Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 753: องค์กรนักฆ่าทั้งสอง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 753: องค์กรนักฆ่าทั้งสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 753: องค์กรนักฆ่าทั้งสอง

เม็ดบอลแสงจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่รอบ ๆ ตัวเจี้ยนเฉิน แต่ละเม็ดนั้นเต็มไปด้วยพลังเซียนธาตุแสงที่หนาแน่น หลังจากนั้นไม่นาน เม็ดบอลแสงนับไม่ถ้วนเหล่านั้นก็กลายเป็นเส้นสีขาวที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน และพุ่งไปทางนักฆ่าที่อยู่รอบ ๆ

นักฆ่าทั้งหมดกวัดแกว่งกริชเพื่อต่อต้านการโจมตีจากบอลแสงนั้น เสียงกระทบระหว่างกริชกับเม็ดบอลแสงนั้นดังออกมาไม่ขาดสาย นักฆ่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเซียนปฐพีในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นเซียนสวรรค์ เมื่อไรก็ตามที่เซียนปฐพีต้านทานกับบอลแสง ร่างของพวกเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พลังที่อยู่ในเม็ดบอลแสงที่ไม่สะดุดตาอะไรอยู่ในระดับที่น่ากลัวทีเดียว

“อ้าก ! ” นักฆ่าที่เป็นเซียนปฐพีโดนบอลแสงเข้าเล่นงาน ซึ่งทะลุร่างของเขาไป จากความเจ็บปวดที่ฉับพลัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาและหยุดป้องกันตัวเอง นี่ทำให้เขาโดนโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีกจากเม็ดบอลแสงพลังเซียนธาตุแสงจนกระทั่งเขาตาย

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมาเสียงแล้วเสียงเล่าและในเวลาอันสั้น เซียนปฐพีทั้งหมดก็ได้ตายไป พวกเขาทั้งหมดมีรูนับไม่ถ้วนทะลุเข้าไปที่ร่างกายของพวกเขา เลือดย้อมตัวของพวกเขาไปทั่วทั้งร่าง

ในตอนนี้ มีเพียงเซียนสวรรค์เหลือเพียง 4 คนเท่านั้นที่กำลังพยายามต่อต้านการโจมตีอยู่ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกบังคับให้หยุดโดยเม็ดบอลแสงที่หนาแน่นนั้น พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้เลยและถูกบังคับให้ล่าถอยไปอย่างรวดเร็วจากเม็ดบอลแสง

“อาจารย์เฟิง เมื่อไหรที่ท่านจะออกมาช่วยซักที?” นักฆ่าร้องออกมา

สายตาของหญิงสาวเป็นประกายอยู่ไกล ๆ มีดสีดำที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉินนั้นดูเหมือนจะอยู่ในการควบคุมของนาง มันพุ่งออกจากมือของเจี้ยนเฉินไปที่ระหว่างคิ้วของเขาอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเส้น

เจี้ยนเฉินเพ่งมอง ทันใดนั้นเองแสงสีฟ้าและม่วงลาง ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ในขณะที่มีดเล็กที่ถูกควบคุมโดยเด็กหญิงก็ถูกทำให้หยุดที่หน้าผากของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น มีดก็เปลี่ยนไปเป็นแสงสีขาวที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉินและพุ่งเป้าหมายไปที่เด็กหญิง บนมีดเล่มเล็กนั้น มีเศษเสี้ยวของปราณกระบี่ม่วงฟ้าปรากฏอยู่

“กระบี่พลังเซียนธาตุแสง ! ” เจี้ยนเฉินเพ่งสมาธิไปที่สองอย่างพร้อม ๆ กัน แยกฝ่ามือทั้งสองของเขาออกจากกันและกระบี่พลังเซียนธาตุแสง 4 เล่มที่สว่างจ้าก็มาควบรวมระหว่างมือของเขา ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแสงสีเงินและพุ่งไปทางเซียนสวรรค์ทั้งสี่คนนั้น

นักฆ่าทั้งสี่คนนั้นบินถอยกลับไปในขณะที่พวกเขากระอักเลือดออกมาและสีหน้าของพวกเขาก็ขาวเหมือนกระดาษ พวกเขาร่อนลงพื้นอย่างรุนแรง

ในขณะที่ผู้ที่ถูกเรียกว่าอาจารย์เฟิงนั้นถูกมีดเล่มเล็กนั้นแทงทะลุหน้าอกไป นางหน้าซีดทันทีในขณะที่เลือดสีดำไหลออกมาจากมุมปากของนาง นางได้รับพิษ

ควับ !

เสียงเสียดอากาศดังมาจากด้านหลัง มีดเล็กที่ทะลุผ่านหน้าอกของเด็กหญิงนั้นได้กลับตัวภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉินและกำลังจะบินกลับมาที่เดิม ด้วยปราณกระบี่ม่วงฟ้าที่อยู่ในนั้น มันก็พุ่งทะลุผ่านหลังของเด็กหญิงผู้นั้นและกลับมาที่มือของเจี้ยนเฉิน

เด็กหญิงนั้นส่งเสียงครางและถูกหยุดยั้งไว้จากพิษที่กำลังกระจายไปทั่วร่างของนางอย่างรวดเร็ว นางถีบตัวออกจากพื้นอย่างรวดเร็วและพุ่งขึ้นไปในอากาศเพื่อที่จะหนีไปให้ไกล

เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะปล่อยเด็กหญิงนั้นไป แม้ว่าเด็กหญิงนั้นจะดูเหมือนมีอายุเพียง 12-13 ปีเท่านั้น แต่เจี้ยนเฉินก็รู้ว่า จริง ๆ แล้วอายุของนางมากกว่านั้น

“กระบี่พลังเซียนธาตุแสง ! ” เจี้ยนเฉินร้องออกมา กระบี่พลังเซียนธาตุแสงควบรวมอย่างรวดเร็วและด้วยการกวัดแกว่งของมือของเขา มันก็เปลี่ยนเป็นแสงยาวและไล่ตามเด็กหญิงผู้นั้นไป

เด็กหญิงที่กำลังหนีอยู่นั้น กลับตัวกลางอากาศทันที กริชเหมือนที่นักฆ่าคนอื่นอื่นใช้ปรากฏขึ้นที่มือของนาง ก่อนที่นางจะเหวี่ยงไปที่กระบี่พลังเซียนธาตุแสงด้วยกำลังที่มีทั้งหมดของนาง

ด้วยเสียงระเบิดดัง กระบี่พลังเซียนธาตุแสงก็แตกออก แต่เลือดก็ได้กระอักออกมาจากปากของเด็กหญิงนั้น นางเริ่มหล่นลงมาจากท้องฟ้า ในขณะที่พิษที่อยู่ในตัวนางก็เริ่มกระจายอย่างเป็นอิสระจากพลังเซียนที่ข่มมันไว้ มันเริ่มกระจายไปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผิวของนางกลายเป็นสีดำ

ในตอนนี้เอง ลมและเมฆบนท้องฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ความกดดันสูงแผ่ซ่านไปรอบรอบ หยางหลิงใช้ดาบชี้ไปที่ท้องฟ้า ในขณะที่ดาบเองก็เปล่งประกายสีแดงสว่างสุกใสออกมา ดาบนั้นแผ่ความร้อนอย่างมากออกมา ทำให้อุณหภูมิในอากาศรอบรอบเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

“ลิ้มลองทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของข้าหน่อยเป็นไง ! ” หยางหลิงตะโกนออกมา เขาเหวี่ยงดาบใหญ่ไปที่นักฆ่าที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

แม้ว่านักฆ่าจะเป็นถึงเซียนสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังไม่บรรลุระดับสูงสุด ดังนั้นพวกเขายังห่างไกลจากหยางหลิงนัก เซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 พวกเขาถูกทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้จากแรงกดดันของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์

แสงสีแดงสว่างสุกใสจากดาบใหญ่ได้ตัดผ่านคอของนักฆ่าทั้งสี่ หลังจากนั้น มันก็พุ่งไปที่นักฆ่าคนที่ 5 โดยไม่ได้ลดความแข็งแกร่งลงไปเลย

มันสายเกินไปแล้วที่จะหลบ นักฆ่าร้องออกมาและใช้กำลังทั้งหมดที่มีในการโจมตีดาบใหญ่สีแดงเพลิงนั้นที่ล็อคเป้าไปที่เขา

ด้วยเสียงดังสนั่น กริชของนักฆ่าถูกกระแทกกระเด็นไป ในขณะที่ดาบใหญ่แทงเข้าไปที่หน้าอกของเขาเหมือนสายฟ้าฟาด เปลวเพลิงส่วนใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายในดาบพุ่งเข้าไปที่ร่างของนักฆ่า

“อ้าก ! ” นักฆ่าส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะมีเปลวเพลิงปรากฎขึ้นที่ร่างของเขา เปลวเพลิงกระจายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลายเป็นทะเลเพลิงคลุมตัวนักฆ่าไว้และแผดเผานักฆ่าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของหยางหลิงได้จัดการจอมยุทธทั้งห้าที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน ทำให้นักฆ่าเหลืออยู่เพียงหนึ่งเท่านั้น

“หยางหลิง ไปจับเด็กหญิงนั้นมา ให้ข้าจัดการที่เหลือเอง” เจี้ยนเฉินพูดดังชัดเจน หลังจากพูดจบ กระบี่พลังเซียนธาตุแสงอีก 5 เล่มก็ถูกควบรวม กระบี่แต่ละเล่มยาว 4 เมตรและเปล่งพลังเป็นระลอกออกมา ความแข็งแกร่งของมันเห็นได้ชัดว่าทรงพลังมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้

กระบี่พลังเซียนธาตุแสงทั้งห้านี้เป็นกระบี่พลังเซียนธาตุแสงที่ทรงพลังที่สุดทั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินเคยร่ายมา มันทรงพลังมากกว่าเดิมเพราะพวกมันถูกร่ายมาด้วยวิธีที่เจี้ยนเฉินพึ่งเข้าใจในสิบกว่าวันหลังจากการต่อสู้บนเรือนั้น

“ขอรับ อาจารย์หยางยู่เทียน” หยางหลิงตอบกลับทันที และพุ่งไปทิศทางที่เด็กหญิงอยู่

เมื่อได้เห็นดาบพลังเซียนธาตุแสงที่มีพลังมากกว่าครั้งก่อนชัดเจนลอยอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน ท่าทีของนักฆ่าที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง

“ถอย ! ” หนึ่งในกลุ่มนั้นแผดเสียงออกมา เขาไม่ต้องการที่จะสู้อีกต่อไป และต้องการที่จะพาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บหนักของเขาหนีไป หลังจากนั้นอีก 4 คนที่เหลือก็เริ่มหนีไปอีกทิศทาง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะสามารถหนีไปได้ไกล กระบี่ทั้งห้าที่ลอยอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินก็พุ่งออกไปทันที และไล่ตามนักฆ่าเหล่านั้นไปด้วยความเร็วที่มากกว่าหลายเท่าตัว มันแทงลึกเข้าไปที่หลังของนักฆ่าทั้งห้าก่อนที่กระบี่จะระเบิดเสียงดัง พลังที่มหาศาลระเบิดร่างของนักฆ่าออกไปชิ้น ๆ และทำให้เกิดฝนเลือด

เมื่อนักฆ่าทั้งห้าตายแล้ว หยางหลิงก็ได้กลับมาจากที่ไกล ๆ เขาหิ้วเด็กหญิงติดมือมาด้วย ใบหน้าของเด็กหญิงนั้นกลายเป็นสีดำ เห็นได้ชัดว่าติดพิษหนักแล้ว

หยางหลิงโยนเด็กหญิงลงบนพื้นแล้วพูด “อาจารย์หยางยู่เทียน จ้าจับคนที่ท่านสั่งมาแล้ว ท่านยังสบายดีอยู่หรือไม่ ? “

“ข้าไม่เป็นไร พวกมันไม่มีพลังพอที่จะทำร้ายข้าได้” เจี้ยนเฉินจัดเสื้อที่ยับยุ่งของเขา ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะถูกโจมตีอย่างคาดไม่ถึงจากฝ่ามือของเด็กหญิงนั้น แต่การโจมตีก็ไม่ได้ทำอันตรายกับร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉิน อีกทั้งพลังปราณที่เยือกเย็นที่เข้าไปในร่างของเจี้ยนเฉินถูกทำให้หายไปจากพลังบรรพกาล

เจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้าเด็กหญิงและจ้องไปที่นางอย่างเย็นชาและถาม “เจ้าไปได้วัตถุดิบที่ใช้สำหรับทำดาบเล่มเล็ก ๆ นี้มาจากที่ไหน ? “

เด็กหญิงจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงแก่เฒ่า “ทำไมคนที่กำลังจะตายถึงถามคำถามมากมายเช่นนี้ ? ถึงเจ้าจะถามไปมันก็ไร้ค่า เพราะว่าเจ้าจะอยู่ได้ไม่นานนักหรอก ไม่มีใครรอดจากการไล่ตามของหอยามะได้ ไม่ได้แม้แต่เซียนผู้คุมกฎ” น้ำเสียงของเด็กหญิงนั้นแหบแห้งไม่เหมาะสมกับอายุของนางเลยแม้แต่น้อย จากน้ำเสียงของนางแล้ว มันง่ายที่จะเชื่อว่านางนั้นเป็นหญิงชราอายุประมาณ 70-80 ปี

ท่าทีของเจี้ยนเฉินนั้นเริ่มเคร่งครึม “ถ้าเจ้ารู้ว่าวัตถุที่ใช้ทำดาบเล็ก ๆ นี่หาได้จากที่ไหน ข้าอาจจะปล่อยให้เจ้ารอดไป” เจี้ยนเฉินสนใจในดาบเล่มเล็กนั้นมาก เพราะว่ามันทำมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการทำกระบี่ม่วงฟ้า วัตถุดิบนี้เรียกว่าหินวิญญาณจากสวรรค์ ปริมาณหินวิญญาณจากสวรรค์ที่เขามีนั้นยังห่างไกลนักจากที่เขาต้องการ เพราะว่าการหลอมกระบี่ม่วงฟ้านั้นต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก มากถึงหนึ่งในสี่ของวัตถุดิบที่มีทั้งหมด

“เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะได้ข้อมูลอะไรจากข้าอีกงั้นหรือ ? ” เด็กหญิงพูดอย่างเย็นชาก่อนที่จะหลับตา

เจี้ยนเฉินมองไปที่เด็กหญิงสักพักก่อนที่จะพูดด้วยเสียงทุ้ม “หยางหลิง มัดนางไว้และพานางกลับไปที่สำนักงานใหญ่ ! “

พรวด ! ทันใดนั้น เลือดสีดำพ่นเป็นฝอยออกมาจากปากของเด็กหญิง ร่างของเด็กหญิงทรุดลงไปที่พื้นอย่างไร้ชีวิต

หยางหลิงรีบตรวจดูที่ร่างกายของเด็กหญิงแล้วพูด “อาจารย์หยางยู่เทียน นางฆ่าตัวตายด้วยการทำให้หัวใจตัวเองหยุดเต้น”

เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไร เขาจ้องไปที่ดาบอาบยาพิษในมือของเขาก่อนที่จะวางมันลงอย่างเบา ๆ เขาหันหลังแล้วเดินไปที่รถม้า “พวกเราเดินทางกลับไปที่สำนักงานใหญ่กันต่อ ! “

คนขับม้าบนรถม้ารีบลงมาจากรถม้าแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน เขาถามอย่างเป็นห่วง “ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ ? มันไม่ปลอดภัยแล้วที่ถนนนี้ รีบเข้ารถม้าเถอะ ข้าจะขับไปที่สำนักงานใหญ่ทันที”

เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไรและเข้าไปที่รถม้าทันที ในตอนนี้ ความสนใจทั้งหมดของเขาเป็นเรื่องดาบเล่มเล็กนั่น ในขณะที่เรื่องการลอบสังหารนั้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย เขาพบเจอกับการฆ่าฟันมามากมายนับไม่ถ้วนในชีวิตแล้ว ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยนี้ก็แค่ขี้เล็บ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจี้ยนเฉินกำลังจะเข้าไปที่ในรถม้า คนขับรถม้าก็ชักมีดออกมาอย่างไร้เสียงและแทงเข้าไปที่หลังของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้า ถ้าเจี้ยนเฉินถูกโจมตี มีดคงทะลุหัวใจของเขาจากด้านหลังเป็นแน่

ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายและหลังจากนั้นไม่นาน มุมปากของเขาก็บิดไปด้วยความเย้ยหยัน

มีดถูกแทงอย่างชั่วร้ายไปที่หลังของเจี้ยนเฉิน แต่มันก็แค่เจาะไปยังเสื้อผ้าที่เจี้ยนเฉินใส่เท่านั้น เมื่อมีดที่แหลมคมกำลังจะถึงร่างของเจี้ยนเฉิน มันก็ชนเข้ากับชั้นบาง ๆ ด้านใน และไม่สามารถแทงเข้าไปได้

ท่าทีของคนขับรถม้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบโต้อย่างเร็ว พลังเซียนในร่างกายของเขาไหลอย่างต่อเนื่องไปที่มีด เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีดันมีดเข้าไป แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน มีดก็ไม่ขยับเข้าไปเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนมีกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่งมากป้องกันไม่ให้มีดทะลุเข้าไป

ปัง ! ในตอนนี้ หยางหลิงได้เข้ามาถึง เขาเหวี่ยงหมัดไปที่คนขับรถม้าโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำให้คนขับรถม้าลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร เขากระแทกพื้นแล้วกระอักเลือดออกมา

“ไอ้บ้าเอ้ย ใครจะคิดกันละว่า คนขับรถม้าจะเป็นนักฆ่าด้วย ! ” หยางหลิงคำรามไปที่คนขับรถม้า เขาโกรธจัดในตอนนี้ ในฐานะผู้คุ้มกันของเจี้ยนเฉิน เขาทำผิดพลาดถึง 2 ครั้งในเวลาสั้น ๆ ถ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 คนอื่น พวกเขาคงจะตายไปนานแล้ว

เจี้ยนเฉินโผล่หัวออกมาจากรถม้าและมองไปที่คนขับรถม้าด้วยท่าทีที่ซับซ้อน เขาถอนหายใจอย่างสงสัย “ช่างเป็นวิชาพลางตัวที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะเงียบสนิทเท่านั้นตอนที่เจ้าโจมตี แต่มันยังไม่มีจิตสังหารหลุดออกมาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ข้าก็สัมผัสไม่ได้ เจ้าต้องได้รับการฝึกมาก่อนแน่ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นคนขององค์กรไหน?”

“นิกายใต้พิภพ ! ” คนขับรถม้าพูดแต่ละคำออกมาอย่างตะกุกตะกัก ในขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉิน “ถ้าเจ้าไม่มีของป้องกันล้ำค่าแบบนี้ เจ้าคงจะตายไปด้วยน้ำมือของนิกายใต้พิภพไปแล้ว”

เจี้ยนเฉินเย้ยหยันและบ่นออกมา “นิกายใต้พิภพและหอยามะ ในที่สุดสองในสามองค์กรนักฆ่าก็มา ดูเหมือนคนที่ต้องการจะฆ่าข้าได้ประเมินข้าไว้สูงมาก ข้าสงสัยจริง ๆ ว่านิกายดาบโลหิตจะมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ ! ” หลังจากพูดจบ กระบี่พลังเซียนธาตุแสงก็ควบแน่นอยู่ที่มือของเจี้ยนเฉิน ซึ่งพุ่งตรงไปที่คนขับรถม้า เขาเป็นเพียงแค่เซียนปฐพีและยังได้รับบาดเจ็บหนักจากหมัดของหยางหลิง เขาไม่มีกำลังเหลือที่จะหลบดาบของเจี้ยนเฉินได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงสิ้นชีพตรงนั้น

“หยางหลิง เจ้าไปขับรถม้า หลังจากที่ข้ากลับไปที่สำนักงานใหญ่ มันคงไม่มีช่วงเวลาที่สงบสุขในภายภาคหน้าสำหรับข้าอีกต่อไปแล้ว”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 753: องค์กรนักฆ่าทั้งสอง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 753: องค์กรนักฆ่าทั้งสอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 753: องค์กรนักฆ่าทั้งสอง

เม็ดบอลแสงจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่รอบ ๆ ตัวเจี้ยนเฉิน แต่ละเม็ดนั้นเต็มไปด้วยพลังเซียนธาตุแสงที่หนาแน่น หลังจากนั้นไม่นาน เม็ดบอลแสงนับไม่ถ้วนเหล่านั้นก็กลายเป็นเส้นสีขาวที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉิน และพุ่งไปทางนักฆ่าที่อยู่รอบ ๆ

นักฆ่าทั้งหมดกวัดแกว่งกริชเพื่อต่อต้านการโจมตีจากบอลแสงนั้น เสียงกระทบระหว่างกริชกับเม็ดบอลแสงนั้นดังออกมาไม่ขาดสาย นักฆ่ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นเซียนปฐพีในขณะที่ส่วนที่เหลือเป็นเซียนสวรรค์ เมื่อไรก็ตามที่เซียนปฐพีต้านทานกับบอลแสง ร่างของพวกเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พลังที่อยู่ในเม็ดบอลแสงที่ไม่สะดุดตาอะไรอยู่ในระดับที่น่ากลัวทีเดียว

“อ้าก ! ” นักฆ่าที่เป็นเซียนปฐพีโดนบอลแสงเข้าเล่นงาน ซึ่งทะลุร่างของเขาไป จากความเจ็บปวดที่ฉับพลัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาและหยุดป้องกันตัวเอง นี่ทำให้เขาโดนโจมตีซ้ำแล้วซ้ำอีกจากเม็ดบอลแสงพลังเซียนธาตุแสงจนกระทั่งเขาตาย

เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังออกมาเสียงแล้วเสียงเล่าและในเวลาอันสั้น เซียนปฐพีทั้งหมดก็ได้ตายไป พวกเขาทั้งหมดมีรูนับไม่ถ้วนทะลุเข้าไปที่ร่างกายของพวกเขา เลือดย้อมตัวของพวกเขาไปทั่วทั้งร่าง

ในตอนนี้ มีเพียงเซียนสวรรค์เหลือเพียง 4 คนเท่านั้นที่กำลังพยายามต่อต้านการโจมตีอยู่ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกบังคับให้หยุดโดยเม็ดบอลแสงที่หนาแน่นนั้น พวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้เลยและถูกบังคับให้ล่าถอยไปอย่างรวดเร็วจากเม็ดบอลแสง

“อาจารย์เฟิง เมื่อไหรที่ท่านจะออกมาช่วยซักที?” นักฆ่าร้องออกมา

สายตาของหญิงสาวเป็นประกายอยู่ไกล ๆ มีดสีดำที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉินนั้นดูเหมือนจะอยู่ในการควบคุมของนาง มันพุ่งออกจากมือของเจี้ยนเฉินไปที่ระหว่างคิ้วของเขาอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นเส้น

เจี้ยนเฉินเพ่งมอง ทันใดนั้นเองแสงสีฟ้าและม่วงลาง ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ในขณะที่มีดเล็กที่ถูกควบคุมโดยเด็กหญิงก็ถูกทำให้หยุดที่หน้าผากของเจี้ยนเฉิน หลังจากนั้น มีดก็เปลี่ยนไปเป็นแสงสีขาวที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉินและพุ่งเป้าหมายไปที่เด็กหญิง บนมีดเล่มเล็กนั้น มีเศษเสี้ยวของปราณกระบี่ม่วงฟ้าปรากฏอยู่

“กระบี่พลังเซียนธาตุแสง ! ” เจี้ยนเฉินเพ่งสมาธิไปที่สองอย่างพร้อม ๆ กัน แยกฝ่ามือทั้งสองของเขาออกจากกันและกระบี่พลังเซียนธาตุแสง 4 เล่มที่สว่างจ้าก็มาควบรวมระหว่างมือของเขา ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแสงสีเงินและพุ่งไปทางเซียนสวรรค์ทั้งสี่คนนั้น

นักฆ่าทั้งสี่คนนั้นบินถอยกลับไปในขณะที่พวกเขากระอักเลือดออกมาและสีหน้าของพวกเขาก็ขาวเหมือนกระดาษ พวกเขาร่อนลงพื้นอย่างรุนแรง

ในขณะที่ผู้ที่ถูกเรียกว่าอาจารย์เฟิงนั้นถูกมีดเล่มเล็กนั้นแทงทะลุหน้าอกไป นางหน้าซีดทันทีในขณะที่เลือดสีดำไหลออกมาจากมุมปากของนาง นางได้รับพิษ

ควับ !

เสียงเสียดอากาศดังมาจากด้านหลัง มีดเล็กที่ทะลุผ่านหน้าอกของเด็กหญิงนั้นได้กลับตัวภายใต้การควบคุมของเจี้ยนเฉินและกำลังจะบินกลับมาที่เดิม ด้วยปราณกระบี่ม่วงฟ้าที่อยู่ในนั้น มันก็พุ่งทะลุผ่านหลังของเด็กหญิงผู้นั้นและกลับมาที่มือของเจี้ยนเฉิน

เด็กหญิงนั้นส่งเสียงครางและถูกหยุดยั้งไว้จากพิษที่กำลังกระจายไปทั่วร่างของนางอย่างรวดเร็ว นางถีบตัวออกจากพื้นอย่างรวดเร็วและพุ่งขึ้นไปในอากาศเพื่อที่จะหนีไปให้ไกล

เจี้ยนเฉินไม่ต้องการที่จะปล่อยเด็กหญิงนั้นไป แม้ว่าเด็กหญิงนั้นจะดูเหมือนมีอายุเพียง 12-13 ปีเท่านั้น แต่เจี้ยนเฉินก็รู้ว่า จริง ๆ แล้วอายุของนางมากกว่านั้น

“กระบี่พลังเซียนธาตุแสง ! ” เจี้ยนเฉินร้องออกมา กระบี่พลังเซียนธาตุแสงควบรวมอย่างรวดเร็วและด้วยการกวัดแกว่งของมือของเขา มันก็เปลี่ยนเป็นแสงยาวและไล่ตามเด็กหญิงผู้นั้นไป

เด็กหญิงที่กำลังหนีอยู่นั้น กลับตัวกลางอากาศทันที กริชเหมือนที่นักฆ่าคนอื่นอื่นใช้ปรากฏขึ้นที่มือของนาง ก่อนที่นางจะเหวี่ยงไปที่กระบี่พลังเซียนธาตุแสงด้วยกำลังที่มีทั้งหมดของนาง

ด้วยเสียงระเบิดดัง กระบี่พลังเซียนธาตุแสงก็แตกออก แต่เลือดก็ได้กระอักออกมาจากปากของเด็กหญิงนั้น นางเริ่มหล่นลงมาจากท้องฟ้า ในขณะที่พิษที่อยู่ในตัวนางก็เริ่มกระจายอย่างเป็นอิสระจากพลังเซียนที่ข่มมันไว้ มันเริ่มกระจายไปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งทำให้ผิวของนางกลายเป็นสีดำ

ในตอนนี้เอง ลมและเมฆบนท้องฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ความกดดันสูงแผ่ซ่านไปรอบรอบ หยางหลิงใช้ดาบชี้ไปที่ท้องฟ้า ในขณะที่ดาบเองก็เปล่งประกายสีแดงสว่างสุกใสออกมา ดาบนั้นแผ่ความร้อนอย่างมากออกมา ทำให้อุณหภูมิในอากาศรอบรอบเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว

“ลิ้มลองทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของข้าหน่อยเป็นไง ! ” หยางหลิงตะโกนออกมา เขาเหวี่ยงดาบใหญ่ไปที่นักฆ่าที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที

แม้ว่านักฆ่าจะเป็นถึงเซียนสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังไม่บรรลุระดับสูงสุด ดังนั้นพวกเขายังห่างไกลจากหยางหลิงนัก เซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 พวกเขาถูกทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้จากแรงกดดันของทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์

แสงสีแดงสว่างสุกใสจากดาบใหญ่ได้ตัดผ่านคอของนักฆ่าทั้งสี่ หลังจากนั้น มันก็พุ่งไปที่นักฆ่าคนที่ 5 โดยไม่ได้ลดความแข็งแกร่งลงไปเลย

มันสายเกินไปแล้วที่จะหลบ นักฆ่าร้องออกมาและใช้กำลังทั้งหมดที่มีในการโจมตีดาบใหญ่สีแดงเพลิงนั้นที่ล็อคเป้าไปที่เขา

ด้วยเสียงดังสนั่น กริชของนักฆ่าถูกกระแทกกระเด็นไป ในขณะที่ดาบใหญ่แทงเข้าไปที่หน้าอกของเขาเหมือนสายฟ้าฟาด เปลวเพลิงส่วนใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายในดาบพุ่งเข้าไปที่ร่างของนักฆ่า

“อ้าก ! ” นักฆ่าส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่จะมีเปลวเพลิงปรากฎขึ้นที่ร่างของเขา เปลวเพลิงกระจายอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลายเป็นทะเลเพลิงคลุมตัวนักฆ่าไว้และแผดเผานักฆ่าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของหยางหลิงได้จัดการจอมยุทธทั้งห้าที่มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกัน ทำให้นักฆ่าเหลืออยู่เพียงหนึ่งเท่านั้น

“หยางหลิง ไปจับเด็กหญิงนั้นมา ให้ข้าจัดการที่เหลือเอง” เจี้ยนเฉินพูดดังชัดเจน หลังจากพูดจบ กระบี่พลังเซียนธาตุแสงอีก 5 เล่มก็ถูกควบรวม กระบี่แต่ละเล่มยาว 4 เมตรและเปล่งพลังเป็นระลอกออกมา ความแข็งแกร่งของมันเห็นได้ชัดว่าทรงพลังมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้

กระบี่พลังเซียนธาตุแสงทั้งห้านี้เป็นกระบี่พลังเซียนธาตุแสงที่ทรงพลังที่สุดทั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินเคยร่ายมา มันทรงพลังมากกว่าเดิมเพราะพวกมันถูกร่ายมาด้วยวิธีที่เจี้ยนเฉินพึ่งเข้าใจในสิบกว่าวันหลังจากการต่อสู้บนเรือนั้น

“ขอรับ อาจารย์หยางยู่เทียน” หยางหลิงตอบกลับทันที และพุ่งไปทิศทางที่เด็กหญิงอยู่

เมื่อได้เห็นดาบพลังเซียนธาตุแสงที่มีพลังมากกว่าครั้งก่อนชัดเจนลอยอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉิน ท่าทีของนักฆ่าที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลง

“ถอย ! ” หนึ่งในกลุ่มนั้นแผดเสียงออกมา เขาไม่ต้องการที่จะสู้อีกต่อไป และต้องการที่จะพาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บหนักของเขาหนีไป หลังจากนั้นอีก 4 คนที่เหลือก็เริ่มหนีไปอีกทิศทาง

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะสามารถหนีไปได้ไกล กระบี่ทั้งห้าที่ลอยอยู่ข้าง ๆ เจี้ยนเฉินก็พุ่งออกไปทันที และไล่ตามนักฆ่าเหล่านั้นไปด้วยความเร็วที่มากกว่าหลายเท่าตัว มันแทงลึกเข้าไปที่หลังของนักฆ่าทั้งห้าก่อนที่กระบี่จะระเบิดเสียงดัง พลังที่มหาศาลระเบิดร่างของนักฆ่าออกไปชิ้น ๆ และทำให้เกิดฝนเลือด

เมื่อนักฆ่าทั้งห้าตายแล้ว หยางหลิงก็ได้กลับมาจากที่ไกล ๆ เขาหิ้วเด็กหญิงติดมือมาด้วย ใบหน้าของเด็กหญิงนั้นกลายเป็นสีดำ เห็นได้ชัดว่าติดพิษหนักแล้ว

หยางหลิงโยนเด็กหญิงลงบนพื้นแล้วพูด “อาจารย์หยางยู่เทียน จ้าจับคนที่ท่านสั่งมาแล้ว ท่านยังสบายดีอยู่หรือไม่ ? “

“ข้าไม่เป็นไร พวกมันไม่มีพลังพอที่จะทำร้ายข้าได้” เจี้ยนเฉินจัดเสื้อที่ยับยุ่งของเขา ก่อนหน้านี้ แม้ว่าเขาจะถูกโจมตีอย่างคาดไม่ถึงจากฝ่ามือของเด็กหญิงนั้น แต่การโจมตีก็ไม่ได้ทำอันตรายกับร่างบรรพกาลของเจี้ยนเฉิน อีกทั้งพลังปราณที่เยือกเย็นที่เข้าไปในร่างของเจี้ยนเฉินถูกทำให้หายไปจากพลังบรรพกาล

เจี้ยนเฉินมาถึงตรงหน้าเด็กหญิงและจ้องไปที่นางอย่างเย็นชาและถาม “เจ้าไปได้วัตถุดิบที่ใช้สำหรับทำดาบเล่มเล็ก ๆ นี้มาจากที่ไหน ? “

เด็กหญิงจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างเยาะเย้ยและพูดด้วยน้ำเสียงแก่เฒ่า “ทำไมคนที่กำลังจะตายถึงถามคำถามมากมายเช่นนี้ ? ถึงเจ้าจะถามไปมันก็ไร้ค่า เพราะว่าเจ้าจะอยู่ได้ไม่นานนักหรอก ไม่มีใครรอดจากการไล่ตามของหอยามะได้ ไม่ได้แม้แต่เซียนผู้คุมกฎ” น้ำเสียงของเด็กหญิงนั้นแหบแห้งไม่เหมาะสมกับอายุของนางเลยแม้แต่น้อย จากน้ำเสียงของนางแล้ว มันง่ายที่จะเชื่อว่านางนั้นเป็นหญิงชราอายุประมาณ 70-80 ปี

ท่าทีของเจี้ยนเฉินนั้นเริ่มเคร่งครึม “ถ้าเจ้ารู้ว่าวัตถุที่ใช้ทำดาบเล็ก ๆ นี่หาได้จากที่ไหน ข้าอาจจะปล่อยให้เจ้ารอดไป” เจี้ยนเฉินสนใจในดาบเล่มเล็กนั้นมาก เพราะว่ามันทำมาจากวัตถุดิบที่ใช้ในการทำกระบี่ม่วงฟ้า วัตถุดิบนี้เรียกว่าหินวิญญาณจากสวรรค์ ปริมาณหินวิญญาณจากสวรรค์ที่เขามีนั้นยังห่างไกลนักจากที่เขาต้องการ เพราะว่าการหลอมกระบี่ม่วงฟ้านั้นต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมาก มากถึงหนึ่งในสี่ของวัตถุดิบที่มีทั้งหมด

“เจ้าคิดว่าเจ้ายังจะได้ข้อมูลอะไรจากข้าอีกงั้นหรือ ? ” เด็กหญิงพูดอย่างเย็นชาก่อนที่จะหลับตา

เจี้ยนเฉินมองไปที่เด็กหญิงสักพักก่อนที่จะพูดด้วยเสียงทุ้ม “หยางหลิง มัดนางไว้และพานางกลับไปที่สำนักงานใหญ่ ! “

พรวด ! ทันใดนั้น เลือดสีดำพ่นเป็นฝอยออกมาจากปากของเด็กหญิง ร่างของเด็กหญิงทรุดลงไปที่พื้นอย่างไร้ชีวิต

หยางหลิงรีบตรวจดูที่ร่างกายของเด็กหญิงแล้วพูด “อาจารย์หยางยู่เทียน นางฆ่าตัวตายด้วยการทำให้หัวใจตัวเองหยุดเต้น”

เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไร เขาจ้องไปที่ดาบอาบยาพิษในมือของเขาก่อนที่จะวางมันลงอย่างเบา ๆ เขาหันหลังแล้วเดินไปที่รถม้า “พวกเราเดินทางกลับไปที่สำนักงานใหญ่กันต่อ ! “

คนขับม้าบนรถม้ารีบลงมาจากรถม้าแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าเจี้ยนเฉิน เขาถามอย่างเป็นห่วง “ท่านเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่เคารพ ท่านไม่ได้รับบาดเจ็บใช่หรือไม่ ? มันไม่ปลอดภัยแล้วที่ถนนนี้ รีบเข้ารถม้าเถอะ ข้าจะขับไปที่สำนักงานใหญ่ทันที”

เจี้ยนเฉินไม่ได้กล่าวอะไรและเข้าไปที่รถม้าทันที ในตอนนี้ ความสนใจทั้งหมดของเขาเป็นเรื่องดาบเล่มเล็กนั่น ในขณะที่เรื่องการลอบสังหารนั้นไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย เขาพบเจอกับการฆ่าฟันมามากมายนับไม่ถ้วนในชีวิตแล้ว ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยนี้ก็แค่ขี้เล็บ

อย่างไรก็ตาม เมื่อเจี้ยนเฉินกำลังจะเข้าไปที่ในรถม้า คนขับรถม้าก็ชักมีดออกมาอย่างไร้เสียงและแทงเข้าไปที่หลังของเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้า ถ้าเจี้ยนเฉินถูกโจมตี มีดคงทะลุหัวใจของเขาจากด้านหลังเป็นแน่

ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายและหลังจากนั้นไม่นาน มุมปากของเขาก็บิดไปด้วยความเย้ยหยัน

มีดถูกแทงอย่างชั่วร้ายไปที่หลังของเจี้ยนเฉิน แต่มันก็แค่เจาะไปยังเสื้อผ้าที่เจี้ยนเฉินใส่เท่านั้น เมื่อมีดที่แหลมคมกำลังจะถึงร่างของเจี้ยนเฉิน มันก็ชนเข้ากับชั้นบาง ๆ ด้านใน และไม่สามารถแทงเข้าไปได้

ท่าทีของคนขับรถม้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ตอบโต้อย่างเร็ว พลังเซียนในร่างกายของเขาไหลอย่างต่อเนื่องไปที่มีด เขาใช้กำลังทั้งหมดที่มีดันมีดเข้าไป แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน มีดก็ไม่ขยับเข้าไปเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนมีกำแพงเหล็กที่แข็งแกร่งมากป้องกันไม่ให้มีดทะลุเข้าไป

ปัง ! ในตอนนี้ หยางหลิงได้เข้ามาถึง เขาเหวี่ยงหมัดไปที่คนขับรถม้าโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ทำให้คนขับรถม้าลอยกระเด็นไปไกลกว่าสิบเมตร เขากระแทกพื้นแล้วกระอักเลือดออกมา

“ไอ้บ้าเอ้ย ใครจะคิดกันละว่า คนขับรถม้าจะเป็นนักฆ่าด้วย ! ” หยางหลิงคำรามไปที่คนขับรถม้า เขาโกรธจัดในตอนนี้ ในฐานะผู้คุ้มกันของเจี้ยนเฉิน เขาทำผิดพลาดถึง 2 ครั้งในเวลาสั้น ๆ ถ้าเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 คนอื่น พวกเขาคงจะตายไปนานแล้ว

เจี้ยนเฉินโผล่หัวออกมาจากรถม้าและมองไปที่คนขับรถม้าด้วยท่าทีที่ซับซ้อน เขาถอนหายใจอย่างสงสัย “ช่างเป็นวิชาพลางตัวที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะเงียบสนิทเท่านั้นตอนที่เจ้าโจมตี แต่มันยังไม่มีจิตสังหารหลุดออกมาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ข้าก็สัมผัสไม่ได้ เจ้าต้องได้รับการฝึกมาก่อนแน่ ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นคนขององค์กรไหน?”

“นิกายใต้พิภพ ! ” คนขับรถม้าพูดแต่ละคำออกมาอย่างตะกุกตะกัก ในขณะที่เขาจ้องเขม็งไปที่เจี้ยนเฉิน “ถ้าเจ้าไม่มีของป้องกันล้ำค่าแบบนี้ เจ้าคงจะตายไปด้วยน้ำมือของนิกายใต้พิภพไปแล้ว”

เจี้ยนเฉินเย้ยหยันและบ่นออกมา “นิกายใต้พิภพและหอยามะ ในที่สุดสองในสามองค์กรนักฆ่าก็มา ดูเหมือนคนที่ต้องการจะฆ่าข้าได้ประเมินข้าไว้สูงมาก ข้าสงสัยจริง ๆ ว่านิกายดาบโลหิตจะมีส่วนร่วมด้วยหรือไม่ ! ” หลังจากพูดจบ กระบี่พลังเซียนธาตุแสงก็ควบแน่นอยู่ที่มือของเจี้ยนเฉิน ซึ่งพุ่งตรงไปที่คนขับรถม้า เขาเป็นเพียงแค่เซียนปฐพีและยังได้รับบาดเจ็บหนักจากหมัดของหยางหลิง เขาไม่มีกำลังเหลือที่จะหลบดาบของเจี้ยนเฉินได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงสิ้นชีพตรงนั้น

“หยางหลิง เจ้าไปขับรถม้า หลังจากที่ข้ากลับไปที่สำนักงานใหญ่ มันคงไม่มีช่วงเวลาที่สงบสุขในภายภาคหน้าสำหรับข้าอีกต่อไปแล้ว”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+