Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1001: กำจัดราชาเสือ (1)

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1001: กำจัดราชาเสือ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1001: กำจัดราชาเสือ (1)

“ข้าขอคารวะสัตว์เทวะที่ยิ่งใหญ่” สัตว์อสูรระดับเจ็ดคุกเข่าลงในร่างมนุษย์ในขณะที่เขาร้องออกมาอย่างตื้นตัน

เจี้ยนเฉินมองผ่านไปที่สัตว์อสูร และสายตาที่เฉยเมยของเขาก็แข็งทื่อ เขาจำสัตว์อสูรนี้ได้ มันคือราชาวานรของวานรวิญญาณที่เขาเจอเมื่อหลายปีที่แล้วที่เทือกเขาครอส ราชาวานรมีทรัพยากรสวรรค์จำนวนมากและสุราร้อยพงไพรที่ล้ำค่ามาก

สัตว์อสูรระดับ 7 บางตัวที่เห็นพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเทพเจ้าของพวกเขาก็ไม่ลังเลเช่นกัน พวกเขาคุกเข่าลงและร้องออกมาดังเหมือนราชาวานร “พวกเราขอคารวะสัตว์เทวะ”

ใบหน้าของสัตว์อสูรที่ค่อนข้างหน้ากลัวเปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากพวกเขาได้เห็นคนหลายคนคุกเข่าลง ในท้านที่สุด พวกเขาก็คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังเช่นกันและก็พูดออกมาดังเหมือนคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เสียงของพวกเขาก็สงบและไม่ได้คิดอะไร

ในพริบตาเดียว สัตว์อสูรทั้งหมดก็รีบเข้ามาจากส่วนลึกของเทือกเขาครอสแล้วคุกเข่าลง พวกเขาดูเหมือนจะมองไปที่พยัคฆ์ปีกเทวะอย่างเดียว โดยที่ไม่สนใจ รัมกุยเนส เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ และเฮยยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เสือขาวเลย

เจี้ยนเฉินมองออกไปไกลทันที ทันนั้นเอง สายตาของเขาก็เป็นประกายเมื่อเขาเห็นจุดของชายวัยกลางคนทที่ดูปราดเปรื่องในชุดขาวบินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เขาดูเหมือนคนธรรมดาโดยที่ไม่มีพลังแห่งการมีอยู่เลยเหมือนเฮยยู่ เขาลบพลังแห่งการมีอยู่ของเขาออกไปเช่นกัน

อย่างไรตาม พลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินนั้นก็ทรงพลังมากว่า เขาสามารถมองทะลุถึงความแข็งแกร่งของชายคนนี้ได้อย่างชัดเจนถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะลบหลังแห่งการมีอยู่ออกไป

“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 ” เจี้ยนเฉินคิด อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้สนใจมาก เพราะจอมยุทธที่อยู่ในระดับนี้ไม่สามารถคุกคามเขาได้เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้

ชายมาถึงตรงหน้าสัตว์อสูรระดับ 7 ทั้งหมด และเขาก็มองไปที่พยัคฆ์ปีกเทวะด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป เขาไม่คุกเข่าลงเหมือนคนอื่นและคำนับแทน เขาพูดออกมาอย่างใจเย็น “ข้าขอคารวะสัตว์เทวะ”

ชายคนนี้ใจเย็นมากกว่าสัตว์อสูรระดับ 7 คนอื่น หลังจากที่เขาคำนับพยัคฆ์ปีกเทวะแล้ว เขาก็มองไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉิน เขาบอกได้ว่าเจี้ยนเฉินและโหยวเยว่นั้นเป็นมนุษย์ แต่เขาก็ยังสงบนิ่ง เขาไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์เลย

ใบหน้าของรัมกุยเนสก็เต็มไปด้วยอารมณ์ต่าง ๆ เมื่อนางเห็นชายผู้นี้ หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย นางก็คำนับไปที่ชายคนนี้แล้วพูด “รัมกุยเนสขอคารวะราชาเปิง”

ความคิดแวบเข้ามาในหัวของเจี้ยนเฉินเมื่อเขาได้ยินรัมกุยเนสเรียกชายคนนี้ “ราชาเปิง ? ตระกูลกิลลิกันมีราชา 2 คน หนึ่งในนั้นคือราชาเสือ ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่าชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเราเป็นราชาคนที่ 2 ของเผ่าอย่างนั้นหรือ?”

ราชาเปิงมองไปที่รัมกุยเนสและรอยยิ้มที่อบอุ่นก็เกิดขึ้นที่ใบหน้าของเขา “รัมกุยเนส ขอต้อนรับการกลับมา เจ้าคงลำบากมากตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้” เขารู้เกี่ยวกับความจริงที่ซ่อนไว้ในตอนที่นางและสามีของนางถูกราชาเสือไล่ล่า เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่สามารถป้องกันหรือหยุดมันเอาไว้ได้ เพราะว่าไคเซอร์จากทวีปสัตว์เทวะเป็นผู้ยุยงอยู่เบื้องหลัง ทั้งหมดที่เขาทำได้คือมองดูสถานการณ์ ในขณะที่พวกเขาทั้งสองต้องตกระกำลำบากเพราะราชาเสือ

“ราชาเปิงมีน้ำใจเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนของตระกูลมานานแล้ว” เสียงของรัมกุยเนสค่อนข้างเย็นชา แม้ว่าราชาเปิงจะไม่ได้มีส่วนในการไล่ล่านางและสามีของนาง แต่นางไม่รู้ว่าราชาเปิงอยู่ฝ่ายไหน ดังนั้น นางจึงระมัดระวังเขามากและนางยังคิดเป็นปรปักษ์อีกด้วย

ราชาเปิงรู้สึกได้จากการที่รัมกุยเนสปฏิบัติกับเขา ถ้ามีผู้อาวุโสมาทำตัวหยาบคายต่อหน้าเขา เขาคงสั่งสอนนางไปแล้ว แต่มันก็แตกต่างไป ในตอนนี้รัมกุยเนสเป็นแม่ของพยัคฆ์ปีกเทวะ ดังนั้นสถานะของนางจึงแตกต่างอย่างมากจากก่อนหน้านี้ แม้ในฐานะราชาของตระกูลกิลลิกัน เขายังจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพและกลัวที่จะไปทำให้นางโกรธ นี่เป็เหตุผลที่ว่าทำไมราชาเปิงถึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ต่อการกระทำของรัมกุยเนส และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้

ทันนั้นเอง พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็ปรากฏขึ้น ชายวัยกลางคนร่างกำยำเปลือยอกก็บินเข้ามาอย่างเร็วด้วยท่าทีคุกคาม ใบหน้าของเขามืดครึ้มในขณะที่ตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เข้มข้นที่เป็นประกายอยู่ด้านใน

สายตาของเจี้ยนเฉินก็แหลมคมเหมือนกระบี่ที่ชักออกมาด้วยเช่นกัน เขาจ้องอย่างเย็นชาไปยังทิศทางของพลังแห่งการมีอยู่นั้น และจิตสังหารที่หนักหน่วงก็ปรากฏอยู่ในตาของเขาเช่นกัน เขาไม่ปิดบังมัน แม้ว่าจะอยู่ไกล แต่เขาก็บอกได้เพียงมองปราดเดียวว่านั่นคือราชาเสือ คนผู้นี้ออกมาจากเทือกเขาครอสกลายปีก่อนเพื่อมาไล่ล่าเสี่ยวไป๋และเกือบจะเอาชีวิตของเขาไปได้

ในพริบตาเดียว ราชาเสือก็มาถึงตรงหน้าทุกคนและยืนอยู่ข้างข้างราชาเปิง เขายืนห่างจากกลุ่มของเจี้ยนเฉิน 50 เมตร

ความเกลียดพุ่งพวยอยู่ในแววตาของรัมกุยเนสทันทีที่นางเห็นราชาเสือ นางขบฟันแล้วพูดออกมา “ราชาเสือ เจ้าอาจจะไม่คิดว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่ วันนี้ ลูกของข้าและข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเองและฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ เพื่อล้างแค้นให้กับสามีของข้า” เสียงของนางเต็มไปด้วยอารมณ์

ราชาเสือไม่สนใจรัมกุยเนสและจ้องอย่างมืดมนไปที่เสือขาว สายตาของเขาเป็นประกายแล้วเขาก็คิด “การเติบโตของพยัคฆ์ปีกเทวะช่างน่ากลัวจริง ๆ ข้ามันคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมาถึงระดับ 7 ด้วยระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้หลังจากที่มันถือกำเนิดขึ้นมา ถ้าให้เวลามันอีกสักหน่อย การกลายเป็นระดับ 8 คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับมัน แต่มันก็ทำอะไรข้าไม่ได้จนกว่ามันจะเป็นระดับ 8 จริง ๆ “

หลังจากนั้น ราชาเสือก็มองผ่านไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉิน เขาไม่สนใจโหยวเยว่ แต่เมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินและเฮยยู่ ตาของเขาก็หรี่เล็กลงมาก เขาไม่สามารถมองผ่านความแข็งแกร่งของทั้งสองได้

พลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินถูกปิดบังเอาไว้โดยวัตถุเซียน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองผ่านถึงความแข็งแกร่งของเขาด้วยความสามารถของราชาเสือในตอนนี้ เฮยยู่ซึ่งเป็นเซียนราชาในขั้นสูงสุด เขายิ่งยอดเยี่ยมไปกว่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 เสียอีก ถ้าเขาลบพลังแห่งการมีอยู่ของเขา ราชาเสือก็คงไม่สามารถเห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เลย

“เจี้ยนเฉินเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 ในครั้งล่าสุดที่ข้าพบเขา ไม่ว่าพรสวรรค์เขาจะสุดยอดเพียงใด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดที่ข้าไม่สามารถเห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาได้ในเวลาอันสั้นไม่กี่ปีนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่ที่ด้านหลัง ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงไม่ใช่ใครที่สำคัญ ดูเหมือนพวกเขาจะซ่อนพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาโดยใช้วิธีพิเศษ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร หืม พวกเขาแค่จะหลอกเรา” ราชาเสือคิด เขาผ่อนคลายลงทันที ก่อนที่จะมองไปที่รัมกุยเนสและเสือขาวอีกครั้ง สายตาของเขาเป็นประกาย

เจี้ยนเฉินหยียดออกมา “ราชาเสือ เจ้าอาจจะไม่คิดว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเร็วขนาดนี้ ครั้งที่แล้ว เจ้าออกมาจากเทือกเขาครอสและไปตามหาข้าถึงทวีปเทียนหยวน แต่ในครั้งนี้ ข้ามาหาเจ้าเองในส่วนลึกของเทือกเขาครอส เจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสครั้งที่แล้วและเกือบจะฆ่าข้าตาย นี่เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ข้าจะล้างแค้นวันนี้”

ผู้อาวุโสของตระกูลกิลลิกันมองไปที่ราชาเสือหลังจากที่พวกเขาได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดประหลาดใจ ตระกูลกิลลิกันมีข้อตกลงกับมนุษย์ไว้ว่า สัตว์อสูรที่เหนือกว่าระดับ 7 จะไม่สามารถออกไปจากเทือกเขาครอสได้ ไม่เช่นนั้นจอมยุทธมนุษย์จะสังหารคนผู้นั้นอย่างไม่ปราณี

แม้ว่าตระกูลกิลลิกันจะมีกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเทือกเขาครอส แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาก็เทียบเท่ากับตระกูลโบราณของมนุษย์เท่านั้น พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อกรของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดแม้แต่น้อย เหตุลเดียวที่พวกเขามีอาณาเขตแห่งนี้เพราะว่าทวีปสัตว์เทวะคอยหนุนหลังพวกเขาอยู่ ดังนั้นอาณาเขตด้านนอกเทือกเขาครอสจึงเป็นเขตต้องห้ามที่ผู้อาวุโสของเผ่าจะไม่ออกไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คิดเลยว่าราชาเสือจะออกไปและเข้าไปในทวีปเทียนหยวนโดยไม่สนใจปัญหาที่จะตามมา พวกเขาพบว่านี่มันเหลือเชื่อจริงจริง

ราชาเสือโกรธเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเจี้ยนเฉินเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะช่วยพยัคฆ์ปีกเทวะไว้ พยัคฆ์ปีกเทวะก็คงจะเสร็จเขาไปนานแล้ว สุดยอดจอมยุทธของมนุษย์ก็คงไม่รู้ตัว และเขาก็คงไม่ต้องใช้ทักษะลับเพื่อที่จะหนี ซึ่งทำให้ระดับการฝึกฝนของเขาลดลงจากชั้นสวรรค์ที่ 2 จนเหลือชั้นสวรรค์ที่ 1 เขายังคงอยู่ในการพักฟื้นจนถึงทุกวันนี้

“หืม เจ้ากล้าที่จะพูดแบบนั้นด้วยความสามารถอันมีอยู่อย่างจำกัดของเจ้าอย่างนั้นหรือ ? ช่างอวดดีเสียจริง เจ้ามายุ่งกับเรื่องที่ข้ากำลังจะจัดการครั้งที่แล้ว เจ้าโชคดีที่อยู่มาได้นานขึ้นอีกนิด แต่เมื่อเจ้าเข้าในเทือกเขาครอสของข้าในวันนี้ อย่าคิดว่าเจ้าจะออกไปได้แบบมีชีวิตอยู่เลย” ราชาเสือพูดพร้อมกัดฟัน เขาโทษเจี้ยนเฉินในทุก ๆ สิ่ง ดังนั้นเขาจึงเกลียดเจี้ยนเฉินมาก

“ราชาเสือ ทำไมเจ้าไม่เข้ามาลองล่ะว่าทำไมข้าถึงได้มั่นใจนัก ? ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะห้ามไม่ให้ข้าออกไปจากเทือกเขาครอสได้ยังไง” เจี้ยนเฉินเหยียด จิตสังหารระเบิดอยู่ในตาของเขา

“เจ้าหนูจอมโอหัง ข้าจะจัดการเจ้าหลังจากที่ข้าจัดการกับครอบครัวของข้าแล้ว” ราชาเสือพูดด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม จากนั้นเขาก็มองไปที่รัมกุยเนสและพูดอย่างเย็นชา “รัมกุยเนส เจ้าร่วมมือกับมนุษย์จริง ๆ ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลกิลลิกัน ความผิดของเจ้าไม่สามารถยกโทษให้ได้และเจ้าจะต้องตายอยู่ตรงนี้” ราชาเสือปรากฏขึ้นถัดจากรัมกุยเนสทันทีที่เขาพูดจบ พลังงานจำนวนมากควบอยู่ที่ฝ่ามือของเขาและเขาก็โจมตีออกไป

ฝ่ามือไม่ได้เล็งเป้าไปที่รัมกุยเนส แต่เป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่อยู่ข้าง ๆ นาง

ตาของราชาเป็งหรี่เล็กลง และเขาก็ลอบถอนใจ เขาไม่ได้คิดที่จะเข้าไปยุ่ง เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเพราะว่าเรื่องที่เชื่อมโยงกับเรื่องนี้นั้นสำคัญเกินไป มันจะไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเขากับราชาเสือ มันจะเป็นการเอาเรื่องทวีปสัตว์เทวะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1001: กำจัดราชาเสือ (1)

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1001: กำจัดราชาเสือ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1001: กำจัดราชาเสือ (1)

“ข้าขอคารวะสัตว์เทวะที่ยิ่งใหญ่” สัตว์อสูรระดับเจ็ดคุกเข่าลงในร่างมนุษย์ในขณะที่เขาร้องออกมาอย่างตื้นตัน

เจี้ยนเฉินมองผ่านไปที่สัตว์อสูร และสายตาที่เฉยเมยของเขาก็แข็งทื่อ เขาจำสัตว์อสูรนี้ได้ มันคือราชาวานรของวานรวิญญาณที่เขาเจอเมื่อหลายปีที่แล้วที่เทือกเขาครอส ราชาวานรมีทรัพยากรสวรรค์จำนวนมากและสุราร้อยพงไพรที่ล้ำค่ามาก

สัตว์อสูรระดับ 7 บางตัวที่เห็นพยัคฆ์ปีกเทวะเป็นเทพเจ้าของพวกเขาก็ไม่ลังเลเช่นกัน พวกเขาคุกเข่าลงและร้องออกมาดังเหมือนราชาวานร “พวกเราขอคารวะสัตว์เทวะ”

ใบหน้าของสัตว์อสูรที่ค่อนข้างหน้ากลัวเปลี่ยนไปอีกครั้งหลังจากพวกเขาได้เห็นคนหลายคนคุกเข่าลง ในท้านที่สุด พวกเขาก็คุกเข่าลงอย่างเชื่อฟังเช่นกันและก็พูดออกมาดังเหมือนคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เสียงของพวกเขาก็สงบและไม่ได้คิดอะไร

ในพริบตาเดียว สัตว์อสูรทั้งหมดก็รีบเข้ามาจากส่วนลึกของเทือกเขาครอสแล้วคุกเข่าลง พวกเขาดูเหมือนจะมองไปที่พยัคฆ์ปีกเทวะอย่างเดียว โดยที่ไม่สนใจ รัมกุยเนส เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ และเฮยยู่ที่อยู่ข้าง ๆ เสือขาวเลย

เจี้ยนเฉินมองออกไปไกลทันที ทันนั้นเอง สายตาของเขาก็เป็นประกายเมื่อเขาเห็นจุดของชายวัยกลางคนทที่ดูปราดเปรื่องในชุดขาวบินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เขาดูเหมือนคนธรรมดาโดยที่ไม่มีพลังแห่งการมีอยู่เลยเหมือนเฮยยู่ เขาลบพลังแห่งการมีอยู่ของเขาออกไปเช่นกัน

อย่างไรตาม พลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินนั้นก็ทรงพลังมากว่า เขาสามารถมองทะลุถึงความแข็งแกร่งของชายคนนี้ได้อย่างชัดเจนถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะลบหลังแห่งการมีอยู่ออกไป

“เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 2 ” เจี้ยนเฉินคิด อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้สนใจมาก เพราะจอมยุทธที่อยู่ในระดับนี้ไม่สามารถคุกคามเขาได้เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้

ชายมาถึงตรงหน้าสัตว์อสูรระดับ 7 ทั้งหมด และเขาก็มองไปที่พยัคฆ์ปีกเทวะด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป เขาไม่คุกเข่าลงเหมือนคนอื่นและคำนับแทน เขาพูดออกมาอย่างใจเย็น “ข้าขอคารวะสัตว์เทวะ”

ชายคนนี้ใจเย็นมากกว่าสัตว์อสูรระดับ 7 คนอื่น หลังจากที่เขาคำนับพยัคฆ์ปีกเทวะแล้ว เขาก็มองไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉิน เขาบอกได้ว่าเจี้ยนเฉินและโหยวเยว่นั้นเป็นมนุษย์ แต่เขาก็ยังสงบนิ่ง เขาไม่ได้แสดงความเป็นปรปักษ์เลย

ใบหน้าของรัมกุยเนสก็เต็มไปด้วยอารมณ์ต่าง ๆ เมื่อนางเห็นชายผู้นี้ หลังจากที่ลังเลเล็กน้อย นางก็คำนับไปที่ชายคนนี้แล้วพูด “รัมกุยเนสขอคารวะราชาเปิง”

ความคิดแวบเข้ามาในหัวของเจี้ยนเฉินเมื่อเขาได้ยินรัมกุยเนสเรียกชายคนนี้ “ราชาเปิง ? ตระกูลกิลลิกันมีราชา 2 คน หนึ่งในนั้นคือราชาเสือ ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่าชายที่อยู่ตรงหน้าพวกเราเป็นราชาคนที่ 2 ของเผ่าอย่างนั้นหรือ?”

ราชาเปิงมองไปที่รัมกุยเนสและรอยยิ้มที่อบอุ่นก็เกิดขึ้นที่ใบหน้าของเขา “รัมกุยเนส ขอต้อนรับการกลับมา เจ้าคงลำบากมากตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้” เขารู้เกี่ยวกับความจริงที่ซ่อนไว้ในตอนที่นางและสามีของนางถูกราชาเสือไล่ล่า เว้นเสียแต่ว่าเขาไม่สามารถป้องกันหรือหยุดมันเอาไว้ได้ เพราะว่าไคเซอร์จากทวีปสัตว์เทวะเป็นผู้ยุยงอยู่เบื้องหลัง ทั้งหมดที่เขาทำได้คือมองดูสถานการณ์ ในขณะที่พวกเขาทั้งสองต้องตกระกำลำบากเพราะราชาเสือ

“ราชาเปิงมีน้ำใจเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นคนของตระกูลมานานแล้ว” เสียงของรัมกุยเนสค่อนข้างเย็นชา แม้ว่าราชาเปิงจะไม่ได้มีส่วนในการไล่ล่านางและสามีของนาง แต่นางไม่รู้ว่าราชาเปิงอยู่ฝ่ายไหน ดังนั้น นางจึงระมัดระวังเขามากและนางยังคิดเป็นปรปักษ์อีกด้วย

ราชาเปิงรู้สึกได้จากการที่รัมกุยเนสปฏิบัติกับเขา ถ้ามีผู้อาวุโสมาทำตัวหยาบคายต่อหน้าเขา เขาคงสั่งสอนนางไปแล้ว แต่มันก็แตกต่างไป ในตอนนี้รัมกุยเนสเป็นแม่ของพยัคฆ์ปีกเทวะ ดังนั้นสถานะของนางจึงแตกต่างอย่างมากจากก่อนหน้านี้ แม้ในฐานะราชาของตระกูลกิลลิกัน เขายังจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพและกลัวที่จะไปทำให้นางโกรธ นี่เป็เหตุผลที่ว่าทำไมราชาเปิงถึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ต่อการกระทำของรัมกุยเนส และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านี้

ทันนั้นเอง พลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาลก็ปรากฏขึ้น ชายวัยกลางคนร่างกำยำเปลือยอกก็บินเข้ามาอย่างเร็วด้วยท่าทีคุกคาม ใบหน้าของเขามืดครึ้มในขณะที่ตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เข้มข้นที่เป็นประกายอยู่ด้านใน

สายตาของเจี้ยนเฉินก็แหลมคมเหมือนกระบี่ที่ชักออกมาด้วยเช่นกัน เขาจ้องอย่างเย็นชาไปยังทิศทางของพลังแห่งการมีอยู่นั้น และจิตสังหารที่หนักหน่วงก็ปรากฏอยู่ในตาของเขาเช่นกัน เขาไม่ปิดบังมัน แม้ว่าจะอยู่ไกล แต่เขาก็บอกได้เพียงมองปราดเดียวว่านั่นคือราชาเสือ คนผู้นี้ออกมาจากเทือกเขาครอสกลายปีก่อนเพื่อมาไล่ล่าเสี่ยวไป๋และเกือบจะเอาชีวิตของเขาไปได้

ในพริบตาเดียว ราชาเสือก็มาถึงตรงหน้าทุกคนและยืนอยู่ข้างข้างราชาเปิง เขายืนห่างจากกลุ่มของเจี้ยนเฉิน 50 เมตร

ความเกลียดพุ่งพวยอยู่ในแววตาของรัมกุยเนสทันทีที่นางเห็นราชาเสือ นางขบฟันแล้วพูดออกมา “ราชาเสือ เจ้าอาจจะไม่คิดว่าข้าจะยังมีชีวิตอยู่ วันนี้ ลูกของข้าและข้าจะฆ่าเจ้าด้วยตัวเองและฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ เพื่อล้างแค้นให้กับสามีของข้า” เสียงของนางเต็มไปด้วยอารมณ์

ราชาเสือไม่สนใจรัมกุยเนสและจ้องอย่างมืดมนไปที่เสือขาว สายตาของเขาเป็นประกายแล้วเขาก็คิด “การเติบโตของพยัคฆ์ปีกเทวะช่างน่ากลัวจริง ๆ ข้ามันคิดมาก่อนเลยว่ามันจะมาถึงระดับ 7 ด้วยระยะเวลาอันสั้นขนาดนี้หลังจากที่มันถือกำเนิดขึ้นมา ถ้าให้เวลามันอีกสักหน่อย การกลายเป็นระดับ 8 คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับมัน แต่มันก็ทำอะไรข้าไม่ได้จนกว่ามันจะเป็นระดับ 8 จริง ๆ “

หลังจากนั้น ราชาเสือก็มองผ่านไปที่กลุ่มของเจี้ยนเฉิน เขาไม่สนใจโหยวเยว่ แต่เมื่อเขาเห็นเจี้ยนเฉินและเฮยยู่ ตาของเขาก็หรี่เล็กลงมาก เขาไม่สามารถมองผ่านความแข็งแกร่งของทั้งสองได้

พลังแห่งการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินถูกปิดบังเอาไว้โดยวัตถุเซียน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมองผ่านถึงความแข็งแกร่งของเขาด้วยความสามารถของราชาเสือในตอนนี้ เฮยยู่ซึ่งเป็นเซียนราชาในขั้นสูงสุด เขายิ่งยอดเยี่ยมไปกว่าเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 เสียอีก ถ้าเขาลบพลังแห่งการมีอยู่ของเขา ราชาเสือก็คงไม่สามารถเห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เลย

“เจี้ยนเฉินเป็นแค่เซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 ในครั้งล่าสุดที่ข้าพบเขา ไม่ว่าพรสวรรค์เขาจะสุดยอดเพียงใด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะแข็งแกร่งถึงขนาดที่ข้าไม่สามารถเห็นถึงความแข็งแกร่งของเขาได้ในเวลาอันสั้นไม่กี่ปีนี้ ทั้งสองคนยืนอยู่ที่ด้านหลัง ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาคงไม่ใช่ใครที่สำคัญ ดูเหมือนพวกเขาจะซ่อนพลังแห่งการมีอยู่ของพวกเขาโดยใช้วิธีพิเศษ แต่พวกเขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไร หืม พวกเขาแค่จะหลอกเรา” ราชาเสือคิด เขาผ่อนคลายลงทันที ก่อนที่จะมองไปที่รัมกุยเนสและเสือขาวอีกครั้ง สายตาของเขาเป็นประกาย

เจี้ยนเฉินหยียดออกมา “ราชาเสือ เจ้าอาจจะไม่คิดว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเร็วขนาดนี้ ครั้งที่แล้ว เจ้าออกมาจากเทือกเขาครอสและไปตามหาข้าถึงทวีปเทียนหยวน แต่ในครั้งนี้ ข้ามาหาเจ้าเองในส่วนลึกของเทือกเขาครอส เจ้าทำให้ข้าบาดเจ็บสาหัสครั้งที่แล้วและเกือบจะฆ่าข้าตาย นี่เป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ข้าจะล้างแค้นวันนี้”

ผู้อาวุโสของตระกูลกิลลิกันมองไปที่ราชาเสือหลังจากที่พวกเขาได้ยินเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดประหลาดใจ ตระกูลกิลลิกันมีข้อตกลงกับมนุษย์ไว้ว่า สัตว์อสูรที่เหนือกว่าระดับ 7 จะไม่สามารถออกไปจากเทือกเขาครอสได้ ไม่เช่นนั้นจอมยุทธมนุษย์จะสังหารคนผู้นั้นอย่างไม่ปราณี

แม้ว่าตระกูลกิลลิกันจะมีกำลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเทือกเขาครอส แต่ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขาก็เทียบเท่ากับตระกูลโบราณของมนุษย์เท่านั้น พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อกรของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหมดแม้แต่น้อย เหตุลเดียวที่พวกเขามีอาณาเขตแห่งนี้เพราะว่าทวีปสัตว์เทวะคอยหนุนหลังพวกเขาอยู่ ดังนั้นอาณาเขตด้านนอกเทือกเขาครอสจึงเป็นเขตต้องห้ามที่ผู้อาวุโสของเผ่าจะไม่ออกไป อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่คิดเลยว่าราชาเสือจะออกไปและเข้าไปในทวีปเทียนหยวนโดยไม่สนใจปัญหาที่จะตามมา พวกเขาพบว่านี่มันเหลือเชื่อจริงจริง

ราชาเสือโกรธเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะเจี้ยนเฉินเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะช่วยพยัคฆ์ปีกเทวะไว้ พยัคฆ์ปีกเทวะก็คงจะเสร็จเขาไปนานแล้ว สุดยอดจอมยุทธของมนุษย์ก็คงไม่รู้ตัว และเขาก็คงไม่ต้องใช้ทักษะลับเพื่อที่จะหนี ซึ่งทำให้ระดับการฝึกฝนของเขาลดลงจากชั้นสวรรค์ที่ 2 จนเหลือชั้นสวรรค์ที่ 1 เขายังคงอยู่ในการพักฟื้นจนถึงทุกวันนี้

“หืม เจ้ากล้าที่จะพูดแบบนั้นด้วยความสามารถอันมีอยู่อย่างจำกัดของเจ้าอย่างนั้นหรือ ? ช่างอวดดีเสียจริง เจ้ามายุ่งกับเรื่องที่ข้ากำลังจะจัดการครั้งที่แล้ว เจ้าโชคดีที่อยู่มาได้นานขึ้นอีกนิด แต่เมื่อเจ้าเข้าในเทือกเขาครอสของข้าในวันนี้ อย่าคิดว่าเจ้าจะออกไปได้แบบมีชีวิตอยู่เลย” ราชาเสือพูดพร้อมกัดฟัน เขาโทษเจี้ยนเฉินในทุก ๆ สิ่ง ดังนั้นเขาจึงเกลียดเจี้ยนเฉินมาก

“ราชาเสือ ทำไมเจ้าไม่เข้ามาลองล่ะว่าทำไมข้าถึงได้มั่นใจนัก ? ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะห้ามไม่ให้ข้าออกไปจากเทือกเขาครอสได้ยังไง” เจี้ยนเฉินเหยียด จิตสังหารระเบิดอยู่ในตาของเขา

“เจ้าหนูจอมโอหัง ข้าจะจัดการเจ้าหลังจากที่ข้าจัดการกับครอบครัวของข้าแล้ว” ราชาเสือพูดด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม จากนั้นเขาก็มองไปที่รัมกุยเนสและพูดอย่างเย็นชา “รัมกุยเนส เจ้าร่วมมือกับมนุษย์จริง ๆ ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสของตระกูลกิลลิกัน ความผิดของเจ้าไม่สามารถยกโทษให้ได้และเจ้าจะต้องตายอยู่ตรงนี้” ราชาเสือปรากฏขึ้นถัดจากรัมกุยเนสทันทีที่เขาพูดจบ พลังงานจำนวนมากควบอยู่ที่ฝ่ามือของเขาและเขาก็โจมตีออกไป

ฝ่ามือไม่ได้เล็งเป้าไปที่รัมกุยเนส แต่เป็นพยัคฆ์ปีกเทวะที่อยู่ข้าง ๆ นาง

ตาของราชาเป็งหรี่เล็กลง และเขาก็ลอบถอนใจ เขาไม่ได้คิดที่จะเข้าไปยุ่ง เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่งเพราะว่าเรื่องที่เชื่อมโยงกับเรื่องนี้นั้นสำคัญเกินไป มันจะไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเขากับราชาเสือ มันจะเป็นการเอาเรื่องทวีปสัตว์เทวะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+