Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1063: ความโลภของตระกูลเจียงหยาง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1063: ความโลภของตระกูลเจียงหยาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1063: ความโลภของตระกูลเจียงหยาง

เจี้ยนเฉินหรี่ตาเล็กลงทันทีด้วยความโกรธอย่างควบคุมไม่ได้ซึ่งพุ่งพวยอยู่ในใจของเขา สายตาที่เขามองไปที่เจียงหยาง ชิง จูรินั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก และกลายเป็นอริแทน

โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มในตอนนี้เป็นของโหยวเยว่ มันสำคัญมากในการฝึกฝน นางสามารถดูดซับพลังแสงจันทร์ได้อย่างรวดเร็วผ่านทางโถงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น นางจะพัฒนาไปได้ช้ามากในอนาคตถ้านางไม่มีมัน

โถงศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกใช้เป็นวิธีการที่โหยวเยว่จะป้องกันตัวเองเช่นกัน และเจี้ยนเฉินก็จะได้ไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยของนาง

ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงโกรธมากในตอนนี้ที่คนของตระกูลเจียงหยางต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ไปจากโหยวเยว่

“มันจริงหรือไม่ ? เจ้าต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไปงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นทันทีและจ้องไปที่เจียงหยาง ชิง จูริ เขาทำท่ากดดันและไม่เคารพจูริ เขาทำเฉยเมยเกี่ยวกับเรื่องที่เจียงหยาง ชิง จูริเป็นทวดของเขา

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวก็นั่งอยู่ที่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะหยุดหรือเพิ่มเติมความโกรธของเจี้ยนเฉิน เขาดื่มชาอย่างสบายสบายและไม่ได้พูดอะไร เหมือนว่าเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

เจียงหยาง ชิง จูริคิดอยู่แล้วว่าเจี้ยนเฉินต้องเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างเป็นมิตร เขาพูดอย่างไม่รีบร้อน “เซียงเทียน มันไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด ตระกูลนั้นคิดว่าโหยวเยว่ยังมีความแข็งแกร่งที่ต่ำ โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มนั้นก็เป็นสมบัติที่ประเมินค่ามาได้ และมันทำให้ทำคนในทวีปโลภที่จะอยากได้มันไป ถ้ามันยังอยู่กับโหยวเยว่ มันอาจจะนำปัญหาไม่รู้จบมาหรืออาจจะถูกคนที่ทรงพลังเอาไปก็ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ตระกูลตัดสินในที่จะให้โหยวเยว่มอบโถงศักดิ์สิทธิ์ให้ตระกูล เพื่อที่โถงศักดิ์สิทธิ์จะได้ไม่หายไปไหน”

“ถ้างั้นพูดอีกอย่างก็คือ เจ้าต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อประโยชน์ของโหยวเยว่ว่างั้น?” เจี้ยนเฉินเหยียด

เจียงหยาง ชิง จูริสามารถสัมผัสได้ถึงความประชดประชันในน้ำเสียงของเจี้ยนเฉิน ท่าทางของเขายังคงเหมือนเดิม แต่ในตอนนี้เขาเต็มไปด้วยควมขมขื่น เขารู้ว่าการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ไปจากโหยวเยว่นั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้

เจียงหยาง ชิง จูริพูดหลังจากที่เงียบไปสักพัก “เซียงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวล โหยวเยว่สามารถสบายใจได้ในเรื่องนี้ ในตอนนี้เจ้าเป็นคนของตระกูล ดังนั้นตระกูลจะไม่ทำอะไรที่เป็นการต่อต้านเจ้า การที่ให้โหยวเยว่มอบโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแต่ประโยชน์และไม่ได้เป็นอันตรายอะไรเลย นางก็ยังจะเป็นเจ้าของของโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่”

“ข้าขอบคุณในความมีน้ำใจที่เจ้ากับโหยวเยว่ โถงศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแรงและไม่ได้เปราะบางเหมือนโถงศักดิ์สิทธิ์อื่น ถ้ามีโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่กับนาง แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ทำอะไรนางไม่ได้ ดังนั้นการที่จะทิ้งโถงศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ตระกูลผู้พิทักษ์จึงไม่จำเป็น” เจี้ยนเฉินพูด

หัวใจของเจียงหยาง ชิง จูริเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีเมื่อเขาได้ยินว่าแม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ทำอะไรโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไม่ได้ เขาคิด “โถงศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังจริงจริง มันเทียบเท่าได้กับโถงศักดิ์สิทธิ์ที่โมเทียนหยุนทิ้งเอาไว้ที่เมืองทหารรับจ้าง ถ้าตระกูลได้มีการป้องกันจากโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นแล้ว พวกเรายังจะต้องกลัวตระกูลผู้พิทักษ์อื่นและเมืองทหารรับจ้างอยู่อีกหรือ ? ” อารมณ์ของเจียงหยาง ชิง จูริพุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที ตระกูลผู้พิทักษ์มีโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง แต่ไม่มีอันไหนที่ต้านการโจมตีจากเซียนจักรพรรดิได้ ถ้าพวกเขาได้ครอบครองอันที่พวกเขา ตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง สามารถเมินเฉยต่อเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะและมารราคะได้ จะมีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เทียบเคียงกับพวกเขาได้คือเมืองทหารรับจ้าง

แม้แต่ในตอนนี้ เจียงหยาง ชิง จูริก็จำได้อย่างชัดเจนถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเมืองทหารรับจ้างเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ตระกูลผู้พิทักษ์ส่งเซียนจักรพรรดิไปมากกว่ายี่สิบคน กลุ่มนั้นมีจำนวนมากกว่าเซียนจักรพรรดิของเมืองทหารรับจ้างหลายเท่า แต่เมืองทหารรับจ้างกลับส่งคนออกมาคนเดียว พร้อมกับโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง เขาหยุดเซียนจักรพรรดิทุกคนของตระกูลผู้พิทักษ์ได้ และสั่นคลอนไปทั่วทั้งทวีป

หญิงงามวัยกลางคนที่เป็นเซียนผู้คุมกฎเริ่มพูดเมื่อเห็นว่าเจียงหยาง ชิง จูริไม่พูดอะไร “เจียงหยาง เซียงเทียน ตำนานกล่าวไว้ว่าวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่เป็นเพียงวิธีเดียวที่เหนือกว่าเซียนบนทวีปเทียนหยวน และมันก็เหมาะกับผู้หญิง ในเมื่อคู่หมั้นของเจ้าเป็นลูกศิษย์ของนางฟ้าเฮายู่ นางต้องได้รับวิธีการฝึกฝนมาแล้ว ทำไมไม่ให้นางมอบมันกับพวกเราล่ะ? มันจะเป็นการช่วยเหลือตระกูลได้เป็นอย่างมาก และมันยังทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลของพวกเราเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าผู้หญิงทุกคนในตระกูลใช้วิธีการฝึกฝนนั้น พวกเราจะสามารถก้าวข้ามอีกทั้งเก้าตระกูลไปได้ในไม่ช้า”

ท่าทางของเจี้ยนเฉินยิ่งน่ากลัวไปกว่าเดิม ไม่เพียงแต่ตระกูลผู้พิทักษ์จะต้องการโถงศักดิ์สิทธิ์ของโหยวเยว่เท่านั้น พวกเขายังต้องการวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่อีก นี่เกินกว่าที่เขาจะทนได้

เจี้ยนเฉินกำหมัดแน่น ความโกรธของเขาพุ่งไปถึงขีดสุด ถ้าไม่ใช่พวกเขาเป็นคนจากตระกูลเจียงหยางหรือเป็นคนนอกอื่น ๆ เขาก็คงไล่พวกนี้ออกไปนานแล้ว

“เจียงหยาง เซียงเทียน เจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลเจียงหยาง โหยวเยว่เป็นคู่หมั้นของเจ้า ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจึงเป็นครอบครัวใหญ่เดียวกัน ตามกฎของตระกูล ทุกคนต้องปฏิบัติเพื่อตระกูลเป็นสำคัญที่สุดและทำทุกอย่างเพื่อตระกูล วิธีการฝึกฝนของโหยวเยว่สำคัญกับตระกูลมาก ดังนั้นนางควรจะยอมมอบให้คนอื่น” หญิงคนนั้นพูดต่อ

“พอแล้ว หุบปากซะ” เจี้ยนเฉินไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและทุบไปที่ที่วางแขนบนเก้าอี้ของเขา พลังที่มหาศาลเปลี่ยนเก้าอี้ให้กลายเป็นผุยผง เขาจ้องไปที่หญิงคนนั้นและเจียงหยาง ชิง จูริและพูดออกมาอย่างเย็นชา “อย่ามาพูดเรื่องกฎและประโยชน์ของตระกูลต่อหน้าข้า ถ้าโหยวเยว่ไม่ปรารถนาที่จะทำเองแบบนั้น ก็ไม่มีใครเอาโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มและวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่ไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะถือว่าพวกเจ้าต่อต้านข้า”

“เจียงหยาง เซียงเทียน ช่างกล้านักที่พูดกับผู้อาวุโสของเจ้าแบบนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเพิกเฉยต่อกฎและลำดับชั้นของตระกูลได้เพียงเพราะเจ้าแข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ ? ข้าอาจจะอ่อนแอกว่าเจ้า แต่ก็ยังเป็นทวดของเจ้าอยู่ดีในลำดับตระกูล” หญิงคนนั้นพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด และจ้องการที่จะกดดันเจี้ยนเฉินด้วยความอาวุโสของนาง

ปากของเจี้ยนเฉินบิดเบี้ยวไปด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นทวดของข้า ทุกคน ตระกูลเจียงหยางไม่ต้อนรับพวกเจ้า ได้โปรดออกไปด้วย” เจี้ยนเฉินทำท่าทางและส่งให้แขกออกไป

“เจ้ากล้าดียังไง เจียงหยาง เซียงเทียน? เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านทวดจูริเป็นใคร? เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลของเรา จะ จะ จะ เจ้ากล้าที่จะปฏิบัติต่อเขาแบบนี้งั้นหรือ!? เจ้าไม่มีความเคารพผู้อาวุโสของเจ้าเลย!” เซียนสวรรค์ข้าง ๆ หญิงวัยกลางคนยืนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่นางตะโกนและชี้ไปที่เจี้ยนเฉิน

เจียงหยาง ชิง จูริไม่สามารถที่จะรักษาท่าทางปกติได้เหมือนก่อนหน้านี้ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์ที่ยิ่งใหญ่ สถานะของเขานั้นสูงส่ง แต่เขากลับถูกสั่งให้ออกไปจากคนที่เด็กกว่า เขาจะไปมีเกียรติอะไรเหลือถ้าเขายังยอม ? ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กผู้เยาว์คนนี้มีฐานะที่ค่อนข้างพิเศษ เขาคงสั่งสอนทบเรียนให้กับผู้เยาว์คนนี้ไปนานแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะทนแบบนี้

“พวกเราไปกันเถอะ ! ” เจียงหยาง ชิง จูริจ้องไปที่เจียงหยาง ซู หยวนเซียว คนที่นั่งเงียบ ๆ อยู่อีกด้าน ก่อนที่จะสะบัดตัวออกไป เขาออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับหญิงวัยกลางคนและหญิงที่ติดตามทั้งสอง

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวยืนขึ้นช้าช้าหลังจากที่เจียงหยาง ชิง จูริจากไป เขาถอนหายใจยาวไปที่ท้องฟ้า เขาเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้

“เจี้ยนเฉิน คำขอสองอย่างจากเจียงหยาง ชิง จูริและคนอื่น ๆ เป็นกฎของตระกูลจริงจริง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถช่วยเจ้าพูดได้ เจ้าไม่เข้าใจตระกูลผู้พิทักษ์ กฎของพวกเราเข้มงวดและมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังไม่กล้าที่จะแหกกฎง่าย ๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวถอนหายใจ

“ข้าไม่สนว่ากฎของตระกูลผู้พิทักษ์จะเข้มงวดเพียงใด ข้าจะไม่ให้พวกเขาเอาอะไรก็ตามไปจากเยว่เอ๋อ และข้าหวังว่าท่านคงจะไม่ช่วยพวกเขาหลังจากนี้” เจี้ยนเฉินตอบกลับ

“เจ้าไม่ตำเป็นต้องกังวลไป เจ้าเป็นคนของสาขาซู ดังนั้นสาขาจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ รวมถึงทวดเจียงหยาง ซู เซียวของเจ้าด้วย” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวอธิบายออกมาอย่างเคร่งเครียด

“เจี้ยนเฉิน ทวนหยวนเซียว พวกท่านกังวลมากเกินไปแล้ว แม้ว่าข้าจะยกโถงศักดิ์สิทธิ์และวิธีการฝึกฝนไป พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ โถงศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ในการควบคุมของอาจารย์ ข้าแค่ควบคุมมันส่วนหนึ่งเท่านั้น วิธีการฝึกฝนยิ่งยากไปกว่านั้นอีก แม้ว่าพวกเขาจะได้มันไป พวกเขาก็ไม่สามารถใช้วิธีการฝึกฝนในเมื่อพวกเขาต้องการร่างกายที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งการจะได้ร่างกายนั้นมาก็คือผ่านการปรับปรุงจากท่านอาจารย์ด้วยตัวเอง” โหยวเยว่พูด

“พวกเขาอาจจะไม่เชื่อแบบนั้น นางฟ้าเฮายู่อาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่นางก็เหลือแค่วิญญาณ ความสามารถของนางไม่ยอดเยี่ยมเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว” เจียงหยาง ซู หยวนเซียว พูดหลังจากที่คิดไปบ้าง เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “เจี้ยนเฉิน ผนึกในจิตใจของคงเอ๋อยังไม่ได้รับการปลด ตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการที่จะให้เจ้ากลับไป และจากนั้นผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ก็จะร่วมกันเพื่อปลดผนึกได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะหาเวลาไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์โดยไม่สนใจว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรกับพวกเขา เพื่อที่เจ้าจะสามารถปลดปล่อยคงเอ๋อจากความเจ็บปวดเป็นพันปีของเขาได้”

เจี้ยนเฉินตกลงหลังจากที่หยุดไป “ข้าจะไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์ในสามวันนี้ ทั้งหมดเพื่อท่านทวดเท่านั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 1063: ความโลภของตระกูลเจียงหยาง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 1063: ความโลภของตระกูลเจียงหยาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1063: ความโลภของตระกูลเจียงหยาง

เจี้ยนเฉินหรี่ตาเล็กลงทันทีด้วยความโกรธอย่างควบคุมไม่ได้ซึ่งพุ่งพวยอยู่ในใจของเขา สายตาที่เขามองไปที่เจียงหยาง ชิง จูรินั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก และกลายเป็นอริแทน

โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มในตอนนี้เป็นของโหยวเยว่ มันสำคัญมากในการฝึกฝน นางสามารถดูดซับพลังแสงจันทร์ได้อย่างรวดเร็วผ่านทางโถงศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น นางจะพัฒนาไปได้ช้ามากในอนาคตถ้านางไม่มีมัน

โถงศักดิ์สิทธิ์ก็จะถูกใช้เป็นวิธีการที่โหยวเยว่จะป้องกันตัวเองเช่นกัน และเจี้ยนเฉินก็จะได้ไม่ต้องกังวลในความปลอดภัยของนาง

ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงโกรธมากในตอนนี้ที่คนของตระกูลเจียงหยางต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ไปจากโหยวเยว่

“มันจริงหรือไม่ ? เจ้าต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไปงั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินยืนขึ้นทันทีและจ้องไปที่เจียงหยาง ชิง จูริ เขาทำท่ากดดันและไม่เคารพจูริ เขาทำเฉยเมยเกี่ยวกับเรื่องที่เจียงหยาง ชิง จูริเป็นทวดของเขา

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวก็นั่งอยู่ที่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน เขาไม่ได้แสดงความตั้งใจที่จะหยุดหรือเพิ่มเติมความโกรธของเจี้ยนเฉิน เขาดื่มชาอย่างสบายสบายและไม่ได้พูดอะไร เหมือนว่าเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

เจียงหยาง ชิง จูริคิดอยู่แล้วว่าเจี้ยนเฉินต้องเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงยิ้มอย่างเป็นมิตร เขาพูดอย่างไม่รีบร้อน “เซียงเทียน มันไม่ใช่แบบที่เจ้าคิด ตระกูลนั้นคิดว่าโหยวเยว่ยังมีความแข็งแกร่งที่ต่ำ โถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มนั้นก็เป็นสมบัติที่ประเมินค่ามาได้ และมันทำให้ทำคนในทวีปโลภที่จะอยากได้มันไป ถ้ามันยังอยู่กับโหยวเยว่ มันอาจจะนำปัญหาไม่รู้จบมาหรืออาจจะถูกคนที่ทรงพลังเอาไปก็ได้ นี่เป็นเหตุผลที่ตระกูลตัดสินในที่จะให้โหยวเยว่มอบโถงศักดิ์สิทธิ์ให้ตระกูล เพื่อที่โถงศักดิ์สิทธิ์จะได้ไม่หายไปไหน”

“ถ้างั้นพูดอีกอย่างก็คือ เจ้าต้องการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์เพื่อประโยชน์ของโหยวเยว่ว่างั้น?” เจี้ยนเฉินเหยียด

เจียงหยาง ชิง จูริสามารถสัมผัสได้ถึงความประชดประชันในน้ำเสียงของเจี้ยนเฉิน ท่าทางของเขายังคงเหมือนเดิม แต่ในตอนนี้เขาเต็มไปด้วยควมขมขื่น เขารู้ว่าการที่จะเอาโถงศักดิ์สิทธิ์ไปจากโหยวเยว่นั้นเกือบจะเป็นไปไม่ได้แล้วในตอนนี้

เจียงหยาง ชิง จูริพูดหลังจากที่เงียบไปสักพัก “เซียงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกังวล โหยวเยว่สามารถสบายใจได้ในเรื่องนี้ ในตอนนี้เจ้าเป็นคนของตระกูล ดังนั้นตระกูลจะไม่ทำอะไรที่เป็นการต่อต้านเจ้า การที่ให้โหยวเยว่มอบโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นมีแต่ประโยชน์และไม่ได้เป็นอันตรายอะไรเลย นางก็ยังจะเป็นเจ้าของของโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่”

“ข้าขอบคุณในความมีน้ำใจที่เจ้ากับโหยวเยว่ โถงศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแรงและไม่ได้เปราะบางเหมือนโถงศักดิ์สิทธิ์อื่น ถ้ามีโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่กับนาง แม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ทำอะไรนางไม่ได้ ดังนั้นการที่จะทิ้งโถงศักดิ์สิทธิ์ไว้ที่ตระกูลผู้พิทักษ์จึงไม่จำเป็น” เจี้ยนเฉินพูด

หัวใจของเจียงหยาง ชิง จูริเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีเมื่อเขาได้ยินว่าแม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ทำอะไรโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มไม่ได้ เขาคิด “โถงศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังจริงจริง มันเทียบเท่าได้กับโถงศักดิ์สิทธิ์ที่โมเทียนหยุนทิ้งเอาไว้ที่เมืองทหารรับจ้าง ถ้าตระกูลได้มีการป้องกันจากโถงศักดิ์สิทธิ์นั้นแล้ว พวกเรายังจะต้องกลัวตระกูลผู้พิทักษ์อื่นและเมืองทหารรับจ้างอยู่อีกหรือ ? ” อารมณ์ของเจียงหยาง ชิง จูริพุ่งกระฉูดขึ้นมาทันที ตระกูลผู้พิทักษ์มีโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง แต่ไม่มีอันไหนที่ต้านการโจมตีจากเซียนจักรพรรดิได้ ถ้าพวกเขาได้ครอบครองอันที่พวกเขา ตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง สามารถเมินเฉยต่อเซียนจักรพรรดิของทวีปสัตว์เทวะและมารราคะได้ จะมีเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้นที่เทียบเคียงกับพวกเขาได้คือเมืองทหารรับจ้าง

แม้แต่ในตอนนี้ เจียงหยาง ชิง จูริก็จำได้อย่างชัดเจนถึงความขัดแย้งระหว่างตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบและเมืองทหารรับจ้างเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ตระกูลผู้พิทักษ์ส่งเซียนจักรพรรดิไปมากกว่ายี่สิบคน กลุ่มนั้นมีจำนวนมากกว่าเซียนจักรพรรดิของเมืองทหารรับจ้างหลายเท่า แต่เมืองทหารรับจ้างกลับส่งคนออกมาคนเดียว พร้อมกับโถงศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลัง เขาหยุดเซียนจักรพรรดิทุกคนของตระกูลผู้พิทักษ์ได้ และสั่นคลอนไปทั่วทั้งทวีป

หญิงงามวัยกลางคนที่เป็นเซียนผู้คุมกฎเริ่มพูดเมื่อเห็นว่าเจียงหยาง ชิง จูริไม่พูดอะไร “เจียงหยาง เซียงเทียน ตำนานกล่าวไว้ว่าวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่เป็นเพียงวิธีเดียวที่เหนือกว่าเซียนบนทวีปเทียนหยวน และมันก็เหมาะกับผู้หญิง ในเมื่อคู่หมั้นของเจ้าเป็นลูกศิษย์ของนางฟ้าเฮายู่ นางต้องได้รับวิธีการฝึกฝนมาแล้ว ทำไมไม่ให้นางมอบมันกับพวกเราล่ะ? มันจะเป็นการช่วยเหลือตระกูลได้เป็นอย่างมาก และมันยังทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลของพวกเราเพิ่มขึ้นด้วย ถ้าผู้หญิงทุกคนในตระกูลใช้วิธีการฝึกฝนนั้น พวกเราจะสามารถก้าวข้ามอีกทั้งเก้าตระกูลไปได้ในไม่ช้า”

ท่าทางของเจี้ยนเฉินยิ่งน่ากลัวไปกว่าเดิม ไม่เพียงแต่ตระกูลผู้พิทักษ์จะต้องการโถงศักดิ์สิทธิ์ของโหยวเยว่เท่านั้น พวกเขายังต้องการวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่อีก นี่เกินกว่าที่เขาจะทนได้

เจี้ยนเฉินกำหมัดแน่น ความโกรธของเขาพุ่งไปถึงขีดสุด ถ้าไม่ใช่พวกเขาเป็นคนจากตระกูลเจียงหยางหรือเป็นคนนอกอื่น ๆ เขาก็คงไล่พวกนี้ออกไปนานแล้ว

“เจียงหยาง เซียงเทียน เจ้าเป็นสมาชิกของตระกูลเจียงหยาง โหยวเยว่เป็นคู่หมั้นของเจ้า ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจึงเป็นครอบครัวใหญ่เดียวกัน ตามกฎของตระกูล ทุกคนต้องปฏิบัติเพื่อตระกูลเป็นสำคัญที่สุดและทำทุกอย่างเพื่อตระกูล วิธีการฝึกฝนของโหยวเยว่สำคัญกับตระกูลมาก ดังนั้นนางควรจะยอมมอบให้คนอื่น” หญิงคนนั้นพูดต่อ

“พอแล้ว หุบปากซะ” เจี้ยนเฉินไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและทุบไปที่ที่วางแขนบนเก้าอี้ของเขา พลังที่มหาศาลเปลี่ยนเก้าอี้ให้กลายเป็นผุยผง เขาจ้องไปที่หญิงคนนั้นและเจียงหยาง ชิง จูริและพูดออกมาอย่างเย็นชา “อย่ามาพูดเรื่องกฎและประโยชน์ของตระกูลต่อหน้าข้า ถ้าโหยวเยว่ไม่ปรารถนาที่จะทำเองแบบนั้น ก็ไม่มีใครเอาโถงศักดิ์สิทธิ์จันทร์แจ่มและวิธีการฝึกฝนของนางฟ้าเฮายู่ไปได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะถือว่าพวกเจ้าต่อต้านข้า”

“เจียงหยาง เซียงเทียน ช่างกล้านักที่พูดกับผู้อาวุโสของเจ้าแบบนี้ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเพิกเฉยต่อกฎและลำดับชั้นของตระกูลได้เพียงเพราะเจ้าแข็งแกร่งอย่างนั้นหรือ ? ข้าอาจจะอ่อนแอกว่าเจ้า แต่ก็ยังเป็นทวดของเจ้าอยู่ดีในลำดับตระกูล” หญิงคนนั้นพูดออกมาอย่างเคร่งเครียด และจ้องการที่จะกดดันเจี้ยนเฉินด้วยความอาวุโสของนาง

ปากของเจี้ยนเฉินบิดเบี้ยวไปด้วยความเย้ยหยัน “เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นทวดของข้า ทุกคน ตระกูลเจียงหยางไม่ต้อนรับพวกเจ้า ได้โปรดออกไปด้วย” เจี้ยนเฉินทำท่าทางและส่งให้แขกออกไป

“เจ้ากล้าดียังไง เจียงหยาง เซียงเทียน? เจ้าไม่รู้หรือว่าท่านทวดจูริเป็นใคร? เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลของเรา จะ จะ จะ เจ้ากล้าที่จะปฏิบัติต่อเขาแบบนี้งั้นหรือ!? เจ้าไม่มีความเคารพผู้อาวุโสของเจ้าเลย!” เซียนสวรรค์ข้าง ๆ หญิงวัยกลางคนยืนขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่นางตะโกนและชี้ไปที่เจี้ยนเฉิน

เจียงหยาง ชิง จูริไม่สามารถที่จะรักษาท่าทางปกติได้เหมือนก่อนหน้านี้ เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลผู้พิทักษ์ที่ยิ่งใหญ่ สถานะของเขานั้นสูงส่ง แต่เขากลับถูกสั่งให้ออกไปจากคนที่เด็กกว่า เขาจะไปมีเกียรติอะไรเหลือถ้าเขายังยอม ? ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กผู้เยาว์คนนี้มีฐานะที่ค่อนข้างพิเศษ เขาคงสั่งสอนทบเรียนให้กับผู้เยาว์คนนี้ไปนานแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะทนแบบนี้

“พวกเราไปกันเถอะ ! ” เจียงหยาง ชิง จูริจ้องไปที่เจียงหยาง ซู หยวนเซียว คนที่นั่งเงียบ ๆ อยู่อีกด้าน ก่อนที่จะสะบัดตัวออกไป เขาออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวพร้อมกับหญิงวัยกลางคนและหญิงที่ติดตามทั้งสอง

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวยืนขึ้นช้าช้าหลังจากที่เจียงหยาง ชิง จูริจากไป เขาถอนหายใจยาวไปที่ท้องฟ้า เขาเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้

“เจี้ยนเฉิน คำขอสองอย่างจากเจียงหยาง ชิง จูริและคนอื่น ๆ เป็นกฎของตระกูลจริงจริง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถช่วยเจ้าพูดได้ เจ้าไม่เข้าใจตระกูลผู้พิทักษ์ กฎของพวกเราเข้มงวดและมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังไม่กล้าที่จะแหกกฎง่าย ๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวถอนหายใจ

“ข้าไม่สนว่ากฎของตระกูลผู้พิทักษ์จะเข้มงวดเพียงใด ข้าจะไม่ให้พวกเขาเอาอะไรก็ตามไปจากเยว่เอ๋อ และข้าหวังว่าท่านคงจะไม่ช่วยพวกเขาหลังจากนี้” เจี้ยนเฉินตอบกลับ

“เจ้าไม่ตำเป็นต้องกังวลไป เจ้าเป็นคนของสาขาซู ดังนั้นสาขาจะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ รวมถึงทวดเจียงหยาง ซู เซียวของเจ้าด้วย” เจียงหยาง ซู หยุนเซียวอธิบายออกมาอย่างเคร่งเครียด

“เจี้ยนเฉิน ทวนหยวนเซียว พวกท่านกังวลมากเกินไปแล้ว แม้ว่าข้าจะยกโถงศักดิ์สิทธิ์และวิธีการฝึกฝนไป พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ โถงศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ในการควบคุมของอาจารย์ ข้าแค่ควบคุมมันส่วนหนึ่งเท่านั้น วิธีการฝึกฝนยิ่งยากไปกว่านั้นอีก แม้ว่าพวกเขาจะได้มันไป พวกเขาก็ไม่สามารถใช้วิธีการฝึกฝนในเมื่อพวกเขาต้องการร่างกายที่เฉพาะเจาะจง ซึ่งการจะได้ร่างกายนั้นมาก็คือผ่านการปรับปรุงจากท่านอาจารย์ด้วยตัวเอง” โหยวเยว่พูด

“พวกเขาอาจจะไม่เชื่อแบบนั้น นางฟ้าเฮายู่อาจจะยังมีชีวิตอยู่ แต่นางก็เหลือแค่วิญญาณ ความสามารถของนางไม่ยอดเยี่ยมเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว” เจียงหยาง ซู หยวนเซียว พูดหลังจากที่คิดไปบ้าง เขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “เจี้ยนเฉิน ผนึกในจิตใจของคงเอ๋อยังไม่ได้รับการปลด ตระกูลผู้พิทักษ์ต้องการที่จะให้เจ้ากลับไป และจากนั้นผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ก็จะร่วมกันเพื่อปลดผนึกได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะหาเวลาไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์โดยไม่สนใจว่าเจ้ารู้สึกอย่างไรกับพวกเขา เพื่อที่เจ้าจะสามารถปลดปล่อยคงเอ๋อจากความเจ็บปวดเป็นพันปีของเขาได้”

เจี้ยนเฉินตกลงหลังจากที่หยุดไป “ข้าจะไปที่ตระกูลผู้พิทักษ์ในสามวันนี้ ทั้งหมดเพื่อท่านทวดเท่านั้น”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+