Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 814: เข้าไปที่มหาสมุทรดวงดาว

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 814: เข้าไปที่มหาสมุทรดวงดาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 814: เข้าไปที่มหาสมุทรดวงดาว

นูบิสเลือกที่จะอยู่ที่เกาะสามเซียน เขาไม่ได้ตามเจี้ยนเฉินไปที่มหาสมุทรดวงดาว แต่เขาขุดถ้ำอยู่ใต้ทะเลลึกไกล้ไกล้กับเกาะ เขาใช้ม่านพลังเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลทะลักเข้ามาและสร้างสถานที่ที่เขาจะสามารถใช้ฝึกตนได้

สำหรับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งสองมุ่งหน้าไปที่มหาสมุทรดวงดาวด้วยกัน และทิ้งลูกศิษย์ที่เป็นเซียนผู้คุมกฎทั้งสองให้เฝ้าเกาะเอาไว้

ท้องฟ้าสดใสและไร้เมฆ มันดูกลมกลืนกับทะเลทางใต้ที่ไกลออกไป เหมือนว่ามันเป็นภาพศิลปะชิ้นงาม เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทั้งคู่หลอมรวมเข้ากับมิติและเคลื่อนที่ไปโดยการใช้พลังมิติ พวกเขาทั้งคู่กลายเป็นภาพพร่ามัว ก่อนที่จะพุ่งข้ามท้องฟ้าไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีแม้แต่เสียงลม

“ท่าน เหตุผลที่ข้าน้อยมาที่เกาะสามเซียนในครั้งนี้จริง ๆ แล้วก็เพราะคำแนะนำจากผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยน ข้าได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเลมาจากผู้อาวุโส ข้าสงสัยว่าท่านรู้เรื่องมากขนาดไหนเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเล และท่านจะบอกมันกับข้าได้หรือไม่ ? ” ในขณะที่พวกเขาบินไป เจี้ยนเฉินก็มองไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และใช้วิชาติดต่อสื่อสาร

ดวงตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ฉายแววประหลาดใจออกมา นางหันไปและจ้องไปที่เจี้ยนเฉินแล้วตอบกลับ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะได้พบกับผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนเลยจริง ๆ แต่ทำไมเจ้าถึงอยากรู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเลล่ะ ? “

เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “บอกตามตรง ข้ากำลังออกไปจากทวีปเพื่อหลีกเลี่ยงความหายนะ ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของทวีปต้องการที่จะทำสิ่งที่แย่มากกับข้า ข้าได้แต่รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนและออกมาจากทวีปเพื่อที่จะลี้ภัยไปที่เผ่าพันธุ์ทะเล”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็มองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างประหลาดใจแล้วพูด “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎธรรมดา การที่เจ้าไปทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบโกรธและยังสามารถหนีออกมาจากทวีปได้นั้นช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ สองสามวันก่อนข้ายังอยู่ในการเก็บตัวฝึกฝน ข้ารู้สึกได้ถึงการมีอยู่ที่ทรงพลังจากทวีป มีแม้แต่การต่อสู้ของเซียนจักรพรรดิ เกิดอะไรขึ้นที่ทวีปกันแน่ ? ทวีปสัตว์เทวะได้บุกรุกเข้ามาอย่างนั้นหรือ ? “

“ท่านกล่าวถูกแล้ว ทวีปสัตว์เทวะได้บุกรุกเข้ามา แต่กรุณายกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ทั้งหมด หลังจากที่ข้าจากไปแล้วในอนาคต ท่านแค่เข้าไปที่แผ่นดินหลัก แล้วท่านจะเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินค่อนข้างจริงจัง

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะหันออกไปอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนบอกให้เจ้ามาหาข้าในเรื่องเผ่าพันธุ์ทะเล ข้าก็จะบอกทุกสิ่งที่ข้ารู้”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หยุดสักพัก และพูดต่อหลังจากที่นางเรียบเรียงความคิด “หุบเหวทะเลลึกเป็นเขตที่เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทะเล การมีอยู่ของพวกเขานั้นเหมือนกับสัตว์อสูร พวกเขาฝึกฝนด้วยการดูดซับพลังงานธรรมชาติ และสามารถที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์และพูดภาษามนุษย์ได้ พวกเขาไม่ได้มีความฉลาดน้อยไปกว่ามนุษย์เลยเช่นกัน พวกเขาอาศัยอยู่ที่ก้นทะเลและกินบริเวณค่อนข้างใหญ่ในมหาสมุทร ในขณะที่พื้นที่ทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังที่ทรงพลัง ม่านพลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในครั้งโบราณกาล และแม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้ ไม่เพียงแต่มันจะกั้นน้ำทะเลไว้เท่านั้น แต่มันยังกันน้ำออกไปเป็นแนวมากกว่าหลายพันเมตร ในเวลาเดียวกัน มันก็ปกป้องเผ่าพันธุ์ทะเลจากการรุกรานของเผ่าพันธุ์อื่นอีกด้วย”

“สำหรับเผ่าพันธุ์ทะเลแล้ว ม่านพลังนี้เหมือนไม่มีอยู่ มันไม่สามารถหยุดสิ่งมีชีวิตจากทะเลลึกได้ แต่มันจะแข็งแกร่งและเหมือนกำแพงที่ทำลายไม่ได้ต่อเซียนราชาและเซียนจักรพรรดิ เฉพาะคนที่มีระดับต่ำกว่าเซียนราชาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หยุดสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าเคยไปเยี่ยมที่เผ่าพันธุ์ทะเลมาก่อน 2 ครั้ง แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยรู้สถานการณ์ของที่นั่นดีเท่าไร แต่ข้าก็พอรู้เรื่องคร่าว ๆ ทั่วไปบ้าง ไม่เพียงแค่เผ่าพันธุ์ทะเลจะเกลียดมนุษย์ พวกเขายังไม่ยอมรับมนุษย์อีกด้วย ถ้าจอมยุทธที่เป็นมนุษย์ต้องการที่จะมีชีวิตรอดที่นั่น พวกเขาจะต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก ถ้ามีใครไปทำให้สมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลโกรธ มันจะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่และพวกเขาจะได้รับความเกลียดชังและถูกตามล่าจากสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหลาย” หลังจากที่พูดจบ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็มองไปที่เจี้ยนเฉินแล้วกล่าวต่อ “ถ้าเจ้าได้ไปทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของตระกูลโกรธ หุบเหวทะเลลึกก็เป็นที่ที่ดีที่เจ้าจะลี้ภัยไป อย่างน้อย ม่านพลังนั่นก็กันเซียนราชาได้ อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าอยากที่จะอยู่รอดที่นั่น มันอาจจะค่อนข้างยากสักหน่อย”

เจี้ยนเฉินครุ่นคิดในความเงียบสักพักก่อนที่จะถามต่อ “เผ่าพันธุ์ทะเลนี้ทรงพลังขนาดไหนกันหรือ ? เมื่อเทียบกับทวีปเทียนหยวนแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่า ? “

“เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นทรงพลังมาก” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เริ่มเคร่งเครียด “ในครั้งอดีต ทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะนั้นทั้งคู่ได้ทำสงครามกับร้อยเผ่าพันธุ์ ทั้งสองฝ่ายสูญเสียเป็นอย่างมาก และเซียนจักรพรรดิหลายคนก็พลาดท่าและปิดตำนานของพวกเขาไป นอกจากนั้น การต่อสู้หลายครั้งระหว่างพยัคฆ์ปีกเทวะโบราณกับเทพเจ้าสงคราม เอ่อหยินได้ทำให้กฎของธรรมชาติยุ่งเหยิง ทำให้มันเป็นการยากมากขึ้นสำหรับคนอื่นในการที่จะเป็นเซียนจักรพรรดิ นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงได้มีเซียนจักรพรรดิน้อยนักที่ทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะ”

“เมื่อเผ่าพันธุ์ทะเลไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามครั้งโบราณ ความแข็งแกร่งและคนที่เป็นตำนานของพวกเขาก็ยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่ได้มีเซียนจักรพรรดิมากในเผ่าพันธุ์ทะเลเหมือนเมื่อครั้งโบราณกาลแล้ว แต่ในด้านจำนวนนั้น ทวีปเทียนหยวนก็เทียบไม่ติด เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นมีวิวัฒนาการมากจากสิ่งมีชีวิตทางน้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ได้ในทะเลเท่านั้น ในทะเลมันง่ายกว่าสำหรับพวกเขาที่จะฝึกฝน แต่เมื่อพวกเขาออกจากทะเลแล้ว การฝึกฝนจะยากมากกว่าหลายเท่า พวกเขาอยู่ในทะเลเสมอและจะไม่ไปที่ทวีปเทียนหยวนถ้าไม่จำเป็น นี่เป็นเพราะทะเลนั้นคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา”

“เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นแยกออกเป็น 3 ส่วน ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ศาลาเทพเจ้าอสรพิษ และศาลาจิตวิญญาณสวรรค์ ในศาลาทั้งสามนั้น ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามศาลา และมีท่านผู้อาวุโสที่เป็นถึงเซียนจักรพรรดิขั้นสูงสุดของทั่วทั้งดินแดน ศาลาที่เหลืออีกทั้งสองก็มีเซียนจักรพรรดิเช่นกัน ดังนั้นจึงมีเซียนจักรพรรดิ 3 คนในเผ่าพันธุ์ทะเล”

“เซียนจักรพรรดิที่อยู่ในระดับสูงสุดถึง 3 คน” เจี้ยนเฉินตกตะลึง เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นทรงพลังมากจริง ๆ พวกเขามีเซียนจักรพรรดิถึง 3 คน นี่มันเหนือกว่าที่ทวีปเทียนหยวนมีมาก เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าแม้จะไม่นับเซียนจักรพรรดิ แต่จำนวนของเซียนชาและเซียนผู้คุมกฎของพวกเขาก็ไม่ใช่อะไรที่ทวีปเทียนหยวนสามารถเปรียบเทียบได้

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยปลอดภัยที่จะไปลี้ภัยในเผ่าพันธุ์ทะเลในตอนนี้ ที่นั่นมีจอมยุทธจำนวนมาก มากกว่าที่ทวีปเทียนหยวนมี ข้าจะต้องไม่ทำตัวให้โดดเด่นเกินไปเมื่อไปถึงที่นั่น” เจี้ยนเฉินคิด เขาได้รับความเข้าใจมากขึ้นจากหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยอย่างดีในการเดินทางไปที่เผ่าพันธุ์ทะเล

เจี้ยนเฉินถามหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ต่อเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ทะเลในระหว่างการเดินทาง ทำให้เขาเข้าใจในสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์ทะเลมากขึ้นอย่างช้า ๆ

มหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่มาก มากกว่าทวีปเทียนหยวนหลายเท่านัก แม้ว่ามหาสมุทรดวงดาวจะอยู่ใกล้กับเกาะสามเซียนมาก แต่มันก็ใช้เวลาหนึ่งคืนหนึ่งวันเต็มในการที่จะบินไปถึงที่นั่น

มหาสมุทรดวงดาวเป็นเขตของทะเลที่ปกคลุมไปด้วยหมอก มันกินบริเวณกว้างใหญ่มาก ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้ลอยอยู่ห่างจากที่นั่นหนึ่งกิโลเมตรครึ่ง และจ้องไปที่หมอกอย่างเคร่งเครียด

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์รู้ว่าความเข้าใจในมหาสมุทรดวงดาวของเจี้ยนเฉินนั้นมีอย่างจำกัด ดังนั้นนางจึงอธิบาย “มหาสมุทรดวงดาวคือเกาะที่อยู่ภายในหมอกหนา เราจำเป็นที่จะต้องผ่านหมอกไปเพื่อจะไปถึงที่นั่น เจ้าต้องไม่ประเมินค่าหมอกเหล่านี้ต่ำจนเกินไป มันแปลกมาก ทันทีที่เจ้าเข้าไป สัมผัสทั้งห้าของเจ้าจะถูกข่มเอาไว้ และการมองเห็นของเจ้าจะได้รับผลกระทบอย่างมาก”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าและระมัดระวังมากขึ้นทันที มหาสมุทรดวงดาวเป็นเขตที่อันตรายเป็นอันดับ 2 รองจากรังมรณะ แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎ เขาก็จำเป็นที่จะต้องระวังอย่างมาก

“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ ตามข้ามาใกล้ ๆ และอย่าออกห่างจากข้า เจ้าอาจจะเห็นภาพหลอนในหมอก แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าทั้งหมดนั้นคือของปลอม อย่าเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดด้วยเสียงนุ่มนวล ก่อนที่จะเอาพิณปีศาจร่ำไห้ไว้ที่มือข้างซ้ายของนางและวางมือที่สวยงามข้างขวาของนางไว้ที่สายของพิณ

เมื่อได้เห็นว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ระมัดระวังตัวขนาดนี้ เจี้ยนเฉินจึงเพิ่มความระมัดระวังขึ้น เขาเข้าไปใกล้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะบินตรงไปที่หมอกทันที

ทันทีที่เขาเข้าไปในหมอก เจี้ยนเฉินก็รู้สึกเหมือนก้าวเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง มันมีหมอกขาวทั่วไปหมด และเขาก็สามารถมองเห็นได้แค่ 3 เมตรด้านหน้าเท่านั้น ในหมอกหนา ไม่เพียงแต่เขาจะใช้พลังมิติไม่ได้เท่านั้น แต่แม้แต่พลังแห่งการรับรู้ของเขาก็ถูกกดเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยมันออกไปจากร่างกายของเขาได้เลย

“เจ้าจะพบกับการโจมตีจากหมอกบ้างเป็นเรื่องปกติ ระวังให้ดี” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ดังมาจากอีกข้าง

เจี้ยนเฉินหันหัวไป พวกเขาอยู่ห่างกันน้อยกว่า 1 เมตร แต่เขาก็ไม่สามารถเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอชัดชัดได้เลยแม้ระยะทางจะใกล้แค่นี้ ทั้งหมดที่เขาเห็นคือร่างสีม่วงราง ๆ

“หมอกนี่มันอะไรกันแน่ ? แปลกจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินประหลาดใจในใจ ความหนาของหมอกจำกัดการมองเห็นเป็นอย่างมาก และแม้แต่สัมผัสอื่น ๆ ยังถูกกดเอาไว้ แม้ว่าจะมีอันตรายข้างหน้า เขาก็ไม่สามารถที่จะรู้ล่วงหน้าได้เลย แบบนี้ยิ่งทำให้มันอันตรายมากขึ้นไปใหญ่

ทั้งสองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พวกเขาไม่ได้รีบร้อน ในขณะที่สายตาของพวกเขาสอดส่องไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

ในตอนนั้นเอง แสงสีขาวจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา และพุ่งเข้ามาเหมือนสายฟ้าไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์

“ระวัง ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา และเหวี่ยงหมัดไปที่แสงนั่น

“ปิ้ง ! ” อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั้นไวกว่าเจี้ยนเฉิน นิ้งของนางที่วางอยู่ที่สายของพิณและดีดสายอย่างนุ่มนวล และเสียงโน้ตก็ลอยออกมา มันเปลี่ยนไปเป็นคลื่นเสียง และกระทบกับแสงขาวตรงหน้าเจี้ยนเฉินก่อนที่หมัดของเจี้ยนเฉินจะกระแทกกับมัน

บอลแสงสีขาวกลายเป็นฝุ่นผงและร่วงหล่นไปที่พื้นอย่างไร้เสียง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 814: เข้าไปที่มหาสมุทรดวงดาว

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 814: เข้าไปที่มหาสมุทรดวงดาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 814: เข้าไปที่มหาสมุทรดวงดาว

นูบิสเลือกที่จะอยู่ที่เกาะสามเซียน เขาไม่ได้ตามเจี้ยนเฉินไปที่มหาสมุทรดวงดาว แต่เขาขุดถ้ำอยู่ใต้ทะเลลึกไกล้ไกล้กับเกาะ เขาใช้ม่านพลังเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลทะลักเข้ามาและสร้างสถานที่ที่เขาจะสามารถใช้ฝึกตนได้

สำหรับหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และเจี้ยนเฉิน พวกเขาทั้งสองมุ่งหน้าไปที่มหาสมุทรดวงดาวด้วยกัน และทิ้งลูกศิษย์ที่เป็นเซียนผู้คุมกฎทั้งสองให้เฝ้าเกาะเอาไว้

ท้องฟ้าสดใสและไร้เมฆ มันดูกลมกลืนกับทะเลทางใต้ที่ไกลออกไป เหมือนว่ามันเป็นภาพศิลปะชิ้นงาม เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทั้งคู่หลอมรวมเข้ากับมิติและเคลื่อนที่ไปโดยการใช้พลังมิติ พวกเขาทั้งคู่กลายเป็นภาพพร่ามัว ก่อนที่จะพุ่งข้ามท้องฟ้าไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่มีแม้แต่เสียงลม

“ท่าน เหตุผลที่ข้าน้อยมาที่เกาะสามเซียนในครั้งนี้จริง ๆ แล้วก็เพราะคำแนะนำจากผู้อาวุโสสูงสุดของเมืองทหารรับจ้าง เทียนเจี้ยน ข้าได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเลมาจากผู้อาวุโส ข้าสงสัยว่าท่านรู้เรื่องมากขนาดไหนเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเล และท่านจะบอกมันกับข้าได้หรือไม่ ? ” ในขณะที่พวกเขาบินไป เจี้ยนเฉินก็มองไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์และใช้วิชาติดต่อสื่อสาร

ดวงตาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ฉายแววประหลาดใจออกมา นางหันไปและจ้องไปที่เจี้ยนเฉินแล้วตอบกลับ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะได้พบกับผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนเลยจริง ๆ แต่ทำไมเจ้าถึงอยากรู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ทะเลล่ะ ? “

เจี้ยนเฉินลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “บอกตามตรง ข้ากำลังออกไปจากทวีปเพื่อหลีกเลี่ยงความหายนะ ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของทวีปต้องการที่จะทำสิ่งที่แย่มากกับข้า ข้าได้แต่รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนและออกมาจากทวีปเพื่อที่จะลี้ภัยไปที่เผ่าพันธุ์ทะเล”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็มองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างประหลาดใจแล้วพูด “ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้าที่เป็นเซียนผู้คุมกฎธรรมดา การที่เจ้าไปทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบโกรธและยังสามารถหนีออกมาจากทวีปได้นั้นช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ สองสามวันก่อนข้ายังอยู่ในการเก็บตัวฝึกฝน ข้ารู้สึกได้ถึงการมีอยู่ที่ทรงพลังจากทวีป มีแม้แต่การต่อสู้ของเซียนจักรพรรดิ เกิดอะไรขึ้นที่ทวีปกันแน่ ? ทวีปสัตว์เทวะได้บุกรุกเข้ามาอย่างนั้นหรือ ? “

“ท่านกล่าวถูกแล้ว ทวีปสัตว์เทวะได้บุกรุกเข้ามา แต่กรุณายกโทษให้ข้าด้วยที่ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดได้ทั้งหมด หลังจากที่ข้าจากไปแล้วในอนาคต ท่านแค่เข้าไปที่แผ่นดินหลัก แล้วท่านจะเข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่” น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินค่อนข้างจริงจัง

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะหันออกไปอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อผู้อาวุโสเทียนเจี้ยนบอกให้เจ้ามาหาข้าในเรื่องเผ่าพันธุ์ทะเล ข้าก็จะบอกทุกสิ่งที่ข้ารู้”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หยุดสักพัก และพูดต่อหลังจากที่นางเรียบเรียงความคิด “หุบเหวทะเลลึกเป็นเขตที่เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ทะเล การมีอยู่ของพวกเขานั้นเหมือนกับสัตว์อสูร พวกเขาฝึกฝนด้วยการดูดซับพลังงานธรรมชาติ และสามารถที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์และพูดภาษามนุษย์ได้ พวกเขาไม่ได้มีความฉลาดน้อยไปกว่ามนุษย์เลยเช่นกัน พวกเขาอาศัยอยู่ที่ก้นทะเลและกินบริเวณค่อนข้างใหญ่ในมหาสมุทร ในขณะที่พื้นที่ทั้งหมดนั้นถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังที่ทรงพลัง ม่านพลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยเทพเจ้าแห่งท้องทะเลในครั้งโบราณกาล และแม้แต่เซียนจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถทำลายมันได้ ไม่เพียงแต่มันจะกั้นน้ำทะเลไว้เท่านั้น แต่มันยังกันน้ำออกไปเป็นแนวมากกว่าหลายพันเมตร ในเวลาเดียวกัน มันก็ปกป้องเผ่าพันธุ์ทะเลจากการรุกรานของเผ่าพันธุ์อื่นอีกด้วย”

“สำหรับเผ่าพันธุ์ทะเลแล้ว ม่านพลังนี้เหมือนไม่มีอยู่ มันไม่สามารถหยุดสิ่งมีชีวิตจากทะเลลึกได้ แต่มันจะแข็งแกร่งและเหมือนกำแพงที่ทำลายไม่ได้ต่อเซียนราชาและเซียนจักรพรรดิ เฉพาะคนที่มีระดับต่ำกว่าเซียนราชาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์หยุดสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าเคยไปเยี่ยมที่เผ่าพันธุ์ทะเลมาก่อน 2 ครั้ง แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยรู้สถานการณ์ของที่นั่นดีเท่าไร แต่ข้าก็พอรู้เรื่องคร่าว ๆ ทั่วไปบ้าง ไม่เพียงแค่เผ่าพันธุ์ทะเลจะเกลียดมนุษย์ พวกเขายังไม่ยอมรับมนุษย์อีกด้วย ถ้าจอมยุทธที่เป็นมนุษย์ต้องการที่จะมีชีวิตรอดที่นั่น พวกเขาจะต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก ถ้ามีใครไปทำให้สมาชิกของเผ่าพันธุ์ทะเลโกรธ มันจะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่และพวกเขาจะได้รับความเกลียดชังและถูกตามล่าจากสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหลาย” หลังจากที่พูดจบ หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็มองไปที่เจี้ยนเฉินแล้วกล่าวต่อ “ถ้าเจ้าได้ไปทำให้ตระกูลผู้พิทักษ์ทั้งสิบของตระกูลโกรธ หุบเหวทะเลลึกก็เป็นที่ที่ดีที่เจ้าจะลี้ภัยไป อย่างน้อย ม่านพลังนั่นก็กันเซียนราชาได้ อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าอยากที่จะอยู่รอดที่นั่น มันอาจจะค่อนข้างยากสักหน่อย”

เจี้ยนเฉินครุ่นคิดในความเงียบสักพักก่อนที่จะถามต่อ “เผ่าพันธุ์ทะเลนี้ทรงพลังขนาดไหนกันหรือ ? เมื่อเทียบกับทวีปเทียนหยวนแล้ว พวกเขาแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่า ? “

“เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นทรงพลังมาก” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เริ่มเคร่งเครียด “ในครั้งอดีต ทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะนั้นทั้งคู่ได้ทำสงครามกับร้อยเผ่าพันธุ์ ทั้งสองฝ่ายสูญเสียเป็นอย่างมาก และเซียนจักรพรรดิหลายคนก็พลาดท่าและปิดตำนานของพวกเขาไป นอกจากนั้น การต่อสู้หลายครั้งระหว่างพยัคฆ์ปีกเทวะโบราณกับเทพเจ้าสงคราม เอ่อหยินได้ทำให้กฎของธรรมชาติยุ่งเหยิง ทำให้มันเป็นการยากมากขึ้นสำหรับคนอื่นในการที่จะเป็นเซียนจักรพรรดิ นี้เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงได้มีเซียนจักรพรรดิน้อยนักที่ทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะ”

“เมื่อเผ่าพันธุ์ทะเลไม่ได้มีส่วนร่วมในสงครามครั้งโบราณ ความแข็งแกร่งและคนที่เป็นตำนานของพวกเขาก็ยังคงอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ แม้ว่าจะไม่ได้มีเซียนจักรพรรดิมากในเผ่าพันธุ์ทะเลเหมือนเมื่อครั้งโบราณกาลแล้ว แต่ในด้านจำนวนนั้น ทวีปเทียนหยวนก็เทียบไม่ติด เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นมีวิวัฒนาการมากจากสิ่งมีชีวิตทางน้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงอาศัยอยู่ได้ในทะเลเท่านั้น ในทะเลมันง่ายกว่าสำหรับพวกเขาที่จะฝึกฝน แต่เมื่อพวกเขาออกจากทะเลแล้ว การฝึกฝนจะยากมากกว่าหลายเท่า พวกเขาอยู่ในทะเลเสมอและจะไม่ไปที่ทวีปเทียนหยวนถ้าไม่จำเป็น นี่เป็นเพราะทะเลนั้นคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา”

“เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นแยกออกเป็น 3 ส่วน ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ศาลาเทพเจ้าอสรพิษ และศาลาจิตวิญญาณสวรรค์ ในศาลาทั้งสามนั้น ศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามศาลา และมีท่านผู้อาวุโสที่เป็นถึงเซียนจักรพรรดิขั้นสูงสุดของทั่วทั้งดินแดน ศาลาที่เหลืออีกทั้งสองก็มีเซียนจักรพรรดิเช่นกัน ดังนั้นจึงมีเซียนจักรพรรดิ 3 คนในเผ่าพันธุ์ทะเล”

“เซียนจักรพรรดิที่อยู่ในระดับสูงสุดถึง 3 คน” เจี้ยนเฉินตกตะลึง เผ่าพันธุ์ทะเลนั้นทรงพลังมากจริง ๆ พวกเขามีเซียนจักรพรรดิถึง 3 คน นี่มันเหนือกว่าที่ทวีปเทียนหยวนมีมาก เจี้ยนเฉินเข้าใจว่าแม้จะไม่นับเซียนจักรพรรดิ แต่จำนวนของเซียนชาและเซียนผู้คุมกฎของพวกเขาก็ไม่ใช่อะไรที่ทวีปเทียนหยวนสามารถเปรียบเทียบได้

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยปลอดภัยที่จะไปลี้ภัยในเผ่าพันธุ์ทะเลในตอนนี้ ที่นั่นมีจอมยุทธจำนวนมาก มากกว่าที่ทวีปเทียนหยวนมี ข้าจะต้องไม่ทำตัวให้โดดเด่นเกินไปเมื่อไปถึงที่นั่น” เจี้ยนเฉินคิด เขาได้รับความเข้าใจมากขึ้นจากหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยอย่างดีในการเดินทางไปที่เผ่าพันธุ์ทะเล

เจี้ยนเฉินถามหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ต่อเกี่ยวกับเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ทะเลในระหว่างการเดินทาง ทำให้เขาเข้าใจในสถานการณ์ของเผ่าพันธุ์ทะเลมากขึ้นอย่างช้า ๆ

มหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่มาก มากกว่าทวีปเทียนหยวนหลายเท่านัก แม้ว่ามหาสมุทรดวงดาวจะอยู่ใกล้กับเกาะสามเซียนมาก แต่มันก็ใช้เวลาหนึ่งคืนหนึ่งวันเต็มในการที่จะบินไปถึงที่นั่น

มหาสมุทรดวงดาวเป็นเขตของทะเลที่ปกคลุมไปด้วยหมอก มันกินบริเวณกว้างใหญ่มาก ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้ลอยอยู่ห่างจากที่นั่นหนึ่งกิโลเมตรครึ่ง และจ้องไปที่หมอกอย่างเคร่งเครียด

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์รู้ว่าความเข้าใจในมหาสมุทรดวงดาวของเจี้ยนเฉินนั้นมีอย่างจำกัด ดังนั้นนางจึงอธิบาย “มหาสมุทรดวงดาวคือเกาะที่อยู่ภายในหมอกหนา เราจำเป็นที่จะต้องผ่านหมอกไปเพื่อจะไปถึงที่นั่น เจ้าต้องไม่ประเมินค่าหมอกเหล่านี้ต่ำจนเกินไป มันแปลกมาก ทันทีที่เจ้าเข้าไป สัมผัสทั้งห้าของเจ้าจะถูกข่มเอาไว้ และการมองเห็นของเจ้าจะได้รับผลกระทบอย่างมาก”

เจี้ยนเฉินพยักหน้าและระมัดระวังมากขึ้นทันที มหาสมุทรดวงดาวเป็นเขตที่อันตรายเป็นอันดับ 2 รองจากรังมรณะ แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎ เขาก็จำเป็นที่จะต้องระวังอย่างมาก

“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ ตามข้ามาใกล้ ๆ และอย่าออกห่างจากข้า เจ้าอาจจะเห็นภาพหลอนในหมอก แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าทั้งหมดนั้นคือของปลอม อย่าเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง” หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พูดด้วยเสียงนุ่มนวล ก่อนที่จะเอาพิณปีศาจร่ำไห้ไว้ที่มือข้างซ้ายของนางและวางมือที่สวยงามข้างขวาของนางไว้ที่สายของพิณ

เมื่อได้เห็นว่าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ระมัดระวังตัวขนาดนี้ เจี้ยนเฉินจึงเพิ่มความระมัดระวังขึ้น เขาเข้าไปใกล้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะบินตรงไปที่หมอกทันที

ทันทีที่เขาเข้าไปในหมอก เจี้ยนเฉินก็รู้สึกเหมือนก้าวเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง มันมีหมอกขาวทั่วไปหมด และเขาก็สามารถมองเห็นได้แค่ 3 เมตรด้านหน้าเท่านั้น ในหมอกหนา ไม่เพียงแต่เขาจะใช้พลังมิติไม่ได้เท่านั้น แต่แม้แต่พลังแห่งการรับรู้ของเขาก็ถูกกดเอาไว้ ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยมันออกไปจากร่างกายของเขาได้เลย

“เจ้าจะพบกับการโจมตีจากหมอกบ้างเป็นเรื่องปกติ ระวังให้ดี” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ดังมาจากอีกข้าง

เจี้ยนเฉินหันหัวไป พวกเขาอยู่ห่างกันน้อยกว่า 1 เมตร แต่เขาก็ไม่สามารถเห็นรูปร่างหน้าตาของเธอชัดชัดได้เลยแม้ระยะทางจะใกล้แค่นี้ ทั้งหมดที่เขาเห็นคือร่างสีม่วงราง ๆ

“หมอกนี่มันอะไรกันแน่ ? แปลกจริง ๆ ” เจี้ยนเฉินประหลาดใจในใจ ความหนาของหมอกจำกัดการมองเห็นเป็นอย่างมาก และแม้แต่สัมผัสอื่น ๆ ยังถูกกดเอาไว้ แม้ว่าจะมีอันตรายข้างหน้า เขาก็ไม่สามารถที่จะรู้ล่วงหน้าได้เลย แบบนี้ยิ่งทำให้มันอันตรายมากขึ้นไปใหญ่

ทั้งสองเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พวกเขาไม่ได้รีบร้อน ในขณะที่สายตาของพวกเขาสอดส่องไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

ในตอนนั้นเอง แสงสีขาวจู่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นมา และพุ่งเข้ามาเหมือนสายฟ้าไปที่หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์

“ระวัง ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมา และเหวี่ยงหมัดไปที่แสงนั่น

“ปิ้ง ! ” อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั้นไวกว่าเจี้ยนเฉิน นิ้งของนางที่วางอยู่ที่สายของพิณและดีดสายอย่างนุ่มนวล และเสียงโน้ตก็ลอยออกมา มันเปลี่ยนไปเป็นคลื่นเสียง และกระทบกับแสงขาวตรงหน้าเจี้ยนเฉินก่อนที่หมัดของเจี้ยนเฉินจะกระแทกกับมัน

บอลแสงสีขาวกลายเป็นฝุ่นผงและร่วงหล่นไปที่พื้นอย่างไร้เสียง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+