Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 515

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 515 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพกระบีมรณะ (chaotic sword god)

 

เทพกระบี่มรณะ – 515

 

ตอนที่ 515 – การเยี่ยมเยียนของผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุน

 

ในสถานการณ์สําหรับตระกูลเจียงหยางในอาณาจักรเกอซุนนั้นไปไกลกว่าแต่ก่อน ระเบียบแบบแผนนั้นมีความสัมพันธ์เป็นอย่างยิ่ง และทุกๆครั้งที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองภายในอาณาจักรจะมีการเชิญชวน แม้กระทั่งสํานักหัวหยุน ที่เคยมีปัญหากับตระกูลเจียงหยางก็ยังไม่เป็นข้อยกเว้น

 

ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฏิเสธการเชิญในวันแรก หลังจากที่เทียบเชิญถูกส่งออกไป ผู้คนจํานวนมากก็เริ่มที่จะปรากฏตัวที่เมืองลอร์ ผู้คนทั้งหมดนั้นต่างก็เป็นบุคคลใหญ่โตและเป็นตัวแทนของตระกูลหรือครอบครัว และพวกเขาให้ความเคารพอย่างมากต่อตระกูลเจียงหยาง ขณะที่พวกเขาพยายามที่จะทําอย่างดีที่สุดเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขา

 

ในเวลานี้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาณาจักรเกอซุนนั้นไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะไม่รู้เกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรฉินหวงและอาณาจักรเกอซุนกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ อาณาจักรโดยรอบทั้งหมดต่างก็ได้รับรู้ข้อมูลโดยทั่วกัน มันเป็นฟันเฟืองขนาดใหญ่ที่ส่งผลกับทุกสิ่ง แม้กระทั่งการเคลื่อนทัพของกองทัพเทพดาบตะวันออกนั้นก็ได้รับการตรวจสอบ ก่อนที่ทุกคนจะสรุปได้ว่าเหตุใดอาณาจักรฉินหวงถึงต้องช่วยอาณาจักรเกอซุน นั้นมันเนื่องมาจากตระกูลเจียงหยาง

 

เพราะฉะนั้นแล้ว แม้กระทั่งผู้คนที่ไม่ได้รับเชิญเข้าสู่งานเฉลิมฉลองของตระกูลเจียงหยางต่างก็ปรากฏตัวขึ้นริมถนน ที่ซึ่งผู้คนเหล่านั้นต่างก็เตรียมของขวัญล้ําค่าเพื่อส่งเข้าไปในตระกูล ขุนนางทั้งหมดได้ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองลอร์ โรงเตี้ยมทุกแห่งภายในเมืองต่างก็มีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจของพวกเขา บางโรงเตี้ยมต่างก็เต็มภายในวันเดียว ด้วยขุมพลังอํานาจของทหารรับจ้างที่ไม่มีทางเลือก จําต้องกางกระโจมอยู่ด้านนอกเมืองแทน

 

แขกรับเชิญได้มาถึงช้าไป ต่างก็มองด้วยความรู้สึกอับจนหนทาง ขณะที่พวกเขามองไปที่โรงเตี้ยมซึ่งเต็ม ในที่สุด เขาก็ต้องทําเช่นเดียวกับเหล่าทหารรับจ้างและกางกระโจมอยู่ด้านนอกด้วยความจํายอม

 

ผู้คนที่มาถึงเพื่อที่จะยินดีกับตระกูลเจียงหยางต่างได้รับการต้อนรับอย่างสุภาพจากเจียงไป เขาได้ขยายการจัดเลี้ยงสู่ถนนรอบนอก ที่ซึ่งในยามนี้มันเต็มไปด้วยโต๊ะนับพันและพ่อครัวทุกคนภายในเมืองลอร์ต่างก็ถูกจ้างมาเพื่อช่วย

 

สามวันหลังจากนั้น งานเลี้ยงภายในตระกูลเจียงหยางในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้น โดยเจียงหยางป้านั้นเป็นประธานในงานเฉลิมฉลอง ขณะที่เจียนเฉินซ่อนตัวจากสายตาของทุกคน ทําให้ผู้คนจํานวนมากที่มองหาเจี้ยนเฉินต่างก็พากันผิดหวัง

 

งานเฉลิมฉลองภายในตัวคฤหาสน์ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต แค่มันไม่ได้ยาวนานนัก หลังจากวันเดียว มันก็จบลง ในวันที่สอง บุคคลที่ถูกเชิญมาต่างก็ทยอยกันจากไปทีละคน

 

หลังจากที่งานเฉลิมฉลองจบลง ผู้คนในตระกูลเจียงหยางในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนตัวจากไปและถอนกําลังทหาร ตระกูลเจียงหยางที่เป็นที่รู้จักกันดี ไม่มีบุคคลใดในอาณาจักรเกอซุนกล้าที่จะเป็นอริกับพวกเขา พวกเขาใช้เวลาอยู่หลายวันเพื่อที่จะทํา

 

ภายในใจกลางสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ของตระกูลเจียงหยาง ที่ซึ่งโถงหลักที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเจี้ยนเฉิน ที่ซึ่งมันถูกจัดเตรียมโดยเหล่าผู้อาวุโสในตระกูล ที่ซึ่งมันเป็นสถานที่พิเศษที่ให้เจี้ยนเฉินใช้มัน และไม่เพียงแต่มันงดงามแต่ทว่าการออกแบบภายในมันก็ถูกสร้างให้กว้างขวางนัก

 

ในขณะนั้น เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ หมิงตง ฉินจี้ ตู่กูเฟิง หยุนเจิ้ง และผู้อาวุโสอันที่ซึ่งทั้งหมดรวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะกลม

 

ในขณะนั้นเอง ทหารวิ่งเข้ามาภายใน รายงานนายน้อยสี่ ผู้อาวุโส 2 คน ได้มาเยือนพวกเขามีนามว่า ผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนมาเพื่อมาพบท่าน”

 

“อะไรนะ? ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิง” เจี้ยนเฉินตกตะลึง เนื่องด้วยสองอาวุโสนี้มาจากตระกูลหวง แต่เขาไม่เคยคิดว่าทั้งสองนั้นจะสามารถสืบหาภูมิหลังของเขาได้

 

” หรือว่าพวกเขามาที่นี่เนื่องด้วยโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฏ” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดด้วยท่าทีที่มืดลง

 

“เจี้ยนเฉิน ใครคือผู้อาวุโสทั้งสอง ? พวกเขาเป็นมิตรหรือศัตรู ? ” หมิงตงถาม

 

เจี้ยนเฉินมีท่าทีลังเลใจ ก่อนที่จะกล่าวขึ้น “เรื่องราวนี้มันสืบเนื่องมาจากอดีต ทุกคนนั่งตรงนี้ชั่วขณะเถิด ข้าต้องขอตัวก่อน” เมื่อกล่าวจบ เจี้ยนเฉินพลันเดินออกจากห้องไปที่ประตูของตระกูลเจียงหยาง ที่ซึ่งผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนทั้งสองคนรอคอยอยู่ พวกเขาทั้งสองหยุดยืนด้วยรอยยิ้มบางๆ และให้บรรยากาศที่เป็นมิตรยิ่ง

 

“ท่านผู้อาวุโส ลมอันใดถึงพัดท่านมายังบ้านของข้าในยามนี้ ข้าผู้นี้รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก” เจี้ยนเฉินป้องมือของเขา ด้วยรอยยิ้ม เป็นการต้อนรับคนทั้งสอง

 

“ฮ่า ฮ่า นายน้อยสี่มาต้อนรับเราถึงนี่ เหตุใดจึงไม่เชิญพวกเราเข้าไปเล่า ? “ อาวุโสเฟิงป้องมือของเขาขึ้นตอบกลับ ใช้สรรพนาม ”นายน้อยสี่” แทนชื่อเจี้ยนเฉิน

 

“ผู้อาวุโส ยินดีต้อนรับพวกท่าน โปรดเข้ามาข้างใน” เจี้ยนเฉินส่งรอยยิ้มและนําทางทั้งสองเข้ามาภายในตระกูล

 

ภายในห้องส่วนตัว บุรุษทั้งสามนั่งลง ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะกล่าวขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ท่านผู้อาวุโส ข้าเดาว่าท่านไม่ได้มาที่นี่เพราะโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎ”

 

ผู้อาวุโสทั้งสองหัวเราะออกมาด้วยท่าทีปราณีก่อนที่อาวุโสเฟิงจะตอบออก ”นายน้อยสี่ เข้าใจผิดแล้ว พวกเราทั้งสองมาเพื่อเยี่ยมเยือนท่านและมันไม่ใช่เพราะโครงกระดูก ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็เป็นผู้มีพระคุณสําหรับตระกูลหวงของเรา ขณะที่โครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฏมีความสําคัญ ตระกูลหวงนั้นก็ไม่คิดจะกระทําเรื่องเช่นนั้นกับมิตรสหายของเรา และเราก็ไม่คิดจะกระทําการใดที่จะเป็นศัตรูของอาณาจักรฉินหวง พวกเราย่อมไม่กล้าที่จะล่วงเกินผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง”

 

ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายแสงอ่อนๆ เขาไม่คิดว่าตระกูลหวงจะสามารถค้นพบว่า เขานั้นเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้น

 

เมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลหวงไม่ได้มาที่นี่เพื่อโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ เจี้ยนเฉินก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งใจ ด้วยช่วงเวลาสั้นแห่งความลังเลใจ เขากล่าว ” หากว่าไม่ได้เป็นโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ จากนั้นแล้ว เรื่องอะไรที่ทําให้ท่านทั้งสองมายังที่แห่งนี้”

 

“ฮ่าๆ นายน้อยสี่ พวกเรามาที่นี่เพียงเพราะท่านผู้นําของเราปรารถนาที่จะเชิญท่านเป็นแขกอันทรงเกียรติของตระกูลหวงของเรา” อาวุโสเฟิงยิ้มออก

 

” ท่านปรารถนาที่จะเชิญข้าไปเป็นแขกของตระกูลหวง มันมีเรื่องอันใดระหว่างตระกูลหวงและข้ากัน” เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย

 

“ฮ่า ๆ นายน้อยสี่ ท่านผู้นําได้เชิญท่าน ด้วยเหตุผลบางประการ ที่พวกเราทั้งสองก็ไม่รู้ นายน้อยสี่ ตระกูลหวงของเรา รับรองว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นอะไรที่เป็นอันตรายกับท่านอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสเฟิงกล่าวขึ้น

 

“ใช่ นายน้อยสี่ ตระกูลหวงของเราไม่คิดจะเป็นศัตรูแก่ท่าน ไม่เพียงแต่ท่านผู้นําปรารถนาที่จะได้พบท่าน คุณหนูของเราก็ปรารถนาที่จะได้พบกับครั้งอีกคราเช่นกัน” ผู้อาวุโสหยุนถอนหายใจ ” หากว่าคุณหนูของเราไม่ติดธุระที่จะต้อนรับคนที่บ้าน ข้าเกรงว่านางจะต้องมาหาก่อนเป็นแน่”

 

ได้ยินผู้อาวุโสหยุนกล่าวถึงคุณหนู ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินหวน คิดถึงคุณหนูชุดเหลืองที่งดงามหาผู้ใดเปรียบมิได้ ขณะที่เขาเริ่มคิดถึงช่วงเวลายามเมื่องานชุมนุมทหารรับจ้าง เขาถามอย่างไม่ทันรู้ตัว “เป็นหวงหลวนหรือ? ”

 

“มันถูกต้องแล้ว เป็นคุณหนูหวงหลวน นายน้อยสี่ คุณหนูคิดถึงท่านทุกเช้าค่ํา หากว่าท่านมาถึงตระกูลหวง ก็ได้โปรดไปพบกับนาง” ผู้อาวุโสหยุนถอนหายใจด้วยท่าทีที่ซับซ้อนบนใบหน้า

 

เจี้ยนเฉินนั่งลง ชั่วขณะหนึ่งในห้วงความคิด ก่อนที่จะพยักหน้าลง “ถูกต้องแล้ว จากนั้น ข้าจะไปเยี่ยมตระกูลหวง แล้วพวกท่านจะออกเดินทางเมื่อไหร่?”

 

ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสทั้งสองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นทัน ที่ “นายน้อยสี่ หากว่าไม่มีธุระอันใดสําคัญ จากนั้นแล้ว พวก เราจะไปกันในยามนี้”

 

“ตอนนี้ ไม่เร็วเกินไปหรือ ? “ เจี้ยนเฉินตกตะลึง

 

ผู้อาวุโสเฟิงผงกศีรษะลง” แท้จริงแล้ว นั่นนับตื่นต ระหนกเกินไป ด้วยคุณหนูของเราประสบกับความลําบากใจ บางอย่างและปรารถนาที่จะได้พบกับท่าน ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากเราไปก่อน มันจะเป็นการดี”

 

ได้ยินผู้อาวุโสเฟิงกล่าว เจี้ยนเฉินก็เข้าใจในทันที “จากนั้นแล้ว โปรดรอข้าชั่วขณะ ข้าจะไปบอกลาครอบครัวของข้า”

 

ไม่กี่ชั่วยามหลังจากนั้น เจี้ยนเฉินได้กล่าวอําลาทุกคนและติดตามผู้อาวุโสทั้งสองออกจากตระกูลเจียงหยาง พร้อมกับทั้งสาม เสียวเทียน ฉิงเส้าฟาน เกาอวี่ฉิน ตงยีจุนปาย และเทียนลั่ว เข้ามาพร้อมกับเจี้ยนเฉิน่ 

 

หลังจากทั้งห้าออกจากตระกูลหวง ตามความคิดของฉันจี้ ยามเมื่อฉันจี้ได้ยินเจี้ยนเฉินจะไปยังตระกูลหวง ทันใดนั้น เขาก็ห่วงความปลอดภัยของเจี้ยนเฉิน เขาได้ให้เจี้ยนเฉินนําที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าไปกับเขา ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ไม่มีทางเลือก นอกจากทําตามประสงค์ของฉินจีนําพาคนทั้งห้า เพื่อติดตามไปด้วย

 

มันเป็นระยะทาง 30,000 กิโลเมตรจากอาณาจักรเกอซุนไปยังตระกูลหวง เจี้ยนเฉินและที่ปรึกษาจักรพรรดิใช้เวลาเดินทางเพียงแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนติดตามผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนที่มาถึงบ้านของพวกเขา

 

ตระกูลหวงเป็นตระกูลทรงอํานาจและตั้งอยู่บนยอดเขา ที่สวยงามและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ในช่วงเวลานั้น เจี้ยนเฉินและคนอื่นๆร่อนลง พวกเขาเห็นสิ่งก่อสร้างที่ยืนหยัดอยู่เหนือภูเขา

 

ขณะที่พวกเขาใกล้เข้ามา เซียนสวรรค์ทั้งสองบินลงที่ลานบ้าน และหยุดลงที่ด้านหน้าของผู้อาวุโสทั้งสอง ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิง

 

ชายวัยกลางคนทั้งสองหยัดยืนด้วยใบหน้าที่แข็งกร้าว ราวกับดวงตาของเสือ ทรงอํานาจยามเมื่อมองไปยังพวกเขา

 

เจี้ยนเฉินกวาดตามองชายทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าเขา เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ว่าชายทั้งสองอยู่ในระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 4 เท่านั้น

 

“ดังนั้น เป็นผู้อาวุโสหยุนและเฟิงนี่เอง” ชายทั้งสองป้องมือทั้งสองของเขาขึ้น ก่อนที่จะกวาดสายตาหันกลับมองเจี้ยนเฉินและที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้า

 

ชายชราทั้งสองหันกลับมาต้อนรับ ก่อนจะมองไปโดยรอบเจี้ยนเฉิน “นายน้อยสี่ นี่คือผู้อาวุโสทั้งสองแห่งตระกูลหวง ชายทั้งสองเป็นพี่น้องมีนามว่าหวงหลานและหวงเฟิง”

 

“ข้านี้มีนามว่าเจี้ยนเฉิน ยินดีที่ได้พบท่าน “เจี้ยนเฉินกล่าวออกด้วยรอยยิ้มจางๆ และป้องมือเข้าด้วยกัน ขณะที่ชายทั้งห้าป้องมือของเขาเข้าด้วยกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งเสียง

 

ผู้อาวุโสเฟิงยังคงกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสหวงหลานและหวงเฟิง ทั้งห้าคนนี้ ดํารงตําแหน่งอันทรงเกียรติในอาณาจักรฉินหวง และได้รับการเชิญโดยท่านผู้นํา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 515

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 515 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เทพกระบีมรณะ (chaotic sword god)

 

เทพกระบี่มรณะ – 515

 

ตอนที่ 515 – การเยี่ยมเยียนของผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุน

 

ในสถานการณ์สําหรับตระกูลเจียงหยางในอาณาจักรเกอซุนนั้นไปไกลกว่าแต่ก่อน ระเบียบแบบแผนนั้นมีความสัมพันธ์เป็นอย่างยิ่ง และทุกๆครั้งที่มีการจัดงานเฉลิมฉลองภายในอาณาจักรจะมีการเชิญชวน แม้กระทั่งสํานักหัวหยุน ที่เคยมีปัญหากับตระกูลเจียงหยางก็ยังไม่เป็นข้อยกเว้น

 

ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะปฏิเสธการเชิญในวันแรก หลังจากที่เทียบเชิญถูกส่งออกไป ผู้คนจํานวนมากก็เริ่มที่จะปรากฏตัวที่เมืองลอร์ ผู้คนทั้งหมดนั้นต่างก็เป็นบุคคลใหญ่โตและเป็นตัวแทนของตระกูลหรือครอบครัว และพวกเขาให้ความเคารพอย่างมากต่อตระกูลเจียงหยาง ขณะที่พวกเขาพยายามที่จะทําอย่างดีที่สุดเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับพวกเขา

 

ในเวลานี้ผู้ที่อยู่อาศัยในอาณาจักรเกอซุนนั้นไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะไม่รู้เกี่ยวกับสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างอาณาจักรฉินหวงและอาณาจักรเกอซุนกับอาณาจักรอินทรีสวรรค์ อาณาจักรโดยรอบทั้งหมดต่างก็ได้รับรู้ข้อมูลโดยทั่วกัน มันเป็นฟันเฟืองขนาดใหญ่ที่ส่งผลกับทุกสิ่ง แม้กระทั่งการเคลื่อนทัพของกองทัพเทพดาบตะวันออกนั้นก็ได้รับการตรวจสอบ ก่อนที่ทุกคนจะสรุปได้ว่าเหตุใดอาณาจักรฉินหวงถึงต้องช่วยอาณาจักรเกอซุน นั้นมันเนื่องมาจากตระกูลเจียงหยาง

 

เพราะฉะนั้นแล้ว แม้กระทั่งผู้คนที่ไม่ได้รับเชิญเข้าสู่งานเฉลิมฉลองของตระกูลเจียงหยางต่างก็ปรากฏตัวขึ้นริมถนน ที่ซึ่งผู้คนเหล่านั้นต่างก็เตรียมของขวัญล้ําค่าเพื่อส่งเข้าไปในตระกูล ขุนนางทั้งหมดได้ปรากฏตัวขึ้นที่เมืองลอร์ โรงเตี้ยมทุกแห่งภายในเมืองต่างก็มีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดในประวัติศาสตร์ธุรกิจของพวกเขา บางโรงเตี้ยมต่างก็เต็มภายในวันเดียว ด้วยขุมพลังอํานาจของทหารรับจ้างที่ไม่มีทางเลือก จําต้องกางกระโจมอยู่ด้านนอกเมืองแทน

 

แขกรับเชิญได้มาถึงช้าไป ต่างก็มองด้วยความรู้สึกอับจนหนทาง ขณะที่พวกเขามองไปที่โรงเตี้ยมซึ่งเต็ม ในที่สุด เขาก็ต้องทําเช่นเดียวกับเหล่าทหารรับจ้างและกางกระโจมอยู่ด้านนอกด้วยความจํายอม

 

ผู้คนที่มาถึงเพื่อที่จะยินดีกับตระกูลเจียงหยางต่างได้รับการต้อนรับอย่างสุภาพจากเจียงไป เขาได้ขยายการจัดเลี้ยงสู่ถนนรอบนอก ที่ซึ่งในยามนี้มันเต็มไปด้วยโต๊ะนับพันและพ่อครัวทุกคนภายในเมืองลอร์ต่างก็ถูกจ้างมาเพื่อช่วย

 

สามวันหลังจากนั้น งานเลี้ยงภายในตระกูลเจียงหยางในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้น โดยเจียงหยางป้านั้นเป็นประธานในงานเฉลิมฉลอง ขณะที่เจียนเฉินซ่อนตัวจากสายตาของทุกคน ทําให้ผู้คนจํานวนมากที่มองหาเจี้ยนเฉินต่างก็พากันผิดหวัง

 

งานเฉลิมฉลองภายในตัวคฤหาสน์ถูกจัดขึ้นอย่างใหญ่โต แค่มันไม่ได้ยาวนานนัก หลังจากวันเดียว มันก็จบลง ในวันที่สอง บุคคลที่ถูกเชิญมาต่างก็ทยอยกันจากไปทีละคน

 

หลังจากที่งานเฉลิมฉลองจบลง ผู้คนในตระกูลเจียงหยางในที่สุดก็เริ่มเคลื่อนตัวจากไปและถอนกําลังทหาร ตระกูลเจียงหยางที่เป็นที่รู้จักกันดี ไม่มีบุคคลใดในอาณาจักรเกอซุนกล้าที่จะเป็นอริกับพวกเขา พวกเขาใช้เวลาอยู่หลายวันเพื่อที่จะทํา

 

ภายในใจกลางสิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ของตระกูลเจียงหยาง ที่ซึ่งโถงหลักที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเจี้ยนเฉิน ที่ซึ่งมันถูกจัดเตรียมโดยเหล่าผู้อาวุโสในตระกูล ที่ซึ่งมันเป็นสถานที่พิเศษที่ให้เจี้ยนเฉินใช้มัน และไม่เพียงแต่มันงดงามแต่ทว่าการออกแบบภายในมันก็ถูกสร้างให้กว้างขวางนัก

 

ในขณะนั้น เจี้ยนเฉิน โหยวเยว่ หมิงตง ฉินจี้ ตู่กูเฟิง หยุนเจิ้ง และผู้อาวุโสอันที่ซึ่งทั้งหมดรวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะกลม

 

ในขณะนั้นเอง ทหารวิ่งเข้ามาภายใน รายงานนายน้อยสี่ ผู้อาวุโส 2 คน ได้มาเยือนพวกเขามีนามว่า ผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนมาเพื่อมาพบท่าน”

 

“อะไรนะ? ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิง” เจี้ยนเฉินตกตะลึง เนื่องด้วยสองอาวุโสนี้มาจากตระกูลหวง แต่เขาไม่เคยคิดว่าทั้งสองนั้นจะสามารถสืบหาภูมิหลังของเขาได้

 

” หรือว่าพวกเขามาที่นี่เนื่องด้วยโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฏ” เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดด้วยท่าทีที่มืดลง

 

“เจี้ยนเฉิน ใครคือผู้อาวุโสทั้งสอง ? พวกเขาเป็นมิตรหรือศัตรู ? ” หมิงตงถาม

 

เจี้ยนเฉินมีท่าทีลังเลใจ ก่อนที่จะกล่าวขึ้น “เรื่องราวนี้มันสืบเนื่องมาจากอดีต ทุกคนนั่งตรงนี้ชั่วขณะเถิด ข้าต้องขอตัวก่อน” เมื่อกล่าวจบ เจี้ยนเฉินพลันเดินออกจากห้องไปที่ประตูของตระกูลเจียงหยาง ที่ซึ่งผู้อาวุโสเฟิงและผู้อาวุโสหยุนทั้งสองคนรอคอยอยู่ พวกเขาทั้งสองหยุดยืนด้วยรอยยิ้มบางๆ และให้บรรยากาศที่เป็นมิตรยิ่ง

 

“ท่านผู้อาวุโส ลมอันใดถึงพัดท่านมายังบ้านของข้าในยามนี้ ข้าผู้นี้รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก” เจี้ยนเฉินป้องมือของเขา ด้วยรอยยิ้ม เป็นการต้อนรับคนทั้งสอง

 

“ฮ่า ฮ่า นายน้อยสี่มาต้อนรับเราถึงนี่ เหตุใดจึงไม่เชิญพวกเราเข้าไปเล่า ? “ อาวุโสเฟิงป้องมือของเขาขึ้นตอบกลับ ใช้สรรพนาม ”นายน้อยสี่” แทนชื่อเจี้ยนเฉิน

 

“ผู้อาวุโส ยินดีต้อนรับพวกท่าน โปรดเข้ามาข้างใน” เจี้ยนเฉินส่งรอยยิ้มและนําทางทั้งสองเข้ามาภายในตระกูล

 

ภายในห้องส่วนตัว บุรุษทั้งสามนั่งลง ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะกล่าวขึ้นอย่างตรงไปตรงมา “ท่านผู้อาวุโส ข้าเดาว่าท่านไม่ได้มาที่นี่เพราะโครงกระดูกเซียนผู้คุมกฎ”

 

ผู้อาวุโสทั้งสองหัวเราะออกมาด้วยท่าทีปราณีก่อนที่อาวุโสเฟิงจะตอบออก ”นายน้อยสี่ เข้าใจผิดแล้ว พวกเราทั้งสองมาเพื่อเยี่ยมเยือนท่านและมันไม่ใช่เพราะโครงกระดูก ไม่ว่าอย่างไร ท่านก็เป็นผู้มีพระคุณสําหรับตระกูลหวงของเรา ขณะที่โครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฏมีความสําคัญ ตระกูลหวงนั้นก็ไม่คิดจะกระทําเรื่องเช่นนั้นกับมิตรสหายของเรา และเราก็ไม่คิดจะกระทําการใดที่จะเป็นศัตรูของอาณาจักรฉินหวง พวกเราย่อมไม่กล้าที่จะล่วงเกินผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวง”

 

ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายแสงอ่อนๆ เขาไม่คิดว่าตระกูลหวงจะสามารถค้นพบว่า เขานั้นเป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินหวงได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้น

 

เมื่อเขาได้ยินว่าตระกูลหวงไม่ได้มาที่นี่เพื่อโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ เจี้ยนเฉินก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งใจ ด้วยช่วงเวลาสั้นแห่งความลังเลใจ เขากล่าว ” หากว่าไม่ได้เป็นโครงกระดูกของเซียนผู้คุมกฎ จากนั้นแล้ว เรื่องอะไรที่ทําให้ท่านทั้งสองมายังที่แห่งนี้”

 

“ฮ่าๆ นายน้อยสี่ พวกเรามาที่นี่เพียงเพราะท่านผู้นําของเราปรารถนาที่จะเชิญท่านเป็นแขกอันทรงเกียรติของตระกูลหวงของเรา” อาวุโสเฟิงยิ้มออก

 

” ท่านปรารถนาที่จะเชิญข้าไปเป็นแขกของตระกูลหวง มันมีเรื่องอันใดระหว่างตระกูลหวงและข้ากัน” เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย

 

“ฮ่า ๆ นายน้อยสี่ ท่านผู้นําได้เชิญท่าน ด้วยเหตุผลบางประการ ที่พวกเราทั้งสองก็ไม่รู้ นายน้อยสี่ ตระกูลหวงของเรา รับรองว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นอะไรที่เป็นอันตรายกับท่านอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสเฟิงกล่าวขึ้น

 

“ใช่ นายน้อยสี่ ตระกูลหวงของเราไม่คิดจะเป็นศัตรูแก่ท่าน ไม่เพียงแต่ท่านผู้นําปรารถนาที่จะได้พบท่าน คุณหนูของเราก็ปรารถนาที่จะได้พบกับครั้งอีกคราเช่นกัน” ผู้อาวุโสหยุนถอนหายใจ ” หากว่าคุณหนูของเราไม่ติดธุระที่จะต้อนรับคนที่บ้าน ข้าเกรงว่านางจะต้องมาหาก่อนเป็นแน่”

 

ได้ยินผู้อาวุโสหยุนกล่าวถึงคุณหนู ทันใดนั้นเจี้ยนเฉินหวน คิดถึงคุณหนูชุดเหลืองที่งดงามหาผู้ใดเปรียบมิได้ ขณะที่เขาเริ่มคิดถึงช่วงเวลายามเมื่องานชุมนุมทหารรับจ้าง เขาถามอย่างไม่ทันรู้ตัว “เป็นหวงหลวนหรือ? ”

 

“มันถูกต้องแล้ว เป็นคุณหนูหวงหลวน นายน้อยสี่ คุณหนูคิดถึงท่านทุกเช้าค่ํา หากว่าท่านมาถึงตระกูลหวง ก็ได้โปรดไปพบกับนาง” ผู้อาวุโสหยุนถอนหายใจด้วยท่าทีที่ซับซ้อนบนใบหน้า

 

เจี้ยนเฉินนั่งลง ชั่วขณะหนึ่งในห้วงความคิด ก่อนที่จะพยักหน้าลง “ถูกต้องแล้ว จากนั้น ข้าจะไปเยี่ยมตระกูลหวง แล้วพวกท่านจะออกเดินทางเมื่อไหร่?”

 

ในขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสทั้งสองก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นทัน ที่ “นายน้อยสี่ หากว่าไม่มีธุระอันใดสําคัญ จากนั้นแล้ว พวก เราจะไปกันในยามนี้”

 

“ตอนนี้ ไม่เร็วเกินไปหรือ ? “ เจี้ยนเฉินตกตะลึง

 

ผู้อาวุโสเฟิงผงกศีรษะลง” แท้จริงแล้ว นั่นนับตื่นต ระหนกเกินไป ด้วยคุณหนูของเราประสบกับความลําบากใจ บางอย่างและปรารถนาที่จะได้พบกับท่าน ในช่วงเวลาเช่นนี้ หากเราไปก่อน มันจะเป็นการดี”

 

ได้ยินผู้อาวุโสเฟิงกล่าว เจี้ยนเฉินก็เข้าใจในทันที “จากนั้นแล้ว โปรดรอข้าชั่วขณะ ข้าจะไปบอกลาครอบครัวของข้า”

 

ไม่กี่ชั่วยามหลังจากนั้น เจี้ยนเฉินได้กล่าวอําลาทุกคนและติดตามผู้อาวุโสทั้งสองออกจากตระกูลเจียงหยาง พร้อมกับทั้งสาม เสียวเทียน ฉิงเส้าฟาน เกาอวี่ฉิน ตงยีจุนปาย และเทียนลั่ว เข้ามาพร้อมกับเจี้ยนเฉิน่ 

 

หลังจากทั้งห้าออกจากตระกูลหวง ตามความคิดของฉันจี้ ยามเมื่อฉันจี้ได้ยินเจี้ยนเฉินจะไปยังตระกูลหวง ทันใดนั้น เขาก็ห่วงความปลอดภัยของเจี้ยนเฉิน เขาได้ให้เจี้ยนเฉินนําที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้าไปกับเขา ในที่สุดเจี้ยนเฉินก็ไม่มีทางเลือก นอกจากทําตามประสงค์ของฉินจีนําพาคนทั้งห้า เพื่อติดตามไปด้วย

 

มันเป็นระยะทาง 30,000 กิโลเมตรจากอาณาจักรเกอซุนไปยังตระกูลหวง เจี้ยนเฉินและที่ปรึกษาจักรพรรดิใช้เวลาเดินทางเพียงแค่หนึ่งวันหนึ่งคืนติดตามผู้อาวุโสทั้งสอง ก่อนที่มาถึงบ้านของพวกเขา

 

ตระกูลหวงเป็นตระกูลทรงอํานาจและตั้งอยู่บนยอดเขา ที่สวยงามและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ในช่วงเวลานั้น เจี้ยนเฉินและคนอื่นๆร่อนลง พวกเขาเห็นสิ่งก่อสร้างที่ยืนหยัดอยู่เหนือภูเขา

 

ขณะที่พวกเขาใกล้เข้ามา เซียนสวรรค์ทั้งสองบินลงที่ลานบ้าน และหยุดลงที่ด้านหน้าของผู้อาวุโสทั้งสอง ผู้อาวุโสหยุนและผู้อาวุโสเฟิง

 

ชายวัยกลางคนทั้งสองหยัดยืนด้วยใบหน้าที่แข็งกร้าว ราวกับดวงตาของเสือ ทรงอํานาจยามเมื่อมองไปยังพวกเขา

 

เจี้ยนเฉินกวาดตามองชายทั้งสองที่อยู่ด้านหน้าเขา เจี้ยนเฉินสัมผัสได้ว่าชายทั้งสองอยู่ในระดับเซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 4 เท่านั้น

 

“ดังนั้น เป็นผู้อาวุโสหยุนและเฟิงนี่เอง” ชายทั้งสองป้องมือทั้งสองของเขาขึ้น ก่อนที่จะกวาดสายตาหันกลับมองเจี้ยนเฉินและที่ปรึกษาจักรพรรดิทั้งห้า

 

ชายชราทั้งสองหันกลับมาต้อนรับ ก่อนจะมองไปโดยรอบเจี้ยนเฉิน “นายน้อยสี่ นี่คือผู้อาวุโสทั้งสองแห่งตระกูลหวง ชายทั้งสองเป็นพี่น้องมีนามว่าหวงหลานและหวงเฟิง”

 

“ข้านี้มีนามว่าเจี้ยนเฉิน ยินดีที่ได้พบท่าน “เจี้ยนเฉินกล่าวออกด้วยรอยยิ้มจางๆ และป้องมือเข้าด้วยกัน ขณะที่ชายทั้งห้าป้องมือของเขาเข้าด้วยกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งเสียง

 

ผู้อาวุโสเฟิงยังคงกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสหวงหลานและหวงเฟิง ทั้งห้าคนนี้ ดํารงตําแหน่งอันทรงเกียรติในอาณาจักรฉินหวง และได้รับการเชิญโดยท่านผู้นํา”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+