Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1040: โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1040: โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1040: โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม

ในขณะที่น้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดาดฟ้าที่เจี้ยนเฉินอยู่ก็เริ่มโคลงเคลงอย่างรุนแรง

เหตุการณ์ที่เกิดกะทันหันนี้ทำให้เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ตกใจ พวกเขาหยุดดื่มทันที ใบหน้าของกวานหยูไค่บิดเบี้ยว และเขาก็สร่างเมาทันที

เรือเริ่มที่จะโคลงแรงมากขึ้นมากขึ้น ซึ่งทำให้มันยากที่จะทรงตัวอยู่ได้ โต๊ะที่อยู่บนดาดฟ้าก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วย ในขณะที่มีจานแตกเกลื่อนกลาดอยู่บนดาดฟ้า

“เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมจู่ ๆ เรือถึงได้โคลงเคลงแรงขนาดนี้ ? เรือกำลังจะล่มหรือ ? ” กวานหยูไค่ตะโกนออกมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้สับสน

หยางหลิงตื่นตัวขึ้นทันที และความมึนเมาของเขาก็หายไปเช่นกัน ตาของเขาลุกโชนในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ และเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ

โหยวเยว่กอดแขนของเจี้ยนเฉินเอาไว้ แต่นางก็ดูสงบใจ มันเหมือนว่ายังไงนางก็คงปลอดภัยแม้แต่ท้องฟ้าจะถล่มทลายลงมา ตราบใดที่นางยังอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินวางจอกสุราลงช้า ๆ ในขณะที่ยืนอยู่เฉย ๆ ที่ดาดฟ้า เขาขยายพลังแห่งการมีอยู่ของเขาออกไปซึ่งมันก็ขยายไปถึงพื้นน้ำอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ตกใจขึ้นมาทันที ความเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาพูดกับกวานหยูไค่และหยางหลิง “ไปจากเรือและไปติดต่อกลาสีเรือ บอกให้พวกเขาเทียบท่าเดี๋ยวนี้” หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็บินขึ้นไปที่ท้องฟ้าพร้อมกับโหยวเยว่เหนือพื้นร้อยเมตร

แม้ว่ากวานหยูไค่และหยางหลิงจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันเลย แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องทำตามเจี้ยนเฉิน ทั้งสองไปที่ใต้ดาดฟ้าทันทีเพื่อที่จะไปติดต่อกับกลาสี จากนั้นพวกเขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วออกจากเรือไป

เฮยยู่และหงเหลียนก็ไปที่กลางอากาศและไปหยุดอยู่เหนืออากาศร้อยเมตรที่ด้านหลังของเรือ พวกเขารวมตัวกันอยู่กับเจี้ยนเฉินและมองลงไปที่ผิวของแม่น้ำ

ระดับน้ำของแม่น้ำน้ำหอมสูงขึ้นเรื่อย ๆ มันไหลไปที่ฝั่งและกระจายออกไปไกล ในตอนนี้เอง ระดับน้ำทำให้ผู้คนที่อยู่ทั้งสองฝั่นน้ำแตกตื่น คนที่แข็งแกร่งบางคนเริ่มที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ พวกเขา

เรือที่อยู่กลางแม่น้ำก็เริ่มที่จะล่มและจมไปทีละลำ กลาสีของเรือกระโจนออกมา พวกเขากำลังว่ายน้ำไปที่ฝั่งด้วยความสับสนและความแตกตื่น

ซ่า ! ทันใดนั้นเอง น้ำก็ระเบิดออกมา ซึ่งทำให้เกิดคลื่นใหญ่กว้างเป็นพันเมตร ทันใดนั้นเอง โถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเงินก็ค่อย ๆ โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ในขณะที่มันเป็นประกายกับแสงไฟ มันก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งน้ำที่พุ่งออกมาจากมัน

“นี่มันคืออะไรกัน ? ” กวานหยูไค่นิ่งอึ้ง เขาจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเงินที่พุ่งขึ้นไปในอากาศ ความตกใจปรากฏอยู่ที่ใบหน้าของเขา หยางหลิงที่ลอยอยู่ข้าง ๆ เขาก็ตาโตด้วย พวกเขาไม่รู้จักโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความรู้ของพวกเขาในตอนนี้

โถงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นไปที่อากาศในขณะที่มันเปล่งแสงสีเงินสลัวสลัวออกมา ความศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายไปทั่วโถง เหมือนว่ามันทำให้คืนที่มืดมิดสว่างจนเหมือนเวลากลางวัน

ฝั่งที่เคยมีเสียงดังก็เงียบลงทันที ทุกคนจ้องตาค้างไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเปล่งแสงในขณะที่มันลอยอยู่ในท้องฟ้า ไม่มีใครสนใจระดับน้ำที่จู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นอีกต่อไป

โถงศักดิ์สิทธิ์ยาวพันเมตรและสูงหลายร้อยเมตร งานฝีมือนั้นประณีตและสมบูรณ์แบบมาก มันดูเหมือนงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ โถงศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นไปสูงสิบกิโลเมตรก่อนที่จะหยุด มันเปล่งรัศมีไปด้วยแรงกดดันที่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง พลังงานของโลกทั้งหมดอ่อนน้อมต่อหน้ามัน

นี่ทำให้หัวหน้าตระกูลทั้งแปด จอมยุทธของตระกูลซาร์ และคนจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงตื่นตระหนก เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นโถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือที่ลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาก็สนใจขึ้นมาทันที พวกเขาไม่ลังเล และพุ่งไปในอากาศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์

ในเวลาเดียวกัน จอมยุทธหลายคนจากหลายที่ของทวีปก็สัมผัสได้ถึงโถงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดหยุดฝึกฝนและเดินทางมาที่เมืองแห่งเทพเจ้า

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีโถงศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ก้นแม่น้ำน้ำหอม นี่มันเหลือเชื่อ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กลางอากาศ หลังจากนั้น เขาก็พุ่งไปที่มันพร้อมกับโหยวเยว่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา ในขณะที่เฮยยู่และหงเหลียนก็ตามเขาไปใกล้ ๆ

กวานหยูไค่จ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสนใจ ในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างประหลาดใจ “ดูเหมือนมันจะจริงที่ไม่มีอะไรที่จะแปลกเกินไปได้ ข้าไม่คิดว่าบ้านจะบินได้และยังบินสูงขนาดนี้ นี่มันเป็นการเปิดหูเปิดตาข้าในวันนี้จริงจริง หยางหลิง พวกเราไปดูที่นั่นกันเถอะ” กวานหยูไค่และหยางหลิงก็ไม่รอช้า และพวกเขาก็ตามเจี้ยนเฉินขึ้นไปในท้องฟ้า

มีเซียนสวรรค์อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำอยู่บ้าง เช่นนั้น พวกเขาจึงพุ่งขึ้นไปในอากาศทันทีที่กวานหยูไค่และหยางหลิงตามเจี้ยนเฉินไป พวกเขาใช้พลังของโลกเพื่อที่จะยกตัวเองขึ้นและทำให้เกิดแสงหลากสีที่เป็นประกายในท้องฟ้าขึ้น มันน่าดูมาก

เจี้ยนเฉินมาถึงที่ความสูงระดับเดียวกับโถงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับโหยวเยว่ ทั้งสองจ้องเขม็งไปที่มัน คำสี่คำ “โถง ศักดิ์สิทธิ์ จันทร์ แจ่ม” แขวนอยู่ที่ป้ายใหญ่ที่ทางเข้าหลัก

การปรากฏขึ้นมาของโถงศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดความโกลาหลใหญ่หลวง ร่างจำนวนมากมาถึงที่รอบ ๆ และเซียนผู้คุมกฎก็มาถึงที่ทางเข้าหลัก มีเซียนผู้คุมกฎบางคนจากสมาคมและตระกูลซาร์ข้าง ๆ หัวหน้าตระกูลทั้งแปด ใบหน้าของเซียนผู้คุมกฎทั้งหมดจากตระกูลทั้งแปดซีดและเหนื่อยล้า พวกเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากการที่เขาลงโทษตัวเองก่อนหน้าในวันนี้

“โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มจริง ๆ ” เสียงร้องดังออกมาจากใกล้ ๆ ชายชราที่อยู่ในชุดธรรมดาจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งส่องสว่างในขณะที่คนทั้งหมดจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็รวมตัวอยู่ด้านหลังเขา ไม่แปลกใจเลยที่ท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดก็อยู่ในนั้นด้วย

ในตอนที่เจี้ยนเฉินเห็นชายชราคนนี้ ตาของเขาก็แข็งทื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชายชราที่กำลังทำความสะอาดเครื่องเรือนอยู่ เจี้ยนเฉินพบชายคนนี้ครั้งแรกที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสง

ในตอนนั้น ชายชรายังคงเป็นจอมยุทธที่ลึกลับที่เจี้ยนเฉินมองไม่ทะลุ แต่ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินสามารถเห็นถึงความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้ได้อย่างชัดเจน เขาเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ที่เพิ่งตัดผ่านมาได้

ท่านประธานถอนหายใจยาวแล้วพูดออกมา “มันบันทึกไว้ว่าเมื่อห้าหมื่นปีก่อน นางฟ้าเฮายู่เป็นคนที่งดงามที่สุดในโลก นางมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเปรียบ นางใช้เวลาเพียง 2,000 ปีเท่านั้นในการไปอยู่ที่ระดับสูงสุดของเซียนจักรพรรดิ และห่างอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่จะก้าวข้ามเซียนจักรพรรดิไปได้ นางติดอยู่ในระดับนี้และข้ามพ้นไปไม่ได้กว่าเจ็ดพันปี ในท้ายที่สุด นางก็สิ้นอายุขัยและตายไประหว่างทำสมาธิอย่างน่าเสียดาย”

“ว่ากันว่าวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่นั้นมหัศจรรย์มาก มันใช้แสงจันทร์ในการฝึกฝน เมื่อฝึกฝนในตอนกลางคืน กระบวนการทั้งหมดคือการดูดซับ มันเป็นวิธีการฝึกฝนที่เหนือกว่าระดับเซียน และใครก็ตามที่ใช้มันในการฝึกฝนจะพัฒนาไปด้วยอัตราเร็วที่เหลือเชื่อ” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเพิ่มเติม

“มันกล่าวไว้ในบันทึก แต่น่าเสียดายที่มีเฉพาะผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถใช้วิธีการฝึกฝนนี้ได้” ท่านประธานกล่าว

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ตาของเจี้ยนเฉินก็เบิกกว้างทันที

ในตอนนี้เอง มิติรอบ ๆ ก็เริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง ประตูมิติปรากฏขึ้นทีละอันละอันในขณะที่เซียนราชาก็ก้าวออกมาพร้อมด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์อย่างควบคุมไม่ได้

เจี้ยนเฉินกวาดตามองเซียนราชาทั้งหมด และเขาก็เห็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ นี่รวมถึงจอมยุทธจากอารามจิตพิสุทธิ์และจอมยุทธ 1 คนจากตระกูลเจียงหยางด้วย อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ไม่รู้จักชื่อของจอมยุทธของตระกูลเจียงหยาง แม้ว่าเขาจะเคยพบกับคนผู้นี้มาก่อน

“ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มของนางฟ้าเฮายู่ที่โด่งดังที่มีมาตั้งแต่ห้าหมื่นปีก่อน ว่ากันว่าโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกสร้างมากจากผลึกมหัศจรรย์ที่มาจากดวงจันทร์ และนางฟ้าก็ใช้เวลาเป็นพันปีเพื่อที่จะเดินทางไปมาเพื่อไปเก็บผลึกนั้นมา ไม่เพียงแต่โถงศักดิ์สิทธิ์นี้จะแข็งแรงมากเท่านั้น แต่มันยังมีพลังแสงจันทร์อีกด้วย” จอมยุทธที่มีความรู้จากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบพูดออกมาในขณะที่พวกเขาประหลาดใจในความมหัศจรรย์ของมัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1040: โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1040: โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1040: โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม

ในขณะที่น้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ดาดฟ้าที่เจี้ยนเฉินอยู่ก็เริ่มโคลงเคลงอย่างรุนแรง

เหตุการณ์ที่เกิดกะทันหันนี้ทำให้เจี้ยนเฉินและคนอื่น ๆ ตกใจ พวกเขาหยุดดื่มทันที ใบหน้าของกวานหยูไค่บิดเบี้ยว และเขาก็สร่างเมาทันที

เรือเริ่มที่จะโคลงแรงมากขึ้นมากขึ้น ซึ่งทำให้มันยากที่จะทรงตัวอยู่ได้ โต๊ะที่อยู่บนดาดฟ้าก็เริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรงด้วย ในขณะที่มีจานแตกเกลื่อนกลาดอยู่บนดาดฟ้า

“เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมจู่ ๆ เรือถึงได้โคลงเคลงแรงขนาดนี้ ? เรือกำลังจะล่มหรือ ? ” กวานหยูไค่ตะโกนออกมา เขามองไปรอบ ๆ อย่างสนใจ สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้สับสน

หยางหลิงตื่นตัวขึ้นทันที และความมึนเมาของเขาก็หายไปเช่นกัน ตาของเขาลุกโชนในขณะที่เขามองไปรอบ ๆ และเขาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ

โหยวเยว่กอดแขนของเจี้ยนเฉินเอาไว้ แต่นางก็ดูสงบใจ มันเหมือนว่ายังไงนางก็คงปลอดภัยแม้แต่ท้องฟ้าจะถล่มทลายลงมา ตราบใดที่นางยังอยู่ข้างเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินวางจอกสุราลงช้า ๆ ในขณะที่ยืนอยู่เฉย ๆ ที่ดาดฟ้า เขาขยายพลังแห่งการมีอยู่ของเขาออกไปซึ่งมันก็ขยายไปถึงพื้นน้ำอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ตกใจขึ้นมาทันที ความเหลือเชื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ในขณะที่เขาพูดกับกวานหยูไค่และหยางหลิง “ไปจากเรือและไปติดต่อกลาสีเรือ บอกให้พวกเขาเทียบท่าเดี๋ยวนี้” หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินก็บินขึ้นไปที่ท้องฟ้าพร้อมกับโหยวเยว่เหนือพื้นร้อยเมตร

แม้ว่ากวานหยูไค่และหยางหลิงจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันเลย แต่พวกเขาก็จำเป็นต้องทำตามเจี้ยนเฉิน ทั้งสองไปที่ใต้ดาดฟ้าทันทีเพื่อที่จะไปติดต่อกับกลาสี จากนั้นพวกเขาก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วออกจากเรือไป

เฮยยู่และหงเหลียนก็ไปที่กลางอากาศและไปหยุดอยู่เหนืออากาศร้อยเมตรที่ด้านหลังของเรือ พวกเขารวมตัวกันอยู่กับเจี้ยนเฉินและมองลงไปที่ผิวของแม่น้ำ

ระดับน้ำของแม่น้ำน้ำหอมสูงขึ้นเรื่อย ๆ มันไหลไปที่ฝั่งและกระจายออกไปไกล ในตอนนี้เอง ระดับน้ำทำให้ผู้คนที่อยู่ทั้งสองฝั่นน้ำแตกตื่น คนที่แข็งแกร่งบางคนเริ่มที่จะปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ พวกเขา

เรือที่อยู่กลางแม่น้ำก็เริ่มที่จะล่มและจมไปทีละลำ กลาสีของเรือกระโจนออกมา พวกเขากำลังว่ายน้ำไปที่ฝั่งด้วยความสับสนและความแตกตื่น

ซ่า ! ทันใดนั้นเอง น้ำก็ระเบิดออกมา ซึ่งทำให้เกิดคลื่นใหญ่กว้างเป็นพันเมตร ทันใดนั้นเอง โถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเงินก็ค่อย ๆ โผล่พ้นน้ำขึ้นมา ในขณะที่มันเป็นประกายกับแสงไฟ มันก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งน้ำที่พุ่งออกมาจากมัน

“นี่มันคืออะไรกัน ? ” กวานหยูไค่นิ่งอึ้ง เขาจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์สีขาวเงินที่พุ่งขึ้นไปในอากาศ ความตกใจปรากฏอยู่ที่ใบหน้าของเขา หยางหลิงที่ลอยอยู่ข้าง ๆ เขาก็ตาโตด้วย พวกเขาไม่รู้จักโถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความรู้ของพวกเขาในตอนนี้

โถงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นไปที่อากาศในขณะที่มันเปล่งแสงสีเงินสลัวสลัวออกมา ความศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายไปทั่วโถง เหมือนว่ามันทำให้คืนที่มืดมิดสว่างจนเหมือนเวลากลางวัน

ฝั่งที่เคยมีเสียงดังก็เงียบลงทันที ทุกคนจ้องตาค้างไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังเปล่งแสงในขณะที่มันลอยอยู่ในท้องฟ้า ไม่มีใครสนใจระดับน้ำที่จู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นอีกต่อไป

โถงศักดิ์สิทธิ์ยาวพันเมตรและสูงหลายร้อยเมตร งานฝีมือนั้นประณีตและสมบูรณ์แบบมาก มันดูเหมือนงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ โถงศักดิ์สิทธิ์ลอยขึ้นไปสูงสิบกิโลเมตรก่อนที่จะหยุด มันเปล่งรัศมีไปด้วยแรงกดดันที่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง พลังงานของโลกทั้งหมดอ่อนน้อมต่อหน้ามัน

นี่ทำให้หัวหน้าตระกูลทั้งแปด จอมยุทธของตระกูลซาร์ และคนจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงตื่นตระหนก เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นและเห็นโถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือที่ลอยอยู่กลางอากาศ พวกเขาก็สนใจขึ้นมาทันที พวกเขาไม่ลังเล และพุ่งไปในอากาศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์

ในเวลาเดียวกัน จอมยุทธหลายคนจากหลายที่ของทวีปก็สัมผัสได้ถึงโถงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน พวกเขาทั้งหมดหยุดฝึกฝนและเดินทางมาที่เมืองแห่งเทพเจ้า

“ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีโถงศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ก้นแม่น้ำน้ำหอม นี่มันเหลือเชื่อ” เจี้ยนเฉินพึมพำกับตัวเองในขณะที่เขาจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กลางอากาศ หลังจากนั้น เขาก็พุ่งไปที่มันพร้อมกับโหยวเยว่ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา ในขณะที่เฮยยู่และหงเหลียนก็ตามเขาไปใกล้ ๆ

กวานหยูไค่จ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ด้วยความสนใจ ในขณะที่เขาพูดออกมาอย่างประหลาดใจ “ดูเหมือนมันจะจริงที่ไม่มีอะไรที่จะแปลกเกินไปได้ ข้าไม่คิดว่าบ้านจะบินได้และยังบินสูงขนาดนี้ นี่มันเป็นการเปิดหูเปิดตาข้าในวันนี้จริงจริง หยางหลิง พวกเราไปดูที่นั่นกันเถอะ” กวานหยูไค่และหยางหลิงก็ไม่รอช้า และพวกเขาก็ตามเจี้ยนเฉินขึ้นไปในท้องฟ้า

มีเซียนสวรรค์อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำอยู่บ้าง เช่นนั้น พวกเขาจึงพุ่งขึ้นไปในอากาศทันทีที่กวานหยูไค่และหยางหลิงตามเจี้ยนเฉินไป พวกเขาใช้พลังของโลกเพื่อที่จะยกตัวเองขึ้นและทำให้เกิดแสงหลากสีที่เป็นประกายในท้องฟ้าขึ้น มันน่าดูมาก

เจี้ยนเฉินมาถึงที่ความสูงระดับเดียวกับโถงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับโหยวเยว่ ทั้งสองจ้องเขม็งไปที่มัน คำสี่คำ “โถง ศักดิ์สิทธิ์ จันทร์ แจ่ม” แขวนอยู่ที่ป้ายใหญ่ที่ทางเข้าหลัก

การปรากฏขึ้นมาของโถงศักดิ์สิทธิ์ทำให้เกิดความโกลาหลใหญ่หลวง ร่างจำนวนมากมาถึงที่รอบ ๆ และเซียนผู้คุมกฎก็มาถึงที่ทางเข้าหลัก มีเซียนผู้คุมกฎบางคนจากสมาคมและตระกูลซาร์ข้าง ๆ หัวหน้าตระกูลทั้งแปด ใบหน้าของเซียนผู้คุมกฎทั้งหมดจากตระกูลทั้งแปดซีดและเหนื่อยล้า พวกเขายังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากการที่เขาลงโทษตัวเองก่อนหน้าในวันนี้

“โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่ม ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มจริง ๆ ” เสียงร้องดังออกมาจากใกล้ ๆ ชายชราที่อยู่ในชุดธรรมดาจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์ซึ่งส่องสว่างในขณะที่คนทั้งหมดจากสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็รวมตัวอยู่ด้านหลังเขา ไม่แปลกใจเลยที่ท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดก็อยู่ในนั้นด้วย

ในตอนที่เจี้ยนเฉินเห็นชายชราคนนี้ ตาของเขาก็แข็งทื่อ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงชายชราที่กำลังทำความสะอาดเครื่องเรือนอยู่ เจี้ยนเฉินพบชายคนนี้ครั้งแรกที่หอคอยพลังเซียนธาตุแสง

ในตอนนั้น ชายชรายังคงเป็นจอมยุทธที่ลึกลับที่เจี้ยนเฉินมองไม่ทะลุ แต่ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินสามารถเห็นถึงความแข็งแกร่งของชายชราคนนี้ได้อย่างชัดเจน เขาเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 ที่เพิ่งตัดผ่านมาได้

ท่านประธานถอนหายใจยาวแล้วพูดออกมา “มันบันทึกไว้ว่าเมื่อห้าหมื่นปีก่อน นางฟ้าเฮายู่เป็นคนที่งดงามที่สุดในโลก นางมีพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเปรียบ นางใช้เวลาเพียง 2,000 ปีเท่านั้นในการไปอยู่ที่ระดับสูงสุดของเซียนจักรพรรดิ และห่างอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่จะก้าวข้ามเซียนจักรพรรดิไปได้ นางติดอยู่ในระดับนี้และข้ามพ้นไปไม่ได้กว่าเจ็ดพันปี ในท้ายที่สุด นางก็สิ้นอายุขัยและตายไประหว่างทำสมาธิอย่างน่าเสียดาย”

“ว่ากันว่าวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่นั้นมหัศจรรย์มาก มันใช้แสงจันทร์ในการฝึกฝน เมื่อฝึกฝนในตอนกลางคืน กระบวนการทั้งหมดคือการดูดซับ มันเป็นวิธีการฝึกฝนที่เหนือกว่าระดับเซียน และใครก็ตามที่ใช้มันในการฝึกฝนจะพัฒนาไปด้วยอัตราเร็วที่เหลือเชื่อ” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเพิ่มเติม

“มันกล่าวไว้ในบันทึก แต่น่าเสียดายที่มีเฉพาะผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถใช้วิธีการฝึกฝนนี้ได้” ท่านประธานกล่าว

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น ตาของเจี้ยนเฉินก็เบิกกว้างทันที

ในตอนนี้เอง มิติรอบ ๆ ก็เริ่มกระเพื่อมอย่างรุนแรง ประตูมิติปรากฏขึ้นทีละอันละอันในขณะที่เซียนราชาก็ก้าวออกมาพร้อมด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล พวกเขาทั้งหมดจ้องไปที่โถงศักดิ์สิทธิ์อย่างควบคุมไม่ได้

เจี้ยนเฉินกวาดตามองเซียนราชาทั้งหมด และเขาก็เห็นคนของตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบ นี่รวมถึงจอมยุทธจากอารามจิตพิสุทธิ์และจอมยุทธ 1 คนจากตระกูลเจียงหยางด้วย อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินก็ไม่รู้จักชื่อของจอมยุทธของตระกูลเจียงหยาง แม้ว่าเขาจะเคยพบกับคนผู้นี้มาก่อน

“ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มของนางฟ้าเฮายู่ที่โด่งดังที่มีมาตั้งแต่ห้าหมื่นปีก่อน ว่ากันว่าโถงศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกสร้างมากจากผลึกมหัศจรรย์ที่มาจากดวงจันทร์ และนางฟ้าก็ใช้เวลาเป็นพันปีเพื่อที่จะเดินทางไปมาเพื่อไปเก็บผลึกนั้นมา ไม่เพียงแต่โถงศักดิ์สิทธิ์นี้จะแข็งแรงมากเท่านั้น แต่มันยังมีพลังแสงจันทร์อีกด้วย” จอมยุทธที่มีความรู้จากตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบพูดออกมาในขณะที่พวกเขาประหลาดใจในความมหัศจรรย์ของมัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+