Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 534

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 534 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 534 – โลหิตสีทอง (1)

อาจารย์ใหญ่คาเฟอร์หัวเราะ “เจ้าจำได้แม้กระทั่งเถี่ยต้า แต่น่าเสียดายที่เถี่ยต้าออกจากสำนักคากัตเพื่อกลับไปยังบ้านเกิด ข้าวางแผนจะไปเยี่ยมเขา แต่ข้าไม่มีเวลาไปเยือนยังบ้านเกิดของเขา เนื่องจาก 4 อาณาจักรเข้าโจมตีพวกเราพร้อมกัน ข้าจึงไม่มีเวลาที่จะไปเยี่ยมเยียนเขา”

เฮ้อ ต้องบอกว่า ข้าไม่มีคุณสมบัติจะถือได้ว่าอาจารย์ของเขา เถี่ยต้านั้นอยู่ในช่วงจังหวะที่ควรจะได้รับการสอนและศึกษา แต่ข้ากลับได้สอนเขาเพียงเล็กน้อย

ท่านอาจารย์ใหญ่คาเฟอร์ไม่ควรต้องกังวลเกี่ยวกับตัวเขา จากสายตาของข้า เขาเป็นอัจฉริยะที่สามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะเขา เขาน่าจะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เขาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หลังจากที่เขาได้รับประสบการณ์มากพอ และบางอย่างก็จะเป็นประโยชน์ในภายหลัง ตราบใดที่เขามีประสบการณ์ต่อสู้จริง เขาจะเริ่มพัฒนาอย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉินกล่าวออกมา

คาเฟอร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะกล่าวว่า “เถี่ยต้าเคยบอกข้าว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ในภูเขาขนาดเล็ก เขากล่าวว่า มันห่างราวสักพันกิโลเมตร หรือมากกว่านั้นไปทางทิศเหนือบนภูเขาที่ด้านหนึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ข้าไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องนั้น”

ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นกับเจี้ยนเฉิน เขารีบนำแผนที่ของอาณาจักรเกอซุนทั้งหมดออกมาและวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะเริ่มตรวจสอบมัน

ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินได้พบภูมิประเทศที่ตรงกับที่คาเฟอร์ได้พูดเกี่ยวกับมัน ชี้ไปตรงพื้นที่หนึ่ง “มันควรจะเป็นสถานที่นี้ เมืองชั้นสามนี้มีทางขึ้นอยู่ที่ภูเขา ข้าเชื่อว่าบ้านเกิดของเถี่ยต้านั้นคงอยู่ใกล้บริเวณนั้น”

คาเฟอร์มองสถานที่ที่เจี้ยนเฉินชี้ไป แล้วกล่าวออก “ใช่ มันควรเป็นที่แห่งนี้”

พวกเขากล่าวอำลากันในช่วงเวลาสั้น ๆ ภายหลัง เจี้ยนเฉินพับแผนที่กลับเข้าไปในแหวนมิติของเขาและกล่าวอำลาคาเฟอร์ เขานำหมิงตงเหาะทะยานขึ้นผ่านอากาศ เร่งรีบเดินทางออกไปในทิศทางในเมืองภูเขา

ด้วยความเร็วของเจี้ยนเฉิน มันใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยาม ก่อนที่จะมาถึงเมืองเล็ก ๆ เมืองชั้นสามนี้ ถูกเรียกว่า “เมืองเลิสส์” และมันถูกตั้งขึ้นบนภูเขาที่มีขนาดเล็กกว่าเมืองเวค โดยมันถูกสร้างอย่างเรียบง่าย และวัตถุดิบอย่างหยาบ แม้กระทั่งกำแพงเมืองด้านนอกนั้นก็ยังไม่สมบูรณ์นัก แม้กระทั่งถนนหินอ่อนที่ถูกปูไว้ก็ผุกร่อนไป ด้วยหินที่พาดผ่านถนน มันยากนักที่จะใช้รถม้าในสัญจไปมา

เพื่อไม่เป็นการรบกวน เจี้ยนเฉินและหมิงตงได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ตัดผ่านเส้นทางที่จะนำไปสู่เมือง

หลังจากเข้าไปในมัน เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในร้านค้าที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ทุกชนิดและวางเหรียญลง “เถ้าแก่ ข้าต้องการที่จะสอบถามถึงบุคคลหนึ่ง ตราบเท่าที่ท่านบอกข้า ในสิ่งที่ข้าต้องการรู้ เหรียญทองนี้จะเป็นของท่าน”

แม้กระทั่งปีศาจก็ยังถูกเปิดปากด้วยเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามันเป็นเพียงการสอบถามเล็กน้อย เหรียญทอง มันมีความเพียงพอเท่ากับการทำงานหลายวัน ไม่มีทางที่เจ้าของร้านจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คว้าเหรียญทองในมือของเจี้ยนเฉิน และกลับกัน เขากล่าวว่า เจ้าหนุ่ม หากในกรณีที่ลุงผู้นี่รู้ ข้าจะบอกกับเจ้า

เถ้าแก่ ท่านรู้จักคนชื่อเถี่ยต้าหรือไม่ เขาควรจะมีอายุใกล้เคียงกับอายุของข้า เจี้ยนเฉินถามออก

ได้ยินเช่นนี้ เจ้าของร้านมีประกายยินดีในสายตาของเขา ทันใดนั้น เขากล่าวว่า “ข้ารู้จักเขา ข้ารู้ว่าเป็นเขา เขาเป็นเด็กหนุ่มผมยาวสีดำ ผิวของเขาคล้ำและเป็นคนโผงผางไม่น้อย”

ใช่ นั่นคือเขา เถ้าแก่ ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน ? เจี้ยนเฉินยิ้มและถามคำถามถัดไปของเขา

เจ้าของร้านดูท่าทางเคร่งเครียด แล้วก็จ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินและหมิงตงด้วยสายตาระมัดระวัง และถามออกมาว่า “เจ้าทั้งสองเป็นใครและทำไมเจ้าจึงตามหาเขา ?

ทันใดนั้น เจ้าของร้านกลัวว่าเขาและหมิงตงจะมาตามหาเถี่ยต้าเพื่อหาเรื่อง เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “เถ้าแก่ เราเป็นนักเรียนจากสำนักคากัต และเถี่ยต้าเป็นสหายร่วมชั้นของเรา เรามาเยี่ยมเยียนเขา”

เมื่อได้ยินเจี้ยนเฉินและหมิงตงเป็นนักเรียนของสำนักคากัต เจ้าของร้านรู้สึกสบายใจทันที เขาเผยรอยยิ้มชื่นชอบพลางกล่าวว่า อ่า สำนักคากัต แท้จริงสำนักยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเกอซุนของเรา นักเรียนทุกคนได้ยอมรับว่ามันเป็นสถานที่สำหรับผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ข้าได้ยินว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิคนใหม่ของเราของอาณาจักรเกอซุนนั้นก็เคยเป็นนักเรียนของสำนักคากัตด้วยเช่นกัน

เจี้ยนเฉินและหมิงยังคงยิ้มโดยไม่ได้กล่าวถ้อยคำใด

คิดครู่หนึ่ง เจ้าของร้านก็ตอบมา เนื่องจากเจ้าหนุ่มเป็นสหายร่วมชั้นเรียน ข้าจะบอกเจ้าว่าเขาอยู่ที่ไหนกัน เจ้าของร้านชี้นิ้วในทิศทางด้านหลังเขา ตรงไปราว 20 กิโลเมตรลงจากภูเขาไปที่ลำธาร มีป่าถัดจากลำธาร เข้าไปในป่าและจะมีหมู่บ้าน ในหมู่บ้านจะมีบ้านปลูกเรียงรายเป็นแถว และในบ้านเหล่านั้นคือที่ซึ่งเด็กคนนั้นอาศัยอยู่

ทำไมท่านไม่เพียงแค่บอกว่า มีหมู่บ้านห่างไป 20 กิโลเมตรจากภูเขา ? ข้ารู้สึกหมดแรงหลังจากที่ได้ยินเส้นทางเหล่านั้น หมิงตงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เจี้ยนเฉินหัวเราะก่อนที่จะมอบเหรียญทองให้เจ้าของร้าน เขาออกจากเมืองพร้อมกับหมิงตง กระโดดบนพื้นที่อย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มที่จะย้ายไปด้านหลังของภูเขา 20 กิโลเมตรนั้นสั้นมาก สำหรับระยะของเจี้ยนเฉินซึ่งบิน

อาจได้ยินเป็นเสียงคำรามของสัตว์ต่าง ๆ พวกเขาได้เดินผ่านป่า แม้จะมีสัตว์อสูรระดับ 1 เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็ไม่คิดที่จะให้ความสนใจไปที่พวกมัน พวกเขารีบข้ามผ่านภูเขาด้วยความเร็วเฉกเช่นฟ้าผ่า ทันใดนั้น มีแม่น้ำกว้าง 5 เมตร ที่พวกเขาข้ามผ่านไป กับอีกครั้งที่เดินตัดป่าอีกรอบ แน่นอนว่าพวกเขาจะพบหมู่บ้านเล็ก ๆ ในส่วนอื่น ๆ

มันมีขนาดค่อนข้างขนาดเล็ก มีบ้านประมาณ 30 หลังคาเรือน บ้านถูกจัดเรียงเป็นแนวยาวและค่อนข้างสะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกตารางนิ้ว ที่อาจจะเห็นทุกประเภทของพืชผักและนารอบหมู่บ้าน มี ชาวบ้านหลายคนกำลังทำงานของพวกเขาอยู่

เจี้ยนเฉินและหมิงตง ทั้งสองเดินผ่านนาข้าวมาจนถึงทางเข้าหมู่บ้าน แม้กระทั่งผ่านทุ่งนา รองเท้าของพวกเขายังสะอาดเอี่ยม ไม่มีตำหนิแม้กระทั่งฝุ่นจุดเดียวหรือสิ่งสกปรก มันสะอาดหมดจด สองคนนั้นสวมเสื้อคลุมดูรวย ยามเมื่อมองเปรียบเทียบกับชาวนาที่ถูกสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ดังนั้น เมื่อทั้งสองมาถึงที่สถานที่แห่งนี้ พวกเขาถูกจ้องมองด้วยความสนใจจากชาวบ้านทั้งหมดซึ่งเริ่มกังวลกับการมาของพวกเขา ชาวบ้านหลายคนได้ถือจอบกำแน่นในการเตรียมการ

ธุระอันใดที่นำพานายท่านทั้งสองมายังที่แห่งนี้ ? ชายชราถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือและแฝงไว้ด้วยความระมัดระวัง

ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินยิ้มให้ชายชราและพูดกับเสียงมั่นใจ ท่านผู้อาวุโส เราเป็นนักเรียนจากสำนักคากัต สหายของเถี่ยต้า ดังนั้น วันนี้เรามาเพื่อหวังจะได้พบกับเขา

โอ้ เจ้าเป็นสหายของเถี่ยต้า ชายชราถอนหายใจออกพร้อมผ่อนแรงที่มือของเขา และตะโกนเสียงแหบ เขาพูด ไม่จำเป็นต้องกังวลทุกคน สองคนนี้เป็นนักเรียนของสำนักคากัตและมาหาเถี่ยต้า สหายร่วมชั้นเรียนของเขา

ชาวบ้านที่เคยกังวล ดูผ่อนคลายขึ้นทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของเขา

จากที่เคยมองด้วยสายตาสงสัยไปที่เจี้ยนเฉิน หลังจากเห็นการแสดงผลนี้ได้ ชาวบ้านได้มีปฏิกิริยาที่แปลกเล็กน้อยต่อเจี้ยนเฉิน

ท่านผู้อาวุโส มีเรื่องใดเกิดขึ้นกัน เจี้ยนเฉินถาม

ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย ผู้อาวุโสโบกมือก่อนที่จะตอบกลับ เถี่ยต้าไปล่าสัตว์อสูรในภูเขาในเช้าวันนี้ ข้าคิดว่า เขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ โปรดมานั่งอยู่ในหมู่บ้านของเรา

หลังจากการพิจารณา เจี้ยนเฉินยอมรับทันที ดี เราคงต้องขอรบกวนพวกท่าน”

ทันใดนั้น เสียงดังกึกก้องอาจได้ยิน “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่ ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงรอง ข้าได้กลับมาแล้ว”

เจี้ยนเฉินและหมิงตง ทั้งสองได้เปิดสัมผัส เพียงเพื่อจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผิวคล้ำกำลังเดินเข้ามา พร้อมกับหมูป่าที่แขวนเหนือไหล่ของเขา

เถี่ยต้ากลับมา เขาจะกลับมา โอ้ และเขาได้นำหมูป่ายักษ์ภูเขากลับมา ! ชายชราคนหนึ่งร้องออกมาในเมือง

หมิงตงมองหมูป่าที่ถูกถือขึ้นของชายคนหนึ่งด้วยใบหน้าไม่อาจเชื่อ เจี้ยนเฉิน แท้ที่จริงคนผู้นี้คือเถี่ยต้า

เจี้ยนเฉินยิ้มและมองไป ถูกแล้ว นั่นคือเถี่ยต้า ที่สำนักคากัต เขาเป็นสหายเพียงคนเดียวที่ข้ามี เขามีการเปลี่ยนแปลงมากหลังจากหลายปีได้ แม้ข้าเพิ่งจะรู้จักเขา แต่เสียงของเขายังคงเป็นเหมือนเดิม

ขณะที่เถี่ยต้าเห็นผู้มาใหม่ 2 คนที่หมู่บ้าน ด้วยด้วยร่างกายที่สั่นไหวของเขาเล็กน้อย เขาโยนหมูที่เขาแบกมาลงกับพื้น และหันมองไปที่เจี้ยนเฉิน เจ้าสองคนเป็นใคร ? แปลก ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าเจ้า เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ ? เถี่ยต้ากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าใกล้เจี้ยนเฉิน เขาก็มีประกายตาสงสัยปรากฏขึ้นทันที

เห็นเถี่ยต้า เจี้ยนเฉินรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากหลายปีโดยไม่พบกัน เถี่ยต้านั้นเติบโตยิ่งกว่าแต่ก่อน ร่างกายของเขาเป็นประหนึ่งภูเขาขนาดเล็ก แม้ในความสูง 1.8 เมตร เจี้ยนเฉินเท่านั้นสามารถเทียบกับหน้าอกของเถี่ยต้าได้เท่านั้น และในตอนนี้ เขาก็มีความถึงความสูง 2.5 เมตร

เจี้ยนเฉินเอียงศีรษะของเขาขึ้นมองเถี่ยต้า พูดด้วยรอยยิ้มระยิบระยับบนใบหน้าของเขา เถี่ยต้า หลังจากผ่านไปหลายปี มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าลืมข้า ?

ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย คิ้วของเถี่ยต้าขมวดเข้าหากันขณะใช้ความคิด เสียงนี้…” เถี่ยต้าเงียบลง ดวงตาเริ่มเป็นประกายราวกับว่าเขาจดจำบางสิ่งบางอย่าง เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตื่นเต้น เจ้า…เจ้าคือ เจียงหยางเซียงเทียน เจียงหยางเซียงเทียน ข้า.. ข้าจดจำน้ำเสียงของเจ้าได้

เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีความสุข เถี่ยต้า ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมข้าไปเสียแล้ว

ไม่ ข้าจะลืมเจียงหยางเซียงเทียนได้อย่างไร ข้าไม่เคยจะลืมเจ้าได้สำหรับเวลาที่เหลือในชีวิตข้า ฮ่าๆๆ เจ้าเป็นน้องชายที่ดีที่สุดที่ข้าเคยมี เจ้าจำได้หรือไม่ เมื่อเราล่าสัตว์อสูรในสำนักคากัต มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดเท่าที่ข้าเคยมีมาในชีวิตของข้า สำหรับส่วนที่เหลือของชีวิตของข้า ข้าไม่เคยลืมมันเลย เถี่ยต้าระเบิดออกมาเป็นเสียงหัวเราะ ก่อนกอดเจี้ยนเฉินแน่น น้ำตารื้นขึ้นในดวงตาของเขา ขณะที่เขาประกาศ เจียงหยางเซียงเทียน ข้าไม่คิดว่า เจ้าจะยังมีชีวิต นี่เป็นสิ่งที่ดี ข้าได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าและสำนักหัวหยุนจากอาจารย์ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องหลบหนีออกบ้านไปยังทวีปเทียนหยวนด้วยตัวเอง แต่ข้าไม่เคยได้รับข่าวสารใด ๆ จากเจ้าหลังจากนั้น และข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 534

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 534 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 534 – โลหิตสีทอง (1)

อาจารย์ใหญ่คาเฟอร์หัวเราะ “เจ้าจำได้แม้กระทั่งเถี่ยต้า แต่น่าเสียดายที่เถี่ยต้าออกจากสำนักคากัตเพื่อกลับไปยังบ้านเกิด ข้าวางแผนจะไปเยี่ยมเขา แต่ข้าไม่มีเวลาไปเยือนยังบ้านเกิดของเขา เนื่องจาก 4 อาณาจักรเข้าโจมตีพวกเราพร้อมกัน ข้าจึงไม่มีเวลาที่จะไปเยี่ยมเยียนเขา”

เฮ้อ ต้องบอกว่า ข้าไม่มีคุณสมบัติจะถือได้ว่าอาจารย์ของเขา เถี่ยต้านั้นอยู่ในช่วงจังหวะที่ควรจะได้รับการสอนและศึกษา แต่ข้ากลับได้สอนเขาเพียงเล็กน้อย

ท่านอาจารย์ใหญ่คาเฟอร์ไม่ควรต้องกังวลเกี่ยวกับตัวเขา จากสายตาของข้า เขาเป็นอัจฉริยะที่สามารถฝึกฝนได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะเขา เขาน่าจะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เขาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง หลังจากที่เขาได้รับประสบการณ์มากพอ และบางอย่างก็จะเป็นประโยชน์ในภายหลัง ตราบใดที่เขามีประสบการณ์ต่อสู้จริง เขาจะเริ่มพัฒนาอย่างรวดเร็ว เจี้ยนเฉินกล่าวออกมา

คาเฟอร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะกล่าวว่า “เถี่ยต้าเคยบอกข้าว่าบ้านเกิดของเขาอยู่ในภูเขาขนาดเล็ก เขากล่าวว่า มันห่างราวสักพันกิโลเมตร หรือมากกว่านั้นไปทางทิศเหนือบนภูเขาที่ด้านหนึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ข้าไม่ค่อยแน่ใจในเรื่องนั้น”

ความคิดหนึ่งเกิดขึ้นกับเจี้ยนเฉิน เขารีบนำแผนที่ของอาณาจักรเกอซุนทั้งหมดออกมาและวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่เขาจะเริ่มตรวจสอบมัน

ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินได้พบภูมิประเทศที่ตรงกับที่คาเฟอร์ได้พูดเกี่ยวกับมัน ชี้ไปตรงพื้นที่หนึ่ง “มันควรจะเป็นสถานที่นี้ เมืองชั้นสามนี้มีทางขึ้นอยู่ที่ภูเขา ข้าเชื่อว่าบ้านเกิดของเถี่ยต้านั้นคงอยู่ใกล้บริเวณนั้น”

คาเฟอร์มองสถานที่ที่เจี้ยนเฉินชี้ไป แล้วกล่าวออก “ใช่ มันควรเป็นที่แห่งนี้”

พวกเขากล่าวอำลากันในช่วงเวลาสั้น ๆ ภายหลัง เจี้ยนเฉินพับแผนที่กลับเข้าไปในแหวนมิติของเขาและกล่าวอำลาคาเฟอร์ เขานำหมิงตงเหาะทะยานขึ้นผ่านอากาศ เร่งรีบเดินทางออกไปในทิศทางในเมืองภูเขา

ด้วยความเร็วของเจี้ยนเฉิน มันใช้เวลาเพียง 1 ชั่วยาม ก่อนที่จะมาถึงเมืองเล็ก ๆ เมืองชั้นสามนี้ ถูกเรียกว่า “เมืองเลิสส์” และมันถูกตั้งขึ้นบนภูเขาที่มีขนาดเล็กกว่าเมืองเวค โดยมันถูกสร้างอย่างเรียบง่าย และวัตถุดิบอย่างหยาบ แม้กระทั่งกำแพงเมืองด้านนอกนั้นก็ยังไม่สมบูรณ์นัก แม้กระทั่งถนนหินอ่อนที่ถูกปูไว้ก็ผุกร่อนไป ด้วยหินที่พาดผ่านถนน มันยากนักที่จะใช้รถม้าในสัญจไปมา

เพื่อไม่เป็นการรบกวน เจี้ยนเฉินและหมิงตงได้ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า ตัดผ่านเส้นทางที่จะนำไปสู่เมือง

หลังจากเข้าไปในมัน เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในร้านค้าที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ทุกชนิดและวางเหรียญลง “เถ้าแก่ ข้าต้องการที่จะสอบถามถึงบุคคลหนึ่ง ตราบเท่าที่ท่านบอกข้า ในสิ่งที่ข้าต้องการรู้ เหรียญทองนี้จะเป็นของท่าน”

แม้กระทั่งปีศาจก็ยังถูกเปิดปากด้วยเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามันเป็นเพียงการสอบถามเล็กน้อย เหรียญทอง มันมีความเพียงพอเท่ากับการทำงานหลายวัน ไม่มีทางที่เจ้าของร้านจะปฏิเสธข้อเสนอนี้ได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คว้าเหรียญทองในมือของเจี้ยนเฉิน และกลับกัน เขากล่าวว่า เจ้าหนุ่ม หากในกรณีที่ลุงผู้นี่รู้ ข้าจะบอกกับเจ้า

เถ้าแก่ ท่านรู้จักคนชื่อเถี่ยต้าหรือไม่ เขาควรจะมีอายุใกล้เคียงกับอายุของข้า เจี้ยนเฉินถามออก

ได้ยินเช่นนี้ เจ้าของร้านมีประกายยินดีในสายตาของเขา ทันใดนั้น เขากล่าวว่า “ข้ารู้จักเขา ข้ารู้ว่าเป็นเขา เขาเป็นเด็กหนุ่มผมยาวสีดำ ผิวของเขาคล้ำและเป็นคนโผงผางไม่น้อย”

ใช่ นั่นคือเขา เถ้าแก่ ท่านพอจะรู้หรือไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหน ? เจี้ยนเฉินยิ้มและถามคำถามถัดไปของเขา

เจ้าของร้านดูท่าทางเคร่งเครียด แล้วก็จ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินและหมิงตงด้วยสายตาระมัดระวัง และถามออกมาว่า “เจ้าทั้งสองเป็นใครและทำไมเจ้าจึงตามหาเขา ?

ทันใดนั้น เจ้าของร้านกลัวว่าเขาและหมิงตงจะมาตามหาเถี่ยต้าเพื่อหาเรื่อง เจี้ยนเฉินตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “เถ้าแก่ เราเป็นนักเรียนจากสำนักคากัต และเถี่ยต้าเป็นสหายร่วมชั้นของเรา เรามาเยี่ยมเยียนเขา”

เมื่อได้ยินเจี้ยนเฉินและหมิงตงเป็นนักเรียนของสำนักคากัต เจ้าของร้านรู้สึกสบายใจทันที เขาเผยรอยยิ้มชื่นชอบพลางกล่าวว่า อ่า สำนักคากัต แท้จริงสำนักยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเกอซุนของเรา นักเรียนทุกคนได้ยอมรับว่ามันเป็นสถานที่สำหรับผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ข้าได้ยินว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิคนใหม่ของเราของอาณาจักรเกอซุนนั้นก็เคยเป็นนักเรียนของสำนักคากัตด้วยเช่นกัน

เจี้ยนเฉินและหมิงยังคงยิ้มโดยไม่ได้กล่าวถ้อยคำใด

คิดครู่หนึ่ง เจ้าของร้านก็ตอบมา เนื่องจากเจ้าหนุ่มเป็นสหายร่วมชั้นเรียน ข้าจะบอกเจ้าว่าเขาอยู่ที่ไหนกัน เจ้าของร้านชี้นิ้วในทิศทางด้านหลังเขา ตรงไปราว 20 กิโลเมตรลงจากภูเขาไปที่ลำธาร มีป่าถัดจากลำธาร เข้าไปในป่าและจะมีหมู่บ้าน ในหมู่บ้านจะมีบ้านปลูกเรียงรายเป็นแถว และในบ้านเหล่านั้นคือที่ซึ่งเด็กคนนั้นอาศัยอยู่

ทำไมท่านไม่เพียงแค่บอกว่า มีหมู่บ้านห่างไป 20 กิโลเมตรจากภูเขา ? ข้ารู้สึกหมดแรงหลังจากที่ได้ยินเส้นทางเหล่านั้น หมิงตงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

เจี้ยนเฉินหัวเราะก่อนที่จะมอบเหรียญทองให้เจ้าของร้าน เขาออกจากเมืองพร้อมกับหมิงตง กระโดดบนพื้นที่อย่างรวดเร็ว พวกเขาเริ่มที่จะย้ายไปด้านหลังของภูเขา 20 กิโลเมตรนั้นสั้นมาก สำหรับระยะของเจี้ยนเฉินซึ่งบิน

อาจได้ยินเป็นเสียงคำรามของสัตว์ต่าง ๆ พวกเขาได้เดินผ่านป่า แม้จะมีสัตว์อสูรระดับ 1 เจี้ยนเฉินและหมิงตงก็ไม่คิดที่จะให้ความสนใจไปที่พวกมัน พวกเขารีบข้ามผ่านภูเขาด้วยความเร็วเฉกเช่นฟ้าผ่า ทันใดนั้น มีแม่น้ำกว้าง 5 เมตร ที่พวกเขาข้ามผ่านไป กับอีกครั้งที่เดินตัดป่าอีกรอบ แน่นอนว่าพวกเขาจะพบหมู่บ้านเล็ก ๆ ในส่วนอื่น ๆ

มันมีขนาดค่อนข้างขนาดเล็ก มีบ้านประมาณ 30 หลังคาเรือน บ้านถูกจัดเรียงเป็นแนวยาวและค่อนข้างสะอาด และเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกตารางนิ้ว ที่อาจจะเห็นทุกประเภทของพืชผักและนารอบหมู่บ้าน มี ชาวบ้านหลายคนกำลังทำงานของพวกเขาอยู่

เจี้ยนเฉินและหมิงตง ทั้งสองเดินผ่านนาข้าวมาจนถึงทางเข้าหมู่บ้าน แม้กระทั่งผ่านทุ่งนา รองเท้าของพวกเขายังสะอาดเอี่ยม ไม่มีตำหนิแม้กระทั่งฝุ่นจุดเดียวหรือสิ่งสกปรก มันสะอาดหมดจด สองคนนั้นสวมเสื้อคลุมดูรวย ยามเมื่อมองเปรียบเทียบกับชาวนาที่ถูกสวมใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ดังนั้น เมื่อทั้งสองมาถึงที่สถานที่แห่งนี้ พวกเขาถูกจ้องมองด้วยความสนใจจากชาวบ้านทั้งหมดซึ่งเริ่มกังวลกับการมาของพวกเขา ชาวบ้านหลายคนได้ถือจอบกำแน่นในการเตรียมการ

ธุระอันใดที่นำพานายท่านทั้งสองมายังที่แห่งนี้ ? ชายชราถามด้วยน้ำเสียงที่เริ่มสั่นเครือและแฝงไว้ด้วยความระมัดระวัง

ทันใดนั้น เจี้ยนเฉินยิ้มให้ชายชราและพูดกับเสียงมั่นใจ ท่านผู้อาวุโส เราเป็นนักเรียนจากสำนักคากัต สหายของเถี่ยต้า ดังนั้น วันนี้เรามาเพื่อหวังจะได้พบกับเขา

โอ้ เจ้าเป็นสหายของเถี่ยต้า ชายชราถอนหายใจออกพร้อมผ่อนแรงที่มือของเขา และตะโกนเสียงแหบ เขาพูด ไม่จำเป็นต้องกังวลทุกคน สองคนนี้เป็นนักเรียนของสำนักคากัตและมาหาเถี่ยต้า สหายร่วมชั้นเรียนของเขา

ชาวบ้านที่เคยกังวล ดูผ่อนคลายขึ้นทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของเขา

จากที่เคยมองด้วยสายตาสงสัยไปที่เจี้ยนเฉิน หลังจากเห็นการแสดงผลนี้ได้ ชาวบ้านได้มีปฏิกิริยาที่แปลกเล็กน้อยต่อเจี้ยนเฉิน

ท่านผู้อาวุโส มีเรื่องใดเกิดขึ้นกัน เจี้ยนเฉินถาม

ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรเลย ผู้อาวุโสโบกมือก่อนที่จะตอบกลับ เถี่ยต้าไปล่าสัตว์อสูรในภูเขาในเช้าวันนี้ ข้าคิดว่า เขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ โปรดมานั่งอยู่ในหมู่บ้านของเรา

หลังจากการพิจารณา เจี้ยนเฉินยอมรับทันที ดี เราคงต้องขอรบกวนพวกท่าน”

ทันใดนั้น เสียงดังกึกก้องอาจได้ยิน “ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านปู่ ท่านลุงใหญ่ ท่านลุงรอง ข้าได้กลับมาแล้ว”

เจี้ยนเฉินและหมิงตง ทั้งสองได้เปิดสัมผัส เพียงเพื่อจะเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผิวคล้ำกำลังเดินเข้ามา พร้อมกับหมูป่าที่แขวนเหนือไหล่ของเขา

เถี่ยต้ากลับมา เขาจะกลับมา โอ้ และเขาได้นำหมูป่ายักษ์ภูเขากลับมา ! ชายชราคนหนึ่งร้องออกมาในเมือง

หมิงตงมองหมูป่าที่ถูกถือขึ้นของชายคนหนึ่งด้วยใบหน้าไม่อาจเชื่อ เจี้ยนเฉิน แท้ที่จริงคนผู้นี้คือเถี่ยต้า

เจี้ยนเฉินยิ้มและมองไป ถูกแล้ว นั่นคือเถี่ยต้า ที่สำนักคากัต เขาเป็นสหายเพียงคนเดียวที่ข้ามี เขามีการเปลี่ยนแปลงมากหลังจากหลายปีได้ แม้ข้าเพิ่งจะรู้จักเขา แต่เสียงของเขายังคงเป็นเหมือนเดิม

ขณะที่เถี่ยต้าเห็นผู้มาใหม่ 2 คนที่หมู่บ้าน ด้วยด้วยร่างกายที่สั่นไหวของเขาเล็กน้อย เขาโยนหมูที่เขาแบกมาลงกับพื้น และหันมองไปที่เจี้ยนเฉิน เจ้าสองคนเป็นใคร ? แปลก ทำไมข้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าเจ้า เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ ? เถี่ยต้ากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าใกล้เจี้ยนเฉิน เขาก็มีประกายตาสงสัยปรากฏขึ้นทันที

เห็นเถี่ยต้า เจี้ยนเฉินรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก หลังจากหลายปีโดยไม่พบกัน เถี่ยต้านั้นเติบโตยิ่งกว่าแต่ก่อน ร่างกายของเขาเป็นประหนึ่งภูเขาขนาดเล็ก แม้ในความสูง 1.8 เมตร เจี้ยนเฉินเท่านั้นสามารถเทียบกับหน้าอกของเถี่ยต้าได้เท่านั้น และในตอนนี้ เขาก็มีความถึงความสูง 2.5 เมตร

เจี้ยนเฉินเอียงศีรษะของเขาขึ้นมองเถี่ยต้า พูดด้วยรอยยิ้มระยิบระยับบนใบหน้าของเขา เถี่ยต้า หลังจากผ่านไปหลายปี มันอาจจะเป็นไปได้ว่าเจ้าลืมข้า ?

ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย คิ้วของเถี่ยต้าขมวดเข้าหากันขณะใช้ความคิด เสียงนี้…” เถี่ยต้าเงียบลง ดวงตาเริ่มเป็นประกายราวกับว่าเขาจดจำบางสิ่งบางอย่าง เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตื่นเต้น เจ้า…เจ้าคือ เจียงหยางเซียงเทียน เจียงหยางเซียงเทียน ข้า.. ข้าจดจำน้ำเสียงของเจ้าได้

เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีความสุข เถี่ยต้า ข้าคิดว่าเจ้าจะลืมข้าไปเสียแล้ว

ไม่ ข้าจะลืมเจียงหยางเซียงเทียนได้อย่างไร ข้าไม่เคยจะลืมเจ้าได้สำหรับเวลาที่เหลือในชีวิตข้า ฮ่าๆๆ เจ้าเป็นน้องชายที่ดีที่สุดที่ข้าเคยมี เจ้าจำได้หรือไม่ เมื่อเราล่าสัตว์อสูรในสำนักคากัต มันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดเท่าที่ข้าเคยมีมาในชีวิตของข้า สำหรับส่วนที่เหลือของชีวิตของข้า ข้าไม่เคยลืมมันเลย เถี่ยต้าระเบิดออกมาเป็นเสียงหัวเราะ ก่อนกอดเจี้ยนเฉินแน่น น้ำตารื้นขึ้นในดวงตาของเขา ขณะที่เขาประกาศ เจียงหยางเซียงเทียน ข้าไม่คิดว่า เจ้าจะยังมีชีวิต นี่เป็นสิ่งที่ดี ข้าได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าและสำนักหัวหยุนจากอาจารย์ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องหลบหนีออกบ้านไปยังทวีปเทียนหยวนด้วยตัวเอง แต่ข้าไม่เคยได้รับข่าวสารใด ๆ จากเจ้าหลังจากนั้น และข้าคิดว่าข้าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+