Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 806 ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 806 ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 806 ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก

**(อาร์กติก แปลว่า ขั้วโลกแหนือ)

หลังจากพูดไม่ออกกันไปชั่วขณะ ผู้อาวุโสที่มีอำนาจของตระกูลเจียงหยางทุกคนต่างก็หัวเราะกันเสียงดัง พวกเขาทั้งหมดรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

เดิมทีตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะจากผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยน พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าในตอนนี้มีชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยคิดเลยว่ามันจะเป็นใครบางคนจากตระกูลเจียงหยางแห่งสิบตระกูลผู้พิทักษ์

นับแต่พยัคฆ์ปีกเทวะอยู่กับลูกหลานของตระกูลของพวกเขา ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของมัน ในที่สุดก็กลายเป็นว่าไม่ต้องถกเถียงกันอีก บางทีพวกเขาคงไม่จำเป็นต้องบังคับให้ทำสัญญาใด ๆ ตระกูลเจียงหยางนั้นมีสิทธิ์ที่จะเลี้ยงดู

นี่เป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นติดตามใครบางคนด้วยตัวของมันเอง รวมถึงการพัฒนาความรู้สึกใกล้ชิดกับคน ๆ นั้น มันก็คล้ายกับการยอมรับเจ้านายของมันแล้ว

ในตอนนี้พวกผู้อาวุโสที่มีอำนาจของตระกูลเจียงหยางไม่โง่พอที่จะถามว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลเจียงหยางแห่งเมืองลอร์หรือว่าเป็นตระกูลสาขาจริงหรือไม่ มันเหมือนกับพายเค้กสำหรับตระกูลเจียงหยางของพวกเขา พวกเขาไม่โง่พอที่จะพลาดมัน

ฮ่าฮ่า เรื่องตลกไร้สาระเสียกระมัง ตระกูลเจียงหยาง เรื่องราวที่บอกเล่าโดยเจ้าเป็นเรื่องที่น่าสนุกเกินไปแล้ว นอกเหนือจากสาขาซู, สาขาหยวนและสาขาชิง ทั้งสามสาขาแล้ว ไม่ได้มีสาขาอื่นใดอีก ทำไมเราถึงไม่รู้จักมันล่ะ ? เพียงแค่ตระกูลเจียงหยางนี้เพียงแต่มีแซ่เหมือนกัน ไม่มีส่วนเชื่อมโยงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลผู้พิทักษ์ของเจ้าเลยสักอย่าง เสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านบน ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามามีอายุยี่สิบปลาย ๆ ได้จ้องมองมาที่คนจากตระกูลเจียงหยางด้วยการเยาะเย้ย

ถูกต้อง และชื่อของเขาคือเจียงหยางเซียงเทียน ซึ่งไม่ได้มาจากตระกูลสาขาทั้งสามของเจ้าเลย ชายวัยกลางคนข้าง ๆ ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ย ทั้งคู่นั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดจากตระกูลโม่หยวน

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวจ้องมองที่คนทั้งสองและหัวเราะเยาะ ตระกูลเจียงหยางนี้ก่อตั้งโดยเจียงหยาง ซู หยุนคง ลูกชายของข้า พลังของสายเลือดตระกูลเจียงหยางไหลเข้าสู่เส้นเลือดของผู้สืบเชื้อสายทุกคนในที่นั้น ดังนั้นพวกเขาจึงธรรมดาที่จะเป็นคนจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง

ข้าคิดว่าข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเจียงหยาง ซูหยุนคงน่ะ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่เข้าไปบุกรุกกับพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลเจียงหยางซึ่งไปรบกวนยุทธ์ภัณฑ์จักรพรรดิและเกือบจะทำให้พื้นที่ตระกูลเจียงหยางของเจ้าแทบจะพังทลายลงหรอกหรือ ? ถ้าหากข้าจำได้ไม่ผิด คนผู้นั้นดูเหมือนจะถูกขับไล่ออกจากตระกูล ซึ่งเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลเจียงหยางอีกแล้ว ชายหนุ่มจากตระกูลโม่หยวนหัวเราะคิกคัก

ทุกคนจากตระกูลเจียงหยางสีหน้าเขียวคล้ำลง หลังจากนั้นไม่นานเจียงหยางชิงหยุนได้พูดออกมาทันทีว่า ตอนนี้ข้า เจียงหยาง ชิงหยุน ขอประกาศในนามของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเจียงหยางว่าการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง ถูกยกเลิกและจะกลับเข้าไปในตระกูลอีกครั้ง “

เจียงหยาง ซู หยวนเซียว ชื่นชมยินดี เขากล่าวว่า ข้า เจียงหยาง ซู หยวนเซียว ประกาศในนามของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเจียงหยางว่าการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง จะถูกยกเลิกและเขาจะได้กลับสู่ตระกูล

ข้า หยาง ซู เซียว ประกาศในนามของอาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเจียงหยางว่าการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง จะถูกยกเลิกและเขาจะได้รับกลับคืนสู่ตระกูล

ข้า เจียงหยาง…

บรรดาผู้อาวุโสที่มีอำนาจได้ยกเลิกการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง คนแล้วคนเล่า ทั้งเจ็ดคนมีตำแหน่งสูงสุดในตระกูล ถ้าหากพวกเขาทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน พวกเขาก็สามารถตัดสินใจแทนสำหรับทั้งตระกูลได้

เจียงหยาง ซู อวี้หยวน รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากในขณะที่น้ำตาขุ่น ๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาของนาง นางร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาว่า คงเอ๋อ คงเอ๋อ เจ้าเห็นหรือไม่ ? ตระกูลของเจ้าได้รับการถอดถอนจากการลงโทษแล้ว เจ้าจะได้กลับมาที่ตระกูลแล้ว พวกเขาไม่อาจข่มเหงเจ้าได้อีกแล้วจากความผิดของเจ้าในปีนั้น คงเอ๋อ เจ้าอยู่ที่ไหน ?

ถึงตระกูลเจียงหยางของเจ้าจะถอนการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคงแล้วก็ตาม แต่ตระกูลเจียงหยางของพวกเจ้าคิดว่าจะสามารถฉกฉวยพยัคฆ์ปีกเทวะเพื่อตัวเองได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ ? นอกจากนี้เจ้าหนุ่มเจียงหยาง เซียงเทียนนั่นยังทำลายสาขานิกายที่จัดตั้งโดยนิกายหยางจิของข้า ข้าต้องการคำอธิบายที่น่าพอใจ ซุนหยางซีพูดออกมาเสียงดัง

เจียงหยาง ชิงหยุน, พยัคฆ์ปีกเทวะอาจจะมาจากตระกูลเจียงหยาง แต่ไม่สามารถทำได้ถ้าหากตระกูลของเจ้าต้องการครอบครองพยัคฆ์ปีกเทวะเพื่อตัวเองเช่นนี้ สัตว์อสูรเทวะโบราณมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญมากมาย ดังนั้นควรจะยกมันให้แก่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเสีย เราควรจะตั้งมันให้เป็นสัตว์อสูรของทวีปเทียนหยวน มันย่อมไม่เป็นของพวกเราคนหนึ่งคนใด ชายวัยกลางคนที่สวมชุดขาวดูสง่างามกล่าว เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดจากนิกายโพเทียน

ท่านพูดถูกแล้ว ข้าสนับสนุนคำแนะนำของท่านอย่างเต็มที่ พยัคฆ์ปีกเทวะจะถูกเลี้ยงดูโดยสิบตระกูลผู้พิทักษ์ มันต้องไม่กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ครอบครองเพียงคนเดียวในตระกูลของใคร ผู้ที่กล่าวนั้นเป็นชายชราที่คล้ายกับนักปราชญ์ เขาเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของสำนักธูปสวรรค์

นอกเหนือจากผู้คนจากอารามจิตพิสุทธิ์ซึ่งยังคงเงียบอยู่ ตระกูลอื่น ๆ อีก 9 ตระกูลเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ทุกคนต่างต้องการให้ตระกูลของตัวเองได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูพยัคฆ์ปีกเทวะ แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องการให้ตระกูลอื่น ๆ ครอบครอง

นี่เป็นเพราะว่าเมื่อพยัคฆ์ปีกเทวะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิ ในเวลานั้นอาจจะไม่มีใครในโลกใบนี้สามารถต่อกรกับมันได้ เจ้านายของมันจะสามารถกวาดล้างโลกได้ทั้งใบและแม้แต่การกำจัดสิบตระกูลผู้พิทักษ์ก็จะง่ายเหมือนกินพายเค้ก

เป็นเหตุให้ตระกูลผู้พิทักษ์ไม่สามารถเชื่อใจให้ตระกูลอื่น ๆ เข้ามาควบคุมมันได้โดยง่าย ใครก็ตามที่ควบคุมพยัคฆ์ปีกเทวะได้ก็จะกลายเป็นองค์เหนือหัวแห่งโลกนี้ในอนาคต

ตระกูลเจียงหยางต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านที่ทรงพลังจากแปดตระกูล แล้วทำให้พวกเขารู้สึกปวดหัวขึ้นในทันที พวกเขารู้ได้ดีว่าถ้าหากพวกเขาเก็บพยัคฆ์ปีกเทวะไว้สำหรับตัวเอง การต่อต้านที่พวกเขาต้องเผชิญจะกลายเป็นภัยพิบัติที่ไม่อาจบรรยายได้

ทันใดนั้นอุณหภูมิโดยรอบก็ลดลงอย่างฉับพลัน มีกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกลงมาจากฟากฟ้าในทันที ทำให้พื้นที่โดยรอบแปรเปลี่ยนไปสู่ดินแดนอันหนาวจัด

เกล็ดหิมะเต็มไปทั่วท้องฟ้าปกคลุมดวงอาทิตย์และกดข่มรังสีความร้อนของมัน ในขณะเดียวกันข้างล่างของคฤหาสน์เจียงหยางถูกปกคลุมด้วยชั้นของน้ำค้างแข็งสีเงินขาวชิ้นเล็ก ๆ จำนวนมากในเวลาอันสั้น ทำให้ยามและบ่าวไพร่ต่างสั่นสะท้าน พวกเขาจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้น อย่างพูดไม่ออกพร้อมกับความไม่เชื่อท่วมท้นในสายตาของพวกเขา

พายุหิมะฉับพลันอ้อมล้อมในรัศมีหมื่นกิโลเมตร ภายในบริเวณนั้นสภาพอากาศที่ร้อนจ้ากลับกลายเป็นน้ำแข็งเย็นยะเยือกซึ่งทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตะลึกงัน เพราะว่าในปัจจุบันนั้นเป็นฤดูร้อนที่ร้อนระอุด้วยดวงอาทิตย์ที่แผดจ้าจนทำให้ผืนดินโลกในทุก ๆ วันเหมือนเตาอบที่ลุกเป็นไฟ ทำไมถึงมีหิมะตกในฤดูเช่นนี้ ?

ตระกูลทั้งสิบที่มาชุมนุมที่คฤหาสน์ก็ตกตะลึงกับหิมะที่เกิดขึ้นในฉับพลัน ทุกคนมองขึ้นไปขณะที่มีประกายแสงกระพริบผ่านดวงตาของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถมองเห็นผ่านเกล็ดหิมะและเจาะผ่านช่องว่างที่ขวางกั้นนั้นไปได้ ในขณะนั้นเอง หนึ่งในพวกเขากลายเป็นเคร่งขรึมขึ้น

“นั่นคือศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก ! ” หัวหน้าอารามของอารามจิตพิสุทธิ์ที่เฝ้ามองไปบนท้องฟ้าอย่างเคร่งเครียดและกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก

ทันทีที่หัวหน้าอารามกล่าวจบ ศาลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ บนท้องฟ้าสีขาวอันกว้างใหญ่ มันมีความยาวและความกว้างเกินกว่าหมื่นเมตรและมันดูเหมือนจะได้ปรากฏขึ้นโดยการฉีกผ่านห้วงมิติ จากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะ มันค่อย ๆ ลดระดับลงมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับการสะเทือนเล็กน้อย

มันเป็นศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งแห่งนี้ไม่เคยเข้าแทรกแซงอะไรในทวีปเทียนหยวนเลยไม่ใช่หรือ ? แม้กระทั่งสงครามสามเผ่าพันธุ์ในสมัยโบราณก็ไม่ได้ทำให้ต้องปลุกพวกเขา แล้วทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ? บางทีพวกเขาคงมาเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะ ? ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากสำนักธูปสวรรค์กล่าวเสียงห้าว เขาเป็นคนเคร่งขรึมมาก

ศาลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ค่อย ๆ ลงมาจากฟากฟ้าลงสู่คฤหาสน์ โดยการลงมาของมันมีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทั่วครึ่งหนึ่งของเมือง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้นต้องเลือนหายไป เสียงร่ำร้องต่าง ๆ ที่น่ากลัวปะทุขึ้นจากที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง

ลุงเจียงและคนอื่น ๆ ตกตะลึงกับศาลาศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนจ้องมองที่ท้องฟ้า ไม่มีใครได้สติกลับมา ราวกับฉากนี้นั้นได้เกินกว่าสิ่งที่หลายคนอาจทนรับได้ในจิตใจ

ศาลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมาหยุดอยู่เหนือที่คฤหาสน์พันเมตร หิมะได้ร่ายรำอย่างมีความสุขรอบ ๆ ศาลา ศาลานั้นได้สร้างหมอกสีขาวปกคลุมมันบางส่วน ศาลาจะเผยออกและปิดซ่อนสายตาเป็นครั้งคราวทำให้รู้สึกลึกลับมากขึ้น

ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มคนจำนวนมากค่อย ๆ ลอยลงมาจากศาลาที่อยู่ในอากาศ ราวกับเทพที่ถ่อลงมาจากสวรรค์ คนที่นำกลุ่มคือหญิงสาวชุดขาว นางดูเหมือนอายุราว 20 ปีและมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล เรือนผมยาวสีขาวขางนางล่องลอยอยู่ในอากาศที่เย็นยะเยือกนั้นอย่างสบาย ขณะที่คนอื่น ๆ หลายสิบกว่าคนต่างยืนอยู่อย่างสุภาพ ทุกคนจ้องมองไปที่หญิงสาวอย่างเต็มไปด้วยความเคารพซึ่งเกิดขึ้นจากส่วนลึกในหัวใจของพวกเขา

ขณะที่ผู้คนจากศาลาค่อย ๆ ร่อนลงบนดินแดนของคฤหาสน์ ดวงตาของนางนั้นก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำที่ระยิบระยับ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจเมื่อนางสังเกตเห็นคฤหาสน์เจียงหยาง

กลุ่มคนจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็งกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่นำมา นางกลายเป็นคนที่แม้แต่สิบตระกูลผู้พิทักษ์ต่างให้ความสนใจอย่างยิ่ง

ลุงเจียงและสมาชิกเก่าแก่ของตระกูลเจียงหยางทั้งหมดจดจ่ออยู่กับหญิงสาว ในตอนที่ลุงเจียงจำนางได้ ดวงตาของเขาหรี่แคบลงทันทีทันใดและความไม่เชื่อก็ท่วมท้นในตาในทันที

นี่- นี่- นี่- น- น- นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ข้าต้องเห็นผิดแน่ คลื่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นในใจของลุงเจียงทำให้เกิดความสงบทั้งหมดที่เขามีมาพลันหายไป

ไม่ใช่แค่ลุงเจียง แต่แม้แต่ยามระดับอาวุโสและญาติพี่น้องร่วมสกุลหลายคนเองก็ประหลาดใจ เมื่อเห็นใบหน้าของสตรีนางนี้ ความไม่เชื่อประดังใส่พวกเขา

เมื่อหลิงหลง, หยูเฟิงหยาน และไป๋ยู่ซวง เห็นหญิงสาวจากภายในกลุ่ม ดวงตาของพวกเขาก็หรี่แคบลงในทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็พึมพำด้วยความตกใจและความไม่เชื่อปรากฏอย่างท่วมท้น หยูเฟิงหยานได้รับผลกระทบมาที่สุด โดยเฉพาะร่างเล็ก ๆ ของนางเริ่มสั่นสะเทือนในขณะที่น้ำตาไหลนองออกมาเหมือนน้ำพุที่พลุ่งพล่านและไหลอาบใบหน้าเรียวของนาง ขณะที่หยดน้ำตานั้นตกลงมา พวกมันถูกอากาศที่หนาวเย็นปะทะเข้าและแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำแข็งเหมือนคริสตัลใส

หยูเฟิงหยานออกมาจากฝูงชนทีละก้าวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน สายตาของนางมองไปที่หญิงสาวคนนั้นอย่างเต็มไปด้วยความโหยหาอย่างแรงกล้าและนางก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า เยว่ – เยว่ – เยว่เอ๋อ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 806 ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 806 ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 806 ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก

**(อาร์กติก แปลว่า ขั้วโลกแหนือ)

หลังจากพูดไม่ออกกันไปชั่วขณะ ผู้อาวุโสที่มีอำนาจของตระกูลเจียงหยางทุกคนต่างก็หัวเราะกันเสียงดัง พวกเขาทั้งหมดรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

เดิมทีตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบได้ทราบข้อมูลเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะจากผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยน พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าในตอนนี้มีชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์มากที่สุดคนหนึ่ง แต่ไม่มีใครเคยคิดเลยว่ามันจะเป็นใครบางคนจากตระกูลเจียงหยางแห่งสิบตระกูลผู้พิทักษ์

นับแต่พยัคฆ์ปีกเทวะอยู่กับลูกหลานของตระกูลของพวกเขา ผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของมัน ในที่สุดก็กลายเป็นว่าไม่ต้องถกเถียงกันอีก บางทีพวกเขาคงไม่จำเป็นต้องบังคับให้ทำสัญญาใด ๆ ตระกูลเจียงหยางนั้นมีสิทธิ์ที่จะเลี้ยงดู

นี่เป็นเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะนั้นติดตามใครบางคนด้วยตัวของมันเอง รวมถึงการพัฒนาความรู้สึกใกล้ชิดกับคน ๆ นั้น มันก็คล้ายกับการยอมรับเจ้านายของมันแล้ว

ในตอนนี้พวกผู้อาวุโสที่มีอำนาจของตระกูลเจียงหยางไม่โง่พอที่จะถามว่าใครเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลเจียงหยางแห่งเมืองลอร์หรือว่าเป็นตระกูลสาขาจริงหรือไม่ มันเหมือนกับพายเค้กสำหรับตระกูลเจียงหยางของพวกเขา พวกเขาไม่โง่พอที่จะพลาดมัน

ฮ่าฮ่า เรื่องตลกไร้สาระเสียกระมัง ตระกูลเจียงหยาง เรื่องราวที่บอกเล่าโดยเจ้าเป็นเรื่องที่น่าสนุกเกินไปแล้ว นอกเหนือจากสาขาซู, สาขาหยวนและสาขาชิง ทั้งสามสาขาแล้ว ไม่ได้มีสาขาอื่นใดอีก ทำไมเราถึงไม่รู้จักมันล่ะ ? เพียงแค่ตระกูลเจียงหยางนี้เพียงแต่มีแซ่เหมือนกัน ไม่มีส่วนเชื่อมโยงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลผู้พิทักษ์ของเจ้าเลยสักอย่าง เสียงหัวเราะดังขึ้นจากด้านบน ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามามีอายุยี่สิบปลาย ๆ ได้จ้องมองมาที่คนจากตระกูลเจียงหยางด้วยการเยาะเย้ย

ถูกต้อง และชื่อของเขาคือเจียงหยางเซียงเทียน ซึ่งไม่ได้มาจากตระกูลสาขาทั้งสามของเจ้าเลย ชายวัยกลางคนข้าง ๆ ชายหนุ่มพูดด้วยใบหน้าที่เยาะเย้ย ทั้งคู่นั้นเป็นผู้อาวุโสสูงสุดจากตระกูลโม่หยวน

เจียงหยาง ซู หยวนเซียวจ้องมองที่คนทั้งสองและหัวเราะเยาะ ตระกูลเจียงหยางนี้ก่อตั้งโดยเจียงหยาง ซู หยุนคง ลูกชายของข้า พลังของสายเลือดตระกูลเจียงหยางไหลเข้าสู่เส้นเลือดของผู้สืบเชื้อสายทุกคนในที่นั้น ดังนั้นพวกเขาจึงธรรมดาที่จะเป็นคนจากตระกูลผู้พิทักษ์เจียงหยาง

ข้าคิดว่าข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเจียงหยาง ซูหยุนคงน่ะ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนที่เข้าไปบุกรุกกับพื้นที่ต้องห้ามของตระกูลเจียงหยางซึ่งไปรบกวนยุทธ์ภัณฑ์จักรพรรดิและเกือบจะทำให้พื้นที่ตระกูลเจียงหยางของเจ้าแทบจะพังทลายลงหรอกหรือ ? ถ้าหากข้าจำได้ไม่ผิด คนผู้นั้นดูเหมือนจะถูกขับไล่ออกจากตระกูล ซึ่งเขาไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลเจียงหยางอีกแล้ว ชายหนุ่มจากตระกูลโม่หยวนหัวเราะคิกคัก

ทุกคนจากตระกูลเจียงหยางสีหน้าเขียวคล้ำลง หลังจากนั้นไม่นานเจียงหยางชิงหยุนได้พูดออกมาทันทีว่า ตอนนี้ข้า เจียงหยาง ชิงหยุน ขอประกาศในนามของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเจียงหยางว่าการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง ถูกยกเลิกและจะกลับเข้าไปในตระกูลอีกครั้ง “

เจียงหยาง ซู หยวนเซียว ชื่นชมยินดี เขากล่าวว่า ข้า เจียงหยาง ซู หยวนเซียว ประกาศในนามของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเจียงหยางว่าการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง จะถูกยกเลิกและเขาจะได้กลับสู่ตระกูล

ข้า หยาง ซู เซียว ประกาศในนามของอาวุโสสูงสุดแห่งตระกูลเจียงหยางว่าการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง จะถูกยกเลิกและเขาจะได้รับกลับคืนสู่ตระกูล

ข้า เจียงหยาง…

บรรดาผู้อาวุโสที่มีอำนาจได้ยกเลิกการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคง คนแล้วคนเล่า ทั้งเจ็ดคนมีตำแหน่งสูงสุดในตระกูล ถ้าหากพวกเขาทั้งหมดเห็นพ้องต้องกัน พวกเขาก็สามารถตัดสินใจแทนสำหรับทั้งตระกูลได้

เจียงหยาง ซู อวี้หยวน รู้สึกตื่นเต้นอย่างมากในขณะที่น้ำตาขุ่น ๆ ไหลออกมาจากเบ้าตาของนาง นางร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาว่า คงเอ๋อ คงเอ๋อ เจ้าเห็นหรือไม่ ? ตระกูลของเจ้าได้รับการถอดถอนจากการลงโทษแล้ว เจ้าจะได้กลับมาที่ตระกูลแล้ว พวกเขาไม่อาจข่มเหงเจ้าได้อีกแล้วจากความผิดของเจ้าในปีนั้น คงเอ๋อ เจ้าอยู่ที่ไหน ?

ถึงตระกูลเจียงหยางของเจ้าจะถอนการลงโทษของเจียงหยาง ซู หยุนคงแล้วก็ตาม แต่ตระกูลเจียงหยางของพวกเจ้าคิดว่าจะสามารถฉกฉวยพยัคฆ์ปีกเทวะเพื่อตัวเองได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ ? นอกจากนี้เจ้าหนุ่มเจียงหยาง เซียงเทียนนั่นยังทำลายสาขานิกายที่จัดตั้งโดยนิกายหยางจิของข้า ข้าต้องการคำอธิบายที่น่าพอใจ ซุนหยางซีพูดออกมาเสียงดัง

เจียงหยาง ชิงหยุน, พยัคฆ์ปีกเทวะอาจจะมาจากตระกูลเจียงหยาง แต่ไม่สามารถทำได้ถ้าหากตระกูลของเจ้าต้องการครอบครองพยัคฆ์ปีกเทวะเพื่อตัวเองเช่นนี้ สัตว์อสูรเทวะโบราณมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญมากมาย ดังนั้นควรจะยกมันให้แก่ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบเสีย เราควรจะตั้งมันให้เป็นสัตว์อสูรของทวีปเทียนหยวน มันย่อมไม่เป็นของพวกเราคนหนึ่งคนใด ชายวัยกลางคนที่สวมชุดขาวดูสง่างามกล่าว เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดจากนิกายโพเทียน

ท่านพูดถูกแล้ว ข้าสนับสนุนคำแนะนำของท่านอย่างเต็มที่ พยัคฆ์ปีกเทวะจะถูกเลี้ยงดูโดยสิบตระกูลผู้พิทักษ์ มันต้องไม่กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ครอบครองเพียงคนเดียวในตระกูลของใคร ผู้ที่กล่าวนั้นเป็นชายชราที่คล้ายกับนักปราชญ์ เขาเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของสำนักธูปสวรรค์

นอกเหนือจากผู้คนจากอารามจิตพิสุทธิ์ซึ่งยังคงเงียบอยู่ ตระกูลอื่น ๆ อีก 9 ตระกูลเริ่มโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ทุกคนต่างต้องการให้ตระกูลของตัวเองได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูพยัคฆ์ปีกเทวะ แต่กระนั้นพวกเขาก็ไม่ต้องการให้ตระกูลอื่น ๆ ครอบครอง

นี่เป็นเพราะว่าเมื่อพยัคฆ์ปีกเทวะโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว มันจะยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าเซียนจักรพรรดิ ในเวลานั้นอาจจะไม่มีใครในโลกใบนี้สามารถต่อกรกับมันได้ เจ้านายของมันจะสามารถกวาดล้างโลกได้ทั้งใบและแม้แต่การกำจัดสิบตระกูลผู้พิทักษ์ก็จะง่ายเหมือนกินพายเค้ก

เป็นเหตุให้ตระกูลผู้พิทักษ์ไม่สามารถเชื่อใจให้ตระกูลอื่น ๆ เข้ามาควบคุมมันได้โดยง่าย ใครก็ตามที่ควบคุมพยัคฆ์ปีกเทวะได้ก็จะกลายเป็นองค์เหนือหัวแห่งโลกนี้ในอนาคต

ตระกูลเจียงหยางต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านที่ทรงพลังจากแปดตระกูล แล้วทำให้พวกเขารู้สึกปวดหัวขึ้นในทันที พวกเขารู้ได้ดีว่าถ้าหากพวกเขาเก็บพยัคฆ์ปีกเทวะไว้สำหรับตัวเอง การต่อต้านที่พวกเขาต้องเผชิญจะกลายเป็นภัยพิบัติที่ไม่อาจบรรยายได้

ทันใดนั้นอุณหภูมิโดยรอบก็ลดลงอย่างฉับพลัน มีกลิ่นอายที่เย็นยะเยือกลงมาจากฟากฟ้าในทันที ทำให้พื้นที่โดยรอบแปรเปลี่ยนไปสู่ดินแดนอันหนาวจัด

เกล็ดหิมะเต็มไปทั่วท้องฟ้าปกคลุมดวงอาทิตย์และกดข่มรังสีความร้อนของมัน ในขณะเดียวกันข้างล่างของคฤหาสน์เจียงหยางถูกปกคลุมด้วยชั้นของน้ำค้างแข็งสีเงินขาวชิ้นเล็ก ๆ จำนวนมากในเวลาอันสั้น ทำให้ยามและบ่าวไพร่ต่างสั่นสะท้าน พวกเขาจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะที่จู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้น อย่างพูดไม่ออกพร้อมกับความไม่เชื่อท่วมท้นในสายตาของพวกเขา

พายุหิมะฉับพลันอ้อมล้อมในรัศมีหมื่นกิโลเมตร ภายในบริเวณนั้นสภาพอากาศที่ร้อนจ้ากลับกลายเป็นน้ำแข็งเย็นยะเยือกซึ่งทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนตะลึกงัน เพราะว่าในปัจจุบันนั้นเป็นฤดูร้อนที่ร้อนระอุด้วยดวงอาทิตย์ที่แผดจ้าจนทำให้ผืนดินโลกในทุก ๆ วันเหมือนเตาอบที่ลุกเป็นไฟ ทำไมถึงมีหิมะตกในฤดูเช่นนี้ ?

ตระกูลทั้งสิบที่มาชุมนุมที่คฤหาสน์ก็ตกตะลึงกับหิมะที่เกิดขึ้นในฉับพลัน ทุกคนมองขึ้นไปขณะที่มีประกายแสงกระพริบผ่านดวงตาของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสามารถมองเห็นผ่านเกล็ดหิมะและเจาะผ่านช่องว่างที่ขวางกั้นนั้นไปได้ ในขณะนั้นเอง หนึ่งในพวกเขากลายเป็นเคร่งขรึมขึ้น

“นั่นคือศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก ! ” หัวหน้าอารามของอารามจิตพิสุทธิ์ที่เฝ้ามองไปบนท้องฟ้าอย่างเคร่งเครียดและกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก

ทันทีที่หัวหน้าอารามกล่าวจบ ศาลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นอย่างช้า ๆ บนท้องฟ้าสีขาวอันกว้างใหญ่ มันมีความยาวและความกว้างเกินกว่าหมื่นเมตรและมันดูเหมือนจะได้ปรากฏขึ้นโดยการฉีกผ่านห้วงมิติ จากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหิมะ มันค่อย ๆ ลดระดับลงมาอย่างช้า ๆ พร้อมกับการสะเทือนเล็กน้อย

มันเป็นศาลาเทพธิดาน้ำแข็งอาร์กติก ศาลาเทพธิดาน้ำแข็งแห่งนี้ไม่เคยเข้าแทรกแซงอะไรในทวีปเทียนหยวนเลยไม่ใช่หรือ ? แม้กระทั่งสงครามสามเผ่าพันธุ์ในสมัยโบราณก็ไม่ได้ทำให้ต้องปลุกพวกเขา แล้วทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ ? บางทีพวกเขาคงมาเพราะพยัคฆ์ปีกเทวะ ? ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากสำนักธูปสวรรค์กล่าวเสียงห้าว เขาเป็นคนเคร่งขรึมมาก

ศาลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ค่อย ๆ ลงมาจากฟากฟ้าลงสู่คฤหาสน์ โดยการลงมาของมันมีเงาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทั่วครึ่งหนึ่งของเมือง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองนั้นต้องเลือนหายไป เสียงร่ำร้องต่าง ๆ ที่น่ากลัวปะทุขึ้นจากที่ต่าง ๆ ทั่วเมือง

ลุงเจียงและคนอื่น ๆ ตกตะลึงกับศาลาศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกคนจ้องมองที่ท้องฟ้า ไม่มีใครได้สติกลับมา ราวกับฉากนี้นั้นได้เกินกว่าสิ่งที่หลายคนอาจทนรับได้ในจิตใจ

ศาลาศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมาหยุดอยู่เหนือที่คฤหาสน์พันเมตร หิมะได้ร่ายรำอย่างมีความสุขรอบ ๆ ศาลา ศาลานั้นได้สร้างหมอกสีขาวปกคลุมมันบางส่วน ศาลาจะเผยออกและปิดซ่อนสายตาเป็นครั้งคราวทำให้รู้สึกลึกลับมากขึ้น

ไม่นานหลังจากนั้นกลุ่มคนจำนวนมากค่อย ๆ ลอยลงมาจากศาลาที่อยู่ในอากาศ ราวกับเทพที่ถ่อลงมาจากสวรรค์ คนที่นำกลุ่มคือหญิงสาวชุดขาว นางดูเหมือนอายุราว 20 ปีและมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล เรือนผมยาวสีขาวขางนางล่องลอยอยู่ในอากาศที่เย็นยะเยือกนั้นอย่างสบาย ขณะที่คนอื่น ๆ หลายสิบกว่าคนต่างยืนอยู่อย่างสุภาพ ทุกคนจ้องมองไปที่หญิงสาวอย่างเต็มไปด้วยความเคารพซึ่งเกิดขึ้นจากส่วนลึกในหัวใจของพวกเขา

ขณะที่ผู้คนจากศาลาค่อย ๆ ร่อนลงบนดินแดนของคฤหาสน์ ดวงตาของนางนั้นก็เต็มไปด้วยหยาดน้ำที่ระยิบระยับ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจเมื่อนางสังเกตเห็นคฤหาสน์เจียงหยาง

กลุ่มคนจากศาลาเทพธิดาน้ำแข็งกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวที่นำมา นางกลายเป็นคนที่แม้แต่สิบตระกูลผู้พิทักษ์ต่างให้ความสนใจอย่างยิ่ง

ลุงเจียงและสมาชิกเก่าแก่ของตระกูลเจียงหยางทั้งหมดจดจ่ออยู่กับหญิงสาว ในตอนที่ลุงเจียงจำนางได้ ดวงตาของเขาหรี่แคบลงทันทีทันใดและความไม่เชื่อก็ท่วมท้นในตาในทันที

นี่- นี่- นี่- น- น- นี่มันเป็นไปไม่ได้แน่นอน ข้าต้องเห็นผิดแน่ คลื่นขนาดใหญ่เกิดขึ้นในใจของลุงเจียงทำให้เกิดความสงบทั้งหมดที่เขามีมาพลันหายไป

ไม่ใช่แค่ลุงเจียง แต่แม้แต่ยามระดับอาวุโสและญาติพี่น้องร่วมสกุลหลายคนเองก็ประหลาดใจ เมื่อเห็นใบหน้าของสตรีนางนี้ ความไม่เชื่อประดังใส่พวกเขา

เมื่อหลิงหลง, หยูเฟิงหยาน และไป๋ยู่ซวง เห็นหญิงสาวจากภายในกลุ่ม ดวงตาของพวกเขาก็หรี่แคบลงในทันที หลังจากนั้นพวกเขาก็พึมพำด้วยความตกใจและความไม่เชื่อปรากฏอย่างท่วมท้น หยูเฟิงหยานได้รับผลกระทบมาที่สุด โดยเฉพาะร่างเล็ก ๆ ของนางเริ่มสั่นสะเทือนในขณะที่น้ำตาไหลนองออกมาเหมือนน้ำพุที่พลุ่งพล่านและไหลอาบใบหน้าเรียวของนาง ขณะที่หยดน้ำตานั้นตกลงมา พวกมันถูกอากาศที่หนาวเย็นปะทะเข้าและแปรเปลี่ยนเป็นหยดน้ำแข็งเหมือนคริสตัลใส

หยูเฟิงหยานออกมาจากฝูงชนทีละก้าวพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน สายตาของนางมองไปที่หญิงสาวคนนั้นอย่างเต็มไปด้วยความโหยหาอย่างแรงกล้าและนางก็พูดด้วยเสียงที่สั่นเครือว่า เยว่ – เยว่ – เยว่เอ๋อ

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+