Carefree Path of Dreams 35

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 35 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้? เช่นนั้นท่านคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชสินะ! ขออภัยด้วยที่ข้าตาไร้แวว!”

 

เหล่าเฉียนมีท่าทางประหลาดใจและโบกมือ “ในเมื่อเราทั้งคู่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชเช่นนั้นข้าจะไม่พูดมาก ความพวกเราขายพืชวิญญาณเพียงสองอย่าง หนึ่งคือข้าวหยกแดง อีกหนึ่งคือหญ้ามรกต ท่านอยากได้อย่างไหน? ข้าวหยกแดงดีหรือไม่? แต่ว่าท่านไม่สามารถซื้อเป็นปริมาณมากได้นะ เพราะว่าทางเรามีเก็บไว้ในจํานวนจํากัด…”

 

อันที่จริง เมื่อมาที่นี่เพื่อซื้อพืชวิญญาณ คนส่วนมากล้วนเลือกข้าวหยกแดง

 

เพราะแม้ว่ารวงข้าวที่ปลูกได้จะเติบโตไม่ได้เต็มที่ มันก็ยังกินได้และให้ผลเพิ่มพลังธาตุของผู้กินได้เช่นกัน

 

ช่างเป็นเคล็ดลับในการทําธุรกิจให้ได้เงินของตําหนักสี่ทะเลจริง ๆ

 

แต่ว่าฟางหยวนไม่ได้สนใจข้าวหยกแดงเพราะเขามีปลูกไว้ ตั้งเยอะในที่ของเขาเอง

 

“หญ้ามรกตมีประโยชน์อะไร?”

เขาถามกลับ

 

“หือ? ท่านไม่สนใจข้าวหยกแดงหรือ?”

 

เหล่าเฉียนรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ตอบ “ทั้งหญ้ามรกตและข้าวหยกแดงล้วนเป็นพืชวิญญาณระดับต่ําที่สุด แต่ว่าสัตว์วิญญาณกินพืชล้วนชอบกินพืชพวกนี้ และยังสามารถเพิ่มคุณภาพของดิน…”

 

อันที่จริง คนจานวนมากที่มาที่นี่มักจะซื้อหาข้าวหยกแดง ในปริมาณมาก ซึ่งเหลาเฉียนเองก็สามารถขายได้ในจํานวนมากพอสมควร ยังไงลูกค้าก็รู้อยู่แล้วว่าของพวกนี้ได้มาจากที่ไหน

“เช่นนั้น ข้าอยากได้หญ้ามรกตสักจํานวนหนึ่ง!”

 

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจนัก ฟางหยวนก็ไม่อยากพลาดหญ้ามรกตไป

 

เขาเริ่มคิดภาพฮวาหูเตียวกินหญ้ามรกตในใจและขําตัวเอง

 

“อะไรนะ? ท่านต้องการหญ้ามรกต ไม่ใช่ข้าววิญญาณ?”

ผู้ดูแลเฉียนรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้แสดงออก “หญ้ามรกต 1 เมล็ดราคา 1 ตําลึงทอง ถ้าซื้อ 50 เมล็ดขึ้นไปจะมีส่วนลดให้!”

 

“ราคานั่น…”

 

ฟางหยวนรู้สึกตะลึงกับราคาและรู้สึกจนขึ้นมาทันที

 

ราคาของพืชวิญญาณล้วนถูกกําหนดโดยพวกคนมีเงิน ข้าไม่ใช่คนรวย และราคานี้ก็เกินที่ข้าจะรับไหวเสียด้วย…”

 

เขาถอนหายใจขณะนับเงิน “แม้ว่าข้าวหยกแดงและหญ้ามรกตจะมีระดับต่ําสุดท่ามกลางพืชวิญญาณ แต่การซื้อขายของพวกนี้ก็ยังดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก คราวหน้าข้าจะต้องรอบคอบกว่านี้

 

เพราะเช่นนี้ เขาจึงไม่เอาสิ่งของระดับวิญญาณที่มีอยู่ออกมาแลกเปลี่ยน

 

เงินไม่กี่สิบตําลึงทองยังไม่อาจเป็นที่น่าประทับใจสําหรับร้านระดับตําหนักสี่ทะเล แต่ถ้าเป็นพันหรือเป็นหมื่นตําลึงทองเล่า?

ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงบนโลกใบนี้ มีเพียงราคาที่เจ้าจะจ่ายได้หรือจ่ายไม่ได้เท่านั้น

 

“เยี่ยม นี่คือเมล็ดหญ้ามรกตขอรับ!”

 

หลังจากจ่ายเงินแล้ว ผู้ดูแลเฉียนก็รีบนําเอากล่องไม้จันทน์สีแดงกล่องหนึ่งออกมา ชิ้นงานทําขึ้นอย่างปราณีตและมีกลิ่นหอมอ่อนโชยออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่ทําขึ้นเป็นพิเศษ

 

“เมล็ดหญ้ามรกตไม่ถูกกับโลหะ จงจําไว้ว่าห้ามนําเมล็ดพืช นี่เข้าใกล้สิ่งใดที่เป็นโลหะ ”

 

ผู้ดูแลเฉียนเตือนฟางหยวนขณะเปิดกล่องไม้ออก ในกล่องบรรจุไว้ด้วยเมล็ดหญ้ามรกตที่มีสีเขียวหยก

 

“ดีมาก!”

 

ฟางหยวนเก็บกล่องเข้าอกเสื้อ ก่อนกลับออกไป เขาก็ออกปากถาม “ทั่วทั้งมณฑลชิงเหอนี้ยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนอีกหรือไม่? ข้ามีความสนใจเป็นส่วนตัวกับสถานที่ที่พืชวิญญาณพวกนี้เติบโตขึ้นมา บางทีท่านอาจจะพอรู้ว่าข้าจะหาพวกมันได้ที่ไหน?”

 

“นี่…”

 

ผู้ดูแลเฉียนสีหน้าเปลี่ยนไปและรีบส่ายหน้า “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ การพบเจอขึ้นกับโชคของแต่ละคน ข้าไม่รู้เรื่องเบื้องหลังของการกําเนิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด!”

 

“เข้าใจแล้ว!”

 

ฟางหยวนเดินออกจากอาคาร “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้ว!”

 

หลังจากเห็นเขาจากไป ผู้ดูแลเฉียนก็เร่งเท้าขึ้นสองสามก้าวและรู้สึกกังวลขึ้นมา “เสี่ยวซาน!”

 

“ขอรับเถ้าแก่!”

 

ที่ด้านในห้อง กําแพงเขียนลายขยับเปิดออกเผยให้เห็นทางลับสายหนึ่ง คนผู้หนึ่งเดินออกมา

 

“รายงานเรื่องนี้ไปที่สํานัก!”

 

ผู้ดูแลเฉียนถอนหายใจ

 

“ก็แค่การซื้อขายหญ้าวิญญาณไม่กี่ต้น เหตุใดจึงต้องรายงาน?”

 

เสี่ยวซานรู้สึกแปลกใจกับคําสั่งของผู้ดูแลเฉียน

 

“ซื้อหญ้ามรกตไม่กี่เมล็ดนั้นไม่นับเป็นกระไร ลูกค้าผู้นั้นยังถามหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นทําให้เขาดูน่าสงสัย ส่งคนไปจับตาดูเขาด้วย!”

 

“เถ้าแก่ ท่านช่างระมัดระวังยิ่งนัก!”

 

ในตอนนั้นเอง คนอีกผู้หนึ่งเดินออกมาจากทางลับ เขาสวมชุดสีเขียวเป็นคุณชายน้อยร่างผอม สวมมรกตตาแมวไว้บนศีรษะ ผิวเป็นประกาย

 

เขาโบกพัดจีบไปมา “ในสํานักน่าเบื่อมากไม่มีอะไรใหญ่โตให้เล่นเลย ข้างนอกยังน่าสนใจเสียกว่า แม้การซื้อขายเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ก็ยังน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้”

 

“ท่านก็มาหรือท่านฉิง!”

 

ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานโค้งคํานับและมีท่าที่สุภาพอ่อนน้อม

 

“ข้าจะตามชายผู้นั้นไปเอง พวกเจ้าทําอะไรอยู่ก็ไปทําเถอะ!”

 

นายท่านฉิงมองไปทางทิศที่ฟางหยวนจากไปด้วยสายตานีกสนุก

 

“ขอรับ นายท่าน!”

 

ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานมองหน้ากัน สีหน้าจนปัญญา

 

“หืม?”

 

หลังจากออกจากตําหนักสี่ทะเล ฟางหยวนก็เดินผ่านร้าน ค้าหลายร้านพลางขมวดคิ้ว

 

การประสมกันของสองวิชายุทธ์ของเขาทําให้เขามีพลัง ภายในที่นับว่ามากสําหรับผู้[ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 5)] แล้ว เขายังมีระดับพลังเวทย์สูงกว่าปกติ ดังนั้นจึงรู้สึกได้ว่ามีคนสะกดรอยตามเขามา

 

“มีคนตามข้ามา? หรือจะเป็นคนที่อยากจะแย่งเมล็ดหญ้ามรกตกับข้า? เป็นไปไม่ได้”

 

เขารู้ว่าเขาเดาผิดและรู้ว่าทําไม “ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากที่ข้าถามเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะก็มีเพียงแค่สํานักกุยหลิงที่ดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเดียวในมณฑลชิงเหอ…”

 

แม้ว่าแผนการของเขานั้นจะคิดมาดีแล้ว แต่ฟางหยวนก็อาศัยอยู่ในหุบเขามานาน ดังนั้นจึงจัดการกับสถานการณ์ได้ไม่รอบคอบนัก

 

“เหตุใดตําหนักสี่ทะเลจึงสามารถส่ง [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทอง ที่ 4 หรือ 5)] มาเพียงเพื่อสะกดรอยตามข้าได้?”

 

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้นับว่าไม่ธรรมดา ซึ่งทําให้ฟางหยวนประหลาดใจ

 

ตอนนี้ เขาเปลี่ยนเป็นเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ อย่างกะทันหัน แล้วหายตัวไป

 

“หืม?”

 

ไม่นานนัก นายท่านฉิงก็มาถึงที่ตรอก “นี่เขารู้ตัวว่าข้าตามเขามาแล้วใช่หรือไม่?”

 

นายท่านฉิงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวและตัดสินใจไล่ตามฟางหยวนต่อไปแทนที่จะถอยกลับ

 

ตรอกนี้สั้นนิดเดียวและยังเป็นทางตัน

 

“เจ้าหัวขโมย เจอกับกรงเล็บของข้าหน่อยเป็นไง!”

 

“ว้าว!”

 

เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ

 

ฟางหยวนจัดการลงมือจู่โจมคนที่คิดไม่ดีกับเขา

 

“ฮ่าฮ่า… ช่างโง่จริงๆ!ใครมันจะเปิดเผยตําแหน่งตัวเองออกมาตอนที่จะลอบทําร้ายกันเล่า?”

 

นายท่านฉิงหัวเราะและหุบพัดลง โดยไม่มองกลับไป เขาก้าวเท้าถอย “นกกระจิบถลาลม!”

 

พัดธรรมดาๆกลับเปรียบได้กับกระบี่คมกริบเมื่ออยู่ในมือของนายท่านฉิง พัดจีบทิ่มมาด้านหลังเงาร่างสีดํา เกิดเสียงลมพัดกรรโชก

 

“ฟุบ!”

 

พัดทะลวงเข้าไปในเงาดําอย่างง่ายดาย แต่นั่นก็เป็นขณะเดียวกับที่นายท่านฉิงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

“โอ้ ไม่นะ!”

 

เขาก้าวถอยตามสัญชาตญาณและดึงพัดกลับมาปกป้องตัวเอง

 

ก้าวแรกที่ผิดพลาดไป ทําให้เกิดความผิดพลาดตามมาเป็นขบวน

 

การจู่โจมแรกล้มเหลวยิ่งทําให้เขาเสียเปรียบ!

 

“ฟุบ!”

 

ทันใดนั้น กรงเล็บอินทรีของศัตรูก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

“ดี!”

 

นายท่านฉิงรู้สึกตื่นเต้นขณะสังเกตเคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาก้าวถอยอีกสองสามก้าวเพิ่มระยะห่างระหว่างตัวเองกับฟางหยวน “เคล็ดกรงเล็บอินทรีที่ดี! เทียบกับอว์ชิวเหลิ่งแล้ว เจ้าด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย ใครคืออาจารย์ของเจ้า?”

 

ด้วยความเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์ระดับนี้ เขาควรจะต้องถูกสอนมาโดยใครสักคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

 

“เจ้าเพิ่งฝึกได้แค่เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กระดับ 4 เองรึ? ดูเหมือนวิชายุทธ์ของเจ้าจะยังด้อยกว่าข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5!”

 

นายท่านฉิงประกาศระดับยุทธ์ของตนอย่างภาคภูมิใจ

 

“เจ้าโง่เอ๊ย!”

 

ฟางหยวนมองสบตากับเขาและรู้สึกสงสาร

คนประเภทที่เปิดเผยระดับการฝึกฝนของตนให้ศัตรูรู้นั้น ถ้าไม่มั่นใจเป็นที่สุดก็โง่

 

โชคร้ายสําหรับนายท่านฉิง ที่น่าจะเป็นพวกหลัง!

 

“มันก็ยากสักหน่อยที่จะเอาชนะ [ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5] ด้วยฝ่ามือทรายดํา แต่นั่นข้าก็ไม่สะดวกนัก!”

 

ฟางหยวนมองแถบประสบการณ์ของเคล็ดกรงเล็บอินทรี เหล็กของตนแล้วพึมพํา เรียกใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก มือทองสองข้างผลักออกในท่าคล้ายกรงเล็บคู่หนึ่ง

 

“เดี๋ยวก่อน!”

 

นายท่านฉิงพยายามทําความเข้าใจกับสถานการณ์อย่างร้อนรน “นี่น่าจะเป็นความเข้าใจผิด!”

 

เขาเพียงต้องการแอบตามดูฟางหยวนเท่านั้น มันกลายเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายระหว่างทั้งคู่ได้อย่างไร?

 

และเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าคนตรงหน้านี้นอกจากจะเจรจาด้วย ได้ยากแล้วยังโหดเหี้ยมนัก

 

“โชคดีของข้า… พลังภายในของข้านั้นมากกว่าเขามาก เขาใช้พลังภายในของตนเพื่อโจมตีและน่าจะทนไว้ได้ไม่นาน ทันทีที่กําลังหมดลง ข้าก็จะสามารถ…”

 

นายท่านฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกกรงเล็บอันว่องไวและต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างกะทันหันของฟางหยวน ครอบคลุมลงมา!

 

“[เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 5)]! เป็นไปได้อย่างไร?”

 

เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้กัน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยของวิทยายุทธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์สุดท้าย จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้หนึ่งจะสามารถเพิ่มพลังของตนได้อย่างกะทันหัน?

 

นายท่านฉิงตื่นตระหนก และเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กก็ทะลวงผ่านการป้องกันของเขาเข้ามาได้ ร่างของเขาปลิวขึ้นไปกลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกกับกําแพง 

 

“เจ้า…”

 

เขาหน้าเผือดซีดลง กระอักเลือดออกมาคําโต “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้…”

 

“ทําไม?”

 

ฟางหยวนเดินไปข้างหน้า ตบเข้าที่กระหม่อม เปิดให้เห็นผมยาวกลุ่มหนึ่ง “เพียงแค่เพราะเจ้าเป็นผู้หญิง?”

 

“เจ้ารู้?”

 

นายท่านฉิงกรีดร้อง เสียงร้องของนางแหลมสูงและก้องกังวาน

 

“มีแค่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่สามารถมองผ่านการตกแต่งใบหน้าอย่างไร้ฝีมือเช่นนี้ได้!”

 

ฟางหยวนพูดไม่ออก “เจ้าเป็นใคร? ทําไมต้องมาคอยตามข้า? เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับตําหนักสี่ทะเล?”

 

“ฮึ่ม!”

 

เขาไม่รู้ว่าทําไมนางจึงยังเก็บเงียบ และไม่มีทีท่าหวาดกลัวหลังจากถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

 

“โอ้?”

 

ฟางหยวนดีดนิ้ว “แม่นาง ทางที่ดีเจ้าจงตอบคําถามข้า หรือไม่เช่นนั้น… อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทําร้ายสตรี!”

 

นางมีท่าทีหวาดกลัวขึ้นมา น้ําตาเริ่มเอ่อคลอหลังได้ยินคําขู่ของฟางหยวน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Carefree Path of Dreams 35

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 35 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“โอ้? เช่นนั้นท่านคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชสินะ! ขออภัยด้วยที่ข้าตาไร้แวว!”

 

เหล่าเฉียนมีท่าทางประหลาดใจและโบกมือ “ในเมื่อเราทั้งคู่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลพืชเช่นนั้นข้าจะไม่พูดมาก ความพวกเราขายพืชวิญญาณเพียงสองอย่าง หนึ่งคือข้าวหยกแดง อีกหนึ่งคือหญ้ามรกต ท่านอยากได้อย่างไหน? ข้าวหยกแดงดีหรือไม่? แต่ว่าท่านไม่สามารถซื้อเป็นปริมาณมากได้นะ เพราะว่าทางเรามีเก็บไว้ในจํานวนจํากัด…”

 

อันที่จริง เมื่อมาที่นี่เพื่อซื้อพืชวิญญาณ คนส่วนมากล้วนเลือกข้าวหยกแดง

 

เพราะแม้ว่ารวงข้าวที่ปลูกได้จะเติบโตไม่ได้เต็มที่ มันก็ยังกินได้และให้ผลเพิ่มพลังธาตุของผู้กินได้เช่นกัน

 

ช่างเป็นเคล็ดลับในการทําธุรกิจให้ได้เงินของตําหนักสี่ทะเลจริง ๆ

 

แต่ว่าฟางหยวนไม่ได้สนใจข้าวหยกแดงเพราะเขามีปลูกไว้ ตั้งเยอะในที่ของเขาเอง

 

“หญ้ามรกตมีประโยชน์อะไร?”

เขาถามกลับ

 

“หือ? ท่านไม่สนใจข้าวหยกแดงหรือ?”

 

เหล่าเฉียนรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ตอบ “ทั้งหญ้ามรกตและข้าวหยกแดงล้วนเป็นพืชวิญญาณระดับต่ําที่สุด แต่ว่าสัตว์วิญญาณกินพืชล้วนชอบกินพืชพวกนี้ และยังสามารถเพิ่มคุณภาพของดิน…”

 

อันที่จริง คนจานวนมากที่มาที่นี่มักจะซื้อหาข้าวหยกแดง ในปริมาณมาก ซึ่งเหลาเฉียนเองก็สามารถขายได้ในจํานวนมากพอสมควร ยังไงลูกค้าก็รู้อยู่แล้วว่าของพวกนี้ได้มาจากที่ไหน

“เช่นนั้น ข้าอยากได้หญ้ามรกตสักจํานวนหนึ่ง!”

 

แม้ว่าเขาจะไม่พอใจนัก ฟางหยวนก็ไม่อยากพลาดหญ้ามรกตไป

 

เขาเริ่มคิดภาพฮวาหูเตียวกินหญ้ามรกตในใจและขําตัวเอง

 

“อะไรนะ? ท่านต้องการหญ้ามรกต ไม่ใช่ข้าววิญญาณ?”

ผู้ดูแลเฉียนรู้สึกประหลาดใจแต่ไม่ได้แสดงออก “หญ้ามรกต 1 เมล็ดราคา 1 ตําลึงทอง ถ้าซื้อ 50 เมล็ดขึ้นไปจะมีส่วนลดให้!”

 

“ราคานั่น…”

 

ฟางหยวนรู้สึกตะลึงกับราคาและรู้สึกจนขึ้นมาทันที

 

ราคาของพืชวิญญาณล้วนถูกกําหนดโดยพวกคนมีเงิน ข้าไม่ใช่คนรวย และราคานี้ก็เกินที่ข้าจะรับไหวเสียด้วย…”

 

เขาถอนหายใจขณะนับเงิน “แม้ว่าข้าวหยกแดงและหญ้ามรกตจะมีระดับต่ําสุดท่ามกลางพืชวิญญาณ แต่การซื้อขายของพวกนี้ก็ยังดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมาก คราวหน้าข้าจะต้องรอบคอบกว่านี้

 

เพราะเช่นนี้ เขาจึงไม่เอาสิ่งของระดับวิญญาณที่มีอยู่ออกมาแลกเปลี่ยน

 

เงินไม่กี่สิบตําลึงทองยังไม่อาจเป็นที่น่าประทับใจสําหรับร้านระดับตําหนักสี่ทะเล แต่ถ้าเป็นพันหรือเป็นหมื่นตําลึงทองเล่า?

ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริงบนโลกใบนี้ มีเพียงราคาที่เจ้าจะจ่ายได้หรือจ่ายไม่ได้เท่านั้น

 

“เยี่ยม นี่คือเมล็ดหญ้ามรกตขอรับ!”

 

หลังจากจ่ายเงินแล้ว ผู้ดูแลเฉียนก็รีบนําเอากล่องไม้จันทน์สีแดงกล่องหนึ่งออกมา ชิ้นงานทําขึ้นอย่างปราณีตและมีกลิ่นหอมอ่อนโชยออกมา เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่ทําขึ้นเป็นพิเศษ

 

“เมล็ดหญ้ามรกตไม่ถูกกับโลหะ จงจําไว้ว่าห้ามนําเมล็ดพืช นี่เข้าใกล้สิ่งใดที่เป็นโลหะ ”

 

ผู้ดูแลเฉียนเตือนฟางหยวนขณะเปิดกล่องไม้ออก ในกล่องบรรจุไว้ด้วยเมล็ดหญ้ามรกตที่มีสีเขียวหยก

 

“ดีมาก!”

 

ฟางหยวนเก็บกล่องเข้าอกเสื้อ ก่อนกลับออกไป เขาก็ออกปากถาม “ทั่วทั้งมณฑลชิงเหอนี้ยังมีดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนอีกหรือไม่? ข้ามีความสนใจเป็นส่วนตัวกับสถานที่ที่พืชวิญญาณพวกนี้เติบโตขึ้นมา บางทีท่านอาจจะพอรู้ว่าข้าจะหาพวกมันได้ที่ไหน?”

 

“นี่…”

 

ผู้ดูแลเฉียนสีหน้าเปลี่ยนไปและรีบส่ายหน้า “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ การพบเจอขึ้นกับโชคของแต่ละคน ข้าไม่รู้เรื่องเบื้องหลังของการกําเนิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด!”

 

“เข้าใจแล้ว!”

 

ฟางหยวนเดินออกจากอาคาร “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนแล้ว!”

 

หลังจากเห็นเขาจากไป ผู้ดูแลเฉียนก็เร่งเท้าขึ้นสองสามก้าวและรู้สึกกังวลขึ้นมา “เสี่ยวซาน!”

 

“ขอรับเถ้าแก่!”

 

ที่ด้านในห้อง กําแพงเขียนลายขยับเปิดออกเผยให้เห็นทางลับสายหนึ่ง คนผู้หนึ่งเดินออกมา

 

“รายงานเรื่องนี้ไปที่สํานัก!”

 

ผู้ดูแลเฉียนถอนหายใจ

 

“ก็แค่การซื้อขายหญ้าวิญญาณไม่กี่ต้น เหตุใดจึงต้องรายงาน?”

 

เสี่ยวซานรู้สึกแปลกใจกับคําสั่งของผู้ดูแลเฉียน

 

“ซื้อหญ้ามรกตไม่กี่เมล็ดนั้นไม่นับเป็นกระไร ลูกค้าผู้นั้นยังถามหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นทําให้เขาดูน่าสงสัย ส่งคนไปจับตาดูเขาด้วย!”

 

“เถ้าแก่ ท่านช่างระมัดระวังยิ่งนัก!”

 

ในตอนนั้นเอง คนอีกผู้หนึ่งเดินออกมาจากทางลับ เขาสวมชุดสีเขียวเป็นคุณชายน้อยร่างผอม สวมมรกตตาแมวไว้บนศีรษะ ผิวเป็นประกาย

 

เขาโบกพัดจีบไปมา “ในสํานักน่าเบื่อมากไม่มีอะไรใหญ่โตให้เล่นเลย ข้างนอกยังน่าสนใจเสียกว่า แม้การซื้อขายเล็กๆน้อยๆเช่นนี้ก็ยังน่าสนใจได้ถึงเพียงนี้”

 

“ท่านก็มาหรือท่านฉิง!”

 

ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานโค้งคํานับและมีท่าที่สุภาพอ่อนน้อม

 

“ข้าจะตามชายผู้นั้นไปเอง พวกเจ้าทําอะไรอยู่ก็ไปทําเถอะ!”

 

นายท่านฉิงมองไปทางทิศที่ฟางหยวนจากไปด้วยสายตานีกสนุก

 

“ขอรับ นายท่าน!”

 

ผู้ดูแลเฉียนและเสี่ยวซานมองหน้ากัน สีหน้าจนปัญญา

 

“หืม?”

 

หลังจากออกจากตําหนักสี่ทะเล ฟางหยวนก็เดินผ่านร้าน ค้าหลายร้านพลางขมวดคิ้ว

 

การประสมกันของสองวิชายุทธ์ของเขาทําให้เขามีพลัง ภายในที่นับว่ามากสําหรับผู้[ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 5)] แล้ว เขายังมีระดับพลังเวทย์สูงกว่าปกติ ดังนั้นจึงรู้สึกได้ว่ามีคนสะกดรอยตามเขามา

 

“มีคนตามข้ามา? หรือจะเป็นคนที่อยากจะแย่งเมล็ดหญ้ามรกตกับข้า? เป็นไปไม่ได้”

 

เขารู้ว่าเขาเดาผิดและรู้ว่าทําไม “ดูเหมือนว่าจะเป็นผลจากที่ข้าถามเรื่องดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะก็มีเพียงแค่สํานักกุยหลิงที่ดูแลดินแดนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งเดียวในมณฑลชิงเหอ…”

 

แม้ว่าแผนการของเขานั้นจะคิดมาดีแล้ว แต่ฟางหยวนก็อาศัยอยู่ในหุบเขามานาน ดังนั้นจึงจัดการกับสถานการณ์ได้ไม่รอบคอบนัก

 

“เหตุใดตําหนักสี่ทะเลจึงสามารถส่ง [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทอง ที่ 4 หรือ 5)] มาเพียงเพื่อสะกดรอยตามข้าได้?”

 

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้นับว่าไม่ธรรมดา ซึ่งทําให้ฟางหยวนประหลาดใจ

 

ตอนนี้ เขาเปลี่ยนเป็นเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ อย่างกะทันหัน แล้วหายตัวไป

 

“หืม?”

 

ไม่นานนัก นายท่านฉิงก็มาถึงที่ตรอก “นี่เขารู้ตัวว่าข้าตามเขามาแล้วใช่หรือไม่?”

 

นายท่านฉิงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวและตัดสินใจไล่ตามฟางหยวนต่อไปแทนที่จะถอยกลับ

 

ตรอกนี้สั้นนิดเดียวและยังเป็นทางตัน

 

“เจ้าหัวขโมย เจอกับกรงเล็บของข้าหน่อยเป็นไง!”

 

“ว้าว!”

 

เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ

 

ฟางหยวนจัดการลงมือจู่โจมคนที่คิดไม่ดีกับเขา

 

“ฮ่าฮ่า… ช่างโง่จริงๆ!ใครมันจะเปิดเผยตําแหน่งตัวเองออกมาตอนที่จะลอบทําร้ายกันเล่า?”

 

นายท่านฉิงหัวเราะและหุบพัดลง โดยไม่มองกลับไป เขาก้าวเท้าถอย “นกกระจิบถลาลม!”

 

พัดธรรมดาๆกลับเปรียบได้กับกระบี่คมกริบเมื่ออยู่ในมือของนายท่านฉิง พัดจีบทิ่มมาด้านหลังเงาร่างสีดํา เกิดเสียงลมพัดกรรโชก

 

“ฟุบ!”

 

พัดทะลวงเข้าไปในเงาดําอย่างง่ายดาย แต่นั่นก็เป็นขณะเดียวกับที่นายท่านฉิงตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

“โอ้ ไม่นะ!”

 

เขาก้าวถอยตามสัญชาตญาณและดึงพัดกลับมาปกป้องตัวเอง

 

ก้าวแรกที่ผิดพลาดไป ทําให้เกิดความผิดพลาดตามมาเป็นขบวน

 

การจู่โจมแรกล้มเหลวยิ่งทําให้เขาเสียเปรียบ!

 

“ฟุบ!”

 

ทันใดนั้น กรงเล็บอินทรีของศัตรูก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

“ดี!”

 

นายท่านฉิงรู้สึกตื่นเต้นขณะสังเกตเคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาก้าวถอยอีกสองสามก้าวเพิ่มระยะห่างระหว่างตัวเองกับฟางหยวน “เคล็ดกรงเล็บอินทรีที่ดี! เทียบกับอว์ชิวเหลิ่งแล้ว เจ้าด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย ใครคืออาจารย์ของเจ้า?”

 

ด้วยความเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์ระดับนี้ เขาควรจะต้องถูกสอนมาโดยใครสักคนที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

 

“เจ้าเพิ่งฝึกได้แค่เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กระดับ 4 เองรึ? ดูเหมือนวิชายุทธ์ของเจ้าจะยังด้อยกว่าข้าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5!”

 

นายท่านฉิงประกาศระดับยุทธ์ของตนอย่างภาคภูมิใจ

 

“เจ้าโง่เอ๊ย!”

 

ฟางหยวนมองสบตากับเขาและรู้สึกสงสาร

คนประเภทที่เปิดเผยระดับการฝึกฝนของตนให้ศัตรูรู้นั้น ถ้าไม่มั่นใจเป็นที่สุดก็โง่

 

โชคร้ายสําหรับนายท่านฉิง ที่น่าจะเป็นพวกหลัง!

 

“มันก็ยากสักหน่อยที่จะเอาชนะ [ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5] ด้วยฝ่ามือทรายดํา แต่นั่นข้าก็ไม่สะดวกนัก!”

 

ฟางหยวนมองแถบประสบการณ์ของเคล็ดกรงเล็บอินทรี เหล็กของตนแล้วพึมพํา เรียกใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก มือทองสองข้างผลักออกในท่าคล้ายกรงเล็บคู่หนึ่ง

 

“เดี๋ยวก่อน!”

 

นายท่านฉิงพยายามทําความเข้าใจกับสถานการณ์อย่างร้อนรน “นี่น่าจะเป็นความเข้าใจผิด!”

 

เขาเพียงต้องการแอบตามดูฟางหยวนเท่านั้น มันกลายเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายระหว่างทั้งคู่ได้อย่างไร?

 

และเขาก็ไม่ได้คิดเลยว่าคนตรงหน้านี้นอกจากจะเจรจาด้วย ได้ยากแล้วยังโหดเหี้ยมนัก

 

“โชคดีของข้า… พลังภายในของข้านั้นมากกว่าเขามาก เขาใช้พลังภายในของตนเพื่อโจมตีและน่าจะทนไว้ได้ไม่นาน ทันทีที่กําลังหมดลง ข้าก็จะสามารถ…”

 

นายท่านฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถูกกรงเล็บอันว่องไวและต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างกะทันหันของฟางหยวน ครอบคลุมลงมา!

 

“[เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็ก (ระดับ 5)]! เป็นไปได้อย่างไร?”

 

เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ต่อสู้กัน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยของวิทยายุทธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นมีผลอย่างมากต่อผลลัพธ์สุดท้าย จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้หนึ่งจะสามารถเพิ่มพลังของตนได้อย่างกะทันหัน?

 

นายท่านฉิงตื่นตระหนก และเคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กก็ทะลวงผ่านการป้องกันของเขาเข้ามาได้ ร่างของเขาปลิวขึ้นไปกลางอากาศก่อนจะตกลงมากระแทกกับกําแพง 

 

“เจ้า…”

 

เขาหน้าเผือดซีดลง กระอักเลือดออกมาคําโต “เจ้าฆ่าข้าไม่ได้…”

 

“ทําไม?”

 

ฟางหยวนเดินไปข้างหน้า ตบเข้าที่กระหม่อม เปิดให้เห็นผมยาวกลุ่มหนึ่ง “เพียงแค่เพราะเจ้าเป็นผู้หญิง?”

 

“เจ้ารู้?”

 

นายท่านฉิงกรีดร้อง เสียงร้องของนางแหลมสูงและก้องกังวาน

 

“มีแค่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่สามารถมองผ่านการตกแต่งใบหน้าอย่างไร้ฝีมือเช่นนี้ได้!”

 

ฟางหยวนพูดไม่ออก “เจ้าเป็นใคร? ทําไมต้องมาคอยตามข้า? เจ้ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับตําหนักสี่ทะเล?”

 

“ฮึ่ม!”

 

เขาไม่รู้ว่าทําไมนางจึงยังเก็บเงียบ และไม่มีทีท่าหวาดกลัวหลังจากถูกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

 

“โอ้?”

 

ฟางหยวนดีดนิ้ว “แม่นาง ทางที่ดีเจ้าจงตอบคําถามข้า หรือไม่เช่นนั้น… อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าทําร้ายสตรี!”

 

นางมีท่าทีหวาดกลัวขึ้นมา น้ําตาเริ่มเอ่อคลอหลังได้ยินคําขู่ของฟางหยวน

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+