Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป 17: เหตุผล

Now you are reading Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป Chapter 17: เหตุผล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ระหว่างทางโลริกซ์ได้อธิบายให้ไลฟ์ได้รับรู้ถึงเหตุผลที่จำเป็นต้องขอยืมกำลังจากเด็กหนุ่มไปคุ้มกันทีมแพทย์ที่กำลังจะเดินทางไปยังเมืองแอวิน

“คืองี้นะ ที่ต้องขอให้นายมาช่วยน่ะไม่ใช่แค่น้องสาวของเราจะติดตามไปด้วยอย่างเดียวหรอกนะ พวกหมอน่ะนอกจากจะเดินทางไปทำวิจัยสมุนไพรแล้ว พวกเขาต้องไปช่วยเหลือชาวบ้านที่นั่นด้วย เมืองแอวินน่ะมันอยู่ติดกับเขตของพวกมอนสเตอร์ นายยังจำตัวเทียเกเลียนที่พวกสโจรกาดจับมาได้รึเปล่า ที่อยู่ของพวกนั้นแหละ”

“เขตของมอนสเตอร์เหรอ”

“อืม มันไม่ได้มีแค่ไอ้เสือพิษที่นายเจอมาแล้วนั่นแค่ประเภทเดียวซะด้วยสิ เขตของมอนสเตอร์น่ะเป็นเขตที่อยู่ระหว่างลีซเนปกับสโจรกาด พวกเราเรียกที่นั่นว่ารอตเท่น เอิร์ธ (Rotten Earth) พวกมอนสเตอร์ก็ตัวใหญ่กว่าสัตว์ที่เราเจอ แถมอากาศที่นั่นน่ะเป็นพิษ มนุษย์ที่จะเข้าไปที่นั่นได้ต้องสวมอุปกรณ์พิเศษที่พวกสโจรกาดเท่านั้นที่คิดค้นขึ้นน่ะ”

“ถ้าอยู่ใกล้กันขนาดนั้นคนที่นั่นเขาใช้ชีวิตกันยังไง”

“ชายแดนของแอวินกับรอตเท่น เอิร์ธจะมีทุ่งร้างเวสต์แลนด์ (Waste Land) กั้นอยู่ มันเป็นเขตที่อากาศยังปกติอยู่เพียงแต่ไม่มีพืชหรือสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้หรอก ไม่มีทั้งน้ำและลม มีแต่พวกมอนสเตอร์ที่ข้ามเวสต์แลนด์มาได้…แต่ก็…นานๆ ทีจะหลุดมาสักตัวนึง เพราะเฮสต์เดินทางไปด้วยไม่ได้ มีแค่เซอร์มาร์คัสที่จะทำหน้าที่บัญชาการชุดอารักขา ฉันคงไม่พอรับมือหรอกถ้ามีมอนสเตอร์หลุดมา”

“มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกมันฆ่ายากขนาดไหน มีรายงานมาว่าช่วงนี้พวกมันข้ามเขตมาถี่ขึ้น คงเพราะพวกฮาร์ดิลเข้าไปจับพวกมันออกมานั่นแหละ”

ไลฟ์เงียบไปครู่ใหญ่ โลริกซ์จึงถามถึงสิ่งที่เขาสงสัยเกี่ยวกับการกระทำของเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้

“เออนี่ไลฟ์ ฉันสงสัยจริงๆ นะ เลดี้เมอร์เซเดสน่ะ อะไรทำให้นายเลือกขอนางเป็นรางวัลเหรอ”

ไลฟ์หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมส่ายหน้ากับคำถามขององค์ชาย

“องค์ชาย…คนทั้งคนจะเป็นรางวัลให้กับใครได้ยังไงกันเล่า ฉันก็แค่ขอส่งๆ ไปไม่คิดว่าองค์ราชาจะบ้าจี้ประทานให้หรอก เอาจริงๆ ก็แค่คิดว่านางไม่สมควรมีทางเลือกแค่ไปสองทางน่ะ อย่างน้อยๆ ราชาประทานนางให้ข้าแล้วนางก็จะมีสิทธิ์เลือกเองว่านางจะทำอะไรต่อไป”

“แต่สายตานายเวลาที่มองนางมันไม่ใช่แค่ขอส่งไปหรอกมั้ง”

“คิดไปเองแล้วท่าน”

องค์ชายยกกำปั้นขึ้นชกไปที่กลางอกของเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วค้างเอาไว้แบบนั้น

“ไอ้หนุ่ม ถึงฉันจะเป็นคนอายุยี่สิบเก้าที่เกิดมาภายใต้ภาวะสงคราม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยพบเจอกับคนที่มีความรักหรอกนะ สายตาของนายน่ะ ฉันมองไม่ผิดหรอก”

ไม่มีคำตอบจากเด็กหนุ่ม องค์ชายจึงทำได้แค่ยิ้มและตบบ่าของไลฟ์เบาๆ

“เอาเถอะ ฉันไม่ได้จะก้าวก่ายอะไรกับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกนายหรอกนะ เพียงแค่จะบอกว่าถ้ารักนางก็บอกกับนางให้ชัดๆ การแสดงออกกับคนที่เรารักน่ะ มันไม่ใช่เรื่องหยาบคายหรอกนะ อ้อ…เฮสต์จะไปรอนายอยู่ที่รถม้านะ ถ้ายังไงเรียบร้อยแล้วก็ไปหานางที่นั่นได้เลย”

ภายในสวนสมุนไพรเมอร์เซเดสที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากับราชินีฟรีเซียอย่างออกรสก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อองค์ชายโลริกซ์เข้ามาขัดจังหวะ

“ขออภัยท่านแม่ เขามาถึงแล้ว”

ราชินีฟรีเซียหันมายิ้มและกล่าวต้อนรับผู้มาใหม่อย่างอ่อนโยน

“สวัสดีพ่อหนุ่ม นั่งก่อนสิ เรามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

ไลฟ์ทำความเคารพแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เมอร์เซเดสอย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ยังเหลือที่ทางอีกตั้งมากให้เลือกนั่ง เมอร์เซเดสที่ทำท่าว่าจะขยับตัวออกห่างก็ต้องหยุดชะงักและนั่งนิ่งเพราะรอยยิ้มที่ราชินีฟรีเซียส่งมาให้

“เอาล่ะพ่อหนุ่มไลฟ์ เมอร์เซเดสบอกกับเธอแล้วใช่มั้ยว่าจะกลับไปที่คาลามัคสามปี”

“ครับ”

“ช่วงสามปีนี้เราอยากจะขอให้เธออดทนรอหน่อยนะ แล้วหลังจากนั้น ฉันจะจัดงานให้”

“จัดงาน…”

“ไม่สิ เราใช้คำผิดสินะ อืม…เราจะหางานให้เธอที่เฮฟเวนเนียน่ะ เข้าใจว่าเธอไม่อยากทำงานในกองทัพ แต่เธอคงไม่อยากอยู่ห่างจากเมอร์เซเดสใช่มั้ยล่ะ เอาเป็นว่าฉันจะพยายามหางานที่มันไม่ทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวายมากมายก็แล้วนะ”

“ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรแบบนั้นหรอกครับ แค่สามปีจากนี้ ไม่วุ่นวายมากก็พอแล้ว หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที”

“ถ้าอย่างงั้น เธอก็ไม่ได้ขัดเรื่องที่เมอร์เซเดสจะเดินทางใช่มั้ย”

ไลฟ์เอื้อมมือไปคว้ามือของคนข้างตัวเข้ามากุมเอาไว้

“อันที่จริงก็ไม่ได้อยากให้ไปไหนหรอก แต่ก็….คือผมไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทนใครได้น่ะ ถ้าเมอร์เซเดสจะทำอะไร ก็ไม่มีเหตุผลจะห้ามหรอกครับ”

“ถ้าอย่างงั้นเราก็สบายใจขึ้นมาแล้วล่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาดื่มชากันดีกว่า หลังจากนี้เธอไม่มีธุระที่ไหนแล้วใช่มั้ย”

ไลฟ์ที่รู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องพูดคุยกับคนใหญ่คนโตก็หาเรื่องปฏิเสธและปล่อยให้เมอร์เซเดสตัดสินใจเองว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ หรือจะตามเขากลับออกไป แล้วลุกพรวดทำความเคารพราชินีฟรีเซียก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างพรวดเร็ว

“เมอร์เซเดสมีธุระอะไรที่ไหนมั้ยผมไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมต้องไปเตรียมตัวแล้ว พรุ่งนี้ต้องเริ่มฝึก อีกสามเดือนต้องขึ้นเหนือ เพราะงั้น ผมขอตัวนะครับ”

ไลฟ์ยกถ้วยชาขึ้นกระดกอึกใหญ่รวดเดียว ก่อนจะขอตัวออกไปจากศาลาแห่งนี้

“ชาหอมมากครับ ขอบคุณครับ”

ราชินีฟรีเซียหันมาส่งยิ้มให้เมอร์เซเดส

“เธอจะตามเขาไปก็ได้นะ ไปใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆ หน่อย ห่างกันสามปีมันก็นานเหมือนกันนะ อาจจะนานเกินไปเสียด้วยซ้ำสำหรับเขาน่ะ”

เมอร์เซเดสรับคำก่อนจะตามไลฟ์ออกไป

“ค่ะ ถ้างั้นฉันขอไปคุยรายละเอียดกับคุณเฮสต์ก่อนนะคะ ถ้าทุกอย่างพร้อมแล้วฉันก็พร้อมจะเดินทางทันทีค่ะ”

“ถ้างั้นช่วงนี้ก็ไปพักกันที่เฮฟเวนเนียก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวเราจะให้รถม้าไปรับคนสนิทของเธอเดินที่โรงแรม แล้วไปส่งพวกนางที่เฮฟเวนเนียเลย”

“ค่ะ”

ไลฟ์เดินจ้ำอ้าวออกมาอย่างรวดเร็วพริบตาก็พบว่าตัวเองมาถึงทางเข้าสวนแล้ว แต่ว่ายังไม่ทันได้ออกจากสวนสมุนไพรก็ต้องหยุดชะงักเพราะเมอร์เซเดสที่วิ่งตามออกมาส่งเสียงเรียก

“เดี๋ยวสิ รอฉันด้วย”

“จิบชารอก่อนก็ได้ฉันต้องไปคุยกับคุณเฮสต์”

“พอดีเลย…ฉันก็มีธุระกับคุณเฮสต์เหมือนกัน”

“เหรอ…บังเอิญจัง”

“ช่างเหอะ…ว่าแต่เมื่อกี้นายบอกว่าต้องเตรียมตัวฝึกน่ะ มันคือยังไงเหรอ”

“อ๋อ คืออีกสามเดือนฉันต้องไปคุ้มกันพวกหมอน่ะ พวกเขาจะไปเมืองแอวิน ราชาอยากให้ฉันไปช่วยเพราะว่ามันใกล้กับเขตของพวกมอนสเตอร์น่ะ”

“แล้วพวกทหารคนอื่นล่ะ”

“องค์ชายบอกว่าคนไม่พอ แล้วฉันก็เคยสู้กับตัวประหลาดพวกนั้นแล้วด้วย คงคิดว่าฉันมีวิธีรับมือพวกนั้นได้ล่ะมั้ง”

“แล้วคุณเฮสต์ดูแลเรื่องฝึกเหรอ”

“อืม…ก็นะ พี่สาวคนนั้นโคตรเก่งเลยล่ะ”

“แล้วทำไมคุณเฮสต์เขาถึงไม่ออกไปรบนะ”

“ไม่รู้สิ คงไม่ได้ฝึกมาเพื่อการรบมั้ง เออจริงสิพวกเธอจะไปกับฉันมั้ย ช่วงฝึกน่าจะต้องไปอยู่ที่เฮฟเวนเนีย”

“อันที่จริงช่วงเตรียมตัวเดินทางพวกฉันต้องที่อยู่ที่นั่นอยู่แล้วและ ตอนนี้ท่านฟรีเซียกำลังส่งรถม้าไปรับสองคนนั้นแล้วล่ะ”

“อ่า…ถ้างั้นก็รีบไปหาคุณเฮสต์ก่อนเถอะ หลังจากนี้จะยังไงค่อยว่ากันอีกที”

ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เดินไปถึงรถม้า เฮสต์ที่รออยู่แล้วก็บอกให้ทั้งสองขึ้นรถม้าทันที

“เชิญทั้งสองท่านขึ้นรถม้าก่อนนะคะ เราจะเดินทางไปที่เฮฟเวนเนียกันเลย ส่วนรายละเอียดต่างๆ ค่อยคุยกันระหว่างเดินทางนะคะ”

เมื่อออกเดินทางเฮสต์ก็ได้ส่งมื้อเที่ยงที่เตรียมเอาไว้ให้กับทั้งสองก่อนจะเริ่มสอบถามถึงสิ่งจำเป็นสำหรับการคัดลอกตำราเวทมนตร์ทันที

“ท่านเมอร์เซเดสคะ ต้องเตรียมอะไรบ้างคะ”

“แค่เรือกับเสบียงสำหรับเดินทางก็พอค่ะ ที่ส่วนของสำหรับใช้คัดลอกตำราไปหาเอาที่คาลามัคน่าจะสะดวกกว่า เพียงแต่เรือต้องแข็งแกร่งพอจะฝ่าพายุใหญ่ๆ กับผลจากเวทมนตร์ได้ค่ะ”

ไลฟ์ที่ฟังคำตอบแล้วก็เอ่ยปากถามสิ่งที่เขาสงสัย

“ทนเวทมนตร์หรอ”

“ก็ถ้ามีอุปสรรคใหญ่ๆ ฉันจะใช้เวทมนตร์ช่วยให้เรือแล่นไปต่อได้ไง”

“แล้วถ้าบนเรือไม่มีพวกจอมเวทอยู่ล่ะ”

“เวทมนตร์น่ะแค่ช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้นแล้วก็เร็วขึ้นแค่นั้นแหละ อย่างการเดินทางถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แต่ถ้าเราใช้เวทมนตร์ช่วย ก็จะลดเวลาเดินทางเหลือแค่ 2 เดือนเท่านั้น”

“สามเดือนหรอ…อืม…ว่าแต่เธอพร้อมจะเดินทางเมื่อไร”

“ไม่รู้สิ คุณเฮสต์เตรียมเรือกับเสบียงพร้อมเมื่อไรก็ออกเดินทางได้เลย”

“ถ้าเรือล่ะก็ ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ที่จะต้องใช้เวลาสักหน่อยก็คงจะเป็นเสบียง”

“งั้นถ้าทุกอย่างพร้อมรบกวนคุณเฮสต์แจ้งฉันด้วยนะคะ”

“รับทราบค่ะ ส่วนท่านไลฟ์วันนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ พรุ่งนี้เราจะเริ่มฝึกกันเลย เดี๋ยวพอเราถึงเฮฟเวนเนียแล้วดิฉันจะพาไปดูบ้านพักนะคะ”

“เอ่อ แล้วไอ้ที่บอกว่าฝึกนี่คือยังไง”

“ก็หมายถึงทำให้ท่านเคลื่อนไหวโดยที่ใช้กำลังให้น้อยที่สุดแต่ความทรงพลังและคล่องแคล่วไม่ลดลงน่ะค่ะ”

พอได้ฟังคำของเฮสต์ไลฟ์ก็เริ่มสับสน เพราะความเข้าใจของเขาก็คือยิ่งออกแรงก็จะยิ่งทรงพลังและรวดเร็วขึ้น แต่ไอ้การที่บอกว่าเขาเคลื่อนไหวเกินความจำเป็นนี่มันยังเป็นเรื่องที่คาใจมานาน แต่พรุ่งนี้ก็คงได้รู้เพราะงั้นตอนนี้คงต้องพักผ่อนก่อน ว่าแล้วก็จัดการกับมื้อเที่ยงอย่างรวดเร็วปล่อยให้สาวๆ คุยกันไปเรื่อยๆ พออิ่มแล้วชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจว่าสองสาวจะคุยกันออกรสขนาดไหน แถมยังนอนหนุนตักเมอร์เซเดสอย่างหน้าตาเฉย ฝ่ายเมอร์เซเดสเองแม้จะตกใจแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด ยังคงพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ กับเฮสต์ต่อไปเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปเกือบเก้าชั่วโมง มหานครเฮฟเวนเนีย อาจเพราะอยู่ห่างพื้นที่สงครามทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนภายในมหานครแห่งนี้คึกคักอย่างมาก จนเมอร์เซเดสต้องขยับตัวออกมานอกรถม้าเพื่อชมบรรยากาศภายในเมือง

“เนี่ยเหรอเฮฟเวนเนีย”

“ยินดีต้อนรับสู่เฮฟเวนเนีย มหานครแห่งลีซเนปนะคะ เลดี้เมอร์เซเดส”

“ว่าแต่เดินทางเร็วเหมือนกันนะคะ”

“เราใช้ทางลัดน่ะค่ะ ปกติเราต้องใช้เวลาเดินทางสองวันนะคะ”

“สองวันเหรอคะ”

“ค่ะ ช่วงสงครามแบบนี้เส้นทางที่เราใช้เป็นเส้นทางเดียวกับที่ชาวบ้านใช้อพยพค่ะใช้เวลาไม่นานมากก็ถึงที่นี่ แล้วก็เพราะทัพของลีซเนปยันเอาไว้ได้ที่เซเครส ผู้คนที่นี่จึงยังใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ”

“แต่ที่นี่ งดงามมากค่ะคุณเฮสต์ เทียบกับวิสเซลบอร์กแล้วถือว่างดงามและคึกคักกว่าพอสมควรค่ะ”

“ที่เมืองหลวงของสโจรกาดไม่คึกคักขนาดนี้เหรอคะ”

“อาจเพราะอากาศค่อนข้างเย็นมั้งคะ ตอนกลางคืนผู้คนเลยไม่นิยมออกมาข้างนอกกันสักเท่าไรน่ะค่ะ”

“ท่านเมอร์เซเดสจะแวะซื้ออะไรทานสักหน่อยมั้ยล่ะคะ”

“พวกลอร่าจะทานอะไรรึยังนะ”

“ถ้างั้นก็แวะซื้อมื้อค่ำสักหน่อยก็ได้นะ ส่วนท่านไลฟ์ปล่อยให้เขาพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ค่ะเดี๋ยวให้คนขับรถม้าดูแลเขาก็ได้”

“ต้องรบกวนคุณเฮสต์แนะนำอาหารที่นี่ให้ฉันแล้วล่ะค่ะ”

แม้สองสาวลงจากรถม้าไปซื้อมื้อค่ำครู่ใหญ่ก็กลับมาพร้อมกับอาหารและผลไม้หลากชนิด แต่ชายหนุ่มก็ยังหลับมาเกือบตลอดทางก็ยังไม่ตื่น รถม้าเคลื่อนตัวอีกครั้งปลายทางคือบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ด้านท้ายเมือง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป 17: เหตุผล

Now you are reading Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป Chapter 17: เหตุผล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ระหว่างทางโลริกซ์ได้อธิบายให้ไลฟ์ได้รับรู้ถึงเหตุผลที่จำเป็นต้องขอยืมกำลังจากเด็กหนุ่มไปคุ้มกันทีมแพทย์ที่กำลังจะเดินทางไปยังเมืองแอวิน

“คืองี้นะ ที่ต้องขอให้นายมาช่วยน่ะไม่ใช่แค่น้องสาวของเราจะติดตามไปด้วยอย่างเดียวหรอกนะ พวกหมอน่ะนอกจากจะเดินทางไปทำวิจัยสมุนไพรแล้ว พวกเขาต้องไปช่วยเหลือชาวบ้านที่นั่นด้วย เมืองแอวินน่ะมันอยู่ติดกับเขตของพวกมอนสเตอร์ นายยังจำตัวเทียเกเลียนที่พวกสโจรกาดจับมาได้รึเปล่า ที่อยู่ของพวกนั้นแหละ”

“เขตของมอนสเตอร์เหรอ”

“อืม มันไม่ได้มีแค่ไอ้เสือพิษที่นายเจอมาแล้วนั่นแค่ประเภทเดียวซะด้วยสิ เขตของมอนสเตอร์น่ะเป็นเขตที่อยู่ระหว่างลีซเนปกับสโจรกาด พวกเราเรียกที่นั่นว่ารอตเท่น เอิร์ธ (Rotten Earth) พวกมอนสเตอร์ก็ตัวใหญ่กว่าสัตว์ที่เราเจอ แถมอากาศที่นั่นน่ะเป็นพิษ มนุษย์ที่จะเข้าไปที่นั่นได้ต้องสวมอุปกรณ์พิเศษที่พวกสโจรกาดเท่านั้นที่คิดค้นขึ้นน่ะ”

“ถ้าอยู่ใกล้กันขนาดนั้นคนที่นั่นเขาใช้ชีวิตกันยังไง”

“ชายแดนของแอวินกับรอตเท่น เอิร์ธจะมีทุ่งร้างเวสต์แลนด์ (Waste Land) กั้นอยู่ มันเป็นเขตที่อากาศยังปกติอยู่เพียงแต่ไม่มีพืชหรือสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้หรอก ไม่มีทั้งน้ำและลม มีแต่พวกมอนสเตอร์ที่ข้ามเวสต์แลนด์มาได้…แต่ก็…นานๆ ทีจะหลุดมาสักตัวนึง เพราะเฮสต์เดินทางไปด้วยไม่ได้ มีแค่เซอร์มาร์คัสที่จะทำหน้าที่บัญชาการชุดอารักขา ฉันคงไม่พอรับมือหรอกถ้ามีมอนสเตอร์หลุดมา”

“มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกมันฆ่ายากขนาดไหน มีรายงานมาว่าช่วงนี้พวกมันข้ามเขตมาถี่ขึ้น คงเพราะพวกฮาร์ดิลเข้าไปจับพวกมันออกมานั่นแหละ”

ไลฟ์เงียบไปครู่ใหญ่ โลริกซ์จึงถามถึงสิ่งที่เขาสงสัยเกี่ยวกับการกระทำของเด็กหนุ่มก่อนหน้านี้

“เออนี่ไลฟ์ ฉันสงสัยจริงๆ นะ เลดี้เมอร์เซเดสน่ะ อะไรทำให้นายเลือกขอนางเป็นรางวัลเหรอ”

ไลฟ์หัวเราะออกมาเบาๆ พร้อมส่ายหน้ากับคำถามขององค์ชาย

“องค์ชาย…คนทั้งคนจะเป็นรางวัลให้กับใครได้ยังไงกันเล่า ฉันก็แค่ขอส่งๆ ไปไม่คิดว่าองค์ราชาจะบ้าจี้ประทานให้หรอก เอาจริงๆ ก็แค่คิดว่านางไม่สมควรมีทางเลือกแค่ไปสองทางน่ะ อย่างน้อยๆ ราชาประทานนางให้ข้าแล้วนางก็จะมีสิทธิ์เลือกเองว่านางจะทำอะไรต่อไป”

“แต่สายตานายเวลาที่มองนางมันไม่ใช่แค่ขอส่งไปหรอกมั้ง”

“คิดไปเองแล้วท่าน”

องค์ชายยกกำปั้นขึ้นชกไปที่กลางอกของเด็กหนุ่มเบาๆ แล้วค้างเอาไว้แบบนั้น

“ไอ้หนุ่ม ถึงฉันจะเป็นคนอายุยี่สิบเก้าที่เกิดมาภายใต้ภาวะสงคราม แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยพบเจอกับคนที่มีความรักหรอกนะ สายตาของนายน่ะ ฉันมองไม่ผิดหรอก”

ไม่มีคำตอบจากเด็กหนุ่ม องค์ชายจึงทำได้แค่ยิ้มและตบบ่าของไลฟ์เบาๆ

“เอาเถอะ ฉันไม่ได้จะก้าวก่ายอะไรกับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกนายหรอกนะ เพียงแค่จะบอกว่าถ้ารักนางก็บอกกับนางให้ชัดๆ การแสดงออกกับคนที่เรารักน่ะ มันไม่ใช่เรื่องหยาบคายหรอกนะ อ้อ…เฮสต์จะไปรอนายอยู่ที่รถม้านะ ถ้ายังไงเรียบร้อยแล้วก็ไปหานางที่นั่นได้เลย”

ภายในสวนสมุนไพรเมอร์เซเดสที่กำลังนั่งจิบชาสนทนากับราชินีฟรีเซียอย่างออกรสก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อองค์ชายโลริกซ์เข้ามาขัดจังหวะ

“ขออภัยท่านแม่ เขามาถึงแล้ว”

ราชินีฟรีเซียหันมายิ้มและกล่าวต้อนรับผู้มาใหม่อย่างอ่อนโยน

“สวัสดีพ่อหนุ่ม นั่งก่อนสิ เรามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

ไลฟ์ทำความเคารพแล้วเดินเข้าไปนั่งข้างๆ เมอร์เซเดสอย่างหน้าตาเฉย ทั้งที่ยังเหลือที่ทางอีกตั้งมากให้เลือกนั่ง เมอร์เซเดสที่ทำท่าว่าจะขยับตัวออกห่างก็ต้องหยุดชะงักและนั่งนิ่งเพราะรอยยิ้มที่ราชินีฟรีเซียส่งมาให้

“เอาล่ะพ่อหนุ่มไลฟ์ เมอร์เซเดสบอกกับเธอแล้วใช่มั้ยว่าจะกลับไปที่คาลามัคสามปี”

“ครับ”

“ช่วงสามปีนี้เราอยากจะขอให้เธออดทนรอหน่อยนะ แล้วหลังจากนั้น ฉันจะจัดงานให้”

“จัดงาน…”

“ไม่สิ เราใช้คำผิดสินะ อืม…เราจะหางานให้เธอที่เฮฟเวนเนียน่ะ เข้าใจว่าเธอไม่อยากทำงานในกองทัพ แต่เธอคงไม่อยากอยู่ห่างจากเมอร์เซเดสใช่มั้ยล่ะ เอาเป็นว่าฉันจะพยายามหางานที่มันไม่ทำให้ชีวิตของเธอวุ่นวายมากมายก็แล้วนะ”

“ก็ไม่ได้หวังว่าจะได้อะไรแบบนั้นหรอกครับ แค่สามปีจากนี้ ไม่วุ่นวายมากก็พอแล้ว หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที”

“ถ้าอย่างงั้น เธอก็ไม่ได้ขัดเรื่องที่เมอร์เซเดสจะเดินทางใช่มั้ย”

ไลฟ์เอื้อมมือไปคว้ามือของคนข้างตัวเข้ามากุมเอาไว้

“อันที่จริงก็ไม่ได้อยากให้ไปไหนหรอก แต่ก็….คือผมไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทนใครได้น่ะ ถ้าเมอร์เซเดสจะทำอะไร ก็ไม่มีเหตุผลจะห้ามหรอกครับ”

“ถ้าอย่างงั้นเราก็สบายใจขึ้นมาแล้วล่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาดื่มชากันดีกว่า หลังจากนี้เธอไม่มีธุระที่ไหนแล้วใช่มั้ย”

ไลฟ์ที่รู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องพูดคุยกับคนใหญ่คนโตก็หาเรื่องปฏิเสธและปล่อยให้เมอร์เซเดสตัดสินใจเองว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ หรือจะตามเขากลับออกไป แล้วลุกพรวดทำความเคารพราชินีฟรีเซียก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างพรวดเร็ว

“เมอร์เซเดสมีธุระอะไรที่ไหนมั้ยผมไม่รู้เหมือนกันครับ แต่ผมต้องไปเตรียมตัวแล้ว พรุ่งนี้ต้องเริ่มฝึก อีกสามเดือนต้องขึ้นเหนือ เพราะงั้น ผมขอตัวนะครับ”

ไลฟ์ยกถ้วยชาขึ้นกระดกอึกใหญ่รวดเดียว ก่อนจะขอตัวออกไปจากศาลาแห่งนี้

“ชาหอมมากครับ ขอบคุณครับ”

ราชินีฟรีเซียหันมาส่งยิ้มให้เมอร์เซเดส

“เธอจะตามเขาไปก็ได้นะ ไปใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆ หน่อย ห่างกันสามปีมันก็นานเหมือนกันนะ อาจจะนานเกินไปเสียด้วยซ้ำสำหรับเขาน่ะ”

เมอร์เซเดสรับคำก่อนจะตามไลฟ์ออกไป

“ค่ะ ถ้างั้นฉันขอไปคุยรายละเอียดกับคุณเฮสต์ก่อนนะคะ ถ้าทุกอย่างพร้อมแล้วฉันก็พร้อมจะเดินทางทันทีค่ะ”

“ถ้างั้นช่วงนี้ก็ไปพักกันที่เฮฟเวนเนียก่อนก็แล้วกันนะ เดี๋ยวเราจะให้รถม้าไปรับคนสนิทของเธอเดินที่โรงแรม แล้วไปส่งพวกนางที่เฮฟเวนเนียเลย”

“ค่ะ”

ไลฟ์เดินจ้ำอ้าวออกมาอย่างรวดเร็วพริบตาก็พบว่าตัวเองมาถึงทางเข้าสวนแล้ว แต่ว่ายังไม่ทันได้ออกจากสวนสมุนไพรก็ต้องหยุดชะงักเพราะเมอร์เซเดสที่วิ่งตามออกมาส่งเสียงเรียก

“เดี๋ยวสิ รอฉันด้วย”

“จิบชารอก่อนก็ได้ฉันต้องไปคุยกับคุณเฮสต์”

“พอดีเลย…ฉันก็มีธุระกับคุณเฮสต์เหมือนกัน”

“เหรอ…บังเอิญจัง”

“ช่างเหอะ…ว่าแต่เมื่อกี้นายบอกว่าต้องเตรียมตัวฝึกน่ะ มันคือยังไงเหรอ”

“อ๋อ คืออีกสามเดือนฉันต้องไปคุ้มกันพวกหมอน่ะ พวกเขาจะไปเมืองแอวิน ราชาอยากให้ฉันไปช่วยเพราะว่ามันใกล้กับเขตของพวกมอนสเตอร์น่ะ”

“แล้วพวกทหารคนอื่นล่ะ”

“องค์ชายบอกว่าคนไม่พอ แล้วฉันก็เคยสู้กับตัวประหลาดพวกนั้นแล้วด้วย คงคิดว่าฉันมีวิธีรับมือพวกนั้นได้ล่ะมั้ง”

“แล้วคุณเฮสต์ดูแลเรื่องฝึกเหรอ”

“อืม…ก็นะ พี่สาวคนนั้นโคตรเก่งเลยล่ะ”

“แล้วทำไมคุณเฮสต์เขาถึงไม่ออกไปรบนะ”

“ไม่รู้สิ คงไม่ได้ฝึกมาเพื่อการรบมั้ง เออจริงสิพวกเธอจะไปกับฉันมั้ย ช่วงฝึกน่าจะต้องไปอยู่ที่เฮฟเวนเนีย”

“อันที่จริงช่วงเตรียมตัวเดินทางพวกฉันต้องที่อยู่ที่นั่นอยู่แล้วและ ตอนนี้ท่านฟรีเซียกำลังส่งรถม้าไปรับสองคนนั้นแล้วล่ะ”

“อ่า…ถ้างั้นก็รีบไปหาคุณเฮสต์ก่อนเถอะ หลังจากนี้จะยังไงค่อยว่ากันอีกที”

ใช้เวลาไม่นานทั้งสองก็เดินไปถึงรถม้า เฮสต์ที่รออยู่แล้วก็บอกให้ทั้งสองขึ้นรถม้าทันที

“เชิญทั้งสองท่านขึ้นรถม้าก่อนนะคะ เราจะเดินทางไปที่เฮฟเวนเนียกันเลย ส่วนรายละเอียดต่างๆ ค่อยคุยกันระหว่างเดินทางนะคะ”

เมื่อออกเดินทางเฮสต์ก็ได้ส่งมื้อเที่ยงที่เตรียมเอาไว้ให้กับทั้งสองก่อนจะเริ่มสอบถามถึงสิ่งจำเป็นสำหรับการคัดลอกตำราเวทมนตร์ทันที

“ท่านเมอร์เซเดสคะ ต้องเตรียมอะไรบ้างคะ”

“แค่เรือกับเสบียงสำหรับเดินทางก็พอค่ะ ที่ส่วนของสำหรับใช้คัดลอกตำราไปหาเอาที่คาลามัคน่าจะสะดวกกว่า เพียงแต่เรือต้องแข็งแกร่งพอจะฝ่าพายุใหญ่ๆ กับผลจากเวทมนตร์ได้ค่ะ”

ไลฟ์ที่ฟังคำตอบแล้วก็เอ่ยปากถามสิ่งที่เขาสงสัย

“ทนเวทมนตร์หรอ”

“ก็ถ้ามีอุปสรรคใหญ่ๆ ฉันจะใช้เวทมนตร์ช่วยให้เรือแล่นไปต่อได้ไง”

“แล้วถ้าบนเรือไม่มีพวกจอมเวทอยู่ล่ะ”

“เวทมนตร์น่ะแค่ช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้นแล้วก็เร็วขึ้นแค่นั้นแหละ อย่างการเดินทางถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็จะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แต่ถ้าเราใช้เวทมนตร์ช่วย ก็จะลดเวลาเดินทางเหลือแค่ 2 เดือนเท่านั้น”

“สามเดือนหรอ…อืม…ว่าแต่เธอพร้อมจะเดินทางเมื่อไร”

“ไม่รู้สิ คุณเฮสต์เตรียมเรือกับเสบียงพร้อมเมื่อไรก็ออกเดินทางได้เลย”

“ถ้าเรือล่ะก็ ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ที่จะต้องใช้เวลาสักหน่อยก็คงจะเป็นเสบียง”

“งั้นถ้าทุกอย่างพร้อมรบกวนคุณเฮสต์แจ้งฉันด้วยนะคะ”

“รับทราบค่ะ ส่วนท่านไลฟ์วันนี้ก็พักผ่อนให้เต็มที่นะคะ พรุ่งนี้เราจะเริ่มฝึกกันเลย เดี๋ยวพอเราถึงเฮฟเวนเนียแล้วดิฉันจะพาไปดูบ้านพักนะคะ”

“เอ่อ แล้วไอ้ที่บอกว่าฝึกนี่คือยังไง”

“ก็หมายถึงทำให้ท่านเคลื่อนไหวโดยที่ใช้กำลังให้น้อยที่สุดแต่ความทรงพลังและคล่องแคล่วไม่ลดลงน่ะค่ะ”

พอได้ฟังคำของเฮสต์ไลฟ์ก็เริ่มสับสน เพราะความเข้าใจของเขาก็คือยิ่งออกแรงก็จะยิ่งทรงพลังและรวดเร็วขึ้น แต่ไอ้การที่บอกว่าเขาเคลื่อนไหวเกินความจำเป็นนี่มันยังเป็นเรื่องที่คาใจมานาน แต่พรุ่งนี้ก็คงได้รู้เพราะงั้นตอนนี้คงต้องพักผ่อนก่อน ว่าแล้วก็จัดการกับมื้อเที่ยงอย่างรวดเร็วปล่อยให้สาวๆ คุยกันไปเรื่อยๆ พออิ่มแล้วชายหนุ่มก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจว่าสองสาวจะคุยกันออกรสขนาดไหน แถมยังนอนหนุนตักเมอร์เซเดสอย่างหน้าตาเฉย ฝ่ายเมอร์เซเดสเองแม้จะตกใจแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด ยังคงพูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ กับเฮสต์ต่อไปเรื่อยๆ

เวลาผ่านไปเกือบเก้าชั่วโมง มหานครเฮฟเวนเนีย อาจเพราะอยู่ห่างพื้นที่สงครามทำให้บรรยากาศยามค่ำคืนภายในมหานครแห่งนี้คึกคักอย่างมาก จนเมอร์เซเดสต้องขยับตัวออกมานอกรถม้าเพื่อชมบรรยากาศภายในเมือง

“เนี่ยเหรอเฮฟเวนเนีย”

“ยินดีต้อนรับสู่เฮฟเวนเนีย มหานครแห่งลีซเนปนะคะ เลดี้เมอร์เซเดส”

“ว่าแต่เดินทางเร็วเหมือนกันนะคะ”

“เราใช้ทางลัดน่ะค่ะ ปกติเราต้องใช้เวลาเดินทางสองวันนะคะ”

“สองวันเหรอคะ”

“ค่ะ ช่วงสงครามแบบนี้เส้นทางที่เราใช้เป็นเส้นทางเดียวกับที่ชาวบ้านใช้อพยพค่ะใช้เวลาไม่นานมากก็ถึงที่นี่ แล้วก็เพราะทัพของลีซเนปยันเอาไว้ได้ที่เซเครส ผู้คนที่นี่จึงยังใช้ชีวิตกันได้ตามปกติ”

“แต่ที่นี่ งดงามมากค่ะคุณเฮสต์ เทียบกับวิสเซลบอร์กแล้วถือว่างดงามและคึกคักกว่าพอสมควรค่ะ”

“ที่เมืองหลวงของสโจรกาดไม่คึกคักขนาดนี้เหรอคะ”

“อาจเพราะอากาศค่อนข้างเย็นมั้งคะ ตอนกลางคืนผู้คนเลยไม่นิยมออกมาข้างนอกกันสักเท่าไรน่ะค่ะ”

“ท่านเมอร์เซเดสจะแวะซื้ออะไรทานสักหน่อยมั้ยล่ะคะ”

“พวกลอร่าจะทานอะไรรึยังนะ”

“ถ้างั้นก็แวะซื้อมื้อค่ำสักหน่อยก็ได้นะ ส่วนท่านไลฟ์ปล่อยให้เขาพักผ่อนอยู่ที่นี่ก่อนก็ได้ค่ะเดี๋ยวให้คนขับรถม้าดูแลเขาก็ได้”

“ต้องรบกวนคุณเฮสต์แนะนำอาหารที่นี่ให้ฉันแล้วล่ะค่ะ”

แม้สองสาวลงจากรถม้าไปซื้อมื้อค่ำครู่ใหญ่ก็กลับมาพร้อมกับอาหารและผลไม้หลากชนิด แต่ชายหนุ่มก็ยังหลับมาเกือบตลอดทางก็ยังไม่ตื่น รถม้าเคลื่อนตัวอีกครั้งปลายทางคือบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ด้านท้ายเมือง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+