Carefree Path of Dreams 44: สอดแนม

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 44: สอดแนม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Chapter 44: สอดแนม

 

“หลังจากการล่มสลายของตระกูลโจว สองตระกูลก็มีอํานาจเพิ่มมากขึ้น ตระกูลจางและตระกูลกั๋ว… ข้าเคยได้ยินชื่อตระกูลจางมาก่อน และตระกูลนี้เคยมีชื่อเสียงมาก่ อนนี้แล้ว ครั้งนี้ พวกเขาก็แค่นําเอาสมบัติบางส่วนที่เก็บสะสมเอาไว้ออกมาใช้ ปฏิกิริยาของจางฮั่นบอกหมดแล้วว่าตระกูลจางวางแผนใดเอาไว้ ส่วนตระกูลกั๋ว อิทธิพลของตระกูลกําลังเพิ่มพูนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดเจนนักว่าพวกเขาจะลงมืออันใดต่อ”

 

ภายในป่า

 

ฟางหยวนกําลังวิ่งตะบึง และในเวลาเดียวกันในใจก็คิดเรื่องอื่น ๆ ไปด้วย

 

หลังจากผ่านประตูทองที่หกและก่อเกิดกําลังภายในของกรงเล็บอินทรีย์ ทุก ๆ ด้านของเขาก็พัฒนาขึ้น

 

อย่างเช่น เขาสามารถรวมกําลังภายในไว้ที่ขาและวิ่งได้เร็วกว่าคนธรรมดาทั่วไป มันไม่ใช่วิชาตัวเบาแต่เป็นการใช้กําลังภายในแบบง่าย ๆ

 

ด้วยการใช้กําลังภายในของเขานี้ ฟางหยวนสามารถท่องไปในป่าได้อย่างสะดวกดาย

 

“เอ๋?”

 

เขามาถึงปากทางเข้าหุบเขา เขาพบเงาร่างดํา ๆ คุกเข่าอยู่

 

“คุณชายโจว เกิดอะไรขึ้น?”

 

ฟางหยวนเดินตรงไปหาเขาและเห็นสภาพกระเซอะกระเซิงของเขา เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง และหากไม่ใช้โจวเหวินอู่แล้วจะเป็นใครได้อีก?

 

“ท่านหมอฟาง? ท่าน.. ท่านไม่ได้อยู่ในหุบเขาหรอกหรือ?”

 

หลังจากเห็นฟางหยวน ดวงตาของโจวเหวินอู่ก็เป็นประกายขึ้นและโค้งกายลงโขกศีรษะให้ หน้าผากของเขามีเลือดไหลออกมา “ขอบพระคุณขอรับ นายท่าน ที่ช่วยแก้แค้นแทนครอบครัวของข้า!”

 

การล่มสลายของตระกูลโจวล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากซ่งจง

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนช่วยชีวิตโจวเหวินอู่ไว้และยังไปส่งเขาถึงมณฑลชิงเหอเพื่อฟ้องร้องซ่งจง ในที่สุดเขายังสังหารซ่งจงลงอีกด้วย

 

ฟางหยวนสมควรได้รับความเคารพจากเขา

 

ฟางหยวนยนคิ้วและปล่อยโจวเหวินอู่ทิ้งไว้ “ลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นไปเสียเถิด เจ้าวางแผนในอนาคตไว้เช่นไร?”

 

“ข้าจะไม่ปิดบังท่าน!”

 

โจวเหวินอู่ยืดหลังขึ้นแสดงท่าที่ดื้อดึง “ข้ามันไร้สามารถแต่สํานักก็ได้ตัดสินใจส่งต่อตําแหน่งผู้ดูแลของบิดาข้าให้แก่ข้า!”

 

อันที่จริง โจวเหวินอู่นั้นด้อยความสามารถกว่าโจวตง แต่นี่คือวิธีที่สํานักชดเชยการสูญเสียให้แก่เขา

 

“ข้าตัดสินใจกลับมาที่เมืองชิงเย่!”

 

โจวเหวินอู่กําหมัดแน่น “ข้าต้องการสร้างการค้าของตระกูลของข้าที่นี่อีกครั้ง!”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

 

ฟางหยวนพยักหน้า เห็นว่าไม้นี้ของโจวเหวินอู่นั้นดีนัก

 

ขั้นตอนต่อไปอาจจะยาก จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้ตระกูลหลิน ตระกูลจาง และตระกูลกั๋วถอยหลังก้าวหนึ่งเพื่อให้ตระกูลโจวยิ่งใหญ่ขึ้นมา?

 

โดยเฉพาะเมื่อตระกูลเหล่านี้นั้นได้ประโยชน์จากการล่มสลายของตระกูลโจวมาแล้ว และพวกเขาย่อมต้องมีแผนการซ่อนอยู่เป็นแน่

 

ฟางหยวนคํานวณแล้วว่าความสงบในเมืองชิงเต่คงจะสูญสลายไปนับจากนี้

 

“เช่นนั้นก็ขอให้นายท่านโจวโชคดี!”

 

“ตึง!”

 

โจวเหวินอู่ก้มตัวลงคารวะอีกครั้ง “อาจารย์ฟางเป็นผู้มีพระคุณของข้า และของตระกูลข้าด้วย! หากต่อไปท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรขอให้บอก ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ข้าก็ยินดี!”

 

ฟางหยวนยิ้ม “ไม่เป็นไร ดูแลตัวเองด้วยนายท่านโจว ข้าคงไม่ส่งท่านแล้ว เชิญ!”

 

เขาเข้าหุบเขาไป ไม่สนใจโจวเหวินอู่อีก

 

เห็นเงาร่างฟางหยวนหายลับไป โจวเหวินอู่ดูผิดหวังและยังคงคุกเข่าต่อไป

 

“โจวเหวินอู่ ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง!”

 

ฟางหยวนกลับเข้ามาในบ้าน วางของที่ซื้อมาลง เรียกฮวาหูเตียวให้ไปดูโจวเหวินอู่ และจากนั้นก็สนใจแต่งานของตัวเองต่อ

 

โจวเหวินอู่รู้ว่าฟางหยวนมีอํานาจแค่ไหน และย่อมไม่กล้าทําให้เขาขุ่นเคือง

 

คําที่โจวเหวินอู่พูดก่อนนี้นั้นย่อมหมายความถึงวันหนึ่งที่ตระกูลโจวได้อํานาจกลับคืนมาอีกครั้ง พวกเขาจะยังคงเต็มใจเชื่อฟังคําสั่งจากฟางหยวน

 

“รับความช่วยเหลือจากตระกูลที่มีอิทธิพลอื่น? ตระกูลโจว ดูเหมือนราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้พวกเขาเริ่มใหม่จากศูนย์นั้นจะมากเกินไป”

 

ฟางหยวนส่ายหน้า

 

เขามีความสามารถที่จะช่วยให้ตระกูลโจวฟื้นกลับมา แต่เขารู้สึกว่านี้ไม่คุ้มกับการลงมือลงแรง

 

ถ้าเขาจําเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลที่มีอิทธิพล ทําไมเขาถึงต้องเป็นตระกูลโจว?

 

ตระกูลจางเองก็น่าประทับใจ และเขาสามารถไปถามหาความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็ได้

 

“อืม…. หลังจากคิดถึงปัจจัยต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว ข้าต้องเสียสละตั้งมากแต่ได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย นั่นไม่เข้าเรื่องเลย!”

 

ฟางหยวนส่ายหน้า เตรียม “ไหทั่วเย่” ของเขาต่อ และจะไปเดินดูรอบ ๆ แปลงปลูกของเขา

 

เย็นย่ำแล้ว

 

ลมเย็นพัดผ่านเทือกเขา และความเย็นจากพื้นที่ราวกับน้ำแข็งเริ่มแผ่ขยาย

 

โจวเหวินอู่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างดื้อดึง และเหม่อลอยขณะมองแสงเทียนกะพริบวิบวับในหุบเขา

 

เขามั่นใจว่าด้วยเสนอตัวเองออกไปแล้วนั้นฟางหยวนจะช่วยเขา แต่ว่า ฟางหยวนนั้นกลับไม่สนใจคําพูดของเขาเลย และปิดประตูใส่หน้า

 

ฟางหยวนไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิดแม้ว่าเขาจะแข็งตายอยู่ตรงนี้

 

ด้วยฐานะบุตรชายตระกูลโจว โจวเหวินอู่จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบสืบทอดตระกูล และถ้าเขาคุกเข่าจนตายอยู่ตรงนี้ จริงก็เป็นการจบสาแหรกตระกูลลง

 

พระจันทร์ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น

 

โจวเหวินอู่ถอนหายใจยาวขณะที่ร่างแข็งที่อไปหมด หลังจากคุกเข่ามานาน ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้น มองเข้าไปในหุบเขาเป็นนาน ก่อนจะกะเผลกเข้าปาจากไป

 

ที่เขาไม่รู้ก็คือมีผู้ชายชุดดําสองคนจับตามองเขาอยู่ตลอดระยะเวลานี้จากในพุ่มไม้ใกล้ ๆ

 

“เฮ้ย มันก็แค่ตัวคนเดียว คิดจะกอบกู้ตระกูลงั้นเหรอ? เขาไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้ตระกูลโจวกลายเป็นอดีตไปแล้ว?”

 

“ถึงแม้ตระกูลโจวจะถูกทําลาย แต่มันก็แค่ไม่กี่สัปดาห์เอง และความสัมพันธ์มากมายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้น โดยเฉพาะการที่สํานักยังนับตระกูลนั่นเป็นหนึ่งในคนของตัวเอง นั่นต่างหากคือส่วนสาคัญ!”

 

อีกผู้หนึ่งแย้งขึ้น “ถ้าพวกเขาไม่กลัวการกลับมาตระกูลโจว แล้วทําไมนายท่านถึงได้ส่งพวกเรามาสอดแนมมัน เล่า?”

 

“เจ้าพูดถูกเรื่องนั้น แต่ข้าสงสัยว่าทําไมเราถึงไม่จัดการเรื่องนี้เสียในปานี่ให้จบในครั้งเดียวไป!”

 

ผู้ชายคนแรกมีแววมุ่งร้ายอยู่ในนัยน์ตา

 

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

 

ผู้ชายชุดดําอีกคนหนึ่งตกใจ “คนผู้นี้ตอนนี้เป็นผู้ดูแลของสํานักกุยหลิง ขนาดซ่งจงยังไม่สามารถปกปิดการตายของโจวตงได้และเขาเองก็ตายลงในที่สุด เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถกว่าซ่งจงงั้นรึ? เจ้ายังอยากจะสังหารคนผู้นั้นหรือไม่?”

 

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ผู้ชายอีกคนก็เงียบไป

 

หลังจากผ่านไปช่วงหนึ่ง เขาก็พูดขึ้น “พวกเราโชคดีแล้วที่เจ้าของหุบเขานี่ไม่รับปากช่วยเหลือมัน ไม่อย่างนั้นด้วย ความสามารถและชื่อเสียงของเขา ตระกูลกั๋วของพวกเราก็มีปัญหาแน่แล้ว”

 

“ถูกต้อง…. การกระทําของตระกูลจางนั้นตลกสิ้นดี เขาก็แค่หมอธรรมดาที่รู้วิทยายุทธ์นิดหน่อย แต่พวกเขากลับให้ความเคารพเขาถึงเพียงนั้น ช่างน่าขํา!”

 

“อย่างไรเขาก็มาจากตระกูลพ่อค้า และทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือความสงบและความเจริญรุ่งเรือง แต่ตระกูลของเรานั้นต่างไป! พวกเราตั้งมั่นอยู่บนวิทยายุทธ์ของพวกเรา! เด็กทุกคนในตระกูลเมื่ออายุได้ 9 ขวบล้วนต้องฝึกวิทยายุทธ์ และพวกเราก็มีผู้มีวิทยายุทธ์ระดับประตูทองที่ 4 และ 5 หลายคนในตระกูล นอกจากนี้พวกเรายังมีท่านผู้เฒ่า!”

 

หลังจากพูดคําสุดท้าย ทั้งคู่ก็มีท่าทีอ่อนลง พวกมันมีท่าทางเคารพและยําเกรงขึ้นมา

 

“ตราบใดที่ท่านผู้เฒ่ายังอยู่ ตระกูลกั๋วของพวกเราย่อมเจริญขึ้นและเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองชิงเย็ได้ หรืออาจจะอันดับหนึ่งในมณฑลจิ้นจวิน!”

 

“อื้ม ถ้าพวกเราไม่กลัวว่าจะขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุด ตระกูลของเราก็เข้าควบคุมเมืองชิงเย่อย่างง่ายดายแล้ว!”

 

ผู้ชายชุดดําประกาศอย่างภาคภูมิใจ

 

“มีคนที่มีอํานาจตั้งมากในยุทธภพ ตัวอย่างเช่น หุบเขาสันโดษนี่ ครั้งหนึ่งเคยมีอาจารย์เวิ่นซิน และตอนนี้มีท่านหมอฟางหยวนที่มีความสามารถในการรักษาระดับสูงและยังมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม ถ้าพวกเราปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นศัตรู ก็อาจจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการเดินหน้าของตระกูลของเรา!”

 

อีกผู้หนึ่งถอนหายใจ คนทั้งสองมองหน้ากันไปมา ทั้งคู่ต่างอยากรู้ว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน “ทําไมไม่ไปลองเชิงเขาดูเสียหน่อยเล่า?”

 

แม้ว่าจะเป็นแค่ความคิดหนึ่ง พวกมันก็ล้ำเส้นไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

 

“พวกเราสองคนไปลอบกําจัดเขาเสีย และเพราะพวกเราก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านสองประตูสงบได้แล้ว พวกเราย่อมต้องหนีออกมาได้แน่นอนหากพวกเราสู้เขาไม่ได้”

 

“ฟุบ!”

 

เงาทั้งสองเข้าสู่หุบเขาและมาถึงที่บ้านหลังนั้น

 

“หุบเขาสันโดษในตํานานก็ดูธรรมดานะ….”

 

หนึ่งในพวกมันดูไม่ค่อยพอใจและพึมพําเบา ๆ

 

ตอนที่กําลังพูดอยู่ เงาสีขาวก็แวบขึ้นตรงหน้าพวกมัน

 

“ฟ่อ!”

 

“อ๊ากก!”

 

เสียงกรีดร้องแหลมดังก้องไปทั่วหุบเขา

 

“นั่นมันตัวอะไร!”

 

ผู้ชายชุดดําอีกคนถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เห็นเพื่อนล้มลงกับพื้น แขนขาด เลือดสาดกระจายไปทั่ว

 

“ฟอ!”

 

ตรงหน้าของพวกมันคือสุนัขสีขาวตัวใหญ่… หนูเตียวขาว?

 

“กลายพันธุ์ สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์?!”

 

เสียงของผู้ชายชุดดําสั่นพร่า ขณะคิดเสียใจกับการกระทําของตัวเองขึ้นมาทันที

 

“หุบเขานี้ลึกลับและน่ากลัวจริง ๆ เพราะพวกเขามีกระทั่งสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ตัวหนึ่งเป็นผู้ดูแลที่พักอาศัย?”

 

ตรงกันข้าม ฮวาหูเตียวลูบขนตัวเองอย่างใจเย็น และส่งเสียงขู่เป็นครั้งคราว

 

“ฮ้าววว!”

 

ประตูบ้านพักเปิดออก และฟางหยวนเดินหาวออกมามองผู้ชายชุดดําทั้งสองคน “หน่วยสอดแนมอีกแล้ว? ข้าว่าโชคของข้าช่วงหลายวันนี้ไม่ค่อยดีเลย… ข้าต้องเตือน พวกคนที่เป็นไปได้ที่จะทําเรื่องโง่ ๆ พวกนี้อีกสักครั้ง ไม่อย่างนั้น มันก็จะลําบากข้าอีก…”

 

“เจ้าคือฟางหยวน!”

 

หนึ่งในพวกมันพูด “ทําไมถึงให้สัตว์นี้จู่โจมพวกเรากัน?”

 

“โจมตีเจ้า? ฮ่าฮ่า…”

 

ฟางหยวนหัวเราะราวกับเขาได้ฟังเรื่องตลก “เจ้าสองคนบุกเข้ามาในหุบเขาของข้าอย่างประสงค์ร้าย แล้วยังกล้าโทษข้า? เจ้าสองคนนี้มันช่างงี่เง่าเสียจริง!”

 

“งี่เง่า?”

 

ชายชุดดําทั้งสองคนมองหน้ากันและดูจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่รู้ว่ามันย่อมไม่ใช่เรื่องดี ทั้งคู่เหลือบมองฟางหยวนด้วยสายตาประสงค์ร้าย

 

พวกมันรู้ว่าหนูเตียวขาวนี่เร็วมากและพวกมันคงไม่สามารถวิ่งหนีได้ทันแม้จะหนีเข้าไปในป่า

 

ทางออกเดียวก็คือเอาชนะเจ้าของของมัน ฟางหยวน!

 

แม้ว่าพวกมันจะเคยได้ยินเรื่องความเก่งกาจของฟางหยวนมาก่อน แต่พวกมันไม่เคยเห็นด้วยตนเองมาก่อนและยังรู้สึกว่าพอมีความหวังที่จะเอาชนะได้

 

“เพื่อให้รอดไปได้ ดูเหมือนข้าจะต้องสู้เพื่อเปิดทางรอดนั่นด้วยตัวเอง!”

 

ฟางหยวนไม่ได้สนใจจะเอาจริง “เข้ามา แล้วอย่าบอกว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าลงมือก่อนล่ะ!”

 

“ฆ่า!”

 

ชายทั้งสองมองหน้ากัน แม้ว่าคนหนึ่งจะแขนหัก ตะโกนและออกหมัดไปทันที ขาของเขาเตะออกอย่างเร็ว เร็วจนกระทั่งไม่เห็นแม้แต่เงา

 

“ฝ่ามือพยัคฆ์คลั่ง!”

 

“เท้าไร้เงา!”

 

ฝ่ามือและลูกเตะส่งออกมาอย่างรวดเร็วต่อเนื่องกัน แต่ฟางหยวนไม่ได้หลบ เขาสุดหายใจลึกแล้วผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเกือบดํา

 

“ติ๊ง! ติ๊ง!”

 

มันเหมือนกับฝนตกกระทบใบตอง ต่อเนื่องและชัดเจน

 

เมื่อทุกอย่างจบลง และทั้งคู่หมดแรงลงไป พวกมันก็ต้องตกใจที่เห็นว่าฟางหยวนยังคงยืนหยัดอยู่ ความกลัวปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกมัน “เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กระดับ 6 ระดับปรมาจารย์! ผู้ใดเลยจะรู้ว่ามีระดับนี้อยู่ด้วย?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Carefree Path of Dreams 44: สอดแนม

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 44: สอดแนม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Chapter 44: สอดแนม

 

“หลังจากการล่มสลายของตระกูลโจว สองตระกูลก็มีอํานาจเพิ่มมากขึ้น ตระกูลจางและตระกูลกั๋ว… ข้าเคยได้ยินชื่อตระกูลจางมาก่อน และตระกูลนี้เคยมีชื่อเสียงมาก่ อนนี้แล้ว ครั้งนี้ พวกเขาก็แค่นําเอาสมบัติบางส่วนที่เก็บสะสมเอาไว้ออกมาใช้ ปฏิกิริยาของจางฮั่นบอกหมดแล้วว่าตระกูลจางวางแผนใดเอาไว้ ส่วนตระกูลกั๋ว อิทธิพลของตระกูลกําลังเพิ่มพูนมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ชัดเจนนักว่าพวกเขาจะลงมืออันใดต่อ”

 

ภายในป่า

 

ฟางหยวนกําลังวิ่งตะบึง และในเวลาเดียวกันในใจก็คิดเรื่องอื่น ๆ ไปด้วย

 

หลังจากผ่านประตูทองที่หกและก่อเกิดกําลังภายในของกรงเล็บอินทรีย์ ทุก ๆ ด้านของเขาก็พัฒนาขึ้น

 

อย่างเช่น เขาสามารถรวมกําลังภายในไว้ที่ขาและวิ่งได้เร็วกว่าคนธรรมดาทั่วไป มันไม่ใช่วิชาตัวเบาแต่เป็นการใช้กําลังภายในแบบง่าย ๆ

 

ด้วยการใช้กําลังภายในของเขานี้ ฟางหยวนสามารถท่องไปในป่าได้อย่างสะดวกดาย

 

“เอ๋?”

 

เขามาถึงปากทางเข้าหุบเขา เขาพบเงาร่างดํา ๆ คุกเข่าอยู่

 

“คุณชายโจว เกิดอะไรขึ้น?”

 

ฟางหยวนเดินตรงไปหาเขาและเห็นสภาพกระเซอะกระเซิงของเขา เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง และหากไม่ใช้โจวเหวินอู่แล้วจะเป็นใครได้อีก?

 

“ท่านหมอฟาง? ท่าน.. ท่านไม่ได้อยู่ในหุบเขาหรอกหรือ?”

 

หลังจากเห็นฟางหยวน ดวงตาของโจวเหวินอู่ก็เป็นประกายขึ้นและโค้งกายลงโขกศีรษะให้ หน้าผากของเขามีเลือดไหลออกมา “ขอบพระคุณขอรับ นายท่าน ที่ช่วยแก้แค้นแทนครอบครัวของข้า!”

 

การล่มสลายของตระกูลโจวล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากซ่งจง

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนช่วยชีวิตโจวเหวินอู่ไว้และยังไปส่งเขาถึงมณฑลชิงเหอเพื่อฟ้องร้องซ่งจง ในที่สุดเขายังสังหารซ่งจงลงอีกด้วย

 

ฟางหยวนสมควรได้รับความเคารพจากเขา

 

ฟางหยวนยนคิ้วและปล่อยโจวเหวินอู่ทิ้งไว้ “ลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นไปเสียเถิด เจ้าวางแผนในอนาคตไว้เช่นไร?”

 

“ข้าจะไม่ปิดบังท่าน!”

 

โจวเหวินอู่ยืดหลังขึ้นแสดงท่าที่ดื้อดึง “ข้ามันไร้สามารถแต่สํานักก็ได้ตัดสินใจส่งต่อตําแหน่งผู้ดูแลของบิดาข้าให้แก่ข้า!”

 

อันที่จริง โจวเหวินอู่นั้นด้อยความสามารถกว่าโจวตง แต่นี่คือวิธีที่สํานักชดเชยการสูญเสียให้แก่เขา

 

“ข้าตัดสินใจกลับมาที่เมืองชิงเย่!”

 

โจวเหวินอู่กําหมัดแน่น “ข้าต้องการสร้างการค้าของตระกูลของข้าที่นี่อีกครั้ง!”

 

“ข้าเข้าใจแล้ว!”

 

ฟางหยวนพยักหน้า เห็นว่าไม้นี้ของโจวเหวินอู่นั้นดีนัก

 

ขั้นตอนต่อไปอาจจะยาก จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะให้ตระกูลหลิน ตระกูลจาง และตระกูลกั๋วถอยหลังก้าวหนึ่งเพื่อให้ตระกูลโจวยิ่งใหญ่ขึ้นมา?

 

โดยเฉพาะเมื่อตระกูลเหล่านี้นั้นได้ประโยชน์จากการล่มสลายของตระกูลโจวมาแล้ว และพวกเขาย่อมต้องมีแผนการซ่อนอยู่เป็นแน่

 

ฟางหยวนคํานวณแล้วว่าความสงบในเมืองชิงเต่คงจะสูญสลายไปนับจากนี้

 

“เช่นนั้นก็ขอให้นายท่านโจวโชคดี!”

 

“ตึง!”

 

โจวเหวินอู่ก้มตัวลงคารวะอีกครั้ง “อาจารย์ฟางเป็นผู้มีพระคุณของข้า และของตระกูลข้าด้วย! หากต่อไปท่านต้องการให้ข้าช่วยเหลืออะไรขอให้บอก ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไร ข้าก็ยินดี!”

 

ฟางหยวนยิ้ม “ไม่เป็นไร ดูแลตัวเองด้วยนายท่านโจว ข้าคงไม่ส่งท่านแล้ว เชิญ!”

 

เขาเข้าหุบเขาไป ไม่สนใจโจวเหวินอู่อีก

 

เห็นเงาร่างฟางหยวนหายลับไป โจวเหวินอู่ดูผิดหวังและยังคงคุกเข่าต่อไป

 

“โจวเหวินอู่ ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง!”

 

ฟางหยวนกลับเข้ามาในบ้าน วางของที่ซื้อมาลง เรียกฮวาหูเตียวให้ไปดูโจวเหวินอู่ และจากนั้นก็สนใจแต่งานของตัวเองต่อ

 

โจวเหวินอู่รู้ว่าฟางหยวนมีอํานาจแค่ไหน และย่อมไม่กล้าทําให้เขาขุ่นเคือง

 

คําที่โจวเหวินอู่พูดก่อนนี้นั้นย่อมหมายความถึงวันหนึ่งที่ตระกูลโจวได้อํานาจกลับคืนมาอีกครั้ง พวกเขาจะยังคงเต็มใจเชื่อฟังคําสั่งจากฟางหยวน

 

“รับความช่วยเหลือจากตระกูลที่มีอิทธิพลอื่น? ตระกูลโจว ดูเหมือนราคาที่ต้องจ่ายเพื่อให้พวกเขาเริ่มใหม่จากศูนย์นั้นจะมากเกินไป”

 

ฟางหยวนส่ายหน้า

 

เขามีความสามารถที่จะช่วยให้ตระกูลโจวฟื้นกลับมา แต่เขารู้สึกว่านี้ไม่คุ้มกับการลงมือลงแรง

 

ถ้าเขาจําเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากตระกูลที่มีอิทธิพล ทําไมเขาถึงต้องเป็นตระกูลโจว?

 

ตระกูลจางเองก็น่าประทับใจ และเขาสามารถไปถามหาความช่วยเหลือเมื่อไหร่ก็ได้

 

“อืม…. หลังจากคิดถึงปัจจัยต่าง ๆ ทั้งหมดแล้ว ข้าต้องเสียสละตั้งมากแต่ได้ประโยชน์เพียงเล็กน้อย นั่นไม่เข้าเรื่องเลย!”

 

ฟางหยวนส่ายหน้า เตรียม “ไหทั่วเย่” ของเขาต่อ และจะไปเดินดูรอบ ๆ แปลงปลูกของเขา

 

เย็นย่ำแล้ว

 

ลมเย็นพัดผ่านเทือกเขา และความเย็นจากพื้นที่ราวกับน้ำแข็งเริ่มแผ่ขยาย

 

โจวเหวินอู่ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างดื้อดึง และเหม่อลอยขณะมองแสงเทียนกะพริบวิบวับในหุบเขา

 

เขามั่นใจว่าด้วยเสนอตัวเองออกไปแล้วนั้นฟางหยวนจะช่วยเขา แต่ว่า ฟางหยวนนั้นกลับไม่สนใจคําพูดของเขาเลย และปิดประตูใส่หน้า

 

ฟางหยวนไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิดแม้ว่าเขาจะแข็งตายอยู่ตรงนี้

 

ด้วยฐานะบุตรชายตระกูลโจว โจวเหวินอู่จึงมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบสืบทอดตระกูล และถ้าเขาคุกเข่าจนตายอยู่ตรงนี้ จริงก็เป็นการจบสาแหรกตระกูลลง

 

พระจันทร์ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้น

 

โจวเหวินอู่ถอนหายใจยาวขณะที่ร่างแข็งที่อไปหมด หลังจากคุกเข่ามานาน ในที่สุดเขาก็ยืนขึ้น มองเข้าไปในหุบเขาเป็นนาน ก่อนจะกะเผลกเข้าปาจากไป

 

ที่เขาไม่รู้ก็คือมีผู้ชายชุดดําสองคนจับตามองเขาอยู่ตลอดระยะเวลานี้จากในพุ่มไม้ใกล้ ๆ

 

“เฮ้ย มันก็แค่ตัวคนเดียว คิดจะกอบกู้ตระกูลงั้นเหรอ? เขาไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้ตระกูลโจวกลายเป็นอดีตไปแล้ว?”

 

“ถึงแม้ตระกูลโจวจะถูกทําลาย แต่มันก็แค่ไม่กี่สัปดาห์เอง และความสัมพันธ์มากมายที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์นั้น โดยเฉพาะการที่สํานักยังนับตระกูลนั่นเป็นหนึ่งในคนของตัวเอง นั่นต่างหากคือส่วนสาคัญ!”

 

อีกผู้หนึ่งแย้งขึ้น “ถ้าพวกเขาไม่กลัวการกลับมาตระกูลโจว แล้วทําไมนายท่านถึงได้ส่งพวกเรามาสอดแนมมัน เล่า?”

 

“เจ้าพูดถูกเรื่องนั้น แต่ข้าสงสัยว่าทําไมเราถึงไม่จัดการเรื่องนี้เสียในปานี่ให้จบในครั้งเดียวไป!”

 

ผู้ชายคนแรกมีแววมุ่งร้ายอยู่ในนัยน์ตา

 

“เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

 

ผู้ชายชุดดําอีกคนหนึ่งตกใจ “คนผู้นี้ตอนนี้เป็นผู้ดูแลของสํานักกุยหลิง ขนาดซ่งจงยังไม่สามารถปกปิดการตายของโจวตงได้และเขาเองก็ตายลงในที่สุด เจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถกว่าซ่งจงงั้นรึ? เจ้ายังอยากจะสังหารคนผู้นั้นหรือไม่?”

 

เมื่อเขาพูดเช่นนี้ ผู้ชายอีกคนก็เงียบไป

 

หลังจากผ่านไปช่วงหนึ่ง เขาก็พูดขึ้น “พวกเราโชคดีแล้วที่เจ้าของหุบเขานี่ไม่รับปากช่วยเหลือมัน ไม่อย่างนั้นด้วย ความสามารถและชื่อเสียงของเขา ตระกูลกั๋วของพวกเราก็มีปัญหาแน่แล้ว”

 

“ถูกต้อง…. การกระทําของตระกูลจางนั้นตลกสิ้นดี เขาก็แค่หมอธรรมดาที่รู้วิทยายุทธ์นิดหน่อย แต่พวกเขากลับให้ความเคารพเขาถึงเพียงนั้น ช่างน่าขํา!”

 

“อย่างไรเขาก็มาจากตระกูลพ่อค้า และทั้งหมดที่เขาต้องการก็คือความสงบและความเจริญรุ่งเรือง แต่ตระกูลของเรานั้นต่างไป! พวกเราตั้งมั่นอยู่บนวิทยายุทธ์ของพวกเรา! เด็กทุกคนในตระกูลเมื่ออายุได้ 9 ขวบล้วนต้องฝึกวิทยายุทธ์ และพวกเราก็มีผู้มีวิทยายุทธ์ระดับประตูทองที่ 4 และ 5 หลายคนในตระกูล นอกจากนี้พวกเรายังมีท่านผู้เฒ่า!”

 

หลังจากพูดคําสุดท้าย ทั้งคู่ก็มีท่าทีอ่อนลง พวกมันมีท่าทางเคารพและยําเกรงขึ้นมา

 

“ตราบใดที่ท่านผู้เฒ่ายังอยู่ ตระกูลกั๋วของพวกเราย่อมเจริญขึ้นและเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองชิงเย็ได้ หรืออาจจะอันดับหนึ่งในมณฑลจิ้นจวิน!”

 

“อื้ม ถ้าพวกเราไม่กลัวว่าจะขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุด ตระกูลของเราก็เข้าควบคุมเมืองชิงเย่อย่างง่ายดายแล้ว!”

 

ผู้ชายชุดดําประกาศอย่างภาคภูมิใจ

 

“มีคนที่มีอํานาจตั้งมากในยุทธภพ ตัวอย่างเช่น หุบเขาสันโดษนี่ ครั้งหนึ่งเคยมีอาจารย์เวิ่นซิน และตอนนี้มีท่านหมอฟางหยวนที่มีความสามารถในการรักษาระดับสูงและยังมีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม ถ้าพวกเราปฏิบัติกับเขาเหมือนเป็นศัตรู ก็อาจจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงต่อการเดินหน้าของตระกูลของเรา!”

 

อีกผู้หนึ่งถอนหายใจ คนทั้งสองมองหน้ากันไปมา ทั้งคู่ต่างอยากรู้ว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน “ทําไมไม่ไปลองเชิงเขาดูเสียหน่อยเล่า?”

 

แม้ว่าจะเป็นแค่ความคิดหนึ่ง พวกมันก็ล้ำเส้นไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว

 

“พวกเราสองคนไปลอบกําจัดเขาเสีย และเพราะพวกเราก็เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ผ่านสองประตูสงบได้แล้ว พวกเราย่อมต้องหนีออกมาได้แน่นอนหากพวกเราสู้เขาไม่ได้”

 

“ฟุบ!”

 

เงาทั้งสองเข้าสู่หุบเขาและมาถึงที่บ้านหลังนั้น

 

“หุบเขาสันโดษในตํานานก็ดูธรรมดานะ….”

 

หนึ่งในพวกมันดูไม่ค่อยพอใจและพึมพําเบา ๆ

 

ตอนที่กําลังพูดอยู่ เงาสีขาวก็แวบขึ้นตรงหน้าพวกมัน

 

“ฟ่อ!”

 

“อ๊ากก!”

 

เสียงกรีดร้องแหลมดังก้องไปทั่วหุบเขา

 

“นั่นมันตัวอะไร!”

 

ผู้ชายชุดดําอีกคนถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่เห็นเพื่อนล้มลงกับพื้น แขนขาด เลือดสาดกระจายไปทั่ว

 

“ฟอ!”

 

ตรงหน้าของพวกมันคือสุนัขสีขาวตัวใหญ่… หนูเตียวขาว?

 

“กลายพันธุ์ สัตว์ประหลาดกลายพันธุ์?!”

 

เสียงของผู้ชายชุดดําสั่นพร่า ขณะคิดเสียใจกับการกระทําของตัวเองขึ้นมาทันที

 

“หุบเขานี้ลึกลับและน่ากลัวจริง ๆ เพราะพวกเขามีกระทั่งสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ตัวหนึ่งเป็นผู้ดูแลที่พักอาศัย?”

 

ตรงกันข้าม ฮวาหูเตียวลูบขนตัวเองอย่างใจเย็น และส่งเสียงขู่เป็นครั้งคราว

 

“ฮ้าววว!”

 

ประตูบ้านพักเปิดออก และฟางหยวนเดินหาวออกมามองผู้ชายชุดดําทั้งสองคน “หน่วยสอดแนมอีกแล้ว? ข้าว่าโชคของข้าช่วงหลายวันนี้ไม่ค่อยดีเลย… ข้าต้องเตือน พวกคนที่เป็นไปได้ที่จะทําเรื่องโง่ ๆ พวกนี้อีกสักครั้ง ไม่อย่างนั้น มันก็จะลําบากข้าอีก…”

 

“เจ้าคือฟางหยวน!”

 

หนึ่งในพวกมันพูด “ทําไมถึงให้สัตว์นี้จู่โจมพวกเรากัน?”

 

“โจมตีเจ้า? ฮ่าฮ่า…”

 

ฟางหยวนหัวเราะราวกับเขาได้ฟังเรื่องตลก “เจ้าสองคนบุกเข้ามาในหุบเขาของข้าอย่างประสงค์ร้าย แล้วยังกล้าโทษข้า? เจ้าสองคนนี้มันช่างงี่เง่าเสียจริง!”

 

“งี่เง่า?”

 

ชายชุดดําทั้งสองคนมองหน้ากันและดูจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่รู้ว่ามันย่อมไม่ใช่เรื่องดี ทั้งคู่เหลือบมองฟางหยวนด้วยสายตาประสงค์ร้าย

 

พวกมันรู้ว่าหนูเตียวขาวนี่เร็วมากและพวกมันคงไม่สามารถวิ่งหนีได้ทันแม้จะหนีเข้าไปในป่า

 

ทางออกเดียวก็คือเอาชนะเจ้าของของมัน ฟางหยวน!

 

แม้ว่าพวกมันจะเคยได้ยินเรื่องความเก่งกาจของฟางหยวนมาก่อน แต่พวกมันไม่เคยเห็นด้วยตนเองมาก่อนและยังรู้สึกว่าพอมีความหวังที่จะเอาชนะได้

 

“เพื่อให้รอดไปได้ ดูเหมือนข้าจะต้องสู้เพื่อเปิดทางรอดนั่นด้วยตัวเอง!”

 

ฟางหยวนไม่ได้สนใจจะเอาจริง “เข้ามา แล้วอย่าบอกว่าข้าไม่ให้โอกาสเจ้าลงมือก่อนล่ะ!”

 

“ฆ่า!”

 

ชายทั้งสองมองหน้ากัน แม้ว่าคนหนึ่งจะแขนหัก ตะโกนและออกหมัดไปทันที ขาของเขาเตะออกอย่างเร็ว เร็วจนกระทั่งไม่เห็นแม้แต่เงา

 

“ฝ่ามือพยัคฆ์คลั่ง!”

 

“เท้าไร้เงา!”

 

ฝ่ามือและลูกเตะส่งออกมาอย่างรวดเร็วต่อเนื่องกัน แต่ฟางหยวนไม่ได้หลบ เขาสุดหายใจลึกแล้วผิวของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเกือบดํา

 

“ติ๊ง! ติ๊ง!”

 

มันเหมือนกับฝนตกกระทบใบตอง ต่อเนื่องและชัดเจน

 

เมื่อทุกอย่างจบลง และทั้งคู่หมดแรงลงไป พวกมันก็ต้องตกใจที่เห็นว่าฟางหยวนยังคงยืนหยัดอยู่ ความกลัวปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกมัน “เคล็ดกรงเล็บอินทรีเหล็กระดับ 6 ระดับปรมาจารย์! ผู้ใดเลยจะรู้ว่ามีระดับนี้อยู่ด้วย?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+