Carefree Path of Dreams 52: ชนะเลิศ

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 52: ชนะเลิศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Carefree Path of Dreams

Chapter 52: ชนะเลิศ

“ผลหยกแดง…”

หลังจากส่งคนที่มารับการรักษากลับไปแล้ว ฟางหยวนก็เหลือบมองแถบค่าประสบการณ์ที่เกือบจะเต็มแล้วขณะโยนกล่องบรรจุผลหยกแดงเล่น เขาพอใจ

นี่น่าจะทําให้เขามีโอกาสเพิ่มระดับ [การดูแลพืช] ไปเป็นระดับ 4

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปลูกผลหยกแดงในหุบเขาสันโดษ แต่มันดูจะเป็นไปได้ที่จะปลูกมันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่ม ไม่ว่าอย่างไร เตรียมตัวไว้ก่อนเป็นดี!

ขณะฟางหยวนเข้าหุบเขาไป ฮวาหูเดียวก็พุ่งมาทางเขาแล้วเดินวนรอบตัวซ้ํา ๆ มันดูจะสัมผัสได้ถึงของล้ําค่าบนตัวฟางหยวน

“ผลไม้ที่มีความสําคัญมาก ข้าให้เจ้ากินไม่ได้หรอกนะ!”

ถือกล่องไว้ในมือ ฟางหยวนพูด “อย่างไรข้าวหยกแดงก็เกือบจะเก็บเกี่ยวได้แล้วเร็ว ๆ นี้ เจ้ายังกังวลว่าจะมีอาหารไม่พอกินอีกหรือ?”

“กิเ”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฮวาหูเตียวคิดหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ

“ดีมาก เด็กดี!”

หลังจากได้รับคําชมจากฟางหยวน ฮวาหูเตียวก็ยกอุ้งเท้าของมันขึ้นชี้ไปทางต้นไผ่วิญญาณ ความตั้งใจของมันนั้นดูออกง่ายดาย

“อะไร… เจ้าอยากได้ไผ่วิญญาณหลังจากนั้นให้ผลเป็นการชดเชย?”

ฟางหยวนกุมขมับก่อนพูด “เจ้านี่ไม่ยอมเสียเปรียบจริง ๆ ..เอ๋? เดี๋ยวก่อนนะ!”

ฟางหยวนได้กลิ่นบางอย่างทะแม่ง ๆ ขณะมองสีหน้าฮวาหูเตียว มันดูเหมือนว่าเขากําลังจะทําการตกลงอะไรบางอย่างที่ดูดีเกินความเป็นจริง นี่ทําให้ความสงสัยของฟางหยวนพุ่งสูง เขารีบเดินไปทางต้นไผ่วิญญาณ

ก่อนที่เขาจะทันไปถึง เขาก็สูดหายใจเข้าลึกยาวและรู้สึกว่าถูกกระแสอากาศหนึ่งล้อมรอบอยู่

“ความบริสุทธิ์ของอากาศที่นี่เกือบจะเทียบได้กับที่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ น่าเสียดายที่ยังขาดพลังวิญญาณไป…”

ส่ายหน้าเบา ๆ เดินข้ามทางระบายน้ํา

ติดกับก้อนหินใหญ่ ต้นไผ่สีเขียวดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพลัง

“จากเท่าที่เห็นเมื่อเช้านี้ มันดูต่างไปมาก ๆ… นี่เป็นเพราะว่าในที่สุดมันก็ยอมรับดินที่นี้ได้แล้วงั้นหรือ?”

ฟางหยวนค่อย ๆ ยิ้มออกมา มันหมายความว่าไผ่วิญญาณนั้นมีชีวิตรอดแน่แล้ว นอกจากนี้ เมื่อมองไปที่ดอกตูม อีกแค่ไม่กี่วันก็คงจะบานแล้ว

ฟางหยวนเข้าใจได้ในที่สุดว่าทําไมฮวาหูเตียวถึงพยายามจะมีส่วนร่วมในผลหยกแดง มันเล็งไผ่วิญญาณเอาไว้ต่างหากเล่า!

แน่นอนว่า เป็นเพราะผลหยกแดงนั้นสมบูรณ์ดีเกินไป ไม่อย่างนั้นด้วยประโยชน์ของมัน สถานการณ์คงจะต่างไปจากนี้แล้ว

คืนหนึ่งผ่านไป

วันต่อมา ฟางหยวนตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ เขารู้สึกได้ทันทีว่ารอบ ๆ ตัวเขามีบางอย่างแปลกไป

“หรือว่านี่จะเป็นพลังวิญญาณที่ต้นไผ่วิญญาณสร้างขึ้นมา? มันกระจายมาถึงที่นี่เลยรึ?”

ด้วยความสงสัย ฟางหยวนจึงเต็มไปด้วยความต้องการหาคําตอบ

“กิน”

ฮวาหูเตียววิ่งตะบึงมาทางฟางหยวน ต้องมีเรื่องสําคัญจากในสวนแน่ ๆ

ฟางหยวนพุ่งไปทางที่ปลูกต้นไผ่วิญญาณไว้ ดอกตูมที่เห็นเมื่อวานนั้นบานเต็มที่แล้ว กลีบสีขาวบริสุทธิ์ของมันสะบัดไปตามกระแสลม ปล่อยพลังวิญญาณออกมา มันดูจะทําให้เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อยในบริเวณใกล้เคียง

“หรือว่านั่น…แปลงข้าวหยกแดง?”

 

ฟางหยวนเครียดขึ้นมา รีบเดินไปที่ด้านข้าง แล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น

ตรงหน้าเขานั้นเป็นรวงข้าวสีแดงชาดจํานวนมาก มันโตสูงประมาณเอวของผู้ชายเต็มวัยและมีเมล็ดโตหนักจนก้านหนาต้องโน้มลง

“มันสุกเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ! นี่มันเร็วกว่าครั้งก่อนเสียอีก!”

ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าร้อนรวงข้าวขึ้นมาดู “แล้วคุณภาพยังดูจะเหนือกว่าที่เก็บเกี่ยวครั้งก่อน แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากและทันตา แต่มันน่าจะต้องค่อย ๆ สะสมมาเรื่อย ๆ

สิ?”

เมื่อเห็น ฟางหยวนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ

ตราบใดที่เขาเลือกเมล็ดที่ดีที่สุดและปลูกต่อไปอีกหลาย ๆ ฤดู เขาก็จะสามารถทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพืชวิญญาณพวกนี้ได้เป็นแน่

มองไปตามแปลงปลูกใกล้ ๆ ฟางหยวนก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาและคิดกับตัวเอง “เยี่ยมมาก! มีข้าววิญญาณจากการเก็บเกี่ยวครั้งนี้เพียงพอให้ข้าและฮวาหูเดียวกินได้อีกเป็นปี และยังมีเหลือพอให้เราใช้ปลูกในฤดูถัดไป ถ้าพวกเราสามารถเอาที่เหลือไปขาย ก็คงจะรวยไม่รู้เรื่องกันทีเดียว!”

ข้าวหยกแดงนั้นเป็นเพียงพืชวิญญาณระดับต่ําที่สุด กระทั่งในสํานักกุยหลิงยังมีหน่วยหนึ่งทําหน้าที่ขายข้าวนี้เพื่อเป็นแหล่งรายได้ด้วย

ก่อนนี้ ฟางหยวนก็ต้องตกใจกับราคาของพืชวิญญาณชนิดนี้มาแล้ว ถ้าตามคุณภาพที่เขาเก็บเกี่ยวได้คราวนี้ เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาด

แน่นอนว่า มีผู้คนที่ไม่คู่ควรกับมันแต่อยากจะได้ครอบครองอยู่เช่นกัน

“อย่างไรมันเป็นแค่ข้าวหยกแดง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนอกจากนี้ ข้าจะต้องการเงินไปทําไม?”

ขณะเก็บข้าวหยกแดงกระสอบสุดท้ายเข้าในห้องเก็บของ ฟางหยวนก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ เขาคิด “ยอดเยี่ยม พวกเราสามารถกินข้าวหยกแดงได้ทุกวันต่อจากนี้ กินจนเบื่อไปเลย!”

“กิน”

ฮวาหูเตียวที่อยู่ข้าง ๆ เขากระโดดอย่างตื่นเต้น มันดูเหมือนจะคุมความตื่นเต้นของตัวเองไม่อยู่แล้ว

ด้วยข้าววิญญาณพวกนี้ จะยังมีอะไรให้ฟางหยวนต้องกังวลอีก? เขาหุงข้าวหยกแดงที่มีกลิ่นหอมฟังหม้อใหญ่ทันที

รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของข้าวหยกแดงคราวนี้นั้นเข้มข้นกว่าครั้งก่อนหลายเท่า ความรู้สึกเต็มอิ่มที่ได้จากการกินข้าวหยกแดงเองก็มากขึ้น

หลังจากนั้นเป็นนาน ในที่สุดฟางหยวนก็ได้สติจากการจมลึกอยู่ในภวังค์ เขาเปิดปากออกปล่อยลมหายใจสีขาวออกมา

เขามองไปและเห็นว่าเขาจัดการกินข้าววิญญาณทั้งหม้อลงไปหมดแล้ว ลึกลงไปในทุก ๆ ส่วนของร่างกายจนถึงเศษเสี้ยวเล็กที่สุด เขารู้สึกราวกับได้เกิดใหม่

“ผลจากข้าววิญญาณนั้นมากกว่าทุกที…”

ฟางหยวนรู้สึกยินดีเป็นที่สุด ขณะมองไปทางต้นไผ่วิญญาณ เขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย “ถ้าการที่ดอกไผ่วิญญาณบานมันจะเร่งเวลาให้ข้าววิญญาณสุกเร็วขึ้นได้ แล้วอย่างนี้ไผ่วิญญาณมี ความสามารถรูปแบบใดกันแน่? แล้วลูกไผ่จะใช้ทําอะไรได้บ้าง?”

ความสงสัยของเขาได้คําตอบเร็วมาก

สามวันต่อมา ดอกไผ่ก็ร่วงเกือบหมดแล้ว แทนที่ด้วยผลสีเขียวที่แขวนตัวอยู่ตามกิ่งก้าน เต็ม ไปด้วยชีวิต มันเป็นสิ่งที่ฟางหยวนไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

“ลูกไผ่..ในตํานาน พวกมันเป็นอาหารหลักของเพิ่งหวง…”

ฮวาหูเตียวมารออยู่อย่างอดทนที่ด้านข้างพักหนึ่งแล้ว ฟางหยวนเหลือบมองมัน เด็ดลูกไผ่ผลหนึ่งออกมาและโยนขึ้นไปกลางอากาศ

“ฝูบ!”

ชั่วแวบเดียว ฮวาหูเดียวก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่อีกด้านของก้อนหินมีผลไผ่อยู่ในปาก จากนั้นมันก็กัดกินลูกไผ่ลงไปอย่างตะกละตะกราม

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

ขณะที่ฟางหยวนจับตามองฮวาหูเตียวรอให้มันกินเสร็จ

“กิกิก”

ฮวาหูเตียวทําเป็นไม่เข้าใจฟางหยวนและชี้ไปทางไผ่วิญญาณอีกครั้ง มันทําท่าเหมือนว่ายังชิมไม่ได้รส เพราะเพิ่งได้ชิมไปแค่ลูกเดียวมันต้องการอีกสักหลาย ๆ ลูกเพื่อให้ได้รสชาติแท้จริง

“เจ้าตัวละโมบเอ๊ย!”

ฟางหยวนด่ายิ้ม ๆ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกมั่นใจขึ้น “ลูกไผ่นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

ในเวลาเดียวกัน ฟางหยวนเด็ดลูกหนึ่งมาโยนเข้าปากตัวเอง

กรุบ!

มันมีรสชาติคล้ายผลผิงกั่ว หวานและอร่อย ในเวลาเดียวกัน มันยังส่งความรู้สึกอบอุ่นสายหนึ่งไหลเรื่อยลงไปตามลําคอของเขาอย่างนุ่มนวล

 

“อืม.. นี่มัน…”

ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้างเมื่อรู้สึกว่าพลังกาย กําลังภายใน พลังวิญญาณและพลังเวทย์เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในทันที เขารู้สึกสบายและมีพลังล้นเหลือในเวลาเดียวกัน

“มันไม่ได้เพิ่มค่าสถานะ หรือว่ามันจะช่วยในการฟื้นฟู?”

เขาคิดอีกครั้ง “หรือว่ามันจะช่วยให้ผู้กินฟื้นฟูพลังกาย พลังวิญญาณและพลังเวทย์ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ?”

เขาคิดไปถึงการระเบิดความโกรธแค้นของนกหงเอี่ยนป่าย ในที่สุดฟางหยวนก็เข้าใจว่าทําไมนกวิญญาณพวกนั้นถึงได้เห็นลูกไผ่เป็นสมบัติล้ําค่าชิ้นหนึ่ง

หลังจากมันทุ่มเทแรงกายออกมา พวกมันย่อมสูญเสียพลังจํานวนมากซึ่งหมายถึงการต้องฟื้นฟูเป็นเวลานาน แต่ด้วยลูกไผ่ย่นระยะเวลานั่นหดสั้นลงได้

 

“แม้ระหว่างต่อสู้ ตอนที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ผลไม้นี่ก็ยังใช้การได้?”

มองต้นไผ่วิญญาณแล้ว ฟางหยวนก็ค่อย ๆ รู้สึกเข้าใจมากขึ้น เขาคิด “ไม่แปลกใจเลย ลูกไผ่นี่สามารถขโมยชีวิตของคนผู้หนึ่งออกจากเงื้อมมือของความตายได้ บ่งบอกคุณค่ามหาศาลของมัน…”

“เดี๋ยวนะ!”

ด้วยความกังวลนิด ๆ ฟางหยวนมองฮวาหูเตียวและถาม “เจ้าดูจะไม่ได้ใช้พลังอะไรเท่าไหร่เลยวันนี้แล้วยังกินไปลูกหนึ่งแล้ว ทําไมถึงขอเพิ่ม?”

“กิ?”

ฮวาหูเตียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกท่าออกทาง ฟางหยวนจึงได้รู้ว่าลูกไผ่นั้นแค่ลดระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูตัวเองของมนุษย์ แต่ว่า เมื่อสัตว์วิญญาณกินเข้าไป โดยเฉพาะพวกนก มันจะช่วยในการเติบโตนอกเหนือไปจากให้ผลการฟื้นฟู ผลก็คือ ไม่น่าแปลกใจที่นกอินทรีดําหางเหล็ก และราชานกหงเอี่ยนปายจึงให้ค่ามันนัก

ฟางหยวนยิ้มจาง ๆ ออกมา เมื่อความคิดหนึ่งเกี่ยวกับอินทรีดําหางเหล็กผุดขึ้นในใจ

ช่วงนี้ในหุบเขาสันโดษ ฟางหยวนนั้นพบซากสัตว์พวกหมูป่าและเสือเข้าบ่อย ๆ รอยแผลของพวกมันดูเหมือนจะเกิดจากสัตว์สักตัวที่มีกรงเล็บแหลมคม พวกนี้น่าจะเป็นคําขอบคุณของอินทรีดําหางเหล็กแล้ว

ในตอนนี้เอง ฟางหยวนคิดเรื่องดี ๆ เรื่องหนึ่งได้

“ฮวาหูเตียว… เอาลูกไผ่นี้ไปและชักจูงให้อินทรีหางเหล็กนั้นมาเป็นพวกเดียวกับเรา ไม่ บอกอินทรีดําหางเหล็กว่าพวกเราจะให้ลูกไผ่กับมันถ้ามันคอยดูและความปลอดภัยในหุบเขานี้ให้เป็นอย่างไร?”

อินทรีดําหางเหล็กมีความแข็งแกร่งอันประเมินมิได้ แม้ว่าจะด้อยกว่าราชานกหงเอี่ยนป่ายไปนิด แต่มันก็ยังได้เปรียบกว่าสัตว์อื่นเพราะว่ามันบินได้

ถ้าหากได้มันมาบินไปรอบ ๆ หุบเขา ใครเลยจะกล้าเข้ามาในระยะสามรอบหุบเขา แม้แต่พรานผู้มีประสบการณ์ก็เถิด

อันที่จริง ฟางหยวนคิดหาวิธีการใช้งานอินทรีดําหางเหล็กมาสักพักแล้ว

หลังจากเข้าใจที่เขาพูดแล้ว ฮวาหูเดียวก็เร่งฝีเท้าเข้าไปในปาพร้อมลูกไผ่สองสามลูก

“แกวก แกวก!”

ไม่นาน พร้อมกับเสียงร้องเสียดหูก้องไปทั่วหุบเขา

ฟางหยวนรีบออกมาและพบซากงูตัวใหญ่ขนาดแขนของผู้ชายกองอยู่บนพื้น บนร่างมีรูหลายรู มีเลือดสด ๆ ไหลออกมา

“เอ๋? งูเหลือมไหมทอง?”

ฟางหยวนก้าวเข้าไปดูใกล้ ๆ ใบหน้าค่อย ๆ ฉายแววยินดีขณะที่คิด “ถึงจะไม่ได้ดึง แต่หนังและกระดูกของงูนี่ก็เป็นส่วนประกอบของยาที่ดีมาก แล้วยังเนื้องู พวกเรามีอาหารพอไปอีกหลายวัน…”

“แกร็ก! แกวก!”

ท่ามกลางลมแรงและเสียงร้องดังลั่น อินทรีดําหางเหล็กพุ่งลงมาจากฟ้า บนหลังของมันมีหัวสีขาวเล็ก ๆ โผล่ออกมาก่อนจะกระโดดลงมาอย่างสง่างามและขยับมาทางฟางหยวน

“พี่อินทรี เจ้าพิจารณาข้อเสนอของข้าแล้วใช่ไหม?”

ฟางหยวนหัวเราะแล้วเอาลูกไผ่สองสามลูกออกมาจากเสื้อคลุม

“แกร๊ก! แก๊ก!”

แม้ว่าลูกไผ่จะดึงความสนใจของอินทรีดําหางเหล็กไว้ แต่มันก็เชิดหน้าขึ้นนิด ๆ คล้ายกับว่าไม่ถูกของขวัญจากฟางหยวนล่อลวงได้ง่าย ๆ หรอกนะ

แต่หลักฐานอยู่ในดวงตาของสัตว์วิญญาณตัวนี้ เห็นได้ชัดเจนว่ามันเอนเอียงไปทางข้อเสนอของฟางหยวน

“กึก กึกึ ฟ่ออ…”

ขณะที่ฮวาหูเตียวทําท่าทําทางอธิบาย ฟางหยวนก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจแล้ว “โอ้ พี่อินทรีไม่ต้องการมาเป็นสัตว์วิญญาณของมนุษย์อย่างนั้นใช่ไหม? เจ้าเข้าใจความตั้งใจของข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่เคยคิดจะทําเยี่ยงนั้น ข้าแค่ต้องการจ้างเจ้าเท่านั้นเอง เจ้าช่วยข้าลาดตระเวนและปกป้องพื้นที่ตรงนี้แล้วข้าก็จะจ่ายค่าตอบแทนให้เจ้าด้วยผลไม้วิญญาณ.ถ้านั่นยังไม่พอ ยังมีชาวิญญาณและข้าววิญญาณ…”

ฟางหยวนส่ายหน้าและสั่งให้ฮวาหูเตียวแปลให้อินทรีดําหางเหล็กฟัง

“แกร๊ก! แก๊ก!”

ฮวาหูเตียวและอินทรีดําหางเหล็กสนทนากันผ่านท่าทางและอินทรีดําหางเหล็กก็ยังคงส่ายหัว

“หัวดื้ออะไรอย่างนี้!”

ฟางหยวนเค้นสมองหาวิธี และบอกฮวาหูเตียว “ฮวาหูเตียวบอกอินทรีหางเหล็ก ว่าเราไม่จ้างมันแล้ว พวกเราแค่มอบให้มัน… ผลไม้วิญญาณเป็นของขวัญที่พวกเราเสนอให้ด้วยความนับถือที่มันช่วยปกป้องหุบเขาเอาไว้เป็นอย่างไร?”

 

ฟางหยวนส่ายหน้าแล้วส่งฮวาหูเตียวไปอธิบายคําพูดของเขา

“แกร็ก! แกร็ก”

ตามคาด อินทรีดําหางเหล็กพยักหน้าอย่างภูมิใจในคราวนี้ ดวงตาจับจ้องที่ลูกไผ่ในมือฟางหยวน

“ได้ เอ้า นี่!”

ฟางหยวนโยนผลไม้ขึ้นไปกลางอากาศมองสัตว์วิญญาณพุ่งเข้ามากิน ในใจของเขา ฟางหยวนรู้สึกหมดคําพูด เขาคิด “เจ้าสัตว์ตัวนี้ช่างมีความทระนงอย่างน่าขํา ข้อตกลงที่ข้ามีกับมันตอนนี้มันก็เหมือนที่ข้าเสนอไปตอนแรก โชคดี ที่มันพบกับข้า ถ้าไม่อย่างนั้นมันคงไม่ได้กําไรเช่นนี้”

ผิงถั่ว” คือแอปเปิ้ล

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Carefree Path of Dreams 52: ชนะเลิศ

Now you are reading Carefree Path of Dreams Chapter 52: ชนะเลิศ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Carefree Path of Dreams

Chapter 52: ชนะเลิศ

“ผลหยกแดง…”

หลังจากส่งคนที่มารับการรักษากลับไปแล้ว ฟางหยวนก็เหลือบมองแถบค่าประสบการณ์ที่เกือบจะเต็มแล้วขณะโยนกล่องบรรจุผลหยกแดงเล่น เขาพอใจ

นี่น่าจะทําให้เขามีโอกาสเพิ่มระดับ [การดูแลพืช] ไปเป็นระดับ 4

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปลูกผลหยกแดงในหุบเขาสันโดษ แต่มันดูจะเป็นไปได้ที่จะปลูกมันในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่ม ไม่ว่าอย่างไร เตรียมตัวไว้ก่อนเป็นดี!

ขณะฟางหยวนเข้าหุบเขาไป ฮวาหูเดียวก็พุ่งมาทางเขาแล้วเดินวนรอบตัวซ้ํา ๆ มันดูจะสัมผัสได้ถึงของล้ําค่าบนตัวฟางหยวน

“ผลไม้ที่มีความสําคัญมาก ข้าให้เจ้ากินไม่ได้หรอกนะ!”

ถือกล่องไว้ในมือ ฟางหยวนพูด “อย่างไรข้าวหยกแดงก็เกือบจะเก็บเกี่ยวได้แล้วเร็ว ๆ นี้ เจ้ายังกังวลว่าจะมีอาหารไม่พอกินอีกหรือ?”

“กิเ”

เมื่อได้ยินอย่างนี้ ฮวาหูเตียวคิดหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ

“ดีมาก เด็กดี!”

หลังจากได้รับคําชมจากฟางหยวน ฮวาหูเตียวก็ยกอุ้งเท้าของมันขึ้นชี้ไปทางต้นไผ่วิญญาณ ความตั้งใจของมันนั้นดูออกง่ายดาย

“อะไร… เจ้าอยากได้ไผ่วิญญาณหลังจากนั้นให้ผลเป็นการชดเชย?”

ฟางหยวนกุมขมับก่อนพูด “เจ้านี่ไม่ยอมเสียเปรียบจริง ๆ ..เอ๋? เดี๋ยวก่อนนะ!”

ฟางหยวนได้กลิ่นบางอย่างทะแม่ง ๆ ขณะมองสีหน้าฮวาหูเตียว มันดูเหมือนว่าเขากําลังจะทําการตกลงอะไรบางอย่างที่ดูดีเกินความเป็นจริง นี่ทําให้ความสงสัยของฟางหยวนพุ่งสูง เขารีบเดินไปทางต้นไผ่วิญญาณ

ก่อนที่เขาจะทันไปถึง เขาก็สูดหายใจเข้าลึกยาวและรู้สึกว่าถูกกระแสอากาศหนึ่งล้อมรอบอยู่

“ความบริสุทธิ์ของอากาศที่นี่เกือบจะเทียบได้กับที่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ น่าเสียดายที่ยังขาดพลังวิญญาณไป…”

ส่ายหน้าเบา ๆ เดินข้ามทางระบายน้ํา

ติดกับก้อนหินใหญ่ ต้นไผ่สีเขียวดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและพลัง

“จากเท่าที่เห็นเมื่อเช้านี้ มันดูต่างไปมาก ๆ… นี่เป็นเพราะว่าในที่สุดมันก็ยอมรับดินที่นี้ได้แล้วงั้นหรือ?”

ฟางหยวนค่อย ๆ ยิ้มออกมา มันหมายความว่าไผ่วิญญาณนั้นมีชีวิตรอดแน่แล้ว นอกจากนี้ เมื่อมองไปที่ดอกตูม อีกแค่ไม่กี่วันก็คงจะบานแล้ว

ฟางหยวนเข้าใจได้ในที่สุดว่าทําไมฮวาหูเตียวถึงพยายามจะมีส่วนร่วมในผลหยกแดง มันเล็งไผ่วิญญาณเอาไว้ต่างหากเล่า!

แน่นอนว่า เป็นเพราะผลหยกแดงนั้นสมบูรณ์ดีเกินไป ไม่อย่างนั้นด้วยประโยชน์ของมัน สถานการณ์คงจะต่างไปจากนี้แล้ว

คืนหนึ่งผ่านไป

วันต่อมา ฟางหยวนตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ เขารู้สึกได้ทันทีว่ารอบ ๆ ตัวเขามีบางอย่างแปลกไป

“หรือว่านี่จะเป็นพลังวิญญาณที่ต้นไผ่วิญญาณสร้างขึ้นมา? มันกระจายมาถึงที่นี่เลยรึ?”

ด้วยความสงสัย ฟางหยวนจึงเต็มไปด้วยความต้องการหาคําตอบ

“กิน”

ฮวาหูเตียววิ่งตะบึงมาทางฟางหยวน ต้องมีเรื่องสําคัญจากในสวนแน่ ๆ

ฟางหยวนพุ่งไปทางที่ปลูกต้นไผ่วิญญาณไว้ ดอกตูมที่เห็นเมื่อวานนั้นบานเต็มที่แล้ว กลีบสีขาวบริสุทธิ์ของมันสะบัดไปตามกระแสลม ปล่อยพลังวิญญาณออกมา มันดูจะทําให้เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อยในบริเวณใกล้เคียง

“หรือว่านั่น…แปลงข้าวหยกแดง?”

 

ฟางหยวนเครียดขึ้นมา รีบเดินไปที่ด้านข้าง แล้วก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น

ตรงหน้าเขานั้นเป็นรวงข้าวสีแดงชาดจํานวนมาก มันโตสูงประมาณเอวของผู้ชายเต็มวัยและมีเมล็ดโตหนักจนก้านหนาต้องโน้มลง

“มันสุกเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ! นี่มันเร็วกว่าครั้งก่อนเสียอีก!”

ฟางหยวนก้าวไปข้างหน้าร้อนรวงข้าวขึ้นมาดู “แล้วคุณภาพยังดูจะเหนือกว่าที่เก็บเกี่ยวครั้งก่อน แม้ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากและทันตา แต่มันน่าจะต้องค่อย ๆ สะสมมาเรื่อย ๆ

สิ?”

เมื่อเห็น ฟางหยวนก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ

ตราบใดที่เขาเลือกเมล็ดที่ดีที่สุดและปลูกต่อไปอีกหลาย ๆ ฤดู เขาก็จะสามารถทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพืชวิญญาณพวกนี้ได้เป็นแน่

มองไปตามแปลงปลูกใกล้ ๆ ฟางหยวนก็รู้สึกตื้นตันขึ้นมาและคิดกับตัวเอง “เยี่ยมมาก! มีข้าววิญญาณจากการเก็บเกี่ยวครั้งนี้เพียงพอให้ข้าและฮวาหูเดียวกินได้อีกเป็นปี และยังมีเหลือพอให้เราใช้ปลูกในฤดูถัดไป ถ้าพวกเราสามารถเอาที่เหลือไปขาย ก็คงจะรวยไม่รู้เรื่องกันทีเดียว!”

ข้าวหยกแดงนั้นเป็นเพียงพืชวิญญาณระดับต่ําที่สุด กระทั่งในสํานักกุยหลิงยังมีหน่วยหนึ่งทําหน้าที่ขายข้าวนี้เพื่อเป็นแหล่งรายได้ด้วย

ก่อนนี้ ฟางหยวนก็ต้องตกใจกับราคาของพืชวิญญาณชนิดนี้มาแล้ว ถ้าตามคุณภาพที่เขาเก็บเกี่ยวได้คราวนี้ เขาแน่ใจว่ามันต้องเป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาด

แน่นอนว่า มีผู้คนที่ไม่คู่ควรกับมันแต่อยากจะได้ครอบครองอยู่เช่นกัน

“อย่างไรมันเป็นแค่ข้าวหยกแดง มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนอกจากนี้ ข้าจะต้องการเงินไปทําไม?”

ขณะเก็บข้าวหยกแดงกระสอบสุดท้ายเข้าในห้องเก็บของ ฟางหยวนก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ เขาคิด “ยอดเยี่ยม พวกเราสามารถกินข้าวหยกแดงได้ทุกวันต่อจากนี้ กินจนเบื่อไปเลย!”

“กิน”

ฮวาหูเตียวที่อยู่ข้าง ๆ เขากระโดดอย่างตื่นเต้น มันดูเหมือนจะคุมความตื่นเต้นของตัวเองไม่อยู่แล้ว

ด้วยข้าววิญญาณพวกนี้ จะยังมีอะไรให้ฟางหยวนต้องกังวลอีก? เขาหุงข้าวหยกแดงที่มีกลิ่นหอมฟังหม้อใหญ่ทันที

รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของข้าวหยกแดงคราวนี้นั้นเข้มข้นกว่าครั้งก่อนหลายเท่า ความรู้สึกเต็มอิ่มที่ได้จากการกินข้าวหยกแดงเองก็มากขึ้น

หลังจากนั้นเป็นนาน ในที่สุดฟางหยวนก็ได้สติจากการจมลึกอยู่ในภวังค์ เขาเปิดปากออกปล่อยลมหายใจสีขาวออกมา

เขามองไปและเห็นว่าเขาจัดการกินข้าววิญญาณทั้งหม้อลงไปหมดแล้ว ลึกลงไปในทุก ๆ ส่วนของร่างกายจนถึงเศษเสี้ยวเล็กที่สุด เขารู้สึกราวกับได้เกิดใหม่

“ผลจากข้าววิญญาณนั้นมากกว่าทุกที…”

ฟางหยวนรู้สึกยินดีเป็นที่สุด ขณะมองไปทางต้นไผ่วิญญาณ เขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย “ถ้าการที่ดอกไผ่วิญญาณบานมันจะเร่งเวลาให้ข้าววิญญาณสุกเร็วขึ้นได้ แล้วอย่างนี้ไผ่วิญญาณมี ความสามารถรูปแบบใดกันแน่? แล้วลูกไผ่จะใช้ทําอะไรได้บ้าง?”

ความสงสัยของเขาได้คําตอบเร็วมาก

สามวันต่อมา ดอกไผ่ก็ร่วงเกือบหมดแล้ว แทนที่ด้วยผลสีเขียวที่แขวนตัวอยู่ตามกิ่งก้าน เต็ม ไปด้วยชีวิต มันเป็นสิ่งที่ฟางหยวนไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

“ลูกไผ่..ในตํานาน พวกมันเป็นอาหารหลักของเพิ่งหวง…”

ฮวาหูเตียวมารออยู่อย่างอดทนที่ด้านข้างพักหนึ่งแล้ว ฟางหยวนเหลือบมองมัน เด็ดลูกไผ่ผลหนึ่งออกมาและโยนขึ้นไปกลางอากาศ

“ฝูบ!”

ชั่วแวบเดียว ฮวาหูเดียวก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่อีกด้านของก้อนหินมีผลไผ่อยู่ในปาก จากนั้นมันก็กัดกินลูกไผ่ลงไปอย่างตะกละตะกราม

“เป็นอย่างไรบ้าง?”

ขณะที่ฟางหยวนจับตามองฮวาหูเตียวรอให้มันกินเสร็จ

“กิกิก”

ฮวาหูเตียวทําเป็นไม่เข้าใจฟางหยวนและชี้ไปทางไผ่วิญญาณอีกครั้ง มันทําท่าเหมือนว่ายังชิมไม่ได้รส เพราะเพิ่งได้ชิมไปแค่ลูกเดียวมันต้องการอีกสักหลาย ๆ ลูกเพื่อให้ได้รสชาติแท้จริง

“เจ้าตัวละโมบเอ๊ย!”

ฟางหยวนด่ายิ้ม ๆ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกมั่นใจขึ้น “ลูกไผ่นน่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

ในเวลาเดียวกัน ฟางหยวนเด็ดลูกหนึ่งมาโยนเข้าปากตัวเอง

กรุบ!

มันมีรสชาติคล้ายผลผิงกั่ว หวานและอร่อย ในเวลาเดียวกัน มันยังส่งความรู้สึกอบอุ่นสายหนึ่งไหลเรื่อยลงไปตามลําคอของเขาอย่างนุ่มนวล

 

“อืม.. นี่มัน…”

ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้างเมื่อรู้สึกว่าพลังกาย กําลังภายใน พลังวิญญาณและพลังเวทย์เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในทันที เขารู้สึกสบายและมีพลังล้นเหลือในเวลาเดียวกัน

“มันไม่ได้เพิ่มค่าสถานะ หรือว่ามันจะช่วยในการฟื้นฟู?”

เขาคิดอีกครั้ง “หรือว่ามันจะช่วยให้ผู้กินฟื้นฟูพลังกาย พลังวิญญาณและพลังเวทย์ได้ในระยะเวลาสั้น ๆ ?”

เขาคิดไปถึงการระเบิดความโกรธแค้นของนกหงเอี่ยนป่าย ในที่สุดฟางหยวนก็เข้าใจว่าทําไมนกวิญญาณพวกนั้นถึงได้เห็นลูกไผ่เป็นสมบัติล้ําค่าชิ้นหนึ่ง

หลังจากมันทุ่มเทแรงกายออกมา พวกมันย่อมสูญเสียพลังจํานวนมากซึ่งหมายถึงการต้องฟื้นฟูเป็นเวลานาน แต่ด้วยลูกไผ่ย่นระยะเวลานั่นหดสั้นลงได้

 

“แม้ระหว่างต่อสู้ ตอนที่ทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส ผลไม้นี่ก็ยังใช้การได้?”

มองต้นไผ่วิญญาณแล้ว ฟางหยวนก็ค่อย ๆ รู้สึกเข้าใจมากขึ้น เขาคิด “ไม่แปลกใจเลย ลูกไผ่นี่สามารถขโมยชีวิตของคนผู้หนึ่งออกจากเงื้อมมือของความตายได้ บ่งบอกคุณค่ามหาศาลของมัน…”

“เดี๋ยวนะ!”

ด้วยความกังวลนิด ๆ ฟางหยวนมองฮวาหูเตียวและถาม “เจ้าดูจะไม่ได้ใช้พลังอะไรเท่าไหร่เลยวันนี้แล้วยังกินไปลูกหนึ่งแล้ว ทําไมถึงขอเพิ่ม?”

“กิ?”

ฮวาหูเตียวคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกท่าออกทาง ฟางหยวนจึงได้รู้ว่าลูกไผ่นั้นแค่ลดระยะเวลาที่ใช้ในการฟื้นฟูตัวเองของมนุษย์ แต่ว่า เมื่อสัตว์วิญญาณกินเข้าไป โดยเฉพาะพวกนก มันจะช่วยในการเติบโตนอกเหนือไปจากให้ผลการฟื้นฟู ผลก็คือ ไม่น่าแปลกใจที่นกอินทรีดําหางเหล็ก และราชานกหงเอี่ยนปายจึงให้ค่ามันนัก

ฟางหยวนยิ้มจาง ๆ ออกมา เมื่อความคิดหนึ่งเกี่ยวกับอินทรีดําหางเหล็กผุดขึ้นในใจ

ช่วงนี้ในหุบเขาสันโดษ ฟางหยวนนั้นพบซากสัตว์พวกหมูป่าและเสือเข้าบ่อย ๆ รอยแผลของพวกมันดูเหมือนจะเกิดจากสัตว์สักตัวที่มีกรงเล็บแหลมคม พวกนี้น่าจะเป็นคําขอบคุณของอินทรีดําหางเหล็กแล้ว

ในตอนนี้เอง ฟางหยวนคิดเรื่องดี ๆ เรื่องหนึ่งได้

“ฮวาหูเตียว… เอาลูกไผ่นี้ไปและชักจูงให้อินทรีหางเหล็กนั้นมาเป็นพวกเดียวกับเรา ไม่ บอกอินทรีดําหางเหล็กว่าพวกเราจะให้ลูกไผ่กับมันถ้ามันคอยดูและความปลอดภัยในหุบเขานี้ให้เป็นอย่างไร?”

อินทรีดําหางเหล็กมีความแข็งแกร่งอันประเมินมิได้ แม้ว่าจะด้อยกว่าราชานกหงเอี่ยนป่ายไปนิด แต่มันก็ยังได้เปรียบกว่าสัตว์อื่นเพราะว่ามันบินได้

ถ้าหากได้มันมาบินไปรอบ ๆ หุบเขา ใครเลยจะกล้าเข้ามาในระยะสามรอบหุบเขา แม้แต่พรานผู้มีประสบการณ์ก็เถิด

อันที่จริง ฟางหยวนคิดหาวิธีการใช้งานอินทรีดําหางเหล็กมาสักพักแล้ว

หลังจากเข้าใจที่เขาพูดแล้ว ฮวาหูเดียวก็เร่งฝีเท้าเข้าไปในปาพร้อมลูกไผ่สองสามลูก

“แกวก แกวก!”

ไม่นาน พร้อมกับเสียงร้องเสียดหูก้องไปทั่วหุบเขา

ฟางหยวนรีบออกมาและพบซากงูตัวใหญ่ขนาดแขนของผู้ชายกองอยู่บนพื้น บนร่างมีรูหลายรู มีเลือดสด ๆ ไหลออกมา

“เอ๋? งูเหลือมไหมทอง?”

ฟางหยวนก้าวเข้าไปดูใกล้ ๆ ใบหน้าค่อย ๆ ฉายแววยินดีขณะที่คิด “ถึงจะไม่ได้ดึง แต่หนังและกระดูกของงูนี่ก็เป็นส่วนประกอบของยาที่ดีมาก แล้วยังเนื้องู พวกเรามีอาหารพอไปอีกหลายวัน…”

“แกร็ก! แกวก!”

ท่ามกลางลมแรงและเสียงร้องดังลั่น อินทรีดําหางเหล็กพุ่งลงมาจากฟ้า บนหลังของมันมีหัวสีขาวเล็ก ๆ โผล่ออกมาก่อนจะกระโดดลงมาอย่างสง่างามและขยับมาทางฟางหยวน

“พี่อินทรี เจ้าพิจารณาข้อเสนอของข้าแล้วใช่ไหม?”

ฟางหยวนหัวเราะแล้วเอาลูกไผ่สองสามลูกออกมาจากเสื้อคลุม

“แกร๊ก! แก๊ก!”

แม้ว่าลูกไผ่จะดึงความสนใจของอินทรีดําหางเหล็กไว้ แต่มันก็เชิดหน้าขึ้นนิด ๆ คล้ายกับว่าไม่ถูกของขวัญจากฟางหยวนล่อลวงได้ง่าย ๆ หรอกนะ

แต่หลักฐานอยู่ในดวงตาของสัตว์วิญญาณตัวนี้ เห็นได้ชัดเจนว่ามันเอนเอียงไปทางข้อเสนอของฟางหยวน

“กึก กึกึ ฟ่ออ…”

ขณะที่ฮวาหูเตียวทําท่าทําทางอธิบาย ฟางหยวนก็เข้าใจสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจแล้ว “โอ้ พี่อินทรีไม่ต้องการมาเป็นสัตว์วิญญาณของมนุษย์อย่างนั้นใช่ไหม? เจ้าเข้าใจความตั้งใจของข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่เคยคิดจะทําเยี่ยงนั้น ข้าแค่ต้องการจ้างเจ้าเท่านั้นเอง เจ้าช่วยข้าลาดตระเวนและปกป้องพื้นที่ตรงนี้แล้วข้าก็จะจ่ายค่าตอบแทนให้เจ้าด้วยผลไม้วิญญาณ.ถ้านั่นยังไม่พอ ยังมีชาวิญญาณและข้าววิญญาณ…”

ฟางหยวนส่ายหน้าและสั่งให้ฮวาหูเตียวแปลให้อินทรีดําหางเหล็กฟัง

“แกร๊ก! แก๊ก!”

ฮวาหูเตียวและอินทรีดําหางเหล็กสนทนากันผ่านท่าทางและอินทรีดําหางเหล็กก็ยังคงส่ายหัว

“หัวดื้ออะไรอย่างนี้!”

ฟางหยวนเค้นสมองหาวิธี และบอกฮวาหูเตียว “ฮวาหูเตียวบอกอินทรีหางเหล็ก ว่าเราไม่จ้างมันแล้ว พวกเราแค่มอบให้มัน… ผลไม้วิญญาณเป็นของขวัญที่พวกเราเสนอให้ด้วยความนับถือที่มันช่วยปกป้องหุบเขาเอาไว้เป็นอย่างไร?”

 

ฟางหยวนส่ายหน้าแล้วส่งฮวาหูเตียวไปอธิบายคําพูดของเขา

“แกร็ก! แกร็ก”

ตามคาด อินทรีดําหางเหล็กพยักหน้าอย่างภูมิใจในคราวนี้ ดวงตาจับจ้องที่ลูกไผ่ในมือฟางหยวน

“ได้ เอ้า นี่!”

ฟางหยวนโยนผลไม้ขึ้นไปกลางอากาศมองสัตว์วิญญาณพุ่งเข้ามากิน ในใจของเขา ฟางหยวนรู้สึกหมดคําพูด เขาคิด “เจ้าสัตว์ตัวนี้ช่างมีความทระนงอย่างน่าขํา ข้อตกลงที่ข้ามีกับมันตอนนี้มันก็เหมือนที่ข้าเสนอไปตอนแรก โชคดี ที่มันพบกับข้า ถ้าไม่อย่างนั้นมันคงไม่ได้กําไรเช่นนี้”

ผิงถั่ว” คือแอปเปิ้ล

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+