Carefree Path of Dreams 38

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 38 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Carefree Path of Dreams

 

Chapter 38: การต่อสู้รุนแรง

 

“ฝุ่บ!”

 

“ปัง!”

 

เสียงดังมาให้ได้ยิน เข็มเหล็กจํานวนมากบินตรงเข้าหากลุ่มศิษย์ของสํานักกุยหลิง

 

“อาวุธลับ?”

 

ฟางหยวนรู้สึกสับสน เขาเตรียมตัวกระโจนไปข้างหน้าและซ่อนตัวที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่เพื่อหลบเข็มที่พุ่งเข้ามาไว้ก่อนแล้ว

 

แต่กลุ่มศิษย์พวกนั้นไม่ได้โชคดีนัก

 

ได้ยินเสียงเข็มเสียบทะลุไปทั่วทุกที่และราวกับมีระเบิดเลือดขึ้นในปา หลายร่างทอดนอนอยู่บนพื้นและทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเลือด

 

หลังจากการจู่โจมรอบแรก ฟางหยวนก็โผล่หัวออกมาครึ่ง ๆ และเห็นศิษย์แซ่ซุนที่เพิ่งเยาะเย้ยเขาไปเมื่อครู่นอนทอดร่างจมกองเลือด ร่างของเขาดูราวกับรังแตน

 

เงายาวสายหนึ่งปรากฏและมันดูเหมือนจะแบกอะไรบางอย่างเอาไว้

 

“นั่นคือซ่งจง!”

 

หลินเหลยเยว่กรีดร้องโบกแขนเสื้อ ศรลับถูกยิงขึ้นบนฟ้าพร้อมกรีดเสียงแหลมยาวให้ได้ยินก่อนจะระเบิดเป็นเปลวไฟ

 

“เหอเหอ… เจ้ากําลังมองหาผู้อาวุโสหลีรี?”

 

ซ่งจงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็หัวเราะ “เจ้าไม่จําเป็นต้องทําอะไรแล้ว! ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว!”

 

เขาสะบัดมือและของที่เขาถือไว้ในมือก็กลิ้งไปหาหลินเหลยเยวทันที

 

“อาจารย์หลี่?!”

 

คุณหนูฉิงกรีดร้องและเกือบจะเป็นลมไป

 

ที่ซ่งจงแบกมาคือหัวของอาจารย์หลีที่มีดวงตาเบิกโพลงจะเป็นหัวของใครไปได้อีกเล่า?

 

“เป็นไปได้อย่างไร?”

 

เห็นภาพนี้แล้ว หลินเหลยเยว่ก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา

 

“ฮ่าฮ่า… ฝ่ามือตะวันส่องของเจ้าแก่หลีก็ดีอยู่หรอก แต่โชคร้าย มันก็ยังคงด้อยกว่าเมื่อเทียบกับฝ่ามือของข้า!”

 

ซึ่งจงกระอักเลือดออกมาคําใหญ่แต่ก็ยังมีท่าที่หยิ่งทระนงที่ สุด “สืออวถงนังแพศยานั่น นางคิดว่าข้าบาดเจ็บสาหัสเลยส่ง เจ้ามาจัดการกับข้าสินะ นางยังส่งผู้อาวุโสหลืมาดูแลเจ้าด้วย.. แต่ว่า นางไม่ได้คาดว่าข้าจะมีโอกาสได้ครอบครองเม็ดยาคืนวิญญาณที่หมอเทวดาทิ้งเอาไว้ เพราะอย่างนั้น ข้าจึงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของข้าเรียบร้อยแล้ว ฮ่าฮ่า…”

 

หลินเหลยเยวปิดปากสนิทและรู้สึกสิ้นหวัง

 

หลินเหลยเยว่เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับเม็ดยาคืนวิญญาณจากตําราลับของสํานักมาก่อน ยานั่นก็สมกับชื่อของมัน สามารถคืนชีพคนใกล้ตายได้ตราบใดที่คนผู้นั้นยังหายใจอยู่เขาจะนตัวกลับมาภายในหนึ่งคืน แต่จะตายหลังจากนั้น 7 วัน!

 

ภายใน 7 วัน พลังลมปราณ พลังกาย และพลังเวทย์ของผู้ฝึกยุทธ์จะกลับมาอยู่ที่จุดสูงสุดของคนผู้นั้น

 

แต่ในสํานัก ผู้อาวุโสหลี่มีระดับสูงกว่าซ่งจง และซ่งจงเป็นรองเขาอย่างชัดเจน เหตุใดเขาจึงถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย?

 

หลินเหลยเยวมีเหงื่อเย็นผุดพราย

 

สถานการณ์มาอยู่ในจุดที่เกินแก้ไขแล้ว

 

แม้ว่าจะมีผู้อาวุโสท่านอื่นจากสํานักเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและรีบเร่งมาที่นี่เพื่อช่วยพวกนางพวกนางก็คงไม่สามารถรักษาชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนั้น

 

อย่างไรเสีย ก็มีความแตกต่างระหว่างพลังภายในของผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับ 2 ประตูสงบ กับ 3 ประตูวิกฤติอยู่ช่วงใหญ่แม้ว่าศัตรูจะต้องกดข่มอาการบาดเจ็บของตนเพื่อเริ่มเข่นฆ่าเขาก็ยังคงสามารถออกกระบวนท่าจู่โจมให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้อยู่ดี!

 

“ผู้อาวุโสข่ง พวกเราทั้งคู่มิได้เป็นศัตรูกัน เหตุใดท่านจึงทํา

เช่นนี้

 

หลินเหลยเยวถามด้วยอาการสงบ

 

“ไม่ได้เป็นศัตรูกันงั้นหรือ?”

 

ซึ่งจงหัวเราะก่อนและพูด “สืออวถงนังแพศยาขับไล่ข้าออกจากสํานัก และยังประกาศิตสั่งตายข้า วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเช่นเดียวกับที่เจ้าทํากับลูกชายของข้า!” 

 

เมื่อฟางหยวนได้ยินคําพูดนี้ เขาก็หดหัวลงและรู้สึกสับสนเมื่อซ่งจงมองมาที่เขา

 

แม้เขาจะรู้ว่าซ่งจงไม่รู้ว่าใครคือฆาตกรที่แท้จริง แต่เพราะเป็นอดีตคู่หมั้นของหลินเหลยเยว่ ซึ่งจงคงจะไม่ไว้ชีวิตเขาและหลินเหลยเยว่ “คู่รัก” กันเป็นแน่!

 

โชคดี ซึ่งจงเพ่งความสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวหลินเหลยเยว่ฟางหยวนรู้สึกได้ว่าซ่งจงจะฆ่าตัวตายหลังจากฆ่าทุกคนแล้ว

“นี่มันร้ายแรงมากแล้ว ถ้าซ่งจงรู้ว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริงข้าคงไม่รอด…”

 

ฟางหยวนจนคําพูด

 

ด้วยระดับพลังเวทย์ของเขา ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ว่า เขาถูกซ่งจงจับตามองอยู่แม้ว่าความสนใจส่วนใหญ่ของเขาจะไปตกอยู่ที่หลินเหลยเยว่

 

“เช่นนั้นท่านต้องการอะไร?”

 

หลินเหลยเยวตื่นตระหนกขึ้นมาขณะที่ซ่งจงเข้ามาใกล้นาง มากขึ้น

 

คนที่เพิ่งกินยาชุบชีวิตเข้าไปและจะตายตกภายใน 7 วันจะ จับนางเป็นตัวประกันไปทําไม? ซ่งจงคงจะต้องการให้นางตายไปด้วยกันกับเขา

 

แล้วเขาก็คงไม่ไว้ชีวิตฟางหยวนและศิษย์ที่เหลือ

 

“ข้ากําลังจะตาย… ข้ายังไม่ได้ออกไปผจญโลกกว้างเลย…. ข้ายังไม่อยากตาย!”

 

หลินเหลยเยว่กัดฟันแน่นก่อนพูด “ทุกคนฟัง คนผู้ไม่สา มารถพูดจาด้วยได้แล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันสู้กับเขา! ผู้อาวุโสหลี่มีวิทยายุทธ์สูง ซึ่งจงน่าจะได้รับบาดเจ็บมาจากการสู้กับผู้อาวุโสหลี่แล้ว!”

 

หลินเหลยเยว่พูดกับคนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ หลังจากได้ยินที่นางพูดและเห็นซ่งจงมีรอยประทับรูปฝ่ามือที่หน้าอกและมีเลือดไหลออกจากปากพวกเขาก็รู้สึกมีความหวัง

 

“คุณหนูหลิน เจ้ามีสายตาที่ดี โชคร้ายที่เจ้าไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 ที่ได้รับบาดเจ็บจะทําอะไรได้บ้าง!”

ซึ่งจงพุ่งตรงไป

 

เขาดูผ่อนคลายแต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วไปทางศิษย์ชายผู้หนึ่ง เขาคว้าเข้าที่คอลูกศิษย์ผู้นั้นและบิดคอเขาจนตายอย่างง่ายดาย ร่างไร้ชีวิตหล่นลงไปกองกับพื้น

 

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 นั้นทรงพลังมากจริง ๆ

 

“เพลงกระบีจันทรายะเยือก!”

 

ในตอนนั้นเอง หลินเหลยเยวตะโกนออกมาขณะพุ่งเข้าหาซึ่งจงต่อหน้าทุกคนที่เหลือที่ยังตกใจอยู่

 

“วูบ!”

กระบี่เงาวับของนางแทรกไว้ด้วยไอเย็นสายหนึ่งราวกับเป็นกระบี่ที่สร้างขึ้นมาพิเศษ

 

“เพลงกระบี่ที่ดี! พลังภายในที่ดี!”

 

ซึ่งจงเพ่งมองก่อนจะบัดกระบี่ด้วยปลายนิ้ว

 

“ตั้ง!”

 

ได้ยินเสียงก้องออกมาจากการต่อสู้ หลินเหลยเยว่ก้าวถอยไปหลายก้าวและมองซ่งจงที่หน้าซีดเผือดสีห น้าไร้ความรู้สึกนางรู้สึกยินดีขึ้น “ความสามารถของคนผู้นี้ลด ลงอย่างมากและด้อยกําลังกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 อย่าถูกมันหลอก!”

 

“ข้าจะฆ่าเจ้าจริง ๆ แล้ว นังตัวดี!”

 

สีหน้าของซงจงเปลี่ยนไปขณะพุ่งไปข้างหน้า

 

“นกกระจิบถลาลม!”

 

“ฝ่ามือมรกต!”

 

“จันทราเยือกแข็ง!”

 

ภายใต้การปลุกปลอบของหลินเหลยเยว่ ลูกศิษย์ที่เหลืออยู่ก็ออกท่าจู่โจมพร้อมกันโดยไม่เก็บออมเอาไว้ พุ่งเข้าไปล้อมซ่งจงไว้ตรงกลาง

 

“เจ้าพวกเด็กบ้า เจ้ากล้าก่อปัญหาที่นี่รี?”

 

ซึ่งจงที่ถูกล้อมไว้จ้องมองด้วยสายตาร้ายกาจ “ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเปลืองเรี่ยวแรงกับเข็มกรีดกระดูกไปแล้ว พวกเจ้าจะมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

 

“แล้วอีกอย่าง พวกเจ้าทุกคนไม่รู้หรอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับ3ประตูวิกฤตที่มีกําลังภายในแล้วนั้นแกร่งกล้าขนาดไหน!”

 

ซึ่งจงมองที่มือทั้งสองข้างของตนและเสื้อของเขาก็เริ่มสะบัดด้วยตัวมันเอง “ฝ่ามือวายุปีศาจ!”

 

เขาตะโกนออกมาและฝ่ามือทั้งสองข้างก็สําแดงพลังอันน่าตื่นตระหนก

 

“ฝุ่บ! ฝุ่บ!”

 

คุณหนูฉิงและคนอื่น ๆ ที่เหลือหน้าเปลี่ยนสีและรู้สึกถึงพลังแรงกล้าขุมหนึ่งพุ่งเข้าหาตัว พวกเขาถูกเหวี่ยงกลับไปด้านหลังและได้รับบาดเจ็บภายใน

 

พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 4 หรือ 5 และมี แค่พลังภายใน ไม่ใช่กําลังภายใน

 

หลังจากผ่านประตูชางได้ พลังภายในจึงจะรว มตัวกันและหลังจากการฝึกฝนอย่างหนัก พลังพวกนั้นจึงจะส ร้างเป็นรูปแบบเส้นไหมที่แข็งแกร่งราวเหล็ก นั่นจึงจะเป็นกํา ลังภายในที่แท้จริง!

 

ความแตกต่างระหว่างพลังภายในและกําลังภายในนั้นกว้างมากนัก

 

นั่นคือทําไม [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 6)] จึงสามารถเป็นผู้อาวุโสของสํานักได้ มีทั้งอํานาจและศักดิ์ศรี

 

ซึ่งจงนั้นได้แสดงพลังให้เห็น และมีเพียงอัจฉริยะเช่นหลิน เหลยเยวเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยาวิญญาณ ลูกศิษย์คนอื่นที่เหลือล้วนพ่ายแพ้ไปแล้ว

 

“แค่ก..”

หลังจากหนึ่งกระบวนท่า ใบหน้าของซงจงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเขาดูประหลาดใจนิด ๆ ที่หลินเหลยเยว่ยังยืนอยู่ได้ “เจ้ายังรอดมาได้ เจ้าควรจะภูมิใจในตัวเองแม้ว่าจะต้อ งตายเป็นคนถัดไป!”

 

หลินเหลยเยาถือกระบี่ของนางไว้ด้วยมือขวาและมันก็สั่นนิด ๆ ถึงอย่างนั้น นางก็ยังดูสงบ

 

เม็ดยาวิญญาณภายในร่างกายของนางช่วยรักษาอาการบาดเจ็บก่อนหน้า ถ้านางสามารถรอดชีวิตผ่านการต่อสู้นี้ไปได้นางจะกลายเป็นอัจฉริยะในการฝึกยุทธ์!

 

ด้วยความสามารถของนาง เขาต้องทําลายนางให้ไม่เหลีอซากเพื่อให้นางไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นนางอาจจะคืนกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้

 

“แต่… ข้าจะรอดชีวิตไปได้อย่างไร? ในเมื่อลูกศิษย์เกือบทั้งหมดถูกกําจัดไปแล้ว”

 

หลินเหลยเยวปิดจุดชีพจรทั้งหมดของตนเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในของนางแต่มันยังไม่ใช่เรื่องง่าย

 

“แม้ว่าฟางหยวนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5 เขาก็พลาดโอกาสทองที่จะจู่โจมไปแล้ว แต่ตอนให้เขายืนมือมาช่วยตอนนี้ แล้วอย่างไรเล่า?”

 

ในตอนนี้ นางเองก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว

 

“นังตัวดี ข้าจะส่งเจ้าไปหาลูกชายของข้า…”

 

ซึ่งจงหายใจลึกและจัดการกดอาการบาดเจ็บของตนลงไปจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว

 

ดูเหมือนว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับเขาทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีการเคลื่อนไหวเล็กๆรอบตัวเขา

 

“ฮ่ม… พยายามหนีรึ?”

 

เขาหันหน้าไป คว้าหินก้อนหนึ่งขึ้นมาและขว้างใส่ฟางหยวน

 

“ฝูบ!”

 

เสียงแหลมสูงดังมาจากก้อนหินที่พุ่งผ่านอากาศราวกับลูกศรถูกยิงออกจากแล่ง และมันก็กระแทกกับเงาหนึ่ง

 

“ปัง!”

 

ก้อนหินกระทบเป้าและเกิดเป็นหลุมหนึ่ง เงาร่างนั้นจัดการกระโดดหลบหินก้อนนั้นได้ และปรากฏว่าเป็นฟางหยวน

 

เขาแตะมือบนหัวตัวเองและยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าเชิญต่อเลยข้าสัญญาว่าข้าจะไม่บอกอะไรกับใครทั้งนั้น”

 

คุณหนูฉิงที่นอนอยู่บนพื้นและกระอักเลือดออกมาพอได้ยินฟางหยวนพูดก็เปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวขึ้นมา

 

พวกนางกําลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ตรงนี้แต่ไอ้คนผู้นี้พยายามหนี? ฮีย! ช่างเป็นเศษสวะไร้ค่าจริง ๆ มันทําให้นางยิ่งโมโหเมื่อคิดว่านางเคยคิดจริง ๆ ว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง

 

“ข้าไม่ได้หูหนวก เจ้าเป็นคู่หมั้นของนังตัวดีนี่ใช่ไหม?”

 

ซึ่งจงหรี่ตา ประเมินฟางหยวน “ถ้าใช่ เจ้าก็อย่าหวังจะรอดชีวิตไปด้วยเหมือนกัน!”

 

“จะบ้าหรือไง? ตาแก่ไร้สติ บอกข้าสิว่าเจ้าเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”

 

ฟางหยวนโกรธจัด

 

จะมีอะไรพูดกับคนที่พยายามจะฆ่าเขาอีก?

 

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังและสีผิวเริ่มเข้มขึ้นมืองคู่เปลี่ยนรูปเป็นกรงเล็บอินทรีและเขากระโจนไปข้างหน้า

 

“แควก!”

 

ขณะที่เขาเรียกใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาก็พุ่งตัวขึ้นกลางอากาศและเกิดเสียงคล้ายนกอินทรีกรีดร้อง

 

ซึ่งจงหลับตาลงและรู้สึกคล้ายมีเจ้าแห่งนภาดิ่งจากฟ้าฟูงตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

 

“กรงเล็บอินทรีที่ดี!”

 

ในตอนนั้นเอง คนที่เหลือล้วนแต่ตกตะลึง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Carefree Path of Dreams 38

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 38 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Carefree Path of Dreams

 

Chapter 38: การต่อสู้รุนแรง

 

“ฝุ่บ!”

 

“ปัง!”

 

เสียงดังมาให้ได้ยิน เข็มเหล็กจํานวนมากบินตรงเข้าหากลุ่มศิษย์ของสํานักกุยหลิง

 

“อาวุธลับ?”

 

ฟางหยวนรู้สึกสับสน เขาเตรียมตัวกระโจนไปข้างหน้าและซ่อนตัวที่ด้านหลังหินก้อนใหญ่เพื่อหลบเข็มที่พุ่งเข้ามาไว้ก่อนแล้ว

 

แต่กลุ่มศิษย์พวกนั้นไม่ได้โชคดีนัก

 

ได้ยินเสียงเข็มเสียบทะลุไปทั่วทุกที่และราวกับมีระเบิดเลือดขึ้นในปา หลายร่างทอดนอนอยู่บนพื้นและทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเลือด

 

หลังจากการจู่โจมรอบแรก ฟางหยวนก็โผล่หัวออกมาครึ่ง ๆ และเห็นศิษย์แซ่ซุนที่เพิ่งเยาะเย้ยเขาไปเมื่อครู่นอนทอดร่างจมกองเลือด ร่างของเขาดูราวกับรังแตน

 

เงายาวสายหนึ่งปรากฏและมันดูเหมือนจะแบกอะไรบางอย่างเอาไว้

 

“นั่นคือซ่งจง!”

 

หลินเหลยเยว่กรีดร้องโบกแขนเสื้อ ศรลับถูกยิงขึ้นบนฟ้าพร้อมกรีดเสียงแหลมยาวให้ได้ยินก่อนจะระเบิดเป็นเปลวไฟ

 

“เหอเหอ… เจ้ากําลังมองหาผู้อาวุโสหลีรี?”

 

ซ่งจงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็หัวเราะ “เจ้าไม่จําเป็นต้องทําอะไรแล้ว! ข้าพาเขามาที่นี่แล้ว!”

 

เขาสะบัดมือและของที่เขาถือไว้ในมือก็กลิ้งไปหาหลินเหลยเยวทันที

 

“อาจารย์หลี่?!”

 

คุณหนูฉิงกรีดร้องและเกือบจะเป็นลมไป

 

ที่ซ่งจงแบกมาคือหัวของอาจารย์หลีที่มีดวงตาเบิกโพลงจะเป็นหัวของใครไปได้อีกเล่า?

 

“เป็นไปได้อย่างไร?”

 

เห็นภาพนี้แล้ว หลินเหลยเยว่ก็รู้สึกวิงเวียนขึ้นมา

 

“ฮ่าฮ่า… ฝ่ามือตะวันส่องของเจ้าแก่หลีก็ดีอยู่หรอก แต่โชคร้าย มันก็ยังคงด้อยกว่าเมื่อเทียบกับฝ่ามือของข้า!”

 

ซึ่งจงกระอักเลือดออกมาคําใหญ่แต่ก็ยังมีท่าที่หยิ่งทระนงที่ สุด “สืออวถงนังแพศยานั่น นางคิดว่าข้าบาดเจ็บสาหัสเลยส่ง เจ้ามาจัดการกับข้าสินะ นางยังส่งผู้อาวุโสหลืมาดูแลเจ้าด้วย.. แต่ว่า นางไม่ได้คาดว่าข้าจะมีโอกาสได้ครอบครองเม็ดยาคืนวิญญาณที่หมอเทวดาทิ้งเอาไว้ เพราะอย่างนั้น ข้าจึงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของข้าเรียบร้อยแล้ว ฮ่าฮ่า…”

 

หลินเหลยเยวปิดปากสนิทและรู้สึกสิ้นหวัง

 

หลินเหลยเยว่เคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับเม็ดยาคืนวิญญาณจากตําราลับของสํานักมาก่อน ยานั่นก็สมกับชื่อของมัน สามารถคืนชีพคนใกล้ตายได้ตราบใดที่คนผู้นั้นยังหายใจอยู่เขาจะนตัวกลับมาภายในหนึ่งคืน แต่จะตายหลังจากนั้น 7 วัน!

 

ภายใน 7 วัน พลังลมปราณ พลังกาย และพลังเวทย์ของผู้ฝึกยุทธ์จะกลับมาอยู่ที่จุดสูงสุดของคนผู้นั้น

 

แต่ในสํานัก ผู้อาวุโสหลี่มีระดับสูงกว่าซ่งจง และซ่งจงเป็นรองเขาอย่างชัดเจน เหตุใดเขาจึงถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย?

 

หลินเหลยเยวมีเหงื่อเย็นผุดพราย

 

สถานการณ์มาอยู่ในจุดที่เกินแก้ไขแล้ว

 

แม้ว่าจะมีผู้อาวุโสท่านอื่นจากสํานักเห็นสัญญาณขอความช่วยเหลือและรีบเร่งมาที่นี่เพื่อช่วยพวกนางพวกนางก็คงไม่สามารถรักษาชีวิตอยู่ได้จนถึงตอนนั้น

 

อย่างไรเสีย ก็มีความแตกต่างระหว่างพลังภายในของผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับ 2 ประตูสงบ กับ 3 ประตูวิกฤติอยู่ช่วงใหญ่แม้ว่าศัตรูจะต้องกดข่มอาการบาดเจ็บของตนเพื่อเริ่มเข่นฆ่าเขาก็ยังคงสามารถออกกระบวนท่าจู่โจมให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้อยู่ดี!

 

“ผู้อาวุโสข่ง พวกเราทั้งคู่มิได้เป็นศัตรูกัน เหตุใดท่านจึงทํา

เช่นนี้

 

หลินเหลยเยวถามด้วยอาการสงบ

 

“ไม่ได้เป็นศัตรูกันงั้นหรือ?”

 

ซึ่งจงหัวเราะก่อนและพูด “สืออวถงนังแพศยาขับไล่ข้าออกจากสํานัก และยังประกาศิตสั่งตายข้า วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเช่นเดียวกับที่เจ้าทํากับลูกชายของข้า!” 

 

เมื่อฟางหยวนได้ยินคําพูดนี้ เขาก็หดหัวลงและรู้สึกสับสนเมื่อซ่งจงมองมาที่เขา

 

แม้เขาจะรู้ว่าซ่งจงไม่รู้ว่าใครคือฆาตกรที่แท้จริง แต่เพราะเป็นอดีตคู่หมั้นของหลินเหลยเยว่ ซึ่งจงคงจะไม่ไว้ชีวิตเขาและหลินเหลยเยว่ “คู่รัก” กันเป็นแน่!

 

โชคดี ซึ่งจงเพ่งความสนใจส่วนใหญ่อยู่ที่ตัวหลินเหลยเยว่ฟางหยวนรู้สึกได้ว่าซ่งจงจะฆ่าตัวตายหลังจากฆ่าทุกคนแล้ว

“นี่มันร้ายแรงมากแล้ว ถ้าซ่งจงรู้ว่าใครเป็นฆาตกรที่แท้จริงข้าคงไม่รอด…”

 

ฟางหยวนจนคําพูด

 

ด้วยระดับพลังเวทย์ของเขา ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ว่า เขาถูกซ่งจงจับตามองอยู่แม้ว่าความสนใจส่วนใหญ่ของเขาจะไปตกอยู่ที่หลินเหลยเยว่

 

“เช่นนั้นท่านต้องการอะไร?”

 

หลินเหลยเยวตื่นตระหนกขึ้นมาขณะที่ซ่งจงเข้ามาใกล้นาง มากขึ้น

 

คนที่เพิ่งกินยาชุบชีวิตเข้าไปและจะตายตกภายใน 7 วันจะ จับนางเป็นตัวประกันไปทําไม? ซ่งจงคงจะต้องการให้นางตายไปด้วยกันกับเขา

 

แล้วเขาก็คงไม่ไว้ชีวิตฟางหยวนและศิษย์ที่เหลือ

 

“ข้ากําลังจะตาย… ข้ายังไม่ได้ออกไปผจญโลกกว้างเลย…. ข้ายังไม่อยากตาย!”

 

หลินเหลยเยว่กัดฟันแน่นก่อนพูด “ทุกคนฟัง คนผู้ไม่สา มารถพูดจาด้วยได้แล้ว พวกเราต้องร่วมมือกันสู้กับเขา! ผู้อาวุโสหลี่มีวิทยายุทธ์สูง ซึ่งจงน่าจะได้รับบาดเจ็บมาจากการสู้กับผู้อาวุโสหลี่แล้ว!”

 

หลินเหลยเยว่พูดกับคนที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ หลังจากได้ยินที่นางพูดและเห็นซ่งจงมีรอยประทับรูปฝ่ามือที่หน้าอกและมีเลือดไหลออกจากปากพวกเขาก็รู้สึกมีความหวัง

 

“คุณหนูหลิน เจ้ามีสายตาที่ดี โชคร้ายที่เจ้าไม่รู้ว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 ที่ได้รับบาดเจ็บจะทําอะไรได้บ้าง!”

ซึ่งจงพุ่งตรงไป

 

เขาดูผ่อนคลายแต่ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วไปทางศิษย์ชายผู้หนึ่ง เขาคว้าเข้าที่คอลูกศิษย์ผู้นั้นและบิดคอเขาจนตายอย่างง่ายดาย ร่างไร้ชีวิตหล่นลงไปกองกับพื้น

 

ผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 นั้นทรงพลังมากจริง ๆ

 

“เพลงกระบีจันทรายะเยือก!”

 

ในตอนนั้นเอง หลินเหลยเยวตะโกนออกมาขณะพุ่งเข้าหาซึ่งจงต่อหน้าทุกคนที่เหลือที่ยังตกใจอยู่

 

“วูบ!”

กระบี่เงาวับของนางแทรกไว้ด้วยไอเย็นสายหนึ่งราวกับเป็นกระบี่ที่สร้างขึ้นมาพิเศษ

 

“เพลงกระบี่ที่ดี! พลังภายในที่ดี!”

 

ซึ่งจงเพ่งมองก่อนจะบัดกระบี่ด้วยปลายนิ้ว

 

“ตั้ง!”

 

ได้ยินเสียงก้องออกมาจากการต่อสู้ หลินเหลยเยว่ก้าวถอยไปหลายก้าวและมองซ่งจงที่หน้าซีดเผือดสีห น้าไร้ความรู้สึกนางรู้สึกยินดีขึ้น “ความสามารถของคนผู้นี้ลด ลงอย่างมากและด้อยกําลังกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 7 อย่าถูกมันหลอก!”

 

“ข้าจะฆ่าเจ้าจริง ๆ แล้ว นังตัวดี!”

 

สีหน้าของซงจงเปลี่ยนไปขณะพุ่งไปข้างหน้า

 

“นกกระจิบถลาลม!”

 

“ฝ่ามือมรกต!”

 

“จันทราเยือกแข็ง!”

 

ภายใต้การปลุกปลอบของหลินเหลยเยว่ ลูกศิษย์ที่เหลืออยู่ก็ออกท่าจู่โจมพร้อมกันโดยไม่เก็บออมเอาไว้ พุ่งเข้าไปล้อมซ่งจงไว้ตรงกลาง

 

“เจ้าพวกเด็กบ้า เจ้ากล้าก่อปัญหาที่นี่รี?”

 

ซึ่งจงที่ถูกล้อมไว้จ้องมองด้วยสายตาร้ายกาจ “ถ้าไม่ใช่เพราะข้าเปลืองเรี่ยวแรงกับเข็มกรีดกระดูกไปแล้ว พวกเจ้าจะมีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”

 

“แล้วอีกอย่าง พวกเจ้าทุกคนไม่รู้หรอกว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับ3ประตูวิกฤตที่มีกําลังภายในแล้วนั้นแกร่งกล้าขนาดไหน!”

 

ซึ่งจงมองที่มือทั้งสองข้างของตนและเสื้อของเขาก็เริ่มสะบัดด้วยตัวมันเอง “ฝ่ามือวายุปีศาจ!”

 

เขาตะโกนออกมาและฝ่ามือทั้งสองข้างก็สําแดงพลังอันน่าตื่นตระหนก

 

“ฝุ่บ! ฝุ่บ!”

 

คุณหนูฉิงและคนอื่น ๆ ที่เหลือหน้าเปลี่ยนสีและรู้สึกถึงพลังแรงกล้าขุมหนึ่งพุ่งเข้าหาตัว พวกเขาถูกเหวี่ยงกลับไปด้านหลังและได้รับบาดเจ็บภายใน

 

พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 4 หรือ 5 และมี แค่พลังภายใน ไม่ใช่กําลังภายใน

 

หลังจากผ่านประตูชางได้ พลังภายในจึงจะรว มตัวกันและหลังจากการฝึกฝนอย่างหนัก พลังพวกนั้นจึงจะส ร้างเป็นรูปแบบเส้นไหมที่แข็งแกร่งราวเหล็ก นั่นจึงจะเป็นกํา ลังภายในที่แท้จริง!

 

ความแตกต่างระหว่างพลังภายในและกําลังภายในนั้นกว้างมากนัก

 

นั่นคือทําไม [ผู้ฝึกยุทธ์ (ประตูทองที่ 6)] จึงสามารถเป็นผู้อาวุโสของสํานักได้ มีทั้งอํานาจและศักดิ์ศรี

 

ซึ่งจงนั้นได้แสดงพลังให้เห็น และมีเพียงอัจฉริยะเช่นหลิน เหลยเยวเท่านั้นที่ยังยืนหยัดอยู่ได้ด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยาวิญญาณ ลูกศิษย์คนอื่นที่เหลือล้วนพ่ายแพ้ไปแล้ว

 

“แค่ก..”

หลังจากหนึ่งกระบวนท่า ใบหน้าของซงจงก็เปลี่ยนเป็นสีแดงและเขาดูประหลาดใจนิด ๆ ที่หลินเหลยเยว่ยังยืนอยู่ได้ “เจ้ายังรอดมาได้ เจ้าควรจะภูมิใจในตัวเองแม้ว่าจะต้อ งตายเป็นคนถัดไป!”

 

หลินเหลยเยาถือกระบี่ของนางไว้ด้วยมือขวาและมันก็สั่นนิด ๆ ถึงอย่างนั้น นางก็ยังดูสงบ

 

เม็ดยาวิญญาณภายในร่างกายของนางช่วยรักษาอาการบาดเจ็บก่อนหน้า ถ้านางสามารถรอดชีวิตผ่านการต่อสู้นี้ไปได้นางจะกลายเป็นอัจฉริยะในการฝึกยุทธ์!

 

ด้วยความสามารถของนาง เขาต้องทําลายนางให้ไม่เหลีอซากเพื่อให้นางไม่มีโอกาสมีชีวิตรอดอีกต่อไป ไม่เช่นนั้นนางอาจจะคืนกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้

 

“แต่… ข้าจะรอดชีวิตไปได้อย่างไร? ในเมื่อลูกศิษย์เกือบทั้งหมดถูกกําจัดไปแล้ว”

 

หลินเหลยเยวปิดจุดชีพจรทั้งหมดของตนเพื่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บภายในของนางแต่มันยังไม่ใช่เรื่องง่าย

 

“แม้ว่าฟางหยวนจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับประตูทองที่ 5 เขาก็พลาดโอกาสทองที่จะจู่โจมไปแล้ว แต่ตอนให้เขายืนมือมาช่วยตอนนี้ แล้วอย่างไรเล่า?”

 

ในตอนนี้ นางเองก็รู้สึกสิ้นหวังแล้ว

 

“นังตัวดี ข้าจะส่งเจ้าไปหาลูกชายของข้า…”

 

ซึ่งจงหายใจลึกและจัดการกดอาการบาดเจ็บของตนลงไปจากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว

 

ดูเหมือนว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับเขาทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่ามีการเคลื่อนไหวเล็กๆรอบตัวเขา

 

“ฮ่ม… พยายามหนีรึ?”

 

เขาหันหน้าไป คว้าหินก้อนหนึ่งขึ้นมาและขว้างใส่ฟางหยวน

 

“ฝูบ!”

 

เสียงแหลมสูงดังมาจากก้อนหินที่พุ่งผ่านอากาศราวกับลูกศรถูกยิงออกจากแล่ง และมันก็กระแทกกับเงาหนึ่ง

 

“ปัง!”

 

ก้อนหินกระทบเป้าและเกิดเป็นหลุมหนึ่ง เงาร่างนั้นจัดการกระโดดหลบหินก้อนนั้นได้ และปรากฏว่าเป็นฟางหยวน

 

เขาแตะมือบนหัวตัวเองและยิ้ม “ท่านผู้เฒ่าเชิญต่อเลยข้าสัญญาว่าข้าจะไม่บอกอะไรกับใครทั้งนั้น”

 

คุณหนูฉิงที่นอนอยู่บนพื้นและกระอักเลือดออกมาพอได้ยินฟางหยวนพูดก็เปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวขึ้นมา

 

พวกนางกําลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ตรงนี้แต่ไอ้คนผู้นี้พยายามหนี? ฮีย! ช่างเป็นเศษสวะไร้ค่าจริง ๆ มันทําให้นางยิ่งโมโหเมื่อคิดว่านางเคยคิดจริง ๆ ว่าเขาเป็นคนดีคนหนึ่ง

 

“ข้าไม่ได้หูหนวก เจ้าเป็นคู่หมั้นของนังตัวดีนี่ใช่ไหม?”

 

ซึ่งจงหรี่ตา ประเมินฟางหยวน “ถ้าใช่ เจ้าก็อย่าหวังจะรอดชีวิตไปด้วยเหมือนกัน!”

 

“จะบ้าหรือไง? ตาแก่ไร้สติ บอกข้าสิว่าเจ้าเหนื่อยที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!”

 

ฟางหยวนโกรธจัด

 

จะมีอะไรพูดกับคนที่พยายามจะฆ่าเขาอีก?

 

สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังและสีผิวเริ่มเข้มขึ้นมืองคู่เปลี่ยนรูปเป็นกรงเล็บอินทรีและเขากระโจนไปข้างหน้า

 

“แควก!”

 

ขณะที่เขาเรียกใช้เคล็ดกรงเล็บอินทรี เขาก็พุ่งตัวขึ้นกลางอากาศและเกิดเสียงคล้ายนกอินทรีกรีดร้อง

 

ซึ่งจงหลับตาลงและรู้สึกคล้ายมีเจ้าแห่งนภาดิ่งจากฟ้าฟูงตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว

 

“กรงเล็บอินทรีที่ดี!”

 

ในตอนนั้นเอง คนที่เหลือล้วนแต่ตกตะลึง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+