Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ 945 สำแดงวิชาแห่งตน สู้ราชันกึ่งระดับ

Now you are reading Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ Chapter 945 สำแดงวิชาแห่งตน สู้ราชันกึ่งระดับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ว่าอย่างไร ความสามารถของหลินสวินทำให้แม่นางเยวี่ยลอบโล่งอก และอดตะลึงไม่ได้

แม้ชายวัยกลางคนชะล่าใจ แต่ก็ใช่ว่ามหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติทุกคนจะทำได้ถึงขั้นนี้!

ชายวัยกลางคนกำลังกรีดร้อง ทั้งโกรธทั้งตะลึง หน้าอกของเขายุบลง บาดเจ็บสาหัสในการโจมตีเดียว ทำให้จนตอนนี้เขายังยากจะเชื่อ

บนเรือสีเลือด ทุกคนจากลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ต่างตกตื่น ยากจะเชื่อเช่นกัน

โครม!

หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาไม่ได้พูดแม้แต่คำเดียว ตั้งแต่ต้นจนจบอีกฝ่ายล้วนท่าทีหยิ่งผยอง เห็นเขาเป็นปลาที่พร้อมให้เชือดอยู่บนเขียง

ตอนนี้เขาเองก็คร้านจะพูดเช่นกัน ชั่วขณะที่โจมตีอีกฝ่ายจนยับเยินก็พุ่งออกไป เงาร่างราวกับสายฟ้า เร็วจนถึงขีดสุด

ราชันกึ่งระดับอะไร เขาหลินสวินก็ใช่จะไม่เคยฆ่า!

“มารผจญ เจ้ารนหาที่ตาย!”

เห็นหลินสวินพุ่งเข้ามา ชายวัยกลางคนคำรามอย่างเดือดดาล เบ้าตาแทบหลุดออกมา สีหน้าอึมครึมน่ากลัว กลิ่นอายอันน่าสะพรึงแผ่กระจายออกจากร่างกายของเขาราวกับกระแสน้ำ

นี่คืออานุภาพของราชันกึ่งระดับ ยามนี้เขาไม่ดูถูกอีกต่อไป และไม่คิดประมาทอีก จะโจมตีสังหารหลินสวินเพื่อล้างความอับอาย

เขาควบคุมเพลิงดำ ปลดปล่อยกลิ่นอายผลาญฟ้าทำลายดินอานุภาพน่าทึ่ง พุ่งเข้าไปหาหลินสวิน

“เพลิงศักดิ์สิทธิ์ผลาญฟ้า!”

ชายวัยกลางคนตะเบ็งเสียงอย่างเดือดดาล กดฝ่ามือกลางอากาศ เพลิงสีดำปรากฏทั่วฟ้า ร้อนเร่าไร้ที่เปรียบ ท่วมท้นท้องฟ้าทั้งผืน

ครืน!

นัยน์ตาหลินสวินสาดประกาย ไม่ถอยแม้สักนิด เงาร่างราวกับชือน้ำแข็งทะยานฟ้า สำแดงความเร้นลับของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ พลังหมัดสว่างไสวราวกับสุริยันส่องสะท้อน มีพลานุภาพน่าตะลึง

ทันใดนั้นชายกลางคนชุดคลุมดำกระอักเลือดอีกครั้ง การโจมตีของเขาถูกบดขยี้ ไม่เพียงไม่สามารถทำร้ายหลินสวินได้ กลับยังถูกโจมตีจนปลิวออกไปอีกครั้ง

เขาร้องโหยหวน กระอักเลือดไม่หยุด กระตุกไปทั้งตัว

เฮือก!

เสียงสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจดังขึ้นทั้งที่นั้น นี่เป็นถึงราชันกึ่งระดับเชียวนะ! แต่ตอนนี้กลับมีแนวโน้มจะพ่ายแพ้ แม้แต่ต้านทานยังไม่สามารถทำได้!

“เจ้า… เป็นใครกันแน่” ชายวัยกลางคนตกใจ ตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของคู่ต่อสู้อย่างที่สุด แม้ไม่ได้ประมาท ก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจต้านทานได้

นี่เหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

หลินสวินไม่สนใจเขา ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังท่าทางเย่อหยิ่ง มองข้ามทุกอย่าง ตอนนี้เขายังจะมีกะจิตกะใจจากไหนมาสนใจอีกฝ่าย

ฆ่า!

เขาโจมตีอีกครั้ง ผมดำพลิ้วไหว เงาร่างสง่างามอาบไล้แสงรัศมีใส มีอานุภาพที่กลืนกินแปดด้าน ผงาดผยองเหนือจักรวาล

ทุกคนต่างตะลึงงัน พวกโค่วซิงเกือบจะคิดว่าตนเกิดภาพลวงตา ยังไม่กล้าเชื่อ

ตอนนี้ใครกล้าบอกว่าคุณชายหลินซย่าคนนี้เป็นนักชำนาญวิญญาณ พวกเขาจะถุยน้ำลายใส่ให้ตายไปเลย!

“หึ คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเด็กหนุ่มผู้กล้าที่ก้าวสู่มกุฎมรรคาที่นี่ เหนือความคาดหมายจริงๆ แต่ว่า… คิดจริงๆ หรือว่าไม่มีใครสยบเจ้าได้”

เห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังจะประสบเคราะห์ เสียงอันเรียบเฉยหนึ่งก็ดังขึ้นกะทันหัน

พร้อมๆ กับเสียงที่ดังขึ้น เงาร่างราชันกึ่งระดับร่างแล้วร่างเล่าพุ่งออกจากเรือสีเลือด เข้าสังหารเข้ามาทางหลินสวิน

แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถทนให้พวกของตนถูกฆ่าคาตาตัวเองได้!

ในเวลาเดียวกัน กลุ่มลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เองก็โจมตี พุ่งเข้าไปหาพวกของแม่นางเยวี่ยที่อยู่บนยานสำเภา

ข้อได้เปรียบของจำนวนคน แสดงให้เห็นอย่างเต็มที่ในตอนนี้

สีหน้าของพวกโค่วซิงเปลี่ยนไป ความหวังเสี้ยวหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจในตอนแรกก็ดับสลายไปเพราะเหตุนี้

แม่นางเยวี่ยเองก็หัวใจหล่นวูบ

ฝั่งพวกเขามีแค่หลินสวินที่อาจจะสามารถต่อสู้โดยลำพังได้ แต่สองหมัดยากจะสู้สี่มือ ในสถานการณ์เช่นนี้ยังจะคาดหวังให้หลินสวินพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่

ยากมาก!

ถึงขั้นสามารถพูดได้ว่าไม่มีหวัง เหตุผลก็คือ อีกฝ่ายได้เปรียบในเรื่องของจำนวนคน!

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ แม่นางเยวี่ยกัดฟันขาวดั่งเปลือกหอย ภายในดวงตากระจ่างเผยความเหี้ยมโหด ราวกับได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง

เพียงแต่ยังไม่ทันที่นางจะเคลื่อนไหว ตรงหน้าพลันปรากฏแสงดาบเจิดจ้าดั่งหิมะกะทันหัน

ดาบหักเล่มหนึ่งโฉบพุ่งแหวกอากาศเข้ามา ราวกับทะลวงผ่านกาลเวลา สาดเสี้ยวเงาวูบหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ฟุ่บ!

ลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่พุ่งเข้ามาเป็นกลุ่มแรก ยังเคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศแท้ๆ แต่ร่างกายได้ถูกแสงดาบสายแล้วสายเล่าฟันเอวจนขาดเป็นสองท่อนแล้ว!

เลือดสดสีแดงราวกับดอกไม้ไฟดอกแล้วดอกเล่า ระเบิดออกบนอากาศเหนือแม่น้ำพรมแดนที่อันตรายและปั่นป่วนนี้ ทั้งบาดตาและน่าพรั่นพรึง

ลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นล้วนเป็นมหายุทธ์ระดับกระบวนแปรจุติ เป็นกองกำลังที่ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้…

กลับเปราะบางราวกับกระดาษ!

ในพริบตาเดียวนั้น หนึ่งดาบเปิดฉากเป็นตาย!

พวกของโค่วซิงกล้าสาบานว่าชาตินี้ถูกกำหนดให้ไม่สามารถลืมภาพตรงหน้าได้ หนึ่งดาบทะยานฟ้า สังหารกลุ่มศัตรูราวกับตัดถอนต้นหญ้า!

แม้แต่แม่นางเยวี่ยยังอดตะลึงไม่ได้ ทีแรกนางเตรียมจะใช้วิชาต้องห้ามเข้าสู้อย่างไม่เสียดายชีวิต

แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว

ในที่นั้นเงียบไปในช่วงสั้นๆ จากนั้นเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย

“สารเลว!”

“ฆ่า ฆ่ามารผจญนี่ซะ!”

“น่าชังนัก…”

ราชครูและลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นต่างถูกกระตุ้นจนคลั่ง ไม่สามารถรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นได้

ต่างไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ในสถานการณ์ที่ถูกกลุ่มราชันกึ่งระดับปิดล้อมโจมตี เด็กหนุ่มคนนั้นกลับยังสามารถควบคุมดาบหักไปช่วยคนอื่นๆ ได้

“ฟัน!”

ราชันกึ่งระดับคนหนึ่งเรียกกระบี่ดำเล่มหนึ่งออกมาแล้วฟันลง เจตกระบี่ราวกับเพลิง แสงกระบี่ยาวพันจั้ง ฟันอากาศแยกออก

“ตาย!”

ในเวลาเดียกกัน ราชันกึ่งระดับอื่นๆ อีกหลายคนก็โจมตีจากทิศทางที่ต่างกัน

วู้ม!

กรรไกรยักษ์สีดำแปลกประหลาดกวาดอากาศ ปากคมพาดสลับ ราวกับสามารถตัดจักรวาลและหยินหยางได้

ตูม!

ค้อนยักษ์ที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าดิ่งลงมา สาดสายฟ้านับหมื่นสาย สว่างไสวแสบตา

เพียะ!

แส้ยาวหลากสีเส้นหนึ่งโฉบกวาดในอากาศ กวัดไกวออกเป็นเงาแส้วงกลมหลากสีปกคลุมลงมา

…ในชั่วขณะนั้น สมบัติและวิชาลับต่างๆ ราวกับลมพายุ ตัดสลับทับซ้อนกันไปทั่วในบริเวณนั้น เผยปรากฏการณ์ประหลาดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สภาพการณ์น่ากลัวอย่างยิ่ง

พื้นผิวแม่น้ำในรัศมีพันลี้กำลังพังทลายกลายเป็นกระแสน้ำปั่นป่วนที่ไหลเชี่ยว กลางอากาศปรากฏรอยแตกที่น่าตกใจมากมาย

ฟ้าดินมืดสลัว เสียงปะทะราวกับฟ้าร้อง ปรากฏสัญญาณแห่งการทำลายล้างทั้งแถบ

การต่อสู้ระดับนี้ตะลึงโลกเกินไปจริงๆ ราชันกึ่งระดับแต่ละคนออกโจมตี หากอยู่ในสถานการณ์ปกติสามารถทำลายเมืองหนึ่ง ทำให้ภูผาธาราแถบหนึ่งจมดิ่งอย่างง่ายดาย!

และท่ามกลางการปิดล้อมโจมตีเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกปราณคนใด เกรงว่าคงรู้สึกหมดหวัง แตกตื่นตกตะลึง ไม่อาจปลุกใจให้คิดต่อต้านได้

ทว่าหลินสวินกลับเป็นข้อยกเว้น

สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่สุดคือ ตอนนี้เขายังคงโจมตีไปทางชายวัยกลางคนคนนั้น เพียงแต่ที่แตกต่างกับก่อนหน้านี้คือ เขาได้ใช้พลังทั้งหมดแล้ว!

โครม!

ชือน้ำแข็งสีขาวดั่งหิมะทะยานฟ้า ประทับปี้อั้นที่เรียบง่ายโบราณและหนาหนักกดทับห้วงอากาศ ผนึกป้าเซี่ยแปรเป็นคลื่นผนึกต้องห้ามอันคลุมเครือปรากฏออกมา เสียงคำรามผูเหลาระลอกแล้วระลอกเหล่าแปรเปลี่ยนเป็นคลื่นเสียงสีทองแผ่กระจายออกไป ปะทะฟู่ซี่…

ชั่วขณะนั้น ความเร้นลับมากมายของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรถูกหลินสวินสำแดงออกมาในเวลาเดียวกัน

ทอดสายตามองไป ก็เห็นว่ารอบตัวเขาปรากฏเงามายาของสัตว์เทพตัวแล้วตัวเหล่า เปล่งแสงสว่างไสวราวกับมีชีวิตขึ้นมา เป็นภาพที่ตะลึงโลก

นี่ยังไม่จบ ในร่างกายของหลินสวิน นัยเร้นลับของโทสะหยาจื้อโคจร ทำให้ลมเลือดทั่วร่างกายของเขาราวกับเดือดพล่าน พลังขับเคลื่อนรุนแรง…

ในมือเขา ความเร้นลับของเคล็ดวิชาเก้าหมัดสะเทือนสวรรค์ถูกใช้เต็มกำลัง ปรากฏอานุภาพน่าสะพรึงที่ฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งแหลกสลาย

ส่วนในห้วงนิมิตของเขา ดอกเทพเจิดจรัสเหนือวิญญาณแห่งพลังจิตครัดเคร่งน่าเกรงขาม ควบคุมดาบหักอย่างสมบูรณ์แบบ สำแดงความเร้นลับของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า สกัดกั้นอันตรายให้พวกโค่วซิง และสังหารศัตรูตรงหน้ายานสำเภา…

หลินสวินในตอนนี้ราวกับแปลงร่างเป็นสามเศียรหกกร เผยอานุภาพทุกอย่างของตนออกมาอย่างเต็มกำลังในเวลาเดียวกัน ทั้งร่างราวกับเทพมาร โจมตีกวาดล้างเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน!

……

ครืนโครมๆ

ชั่วขณะนั้นในบริเวณนั้นเกิดการปะทะสะเทือนฟ้าดิน ราวกับสายฟ้าเก้าสวรรค์กำลังปั่นป่วน แสงมรรคและรัศมีเทพเรืองรองม้วนตัวพลุ่งพล่าน ทุกอย่างดูปั่นป่วนและสับสนวุ่นวาย

แม้จะเป็นพวกแม่นางเยวี่ยก็ต่างไม่สามารถมองเห็นการเข่นฆ่าในที่นั้นได้ชัดเจน เพราะมันเจิดจ้าแสบตาเกินไป พาให้อกสั่นขวัญแขวน ไม่สามารถมองใกล้ๆ ได้

นี่ทำให้พวกเขาอดกังวลไม่ได้ ว่าหลินสวินพบเจอการปิดล้อมโจมตีเช่นนี้จะต้านทานได้หรือไม่

ฉัวะ!

ดาบหักที่ขาวเจิดจ้าดั่งหิมะกำลังไหวกะพริบ ฉีกทึ้งห้วงอากาศเป็นเสี่ยงๆ ฟาดฟันประกายดาบอันดุดันไร้ที่เปรียบมากมาย

ลูกศิษย์ลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นไม่กล้าเข้าใกล้ ถึงขั้นที่แม้แต่ราชันกึ่งระดับยังไม่สามารถฝ่าแนวป้องกันของดาบหักได้ ถูกบีบบังคับให้ถอยอย่างทุลักทุเล

เมื่อเห็นภาพนี้จึงทำให้พวกแม่นางเยวี่ยโล่งอกไปเล็กน้อย แต่ในทันใดนั้นพวกเขาก็จมสู่ความตะลึง หลินสวินเพียงคนเดียว กลับสกัดกั้นการโจมตีของกลุ่มผู้แข็งแกร่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ได้งั้นหรือ

นี่หากเผยแพร่ออกไป จะต้องพาให้เกิดคลื่นลูกใหญ่อย่างแน่นอน!

เมื่อเทียบกันแล้ว ผู้แข็งแกร่งลัทธิเพลิงศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นยิ่งตะลึง หากไม่ได้เห็นกับตา พวกเขาล้วนไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีเด็กหนุ่มที่พลิกฟ้าปานนี้ได้อย่างไร

ตัวคนเดียว กลับต้านทานการปิดล้อมโจมตีของกลุ่มราชันกึ่งระดับ แล้วยังมีพลังเหลือไปคุ้มกันพรรคพวกของเขาอีก!

ใครจะกล้าเชื่อ

“ฆ่า!”

ราชันกึ่งระดับเหล่านั้นเดือดดาล โกรธจนหน้าเขียว เกิดจิตสังหารอย่างแท้จริง

หากให้อีกฝ่ายมีชีวิตอยู่ จะต้องเป็นความอับอายใหญ่หลวงที่ยากจะลบล้างสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน ต้องถูกมองเป็นตัวตลก ถูกคนทั่วโลกหัวเราะเยาะ

……

หลินสวินในตอนนี้ รู้สึกถึงความกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

สู้กันถึงตอนท้าย เขาจำต้องใช้วิชาอริยะยุทธ์ จึงพอจะต้านทานการโจมตีสะท้านขวัญที่มาจากทั่วทุกสารทิศ

แต่ในเวลาเดียวกัน หลินสวินก็รู้สึกถึงความสะใจที่หายากอย่างที่สุด สัมผัสถึงความรู้สึก ‘อกสั่นขวัญสะเทือน’ ซึ่งการเข่นฆ่าอย่างเอาเป็นเอาตายเท่านั้นที่จะสามารถนำพามาได้

การต่อสู้สามารถทำให้คนเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด

และบ่อเกิดของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็มาจากคำว่า ‘อกสั่นขวัญสะเทือน’ นี่เป็นความรู้สึกที่สามารถสัมผัสได้ในการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายเท่านั้น

การแลกเปลี่ยนฝีมือและการประลองทั่วไป รู้อยู่แล้วว่าไม่ถึงแก่ชีวิต แน่นอนว่าไม่สามารถเกิดความรู้สึกเช่นนี้ได้

มีเพียงภายใต้การกดดันของความเป็นความตายเช่นนี้ ศักยภาพในตัวจึงถูกกระตุ้นออกมาอย่างเต็มที่ แสดงพลังที่เหนือกว่าปกติออกมา!

แน่นอนว่านี่อันตรายมาก หากไม่ระวังก็อาจถึงตายได้!

ตอนนี้โลหิตของหลินสวินร้อนราวกับเพลิงโหม จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้เดือดพล่าน แต่สภาวะจิตกลับปลอดโปร่งเหนือโลกีย์ นัยเร้นลับของการต่อสู้ไหลหลั่งอยู่ในใจ ทำให้ในระหว่างการต่อสู้เขากระตุ้นศักยภาพออกมาอยู่ตลอดเวลา ยิ่งสู้ก็ยิ่งอาจหาญ

จวบจนกระทั่งตอนท้าย ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของเขาเริ่มร้อนเร่า ราวกับตื่นจากการหลับใหล ได้โคจรความเร้นลับของมรรคดับดารากลืนกินโดยไม่รู้ตัว…

อานุภาพของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ราวกับเทพมารแห่งการต่อสู้ แต่กลับเพิ่มกลิ่นอายสะท้านขวัญ กลืนกินสรรพสิ่ง…

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด