Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 523

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 523 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 523: การกลับมายังตระกูลหวง

เจี้ยนเฉินตกตะลึงเมื่อเห็นชายวัยกลางคนมาปรากฏตัวตรงหน้าเขา วิธีการเดินทางของลุงเทียนนั้นช่างแปลกเกินไปกว่าที่เจี้ยนเฉินจะเข้าใจได้ ระยะทางจากเมืองทหารรับจ้างนั้นห่างเป็นล้านกิโลเมตรจากที่นี่ หลังจากที่หมิงตงใช้หยกนั่น ไม่นานลุงเทียนก็ได้เดินทางมาที่นี่แค่เพียงเสี้ยวพริบตา

ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ ลุงเทียนทำการฉีกบรรยากาศสร้างประตูมิติขึ้นมา อีกอย่างประตูที่สร้างขึ้นมานั้นไม่ได้มีขนาดขนาดเล็กเลยสักนิด

นั่นเป็นเพราะประตูมิติไม่ควรสร้างขึ้นมาได้รวดเร็วได้ถึงเพียงนี้

ประตูมิติด้านหลังชายวัยกลางคนค่อย ๆ หายไป ทำให้มิติตรงรอบ ๆ ประตูนั่นเริ่มกลับเป็นปกติอย่างช้า ๆ ไม่มีใครผู้ใดสังเกตเห็นรอยแยกนั่นแม้แต่คนเดียว

ไม่มีพลังงานแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวแผ่ออกจากร่างกายของชายคนนี้ จากรูปร่างหน้าตาแล้ว เขาดูเหมือนคนหน้าตาทั่วไปไม่มีสิ่งใดพิเศษ นอกจากว่าการที่เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ นั่นทำให้เขาดูเหมือนเป็นบุคคลเหนือมนุษย์

“ลุงเทียน ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาเร็วถึงเพียงนี้ หยกที่ท่านมอบให้ข้าไว้ ช่างมีประโยชน์เสียจริง ๆ ! ” หมิงตงพูดอย่างตื่นเต้น เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความคิดถึง ในความคิดของหมิงตงแล้วนั้นลุงเทียนนี่เป็นบุคคลที่ทรงพลังและมีความสำคัญยิ่งกว่าพ่อแม่ของตนเองเสียอีก เหตุผลที่เขาประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้นั่นก็เพราะความเอาใจใส่ของลุงเทียน ลุงเทียนนั่นเองที่เปลี่ยนเขาจากพ่อค้าธรรมดาให้กลายเป็นเขาในตอนนี้ ไม่เพียงแต่พัฒนาจากระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปเป็นระดับเซียนปฐพีขั้นที่ 6 เขายังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในทวีปเทียนหยุนที่ยังครอบครองทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูง

ลุงเทียนค่อย ๆ ลอยลงมาที่พื้นและยิ้มอย่างเป็นมิตรไปที่หมิงตงเหมือนกับว่าเขาคิดถึงหลานชายคนนี้มาก เขายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูและพูดขึ้น “เด็กน้อย เจ้ามีเรื่องอะไรให้ลุงคนนี้ช่วย ? “

“ลุงเทียน น้องชายร่วมสาบานของข้าเจี้ยนเฉินมีบางอย่างอยากจะขอให้ท่านช่วย” หมิงตงพูดขึ้น

ลุงเทียนหันกลับไปที่เจี้ยนเฉินในตอนที่กำลังยิ้มอยู่ ทันใดนั้นสายตาเขาก็เพ่งไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่สายตานั้นจะเปล่งประกายออกมา เขาส่งเสียงแปลกใจออกมาพร้อมกับแสดงใบหน้าประหลาดใจ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีลำแสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากตาของเขาครอบคลุมตัวเจี้ยนเฉินไว้

เจี้ยนเฉินนั้นต้องการจะพูดบางอย่างออกไปแต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ดูเหมือนว่าแสงสีทองนี่จะทำให้เขาควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้ เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป

เหตุการณ์นั้นทำให้เจี้ยนเฉินตกตะลึงแต่เขาก็สงบจิตใจตนเองอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขารู้ว่าลุงเทียนนั้นจะไม่ทำสิ่งนี้อย่างไร้เหตุผล

การกระทำของเซียนผู้คุมกฎนั้นทำให้ใบหน้าของหมิงตงซีดขาวพร้อมกับร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก “ลุงเทียน ท่านกำลังทำสิ่งใด…”

ก่อนที่หมิงตงจะพูดจบ ลุงเทียนก็ได้ยกมือขึ้นเพื่อห้ามเขาพร้อมกับเปล่งเสียงอันสงบราบเรียบออกมา “อย่ากังวล ข้าเพียงแค่อยากจะดูสภาพของร่างกายของเขาในตอนนี้ ข้าไม่ได้จะทำร้ายเขา”

เมื่อได้ยินดังนั้น หมิงตงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก — เขาคิดว่าลุงเทียนนั้นจะทำร้ายเจี้ยนเฉิน

ไม่นานแสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างกายเจี้ยนเฉินก็ได้หายไป แสงสีทองจากตาของเซียนผู้คุ้มกฎนั้นหายกลับไปเป็นปกติ เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ว่าเขาสามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกทำร้ายแต่นั่นก็ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนโดนกระสุนเจาะทะลุร่างกายตนเองอยู่ เขาไม่รู้ว่าลุงเทียนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่สิ่งที่ลุงเทียนนั้นทำนั้นทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกหวาดกลัว ถ้าแค่เพียงมองแค่แวบเดียวนั้นสามารถทำให้เจี้ยนเฉินไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของลุงเทียนนั้นมากมายเกินกว่าที่จะคาดเดาได้

คิ้วของลุงเทียนขมวดเข้าหากันพร้อมกับสายตาที่เปล่งประกายจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉิน เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างสงสัย “อาวุธเซียนของเจ้านั้นพังทลายเช่นนั้นหรือ ? “

ใจของเจี้ยนเฉินเกือบจะทะลุออกมาถึงลำคอ ความลับที่ว่าอาวุธเซียนของเขานั้นพังทลายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีเซียนผู้คุมกฎคนใดในอาณาจักรฉินหวงหรือตระกูลหวงทราบ ลุงเทียนกลับรู้สิ่งนี้แค่เพียงชำเลืองแค่แวบเดียวก็รู้ได้ถึงความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจี้ยนเฉิน แล้วนั่นจะไม่ให้เขารู้สึกแปลกใจได้อย่างไร ? ความจริงแล้วเจี้ยนเฉินเริ่มรู้สึกได้ว่าเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าลุงเทียน เขาไม่สามารถมีความลับปิดบังใด ๆ ต่อชายผู้นี้ได้

เจีงเฉิยนป้องมือและคารวะอย่างสุภาพ “ผู้เยาว์ เจี้ยนเฉินคารวะผู้อาวุโส ผู้อาวุโสพูดได้ถูกต้องแล้วว่าอาวุธเซียนของข้านั้นพังลงไปแล้ว”

“ช่างน่ามหัศจรรย์ ! แม้ว่าอาวุธเซียนของเจ้าจะพังทลายลง แต่ความแข็งแกร่งและจิตใจของเจ้ากลับเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้ว่าสายตาข้าจะไม่เห็นว่าสิ่งใดที่ทำให้มันเป็นเช่นนี้ก็ตาม ! ” ลุงเทียนตอบกลับไป

คำพูดของเซียนผู้คุ้มกฎนั้นทำให้เจี้ยนเฉินตกตะลึงอีกครั้ง เขาไม่คิดว่าแม้แต่ความเข้มแข็งของจิตใจเขาก็ถูกชายคนนี้มองออกได้แค่เพียงการชำเลืองมอง แต่เขาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากคำพูดของเซียนผู้คุมกฎนั้นไม่ได้บอกถึงการที่เขาเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณกระบี่สีม่วง-ฟ้า

“มันเป็นอย่างที่ท่านผู้อาวุโสได้พูด ผู้เยาว์ได้พบของบางอย่างทำให้ข้านั้นแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นแม้ว่าอาวุธเซียนนั้นจะได้พังทลายลงไปแล้ว” เจี้ยนเฉินตอบกลับด้วยความเคารพ

ลุงเทียนพยักหน้าโดยที่สายตาทั้งสองยังคงจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉิน เขาทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น “ด้วยความเข้มข้นของพลังงานของเจ้า ตอนนี้เจ้าคงสามารถควบคุมพลังงานของโลกได้แล้ว ข้าไม่คาดเลยว่าตั้งแต่ที่พวกเราได้พบกันเมื่อครึ่งปีที่แล้ว เจ้าจะมาถึงระดับนี้ได้ การพัฒนาของเจ้าช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง ๆ” ลุงเทียนหยุดสักพักและเดินไปนั่งที่โต๊ะ “บอกข้ามาว่าทำไมเจ้าถึงอยากได้การช่วยเหลือจากข้ามากนัก”

เจี้ยนเฉินตอบกลับด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์คนนี้มีเรื่องอยากให้ผู้อาวุโสช่วยตรวจสอบ” เมื่อพูดเช่นนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้เริ่มเล่าเรื่องของตระกูลหวงให้กับลุงเทียนได้ฟัง

ตอนนี้หมิงตงค่อนข้างกระวนกระวาย เขากังวลว่าลุงของเขาจะปฏิเสธคำขอของเจี้ยนเฉิน หมิงตงรีบอ้อนวอนทันที “ลุงเทียน เจี้ยนเฉินนั้นเป็นพี่น้องร่วมสาบานของข้า ถ้าข้าไม่ได้เจี้ยนเฉินช่วยไว้ในอดีต ข้าคงไม่มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ ตอนนี้น้องชายข้ากำลังเผชิญกับปัญหา ท่านต้องช่วยน้องชายของข้านะ”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหมิงตง เซียนผู้คุมกฎก็ถอนหายใจออกมา “ข้าได้วางแผนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ข้าจะช่วยแค่เพียงครั้งเดียว เนื่องจากเจี้ยนเฉินนั้นเคยช่วยชีวิตเจ้ามาก่อน”

เจี้ยนเฉินไม่สามารถควบคุมอารมณ์แห่งความปิติของตนเองได้เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาป้องมือเข้าหากันและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับการช่วยเหลือ ! “

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เจี้ยนเฉินค่อนข้างมีพรสวรรค์ในเรื่องทักษะ อันที่จริงเจ้าแข็งแกร่งกว่าหมิงตงหลายเท่านัก ข้าหวังว่าเมื่อตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าจะคอยดูแลหมิงตงแทนข้า” เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ท่านผู้อาวุโส ผู้เยาวน์คนนี้และหมิงตงนั้นเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แม้ว่าผู้อาวุโสจะไม่พูดเช่นนั้น อย่างไรผู้เยาว์ก็ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว” เจี้ยนเฉินพูดออกไปด้วยความสัตย์จริง

หมิงตงรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินคำพูดของลุงเทียนและเริ่มบ่นออกมา “ลุงเทียน ท่านทำเหมือนข้ายังคงเป็นเด็กอยู่”

ลุงเทียนยิ้มออกมา “ไม่มีเวลาแล้ว อีกไม่นานพวกเราจะไปกันแล้ว และไม่นานยังไงพวกเราก็ต้องเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ เจี้ยนเฉิน ตระกูลหวงตั้งอยู่ในทิศทางใด ? “

“ประมาณ 700 กม.ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ! ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากเซียนผู้คุมกฎแล้ว บรรพชนตระกูลหวงคงไม่มีข้ออ้างใด ๆ อีก

เซียนผู้คุมกฎเงียบไปสักพักและตอบกลับ “ข้าได้เจอตำแหน่งที่ตั้งนั้นแล้ว ไปกันเถอะ”

“ขอรับ ผู้อาวุโส ! ” เจี้ยนเฉินรีบเดินออกนำหน้า หลังจากเดินออกไปได้หลายก้าว ทันใดนั้นร่างกายเขาก็แข็งทื่อ เขาหันกลับมามองที่ลุงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจ

เขาเห็นได้เพียงมือขวาของลุงเทียนนั้นค่อย ๆ ยกขึ้นก่อนที่จะวางไว้บนอกของตนเอง ไม่นานบรรยากาศข้าง ๆ เขาก็ได้บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง จากนั้นก็ได้มีหลุมดำค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่ตำแหน่งนั้น รอยแยกนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นประตูมิติ ทางเข้าของมันนั้นค่อนข้างคุ้นเคยสำหรับเจี้ยนเฉิน— ที่นั่นคือบ้านของบรรพชนแห่งตระกูลหวงที่เขาพำนักอยู่

“มันน่าจะเป็นที่นี่ ไปกันเถอะ ! ” ลุงเทียนพูดขึ้นก่อนจะโบกมือออกมา เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลจนเขาไม่สามารถต้านทานเขาได้ผลักเขาเข้าไปยังประตูมิตินั่นพร้อมกับหมิงตง

หลังจากที่ทั้งสามหายไป รอยแยกนั่นก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ บรรยากาศรอบ ๆ กลับกลายเป็นปกติอีกครั้ง ที่แตกต่างจากเดิมคือตอนนี้ทั้งสามได้หายตัวไปจากที่นี่โดยไม่มีเซียนสวรรค์ผู้ใดในตระกูลเจียงหยางรับรู้ได้เลย

……

ที่ที่พักของตระกูลหวงบนยอดภูเขา บรรพชนของตระกูลหวงยังคงฝึกตนตามปกติ เขานั่งอยู่บนม้านั่งและแสดงใบหน้าอย่างกับคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว ตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินจากไป เขาสงบจิตใจตนเองเพื่อฝึกฝนมิได้ ที่เขาคิดตอนนี้มีเพียงคำพูดที่ว่า “เซียนผู้คุมกฎอายุกว่า 5,000 ปี”

หลังจากที่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎมาหลายปี ผู้อาวุโสนั้นเข้าใจดีว่าการมีอยู่ของผู้คุ้มกฎอายุกว่า 5,000 ปีนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด บุคคลเช่นนี้หายากซะยิ่งกว่าหาคนธรรมดาในตระกูลโบราณหรือยากยิ่งกว่าการหาขนนกฟินิกซ์

บนทวีปเทียนหยุนไม่ว่าเซียนสวรรค์, เซียนผู้คุมกฎ, หรือที่อยู่สูงกว่าเซียนผู้คุมกฎ ทุกคนนั้นล้วนหลีกหนีอายุขัยตนเองไม่ได้

บนทวีปนี้อายุเฉลี่ยของมนุษย์นั้นมีประมาณ 200 ปี เซียนปฐพีนั้นมีอายุได้ถึง 500 ปีและเซียนสวรรค์นั้นมีอายุได้ถึง 1,000 ปี สำหรับเซียนผู้คุมกฎแล้วพวกเขาควรมีอายุได้ 3,000 ปี แม้แต่เซียนผู้คุมกฎขั้นที่ 9 ก็น่าจะมีอายุได้มากสุด 3,200 ปี ถ้าไม่ใช้ยาเพิ่มอายุขัยแล้วมันก็ยากจะขัดกฎพวกนี้ได้

เพื่อที่จะมีอายุถึง 5,000 ปีแล้วนั้น บุคคลนั้นต้องฝ่าระดับเซียนผู้คุมกฎไปได้ เซียนผู้คุมกฎนั้นไม่สามารถมีชีวิตได้ถึง 5,000 ปี ภายใต้กฎสวรรค์มีเพียงเซียนราชาหรือระดับสูงกว่านั้นที่มีอายุขัยยืนยาว

และเหตุผลนี้ทำให้ตอนที่ผู้อาวุโสได้ยินเจี้ยนเฉินอธิบายถึงเซียนผู้คุมกฎที่มีอายุ 5,000 ปี เขาได้เสียการควบคุมตนเองและยิ่งกว่ายินดีกับคำขอของเจี้ยนเฉินที่จะทำลายความสัมพันธ์กับตระกูลหวงกู่

และเมื่อเป็นเช่นนั้นการที่บรรพชนนั่งอยู่ที่นั่นถึง 2 วันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่สามารถสงบจิตใจตนเองลงเพื่อฝึกฝนได้ และจิตใจของเขากระวนกระวายอย่างมากว่าเจี้ยนเฉินสามารถขอให้บุคคลนั้นมาช่วยตระกูลหวงได้หรือไม่ ด้วยการที่มีผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นหนุนหลังให้กับตระกูลหวง พวกเขาคงเชิดหน้าชูตาต่อหน้าตระกูลโบราณได้

ในตอนที่บรรพชนนั่งอยู่บนม้านั่งด้วยความกังวล ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศตรงหน้าเขาเกิดบิดเบี้ยวขึ้นมา ทันใดนั้นประตูมิติก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มีชาย 3 คนเดินออกมาจากประตูมิตินั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 523

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 523 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 523: การกลับมายังตระกูลหวง

เจี้ยนเฉินตกตะลึงเมื่อเห็นชายวัยกลางคนมาปรากฏตัวตรงหน้าเขา วิธีการเดินทางของลุงเทียนนั้นช่างแปลกเกินไปกว่าที่เจี้ยนเฉินจะเข้าใจได้ ระยะทางจากเมืองทหารรับจ้างนั้นห่างเป็นล้านกิโลเมตรจากที่นี่ หลังจากที่หมิงตงใช้หยกนั่น ไม่นานลุงเทียนก็ได้เดินทางมาที่นี่แค่เพียงเสี้ยวพริบตา

ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ ลุงเทียนทำการฉีกบรรยากาศสร้างประตูมิติขึ้นมา อีกอย่างประตูที่สร้างขึ้นมานั้นไม่ได้มีขนาดขนาดเล็กเลยสักนิด

นั่นเป็นเพราะประตูมิติไม่ควรสร้างขึ้นมาได้รวดเร็วได้ถึงเพียงนี้

ประตูมิติด้านหลังชายวัยกลางคนค่อย ๆ หายไป ทำให้มิติตรงรอบ ๆ ประตูนั่นเริ่มกลับเป็นปกติอย่างช้า ๆ ไม่มีใครผู้ใดสังเกตเห็นรอยแยกนั่นแม้แต่คนเดียว

ไม่มีพลังงานแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวแผ่ออกจากร่างกายของชายคนนี้ จากรูปร่างหน้าตาแล้ว เขาดูเหมือนคนหน้าตาทั่วไปไม่มีสิ่งใดพิเศษ นอกจากว่าการที่เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศ นั่นทำให้เขาดูเหมือนเป็นบุคคลเหนือมนุษย์

“ลุงเทียน ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาเร็วถึงเพียงนี้ หยกที่ท่านมอบให้ข้าไว้ ช่างมีประโยชน์เสียจริง ๆ ! ” หมิงตงพูดอย่างตื่นเต้น เมื่ออยู่ต่อหน้าชายคนนี้น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความคิดถึง ในความคิดของหมิงตงแล้วนั้นลุงเทียนนี่เป็นบุคคลที่ทรงพลังและมีความสำคัญยิ่งกว่าพ่อแม่ของตนเองเสียอีก เหตุผลที่เขาประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้นั่นก็เพราะความเอาใจใส่ของลุงเทียน ลุงเทียนนั่นเองที่เปลี่ยนเขาจากพ่อค้าธรรมดาให้กลายเป็นเขาในตอนนี้ ไม่เพียงแต่พัฒนาจากระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษไปเป็นระดับเซียนปฐพีขั้นที่ 6 เขายังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนในทวีปเทียนหยุนที่ยังครอบครองทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ขั้นสูง

ลุงเทียนค่อย ๆ ลอยลงมาที่พื้นและยิ้มอย่างเป็นมิตรไปที่หมิงตงเหมือนกับว่าเขาคิดถึงหลานชายคนนี้มาก เขายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดูและพูดขึ้น “เด็กน้อย เจ้ามีเรื่องอะไรให้ลุงคนนี้ช่วย ? “

“ลุงเทียน น้องชายร่วมสาบานของข้าเจี้ยนเฉินมีบางอย่างอยากจะขอให้ท่านช่วย” หมิงตงพูดขึ้น

ลุงเทียนหันกลับไปที่เจี้ยนเฉินในตอนที่กำลังยิ้มอยู่ ทันใดนั้นสายตาเขาก็เพ่งไปที่เจี้ยนเฉินก่อนที่สายตานั้นจะเปล่งประกายออกมา เขาส่งเสียงแปลกใจออกมาพร้อมกับแสดงใบหน้าประหลาดใจ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีลำแสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากตาของเขาครอบคลุมตัวเจี้ยนเฉินไว้

เจี้ยนเฉินนั้นต้องการจะพูดบางอย่างออกไปแต่ก่อนที่เขาจะอ้าปาก เขาก็ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ ดูเหมือนว่าแสงสีทองนี่จะทำให้เขาควบคุมร่างกายตนเองไม่ได้ เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป

เหตุการณ์นั้นทำให้เจี้ยนเฉินตกตะลึงแต่เขาก็สงบจิตใจตนเองอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขารู้ว่าลุงเทียนนั้นจะไม่ทำสิ่งนี้อย่างไร้เหตุผล

การกระทำของเซียนผู้คุมกฎนั้นทำให้ใบหน้าของหมิงตงซีดขาวพร้อมกับร้องออกมาอย่างตื่นตระหนก “ลุงเทียน ท่านกำลังทำสิ่งใด…”

ก่อนที่หมิงตงจะพูดจบ ลุงเทียนก็ได้ยกมือขึ้นเพื่อห้ามเขาพร้อมกับเปล่งเสียงอันสงบราบเรียบออกมา “อย่ากังวล ข้าเพียงแค่อยากจะดูสภาพของร่างกายของเขาในตอนนี้ ข้าไม่ได้จะทำร้ายเขา”

เมื่อได้ยินดังนั้น หมิงตงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก — เขาคิดว่าลุงเทียนนั้นจะทำร้ายเจี้ยนเฉิน

ไม่นานแสงสีทองที่ห่อหุ้มร่างกายเจี้ยนเฉินก็ได้หายไป แสงสีทองจากตาของเซียนผู้คุ้มกฎนั้นหายกลับไปเป็นปกติ เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ว่าเขาสามารถควบคุมร่างกายตนเองได้อีกครั้ง

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถูกทำร้ายแต่นั่นก็ทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกเหมือนโดนกระสุนเจาะทะลุร่างกายตนเองอยู่ เขาไม่รู้ว่าลุงเทียนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่สิ่งที่ลุงเทียนนั้นทำนั้นทำให้เจี้ยนเฉินรู้สึกหวาดกลัว ถ้าแค่เพียงมองแค่แวบเดียวนั้นสามารถทำให้เจี้ยนเฉินไม่สามารถควบคุมร่างกายตนเองได้ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของลุงเทียนนั้นมากมายเกินกว่าที่จะคาดเดาได้

คิ้วของลุงเทียนขมวดเข้าหากันพร้อมกับสายตาที่เปล่งประกายจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉิน เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าอย่างสงสัย “อาวุธเซียนของเจ้านั้นพังทลายเช่นนั้นหรือ ? “

ใจของเจี้ยนเฉินเกือบจะทะลุออกมาถึงลำคอ ความลับที่ว่าอาวุธเซียนของเขานั้นพังทลายนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีเซียนผู้คุมกฎคนใดในอาณาจักรฉินหวงหรือตระกูลหวงทราบ ลุงเทียนกลับรู้สิ่งนี้แค่เพียงชำเลืองแค่แวบเดียวก็รู้ได้ถึงความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจี้ยนเฉิน แล้วนั่นจะไม่ให้เขารู้สึกแปลกใจได้อย่างไร ? ความจริงแล้วเจี้ยนเฉินเริ่มรู้สึกได้ว่าเมื่อเขาอยู่ต่อหน้าลุงเทียน เขาไม่สามารถมีความลับปิดบังใด ๆ ต่อชายผู้นี้ได้

เจีงเฉิยนป้องมือและคารวะอย่างสุภาพ “ผู้เยาว์ เจี้ยนเฉินคารวะผู้อาวุโส ผู้อาวุโสพูดได้ถูกต้องแล้วว่าอาวุธเซียนของข้านั้นพังลงไปแล้ว”

“ช่างน่ามหัศจรรย์ ! แม้ว่าอาวุธเซียนของเจ้าจะพังทลายลง แต่ความแข็งแกร่งและจิตใจของเจ้ากลับเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อน แม้ว่าสายตาข้าจะไม่เห็นว่าสิ่งใดที่ทำให้มันเป็นเช่นนี้ก็ตาม ! ” ลุงเทียนตอบกลับไป

คำพูดของเซียนผู้คุ้มกฎนั้นทำให้เจี้ยนเฉินตกตะลึงอีกครั้ง เขาไม่คิดว่าแม้แต่ความเข้มแข็งของจิตใจเขาก็ถูกชายคนนี้มองออกได้แค่เพียงการชำเลืองมอง แต่เขาก็รู้สึกมั่นใจขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากคำพูดของเซียนผู้คุมกฎนั้นไม่ได้บอกถึงการที่เขาเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณกระบี่สีม่วง-ฟ้า

“มันเป็นอย่างที่ท่านผู้อาวุโสได้พูด ผู้เยาว์ได้พบของบางอย่างทำให้ข้านั้นแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นแม้ว่าอาวุธเซียนนั้นจะได้พังทลายลงไปแล้ว” เจี้ยนเฉินตอบกลับด้วยความเคารพ

ลุงเทียนพยักหน้าโดยที่สายตาทั้งสองยังคงจ้องมองมาที่เจี้ยนเฉิน เขาทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น “ด้วยความเข้มข้นของพลังงานของเจ้า ตอนนี้เจ้าคงสามารถควบคุมพลังงานของโลกได้แล้ว ข้าไม่คาดเลยว่าตั้งแต่ที่พวกเราได้พบกันเมื่อครึ่งปีที่แล้ว เจ้าจะมาถึงระดับนี้ได้ การพัฒนาของเจ้าช่างน่าอัศจรรย์เสียจริง ๆ” ลุงเทียนหยุดสักพักและเดินไปนั่งที่โต๊ะ “บอกข้ามาว่าทำไมเจ้าถึงอยากได้การช่วยเหลือจากข้ามากนัก”

เจี้ยนเฉินตอบกลับด้วยความเคารพ “ผู้อาวุโส ผู้เยาว์คนนี้มีเรื่องอยากให้ผู้อาวุโสช่วยตรวจสอบ” เมื่อพูดเช่นนั้นเจี้ยนเฉินก็ได้เริ่มเล่าเรื่องของตระกูลหวงให้กับลุงเทียนได้ฟัง

ตอนนี้หมิงตงค่อนข้างกระวนกระวาย เขากังวลว่าลุงของเขาจะปฏิเสธคำขอของเจี้ยนเฉิน หมิงตงรีบอ้อนวอนทันที “ลุงเทียน เจี้ยนเฉินนั้นเป็นพี่น้องร่วมสาบานของข้า ถ้าข้าไม่ได้เจี้ยนเฉินช่วยไว้ในอดีต ข้าคงไม่มีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ ตอนนี้น้องชายข้ากำลังเผชิญกับปัญหา ท่านต้องช่วยน้องชายของข้านะ”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหมิงตง เซียนผู้คุมกฎก็ถอนหายใจออกมา “ข้าได้วางแผนว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยว แต่ข้าจะช่วยแค่เพียงครั้งเดียว เนื่องจากเจี้ยนเฉินนั้นเคยช่วยชีวิตเจ้ามาก่อน”

เจี้ยนเฉินไม่สามารถควบคุมอารมณ์แห่งความปิติของตนเองได้เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาป้องมือเข้าหากันและเอ่ยขึ้น “ขอบคุณผู้อาวุโสสำหรับการช่วยเหลือ ! “

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เจี้ยนเฉินค่อนข้างมีพรสวรรค์ในเรื่องทักษะ อันที่จริงเจ้าแข็งแกร่งกว่าหมิงตงหลายเท่านัก ข้าหวังว่าเมื่อตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้าจะคอยดูแลหมิงตงแทนข้า” เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ท่านผู้อาวุโส ผู้เยาวน์คนนี้และหมิงตงนั้นเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แม้ว่าผู้อาวุโสจะไม่พูดเช่นนั้น อย่างไรผู้เยาว์ก็ต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว” เจี้ยนเฉินพูดออกไปด้วยความสัตย์จริง

หมิงตงรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินคำพูดของลุงเทียนและเริ่มบ่นออกมา “ลุงเทียน ท่านทำเหมือนข้ายังคงเป็นเด็กอยู่”

ลุงเทียนยิ้มออกมา “ไม่มีเวลาแล้ว อีกไม่นานพวกเราจะไปกันแล้ว และไม่นานยังไงพวกเราก็ต้องเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องนี้ เจี้ยนเฉิน ตระกูลหวงตั้งอยู่ในทิศทางใด ? “

“ประมาณ 700 กม.ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ! ” เจี้ยนเฉินพูดด้วยความตื่นเต้น เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากเซียนผู้คุมกฎแล้ว บรรพชนตระกูลหวงคงไม่มีข้ออ้างใด ๆ อีก

เซียนผู้คุมกฎเงียบไปสักพักและตอบกลับ “ข้าได้เจอตำแหน่งที่ตั้งนั้นแล้ว ไปกันเถอะ”

“ขอรับ ผู้อาวุโส ! ” เจี้ยนเฉินรีบเดินออกนำหน้า หลังจากเดินออกไปได้หลายก้าว ทันใดนั้นร่างกายเขาก็แข็งทื่อ เขาหันกลับมามองที่ลุงเทียนด้วยสายตาประหลาดใจ

เขาเห็นได้เพียงมือขวาของลุงเทียนนั้นค่อย ๆ ยกขึ้นก่อนที่จะวางไว้บนอกของตนเอง ไม่นานบรรยากาศข้าง ๆ เขาก็ได้บิดเบี้ยวอย่างรุนแรง จากนั้นก็ได้มีหลุมดำค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่ตำแหน่งนั้น รอยแยกนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายมาเป็นประตูมิติ ทางเข้าของมันนั้นค่อนข้างคุ้นเคยสำหรับเจี้ยนเฉิน— ที่นั่นคือบ้านของบรรพชนแห่งตระกูลหวงที่เขาพำนักอยู่

“มันน่าจะเป็นที่นี่ ไปกันเถอะ ! ” ลุงเทียนพูดขึ้นก่อนจะโบกมือออกมา เจี้ยนเฉินรู้สึกได้ถึงพลังอันมหาศาลจนเขาไม่สามารถต้านทานเขาได้ผลักเขาเข้าไปยังประตูมิตินั่นพร้อมกับหมิงตง

หลังจากที่ทั้งสามหายไป รอยแยกนั่นก็ค่อย ๆ หายไปอย่างช้า ๆ บรรยากาศรอบ ๆ กลับกลายเป็นปกติอีกครั้ง ที่แตกต่างจากเดิมคือตอนนี้ทั้งสามได้หายตัวไปจากที่นี่โดยไม่มีเซียนสวรรค์ผู้ใดในตระกูลเจียงหยางรับรู้ได้เลย

……

ที่ที่พักของตระกูลหวงบนยอดภูเขา บรรพชนของตระกูลหวงยังคงฝึกตนตามปกติ เขานั่งอยู่บนม้านั่งและแสดงใบหน้าอย่างกับคาดการณ์เรื่องนี้ไว้แล้ว ตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินจากไป เขาสงบจิตใจตนเองเพื่อฝึกฝนมิได้ ที่เขาคิดตอนนี้มีเพียงคำพูดที่ว่า “เซียนผู้คุมกฎอายุกว่า 5,000 ปี”

หลังจากที่ได้เป็นเซียนผู้คุมกฎมาหลายปี ผู้อาวุโสนั้นเข้าใจดีว่าการมีอยู่ของผู้คุ้มกฎอายุกว่า 5,000 ปีนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด บุคคลเช่นนี้หายากซะยิ่งกว่าหาคนธรรมดาในตระกูลโบราณหรือยากยิ่งกว่าการหาขนนกฟินิกซ์

บนทวีปเทียนหยุนไม่ว่าเซียนสวรรค์, เซียนผู้คุมกฎ, หรือที่อยู่สูงกว่าเซียนผู้คุมกฎ ทุกคนนั้นล้วนหลีกหนีอายุขัยตนเองไม่ได้

บนทวีปนี้อายุเฉลี่ยของมนุษย์นั้นมีประมาณ 200 ปี เซียนปฐพีนั้นมีอายุได้ถึง 500 ปีและเซียนสวรรค์นั้นมีอายุได้ถึง 1,000 ปี สำหรับเซียนผู้คุมกฎแล้วพวกเขาควรมีอายุได้ 3,000 ปี แม้แต่เซียนผู้คุมกฎขั้นที่ 9 ก็น่าจะมีอายุได้มากสุด 3,200 ปี ถ้าไม่ใช้ยาเพิ่มอายุขัยแล้วมันก็ยากจะขัดกฎพวกนี้ได้

เพื่อที่จะมีอายุถึง 5,000 ปีแล้วนั้น บุคคลนั้นต้องฝ่าระดับเซียนผู้คุมกฎไปได้ เซียนผู้คุมกฎนั้นไม่สามารถมีชีวิตได้ถึง 5,000 ปี ภายใต้กฎสวรรค์มีเพียงเซียนราชาหรือระดับสูงกว่านั้นที่มีอายุขัยยืนยาว

และเหตุผลนี้ทำให้ตอนที่ผู้อาวุโสได้ยินเจี้ยนเฉินอธิบายถึงเซียนผู้คุมกฎที่มีอายุ 5,000 ปี เขาได้เสียการควบคุมตนเองและยิ่งกว่ายินดีกับคำขอของเจี้ยนเฉินที่จะทำลายความสัมพันธ์กับตระกูลหวงกู่

และเมื่อเป็นเช่นนั้นการที่บรรพชนนั่งอยู่ที่นั่นถึง 2 วันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่สามารถสงบจิตใจตนเองลงเพื่อฝึกฝนได้ และจิตใจของเขากระวนกระวายอย่างมากว่าเจี้ยนเฉินสามารถขอให้บุคคลนั้นมาช่วยตระกูลหวงได้หรือไม่ ด้วยการที่มีผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นหนุนหลังให้กับตระกูลหวง พวกเขาคงเชิดหน้าชูตาต่อหน้าตระกูลโบราณได้

ในตอนที่บรรพชนนั่งอยู่บนม้านั่งด้วยความกังวล ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศตรงหน้าเขาเกิดบิดเบี้ยวขึ้นมา ทันใดนั้นประตูมิติก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา มีชาย 3 คนเดินออกมาจากประตูมิตินั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+