Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 702: ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 702: ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 702: ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก

เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็จ้องมองไปที่ภูเขาด้านหน้า ภูเขามังกรขนดมีรูปทรงเหมือนปิรามิด ด้วยฐานที่กว้างและยอดที่แคบ ยอดของมันทะลุเลยเมฆขึ้นไปไกล มันเหมือนมังกรตัวใหญ่ที่ขดตัวอยู่และหัวของมันก็มุดเข้าไปในกลุ่มเมฆ

รอบ ๆ ภูเขามังกรขนด มันเหมือนกับที่หัวหน้าตระกูลของตระกูลเทียนฉินอธิบาย มันประกอบไปด้วยหน้าผาชันและพื้นผิวของภูเขาเป็นหินทั้งหมด และทั่วทั้งภูเขายังปกคลุมไปด้วยพืชที่มีหนามไปทั่วทุกตารางนิ้ว ทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปีนขึ้นไป

“ช่างเป็นสถานที่ซึ่งมีพลังธรรมชาติเยอะอะไรอย่างนี้ พลังธรรมชาติของที่นี่เข้มข้นมากกว่าที่อื่นถึง 2 เท่า ถ้ามีคนมาฝึกที่นี่ มันอาจจะไม่เร็วเท่าการดูดซับแกนอสูรโดยตรง แต่มันจะเร็วกว่าที่อื่น ๆ เป็นแน่” เจี้ยนเฉิน จ้องไปที่ยอดของภูเขา “ยิ่งไกล้ยอดภูเขามากเท่าไร พลังธรรมชาติก็ยิ่งมากขึ้นไปเท่านั้น ภูเขามังกรขนดนี้คือภูเขาแห่งจิตวิญญาณที่ซึ่งพลังธรรมชาติอยู่รวมกัน มันเป็นที่ที่ดีที่จะตั้งสำนัก แต่แย่หน่อยที่มันถูกพวกกลุ่มโจรยึดไปได้”

“ใช่แล้ว ภูเขามังกรขนดเป็นที่รู้จักดีในบริเวณนี้ มันไม่มีภูเขาแห่งจิตวิญญาณลูกไหนที่ดีไปกว่านี้อีกแล้วในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นครั้งหนึ่งมันเคยถูกกองกำลังนับไม่ถ้วนที่จะเข้ามาแย่งชิงด้วยความอิจฉา แต่แย่หน่อยที่ไม่มีใครสามารถเอามันไปจากกลุ่มโจรมังกรวารีได้” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว

ได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ครุ่นคิดซักครู่ก่อนพูดออกไป “ในเมื่อภูเขามังกรขนดมีคุณค่ามากขนาดนี้ พวกท่านตระกูลเทียนฉินเคยคิดมาครอบครองมันบ้างหรือไม่ ? “

“แน่นอน พลังงานที่ภูเขาแห่งจิตวิญญาณนี้เข้มข้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ ใครบ้างจะไม่สนใจมันล่ะ ? แต่ความแข็งแกร่งของกลุ่มโจรมังกรวารีนั้นกันไม่ให้ใครทำอย่างนั้นได้ เราได้แต่ดูพวกนั้นที่อยู่บนภูเขาจากที่ไกล ๆ” คราวนี้หัวหน้าตระกูลพูด เขามองไปที่ภูเขาด้วยสายตาที่ข่มความรู้สึกอยากครอบครองไว้

เจี้ยนเฉินทอดสายตาไปที่หัวหน้าตระกูลและยิ้มเล็กน้อย “ภูเขาแห่งจิตวิญญาณที่ดีเยี่ยงนี้ไม่น่าไปตกอยู่ในของของพวกกลุ่มโจรที่ดีแต่รู้จักปล้นอย่างเดียวเลย ในเมื่อตระกูลเทียนฉินสนใจในการยึดครองภูเขานี้ ข้าจะช่วยท่านและยกภูเขาลูกนี้ให้ท่านหลังจากเรายึดมาได้ มันไม่เช้าแล้ว เราควรไปได้แล้ว”

เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจสายตาที่ประหลาดใจของหัวหน้าตระกูลและท่านผู้อาวุโสทั้งสามเลย เขาเร่งให้สัตว์อสูรระดับ 4 ที่เขาขี่อยู่มุ่งไปยังทางขึ้นเขาที่มีเพียงทางเดียว

“ศิษย์พี่ ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่ ? เจี้ยนเฉินจะกำจัดพวกกลุ่มโจรที่ภูเขาและยกภูเขาให้กับตระกูลเทียนฉินงั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสสองพึมพำออกมาในขณะที่เขาจ้องมองไปที่หลังของเจี้ยนเฉินที่อยู่ไกล ๆ

ท่านผู้อาวุโสสูงสุดคนที่ถูกเรียกว่า ‘ศิษย์พี่’ ก็ยังคงตะลึงในสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความฉงน แล้วพูดอย่างนุ่มนวล “เรายังไม่รู้ว่าพลังของเจี้ยนเฉินอยู่ในขั้นไหน ทำไมเขาถึงมั่นใจในการรับมือกับหัวหน้าของกลุ่มโจรมังกรวารีถึงเพียงนี้ ? พลังของหัวหน้ากลุ่มโจรนั้นแข็งแกร่งมาก เขาแข็งแกร่งที่สุดรองจากเซียนผู้คุมกฎ บางทีเจี้ยนเฉินอาจจะยังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของหัวหน้ากลุ่มโจรนั้นหรือเปล่า ? “

หลังจากที่ได้ยินการหารือกันระหว่างสองคนนั้น ผู้อาวุโสสามก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเข้าไปร่วมสนทนาด้วย “ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ ข้าไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นคนที่เย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหรอกนะ บางทีเขาอาจมีอะไรบางอย่าง เราอย่ามัวแต่พูด รีบตามเขาไปแล้วมาคอยดูกันดีกว่า เราจะรู้ในไม่ช้านี้แหละว่า เจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่งมากพอที่จะสู้กับหัวหน้ากลุ่มโจรได้หรือไม่”

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินนำหน้าแล้วตามมาด้วยผู้อาวุโสทั้งสาม ในขณะที่กองทัพพันคนจากตระกูลเทียนฉินนั้นอยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งหมดอีกที

ด้วยความฮึกเหิม กองกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยแถวแนวกว้าง 3 เมตร มุ่งตรงไปที่ยอดเขา โดยที่มีพุ่มไม้และต้นไม้หนามข้าง ๆ ทางเดิน ป่านั้นเงียบสงบ แต่ก็มีเสียงคำรามของสัตว์ออกมาบ้างเป็นครั้งครา

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าเสียงคำรามในป่านั้นไม่ใช่เสียงของสัตว์ป่า แต่เป็นเสียงของคนที่ทำเลียนแบบ พวกมันใช้วิธีพิเศษในการสื่อสารทั่วป่า

บนยอดเขา ทั่วบริเวณมีหินอ่อนแทรกอยู่ตามรอยแยกบนพื้นที่ที่ราบเรียบ ในขณะนี้ การตกแต่งทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยกระดาษสีแดงและผู้คนมากมายในเครื่องแต่งกายหลายแบบกำลังยุ่งอยู่ด้านใน ด้วยเสียงของผู้คนที่ตะโกนไปมา โคมแดงและประทัดถูกแขวนไว้ทั่วบริเวณ ทำให้ทั้งบริเวณเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกสดชื่น มันดูมีชีวิตชีวามากจริง ๆ

ทันใดนั้นเอง คนหนุ่มที่วาดลายที่หน้าในชุดเสื้อหนังจิ้งจอกก็รีบวิ่งไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของบริเวณนั้น ในที่สุด เขาก็หยุดหน้าโถงที่มียามคุมหนาแน่น เขาคุกเข่าลงและพูด “รายงานหัวหน้า ข้ามีบางอย่างสำคัญต้องแจ้ง”

“ว่ามา ! ” เสียงที่สง่างามและหนักแน่นดังสะท้อนมาจากห้องโถง จากเสียงที่ได้ยิน มันเดาไม่ยากว่าเสียงที่พูดคือเสียงของชายวัยกลางคน

“หัวหน้า มีกลุ่มคนอยู่ที่ด้านล่างของภูเขากำลังมุ่งตรงขึ้นมาที่บนยอดนี้ มันมีประมาณพันคน” คนหนุ่มนั้นกล่าวอย่างเคารพ

“ถ้าข้าเดาไม่ผิด พวกมันน่าจะเป็นตระกูลเทียนฉินจากเมืองหว่าลู่เหริน ในอาณาจักรซูหยา” เสียงที่สง่างามนั้นดังกังวานออกมาจากห้องโถงนั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม มันปนไปด้วยความเยาะเย้ยในน้ำเสียงครั้งนี้

“หัวหน้าช่างมองการณ์ไกลจริง ๆ ที่เดาถูกเลยตั้งแต่ครั้งแรก ไม่มีอะไรหลุดลอดสายตาของหัวหน้าไปได้” คนหนุ่มที่เข้ามาแจ้งเรื่องรีบประจบหัวหน้า

เสียงหัวเราะที่เยือกเย็นและเสียงดังโวกแวกดังออกมาจากห้องโถง “หลายศตวรรษแล้วนะที่ไม่มีใครย่างหลายมาที่ภูเขามังกรขนด และตอนนี้ ตระกูลเทียนฉินก็กำลังจะมาถึง ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าตระกูลเทียนฉินจะรวมความกล้าและคิดว่าพวกมันสามารถข่มขู่ข้าที่ภูเขามังกรขนดด้วยเซียนสวรรค์แค่ 3 คนของมัน หืมม ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้ ส่งกองกำลังพร้อมด้วยผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก 4 คนไปกำจัดมันซะ ไล่มันออกไปจากภูเขามังกรขนด ! “

“ขอรับ หัวหน้า ! ” ด้านนอกห้องโถง ก็มีเสียงก้องดังออกมาด้วยความฮึกเหิม

“รอเดี๋ยวก่อน มันอาจจะดูแย่ถ้าเราทำแบบนั้น ยังไงว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าก็จะมาจากตระกูลเทียนฉิน ถ้าข้ากำจัดพวกตระกูลเทียนฉินทั้งหมด มันจะอธิบายยาก ยังไงก็ตาม ในเมื่อพวกมันมา ก็ให้มันมาร่วมในงานแต่งงานของลูกชายข้าซะเลย ส่งพิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกไปต้อนรับมันในฐานะแขก” หัวหน้าเกิดเปลี่ยนใจ

“ขอรับ ! “

ในขณะเดียวกัน ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างอบอุ่นในบริเวณนั้น คุณหนูจากตระกูลเทียนฉิน, ฉินฉิน, กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในชุดแต่งงานสีแดง ข้าง ๆ นาง มีคนรับใช้ 2 คนกำลังแต่งหน้าให้นางงดงามอยู่

ฉินฉินจ้องมองออกไปด้วยความสับสน ช่วยไม่ได้ที่นางจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 วันก่อนได้ ในตอนนั้น นางกำลังออกเที่ยวและบังเอิญไปเจอกับคนจากกลุ่มโจรมังกรวารี ไม่เพียงแต่พวกนั้นจะฆ่าผู้คุ้มกันทั้งหมด แต่พวกมันยังจับนางมาที่ฐานในฐานะนักโทษที่ภูเขามังกรขนด ก่อนที่หัวหน้าของกลุ่มโจรจะบังคับให้นางแต่งงานกับลูกชายของเขา

ในตอนแรก ฉินฉินเชื่อว่าการที่ได้เจอกับกลุ่มโจรมังกรวารีทั้งหมดนั้นคือเรื่องบังเอิญ แต่นางมารู้ที่หลังว่าลูกชายของหัวหน้านั้นได้วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วและมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแม้แต่น้อย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องทั้งหมดถึงเกิดขึ้น มันเป็นเพราะลูกชายของหัวหน้าเคยเห็นนางครั้งหนึ่งที่เมืองหว่าลู่เหรินและหลงใหลในความงามของนาง

จากการที่ถูกบังคับแต่งงาน ฉินฉินไม่ได้ต่อต้านอะไรเพราะนางรู้ว่าถึงต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม นางตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่แต่งงานกับลูกของหัวหน้ากลุ่มโจรเด็ดขาด ในทันทีที่นางเข้าไปในห้องโถงที่เตรียมไว้สำหรับงานแต่งงาน นางจะฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้นทันที

นางที่บริสุทธิ์ผุดผ่องดังหยก ไม่ปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองแปดเปื้อนแม้แต่เพียงนิดเดียว แม้ว่านางจะตาย นางก็ต้องปกป้องสิ่งนี้ไว้ให้ได้

“ท่านพ่อ ขอบคุณที่ดูแลข้ามาหลายปี ในชีวิตนี้ ร่างกายนี้ ฉินเอ๋อยังไม่ได้ตอบแทนท่าน ฉินเอ๋อจะชดใช้ให้ท่านในชาติหน้า กรุณายกโทษให้ข้าด้วย ท่านพี่ ขอบคุณที่คอยห่วงใยข้าตลอด ท่านจะเป็นพี่ที่ดีที่สุดของข้าตลอดไป ฉินเอ๋อหวังว่าในภพหน้า ท่านจะเป็นพี่ชายของข้าอีก” น้ำตาเป็นสายก็หลั่งออกมาจากตาของฉินเอ๋อโดยนางไม่ได้รั้งไว้

..

“หยุด ! “

ระหว่างครึ่งทางขึ้นภูเขา ทุก ๆ คนจากกองกำลังของตระกูลเทียนฉินหยุดตามคำบอกของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นไม่นาน เซียนสวรรค์ 4 คนพุ่งอย่างรวดเร็วมาจากยอดเขาพร้อมกับแสงพิเศษที่กระพริบเนื่องจากพลังธรรมชาติ ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ลอยมาอยู่กน้ากองกำลัง จ้องมองผู้คนจากด้านบน

เซียนสวรรค์ทั้งหมด 4 คนนั้นอยู่ในวัยกลางคนและสวมชุดสีน้ำตาล ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและไม่ได้ปกติความดูถูกเหยียดหยามในแววตาของพวกเขาแม้แต่น้อย พวกเขาดูถูกตระกูลเทียนฉิน

“จากคำสั่งของท่านหัวหน้า ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกมาต้อนรับตระกูลเทียนฉินเป็นพิเศษเพื่อให้ไปเข้าร่วมในงานแต่งงานของนายน้อย กรุณาขึ้นไปบนเขา การแต่งงานจะเริ่มอย่างเป็นทางการในตอนเที่ยงของวันนี้” หนึ่งในเซียนสวรรค์กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชาแก่ผู้ที่อยู่เบื้องล่าง

“ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก ทั้งสี่คนนี้คือแม่ทัพปีศาจของกลุ่มโจรมังกรวารี พวกเขาตั้งตำแหน่งของพวกเขาเองและพวกเขาก็แข็งแกร่งมาก ใครจะคิดล่ะว่า กลุ่มโจรมังกรวารีจะส่ง 4 คนนี้มา” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกระซิบไปที่หูของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมองไปยังแม่ทัพปีศาจทั้งสี่อย่างไม่ใส่ใจและพูด “ไปข้างบนกัน”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 702: ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 702: ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 702: ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก

เมื่อได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็จ้องมองไปที่ภูเขาด้านหน้า ภูเขามังกรขนดมีรูปทรงเหมือนปิรามิด ด้วยฐานที่กว้างและยอดที่แคบ ยอดของมันทะลุเลยเมฆขึ้นไปไกล มันเหมือนมังกรตัวใหญ่ที่ขดตัวอยู่และหัวของมันก็มุดเข้าไปในกลุ่มเมฆ

รอบ ๆ ภูเขามังกรขนด มันเหมือนกับที่หัวหน้าตระกูลของตระกูลเทียนฉินอธิบาย มันประกอบไปด้วยหน้าผาชันและพื้นผิวของภูเขาเป็นหินทั้งหมด และทั่วทั้งภูเขายังปกคลุมไปด้วยพืชที่มีหนามไปทั่วทุกตารางนิ้ว ทำให้มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปีนขึ้นไป

“ช่างเป็นสถานที่ซึ่งมีพลังธรรมชาติเยอะอะไรอย่างนี้ พลังธรรมชาติของที่นี่เข้มข้นมากกว่าที่อื่นถึง 2 เท่า ถ้ามีคนมาฝึกที่นี่ มันอาจจะไม่เร็วเท่าการดูดซับแกนอสูรโดยตรง แต่มันจะเร็วกว่าที่อื่น ๆ เป็นแน่” เจี้ยนเฉิน จ้องไปที่ยอดของภูเขา “ยิ่งไกล้ยอดภูเขามากเท่าไร พลังธรรมชาติก็ยิ่งมากขึ้นไปเท่านั้น ภูเขามังกรขนดนี้คือภูเขาแห่งจิตวิญญาณที่ซึ่งพลังธรรมชาติอยู่รวมกัน มันเป็นที่ที่ดีที่จะตั้งสำนัก แต่แย่หน่อยที่มันถูกพวกกลุ่มโจรยึดไปได้”

“ใช่แล้ว ภูเขามังกรขนดเป็นที่รู้จักดีในบริเวณนี้ มันไม่มีภูเขาแห่งจิตวิญญาณลูกไหนที่ดีไปกว่านี้อีกแล้วในบริเวณใกล้เคียง ดังนั้นครั้งหนึ่งมันเคยถูกกองกำลังนับไม่ถ้วนที่จะเข้ามาแย่งชิงด้วยความอิจฉา แต่แย่หน่อยที่ไม่มีใครสามารถเอามันไปจากกลุ่มโจรมังกรวารีได้” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว

ได้ยินดังนั้น เจี้ยนเฉินก็ครุ่นคิดซักครู่ก่อนพูดออกไป “ในเมื่อภูเขามังกรขนดมีคุณค่ามากขนาดนี้ พวกท่านตระกูลเทียนฉินเคยคิดมาครอบครองมันบ้างหรือไม่ ? “

“แน่นอน พลังงานที่ภูเขาแห่งจิตวิญญาณนี้เข้มข้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ ใครบ้างจะไม่สนใจมันล่ะ ? แต่ความแข็งแกร่งของกลุ่มโจรมังกรวารีนั้นกันไม่ให้ใครทำอย่างนั้นได้ เราได้แต่ดูพวกนั้นที่อยู่บนภูเขาจากที่ไกล ๆ” คราวนี้หัวหน้าตระกูลพูด เขามองไปที่ภูเขาด้วยสายตาที่ข่มความรู้สึกอยากครอบครองไว้

เจี้ยนเฉินทอดสายตาไปที่หัวหน้าตระกูลและยิ้มเล็กน้อย “ภูเขาแห่งจิตวิญญาณที่ดีเยี่ยงนี้ไม่น่าไปตกอยู่ในของของพวกกลุ่มโจรที่ดีแต่รู้จักปล้นอย่างเดียวเลย ในเมื่อตระกูลเทียนฉินสนใจในการยึดครองภูเขานี้ ข้าจะช่วยท่านและยกภูเขาลูกนี้ให้ท่านหลังจากเรายึดมาได้ มันไม่เช้าแล้ว เราควรไปได้แล้ว”

เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจสายตาที่ประหลาดใจของหัวหน้าตระกูลและท่านผู้อาวุโสทั้งสามเลย เขาเร่งให้สัตว์อสูรระดับ 4 ที่เขาขี่อยู่มุ่งไปยังทางขึ้นเขาที่มีเพียงทางเดียว

“ศิษย์พี่ ข้าได้ยินผิดไปหรือไม่ ? เจี้ยนเฉินจะกำจัดพวกกลุ่มโจรที่ภูเขาและยกภูเขาให้กับตระกูลเทียนฉินงั้นหรือ ? ” ผู้อาวุโสสองพึมพำออกมาในขณะที่เขาจ้องมองไปที่หลังของเจี้ยนเฉินที่อยู่ไกล ๆ

ท่านผู้อาวุโสสูงสุดคนที่ถูกเรียกว่า ‘ศิษย์พี่’ ก็ยังคงตะลึงในสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูด เขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความฉงน แล้วพูดอย่างนุ่มนวล “เรายังไม่รู้ว่าพลังของเจี้ยนเฉินอยู่ในขั้นไหน ทำไมเขาถึงมั่นใจในการรับมือกับหัวหน้าของกลุ่มโจรมังกรวารีถึงเพียงนี้ ? พลังของหัวหน้ากลุ่มโจรนั้นแข็งแกร่งมาก เขาแข็งแกร่งที่สุดรองจากเซียนผู้คุมกฎ บางทีเจี้ยนเฉินอาจจะยังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของหัวหน้ากลุ่มโจรนั้นหรือเปล่า ? “

หลังจากที่ได้ยินการหารือกันระหว่างสองคนนั้น ผู้อาวุโสสามก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนเข้าไปร่วมสนทนาด้วย “ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ ข้าไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะเป็นคนที่เย่อหยิ่งและมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหรอกนะ บางทีเขาอาจมีอะไรบางอย่าง เราอย่ามัวแต่พูด รีบตามเขาไปแล้วมาคอยดูกันดีกว่า เราจะรู้ในไม่ช้านี้แหละว่า เจี้ยนเฉินจะแข็งแกร่งมากพอที่จะสู้กับหัวหน้ากลุ่มโจรได้หรือไม่”

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินนำหน้าแล้วตามมาด้วยผู้อาวุโสทั้งสาม ในขณะที่กองทัพพันคนจากตระกูลเทียนฉินนั้นอยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งหมดอีกที

ด้วยความฮึกเหิม กองกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยแถวแนวกว้าง 3 เมตร มุ่งตรงไปที่ยอดเขา โดยที่มีพุ่มไม้และต้นไม้หนามข้าง ๆ ทางเดิน ป่านั้นเงียบสงบ แต่ก็มีเสียงคำรามของสัตว์ออกมาบ้างเป็นครั้งครา

อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินรู้ดีว่าเสียงคำรามในป่านั้นไม่ใช่เสียงของสัตว์ป่า แต่เป็นเสียงของคนที่ทำเลียนแบบ พวกมันใช้วิธีพิเศษในการสื่อสารทั่วป่า

บนยอดเขา ทั่วบริเวณมีหินอ่อนแทรกอยู่ตามรอยแยกบนพื้นที่ที่ราบเรียบ ในขณะนี้ การตกแต่งทั่วทั้งบริเวณถูกปกคลุมไปด้วยกระดาษสีแดงและผู้คนมากมายในเครื่องแต่งกายหลายแบบกำลังยุ่งอยู่ด้านใน ด้วยเสียงของผู้คนที่ตะโกนไปมา โคมแดงและประทัดถูกแขวนไว้ทั่วบริเวณ ทำให้ทั้งบริเวณเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกสดชื่น มันดูมีชีวิตชีวามากจริง ๆ

ทันใดนั้นเอง คนหนุ่มที่วาดลายที่หน้าในชุดเสื้อหนังจิ้งจอกก็รีบวิ่งไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของบริเวณนั้น ในที่สุด เขาก็หยุดหน้าโถงที่มียามคุมหนาแน่น เขาคุกเข่าลงและพูด “รายงานหัวหน้า ข้ามีบางอย่างสำคัญต้องแจ้ง”

“ว่ามา ! ” เสียงที่สง่างามและหนักแน่นดังสะท้อนมาจากห้องโถง จากเสียงที่ได้ยิน มันเดาไม่ยากว่าเสียงที่พูดคือเสียงของชายวัยกลางคน

“หัวหน้า มีกลุ่มคนอยู่ที่ด้านล่างของภูเขากำลังมุ่งตรงขึ้นมาที่บนยอดนี้ มันมีประมาณพันคน” คนหนุ่มนั้นกล่าวอย่างเคารพ

“ถ้าข้าเดาไม่ผิด พวกมันน่าจะเป็นตระกูลเทียนฉินจากเมืองหว่าลู่เหริน ในอาณาจักรซูหยา” เสียงที่สง่างามนั้นดังกังวานออกมาจากห้องโถงนั้นอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม มันปนไปด้วยความเยาะเย้ยในน้ำเสียงครั้งนี้

“หัวหน้าช่างมองการณ์ไกลจริง ๆ ที่เดาถูกเลยตั้งแต่ครั้งแรก ไม่มีอะไรหลุดลอดสายตาของหัวหน้าไปได้” คนหนุ่มที่เข้ามาแจ้งเรื่องรีบประจบหัวหน้า

เสียงหัวเราะที่เยือกเย็นและเสียงดังโวกแวกดังออกมาจากห้องโถง “หลายศตวรรษแล้วนะที่ไม่มีใครย่างหลายมาที่ภูเขามังกรขนด และตอนนี้ ตระกูลเทียนฉินก็กำลังจะมาถึง ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าตระกูลเทียนฉินจะรวมความกล้าและคิดว่าพวกมันสามารถข่มขู่ข้าที่ภูเขามังกรขนดด้วยเซียนสวรรค์แค่ 3 คนของมัน หืมม ช่างน่าขันอะไรเช่นนี้ ส่งกองกำลังพร้อมด้วยผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก 4 คนไปกำจัดมันซะ ไล่มันออกไปจากภูเขามังกรขนด ! “

“ขอรับ หัวหน้า ! ” ด้านนอกห้องโถง ก็มีเสียงก้องดังออกมาด้วยความฮึกเหิม

“รอเดี๋ยวก่อน มันอาจจะดูแย่ถ้าเราทำแบบนั้น ยังไงว่าที่ลูกสะใภ้ของข้าก็จะมาจากตระกูลเทียนฉิน ถ้าข้ากำจัดพวกตระกูลเทียนฉินทั้งหมด มันจะอธิบายยาก ยังไงก็ตาม ในเมื่อพวกมันมา ก็ให้มันมาร่วมในงานแต่งงานของลูกชายข้าซะเลย ส่งพิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกไปต้อนรับมันในฐานะแขก” หัวหน้าเกิดเปลี่ยนใจ

“ขอรับ ! “

ในขณะเดียวกัน ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างอบอุ่นในบริเวณนั้น คุณหนูจากตระกูลเทียนฉิน, ฉินฉิน, กำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในชุดแต่งงานสีแดง ข้าง ๆ นาง มีคนรับใช้ 2 คนกำลังแต่งหน้าให้นางงดงามอยู่

ฉินฉินจ้องมองออกไปด้วยความสับสน ช่วยไม่ได้ที่นางจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 2-3 วันก่อนได้ ในตอนนั้น นางกำลังออกเที่ยวและบังเอิญไปเจอกับคนจากกลุ่มโจรมังกรวารี ไม่เพียงแต่พวกนั้นจะฆ่าผู้คุ้มกันทั้งหมด แต่พวกมันยังจับนางมาที่ฐานในฐานะนักโทษที่ภูเขามังกรขนด ก่อนที่หัวหน้าของกลุ่มโจรจะบังคับให้นางแต่งงานกับลูกชายของเขา

ในตอนแรก ฉินฉินเชื่อว่าการที่ได้เจอกับกลุ่มโจรมังกรวารีทั้งหมดนั้นคือเรื่องบังเอิญ แต่นางมารู้ที่หลังว่าลูกชายของหัวหน้านั้นได้วางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้วและมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแม้แต่น้อย นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเรื่องทั้งหมดถึงเกิดขึ้น มันเป็นเพราะลูกชายของหัวหน้าเคยเห็นนางครั้งหนึ่งที่เมืองหว่าลู่เหรินและหลงใหลในความงามของนาง

จากการที่ถูกบังคับแต่งงาน ฉินฉินไม่ได้ต่อต้านอะไรเพราะนางรู้ว่าถึงต่อต้านไปก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรก็ตาม นางตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่แต่งงานกับลูกของหัวหน้ากลุ่มโจรเด็ดขาด ในทันทีที่นางเข้าไปในห้องโถงที่เตรียมไว้สำหรับงานแต่งงาน นางจะฆ่าตัวตายด้วยการกัดลิ้นทันที

นางที่บริสุทธิ์ผุดผ่องดังหยก ไม่ปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองแปดเปื้อนแม้แต่เพียงนิดเดียว แม้ว่านางจะตาย นางก็ต้องปกป้องสิ่งนี้ไว้ให้ได้

“ท่านพ่อ ขอบคุณที่ดูแลข้ามาหลายปี ในชีวิตนี้ ร่างกายนี้ ฉินเอ๋อยังไม่ได้ตอบแทนท่าน ฉินเอ๋อจะชดใช้ให้ท่านในชาติหน้า กรุณายกโทษให้ข้าด้วย ท่านพี่ ขอบคุณที่คอยห่วงใยข้าตลอด ท่านจะเป็นพี่ที่ดีที่สุดของข้าตลอดไป ฉินเอ๋อหวังว่าในภพหน้า ท่านจะเป็นพี่ชายของข้าอีก” น้ำตาเป็นสายก็หลั่งออกมาจากตาของฉินเอ๋อโดยนางไม่ได้รั้งไว้

..

“หยุด ! “

ระหว่างครึ่งทางขึ้นภูเขา ทุก ๆ คนจากกองกำลังของตระกูลเทียนฉินหยุดตามคำบอกของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้นไม่นาน เซียนสวรรค์ 4 คนพุ่งอย่างรวดเร็วมาจากยอดเขาพร้อมกับแสงพิเศษที่กระพริบเนื่องจากพลังธรรมชาติ ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ลอยมาอยู่กน้ากองกำลัง จ้องมองผู้คนจากด้านบน

เซียนสวรรค์ทั้งหมด 4 คนนั้นอยู่ในวัยกลางคนและสวมชุดสีน้ำตาล ท่าทีของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและไม่ได้ปกติความดูถูกเหยียดหยามในแววตาของพวกเขาแม้แต่น้อย พวกเขาดูถูกตระกูลเทียนฉิน

“จากคำสั่งของท่านหัวหน้า ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลกมาต้อนรับตระกูลเทียนฉินเป็นพิเศษเพื่อให้ไปเข้าร่วมในงานแต่งงานของนายน้อย กรุณาขึ้นไปบนเขา การแต่งงานจะเริ่มอย่างเป็นทางการในตอนเที่ยงของวันนี้” หนึ่งในเซียนสวรรค์กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชาแก่ผู้ที่อยู่เบื้องล่าง

“ผู้พิทักษ์แห่งสวรรค์และโลก ทั้งสี่คนนี้คือแม่ทัพปีศาจของกลุ่มโจรมังกรวารี พวกเขาตั้งตำแหน่งของพวกเขาเองและพวกเขาก็แข็งแกร่งมาก ใครจะคิดล่ะว่า กลุ่มโจรมังกรวารีจะส่ง 4 คนนี้มา” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดกระซิบไปที่หูของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินมองไปยังแม่ทัพปีศาจทั้งสี่อย่างไม่ใส่ใจและพูด “ไปข้างบนกัน”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+