใช้เคล็ดเวทบริกรรม ไม่ว่าการโจมตีจิตวิญญาณแบบใดถาโถมเข้ามา ล้วนไม่อาจทำร้ายเขาได้

อีกทั้งเขายังสำแดงความเร้นลับแห่งเสียงคำรามผูเหลา โคจรพลังหมัด ทันใดนั้นก็ได้รับผลลัพธ์อัศจรรย์อันน่าเหลือเชื่อ

แมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าระเบิดตายเกลื่อนทันทีทันใด

“ไม่…!” ไม่ไกลจากหลินสวินนัก ชายหนุ่มคนหนึ่งร้องลั่นด้วยความตกใจ เขากำลังหนีอุตลุด ใกล้จะประสบหายนะอยู่รอมร่อแล้ว

สวบ!

ดาบหักสีขาวเจิดจ้าดุจหิมะเล่มหนึ่งโฉบออกไป เพียงพริบไหวแผ่วเบาก็พิฆาตแมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจที่อยู่รอบตัวชายหนุ่มคนนั้นจนเกลี้ยง

เมื่อรอดชีวิตจากความตายทำให้ชายคนนั้นราวกับยกภูเขาออกจากอก สีหน้าฉายแววซาบซึ้ง เพียงแต่ไม่รอให้เขากล่าวขอบคุณ หลินสวินก็หันไปสังหารอีกทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตูม!

บนยานสมบัติ แมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจหวีดร้องโหมโจมตีทุกด้าน สถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด พาให้พวกโค่วซิงตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม

เพราะสายพันธุ์ประหลาดยุคบรรพกาลเหล่านี้แปลกประหลาดเกินไปจริงๆ หลอมวิวัฒน์มาจากจิตวิญญาณทั้งหมด วิธีต่อสู้ทั่วๆ ไปไม่สามารถฆ่าพวกมันได้เลย

และถึงแม้พลังจิตวิญญาณของพวกโค่วซิงจะนับว่าไม่เลว แต่กลับขาดวิชาต่อสู้จิตวิญญาณ จึงพาให้พวกเขาตกสู่สภาพผู้ถูกกระทำทันทีที่เปิดศึก

“ฆ่า!”

หลินสวินกระตุ้นไอสังหาร ปลายเท้าใช้ก้าวย่างชือน้ำแข็ง เคลื่อนที่โคจรรอบยานสมบัติ ทุกจุดที่เคลื่อนผ่าน แมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจล้วนถูกสังหารทีละกลุ่มประหนึ่งกระดาษว่าวก็มิปาน ไม่สามารถต้านทานได้เลย

พร้อมกันนั้นดาบหักขยับไหว ถูกควบคุมโดยจิตวิญญาณของหลินสวิน พุ่งไปช่วยเหลือพวกโค่วซิง

หลินสวินไม่อาจทนเห็นพวกโค่วซิงประสบหายนะได้ เขาต้องมุ่งหน้าไปยังแดนชัยบูรพา ยังต้องให้พวกโค่วซิงชี้แนะและนำทางอยู่

“หืม?”

ไม่นานพวกโค่วซิงก็ไหวหวั่น เพิ่งสังเกตเห็นว่านักชำนาญวิญญาณนามว่าหลินซย่า ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับพวกเขาในครั้งนี้ถึงกับสำแดงอานุภาพวิเศษครั้งใหญ่ ซัดสังหารอีกฝ่ายประดุจผ่าลำไผ่ ประหนึ่งเข้าสู่ระดับไร้ทัดเทียม!

“เจ้าหนูนี่เป็นถึงยอดฝีมือซ่อนคมในฝักคนหนึ่ง!” ในดวงตาดอกท้อทรงเสน่ห์คู่นั้นของจงอางแดงฉายแววแปลกประหลาดวูบหนึ่ง

“เยี่ยม!” นักผจญภัยบางส่วนร้องลั่น หลินสวินช่วยชีวิตพวกเขาได้ไม่น้อยในระยะเวลาสั้นๆ พาให้พวกเขาฮึกเหิมและประหลาดใจ

แต่การกระทำครั้งนี้ของหลินสวินกลับเหมือนจ้วงรังแตน แมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจมากมายมหาศาลแถวนั้นเริ่มรวมตัวกัน จากนั้นก็พุ่งมาทางหลินสวิน หมายจะปลิดชีพเขา

ตูม!

หลินสวินยื่นมือซัดเปรี้ยง ทะเลเพลิงแถบหนึ่งขจรขจายออกไป ดวงดาวลุกไหม้แตกระเบิดดวงแล้วดวงเล่า แปลงเป็นพลังเร้นลับแห่งเสียงคำรามผูเหลาที่แผ่ขยายออกมา

นี่คือการผสานของเสียงคำรามผูเหลาและวิชามรรคธารดาราหลอมเพลิง

ก็เห็นว่าห้วงอากาศบริเวณที่ทะเลเพลิงแผ่ขยายไป แมลงเม่าวิญญาณปีกปีศาจนับร้อยนับพันถูกหลอมละลาย สลายหายลับชั่วพริบตา พลังทำลายล้างน่าตกใจหาใดเปรียบ

สำหรับคนอื่นๆ การโจมตีจิตวิญญาณอาจน่ากลัวถึงที่สุด แต่สำหรับหลินสวินที่พลังจิตวิญญาณบรรลุระดับดอกเทพรวมยอดแล้ว ไม่ได้มีภัยคุกคามใดๆ เลย

ไม่ว่าจะเป็นเสียงคำรามผูเหลาหรือดาบหัก ต่างก็ข่มสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ประหลาดยุคบรรพกาลที่วิวัฒน์มาจากจิตวิญญาณเหล่านี้ได้โดยธรรมชาติ

ภายใต้สถานการณ์ระดับนี้ ทั้งตัวหลินสวินเป็นเหมือนดาบคมเล่มหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดไม่พังทลาย ไร้ศัตรูเทียบเทียม อานุภาพแข็งกร้าวซัดสะเทือน

พวกโค่วซิงสะเทือนไหวไร้คำพูดไปนานแล้ว นี่ไหนเลยจะเป็นนักชำนาญวิญญาณที่เชี่ยวชาญการหาชีพจรปราณ เห็นอยู่ว่าเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานคนหนึ่งชัดๆ!

ก่อนหน้านี้พวกเขาล้วนดูเบาเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินซย่าคนนี้กันทั้งสิ้น!

เวลานี้แม้กระทั่งแม่นางเยวี่ยที่กำลังจัดการกับ ‘ราชันแมลงเม่า’ ตัวนั้นก็ยังเผยแววประหลาดใจอย่างอดไม่ได้

แต่ไม่นานนางก็ไม่อาจคิดมากได้อีก เพราะพลังของราชันแมลงเม่าตัวนั้นน่าสะพรึงเป็นล้นพ้น พาให้นางสัมผัสถึงแรงกดดันหาใดเปรียบ ไม่กล้าแบ่งสมาธิแม้แต่นิดเดียว

และพร้อมกันนั้น หลินสวินที่กำลังพุ่งสังหารอยู่ก็ขมวดคิ้วอย่างยากจับสังเกต ‘ไม่ไหว เจ้าตัวเส็งเคร็งพวกนี้มีจำนวนมากเกินไป จะฆ่าให้หมดในชั่วขณะแทบเป็นไปไม่ได้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปย่อมไม่เข้าท่าแน่…’

นึกถึงจุดนี้ เขาก็มองไปทาง ‘ราชันแมลงเม่า’ ตัวนั้นที่กำลังต่อสู้กับแม่นางเยวี่ยกลางห้วงอากาศไกลออกไป

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด