Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 846 มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 846 มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 846 มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด

เจี้ยนเฉินให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ที่กำลังใจจดใจจ่ออย่างมาก เมื่อเห็นว่านางไม่ได้ดื้อรั้นอีก จู่ ๆ เขาก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยและหลังจากลังเลสักพักหนึ่ง แล้วเขากล่าวว่า “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ลองเดินไปดูข้างหน้าหน่อยหรือไม่ เผื่อเราอาจจะพบทางกลับก็ได้นะ”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั่งลงกับพื้นอย่างเศร้าใจ ราวกับว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดเลย นางไม่ตอบโต้แต่อย่างใด

เจี้ยนเฉินถอนใจเบา ๆ และก้มหัวคิด เขาลุกขึ้นยืนจากพื้นดินและจ้องไปที่ตำแหน่งที่พลังหยิน-หยางเคยอยู่ เขากล่าวว่า ท่านไม่ต้องการหาสิ่งที่บังคับให้พวกเราต้องทำเช่นนี้หรือ ? ถ้าท่านอยากรู้ก็มากับข้าเถิด เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจกับนางอีก เขาหันกายไปรอบ ๆ และเดินออกไปในที่ไกล ๆ

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ค่อย ๆ แหงนหน้ามองอย่างขมขื่น นางจ้องมองที่แผ่นหลังของเจี้ยนเฉิน ซึ่งอารมณ์ของนางทั้งแปนปรวนและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นางค่อย ๆ กัดริมฝีปากตัวเอง นางลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกตามตามเจี้ยนเฉินไปในที่สุด

ทั้งสองเดินห่างกันราว 30 เมตร ขณะที่พวกเขาเดินไปสักพัก ในที่สุดก็มาถึงหลุมลึก 1,000 เมตร นี่เป็นจุดที่มีเสาแห่งแสงขนาดใหญ่ทั้งสองตั้งอยู่เมื่อสามวันก่อน

ยืนอยู่ที่ขอบของหลุมลึก เจี้ยนเฉินไม่ได้รีบที่จะลงไป สายตาเขาจ้องมองที่จุดกึ่งกลางของมัน เขาคล้ายจะรู้สึกถึงระลอกคลื่นที่คลุมเครืออย่างมากและคลื่นนั้นก็มีพลังมากจนทำให้เขาตกใจ

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เดินมาจากข้างหลัง แม้ยังมีแผลในหัวใจของนาง แต่นางก็สงบใจลงได้ อีกทั้งใบหน้าของนางก็ถูกปิดโดยผ้าคลุมหน้าอีกครั้ง นางยืนอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉินไป 3 เมตรที่ริมหลุม ในเวลาเดียวกันนางจ้องมองลึกลงไปในหลุม แต่ลึก ๆ ลงไปในดวงตาของนางนั้นยังคงเต็มไปด้วยความเศร้า เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกคลุมเครือมาก แต่สายตาของนางก็ยังคงเข้มแข็ง

นายท่าน มันอยู่ที่นี่ นี่คือที่ ๆ พลังหยิน-หยางแผ่ออกมา เสียงของจือหยิงดังขึ้นในใจของเจี้ยนเฉิน

เราไม่สามารถแผ่จิตสัมผัสของเราได้ทั่วถึง นายท่าน ท่านควรลงไปดูเถิด น้ำเสียงที่ใจร้อนของฉิงโซวดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินกลายเป็นน่าเกรงขาม สายพลังบรรพกาลพวยพุ่งขึ้นจากเม็ดพลังบรรพกาล ทำให้ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยพลัง เขาผลักดันการป้องกันของร่างกายจนถึงขีดสุด หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าอยากลงไปดูสักหน่อย เจ้าจะตามข้าลงไปด้วยก็ได้นะ

นางยังคงเงียบเช่นเดิม

เจี้ยนเฉินไม่ลังเลอีกต่อไปและกระโจนลงไปในหลุม เขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงตามความลาดชันขณะที่เขามุ่งหน้าลงไปข้างล่าง

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ตามเขามาติด ๆ หลังจากที่เขากระโดดลงมา นางตามตามหลังเจี้ยนเฉินมาอย่างติด ๆ และค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงไปที่ด้านล่าง นางไม่คุ้นชินกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ นางไม่สามารถหาทางกลับได้ด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ความลับอะไรบางอย่าง หากตามเจี้ยนเฉินไป นางอาจจะมีโอกาสที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้

ทั้งสองได้ลงมาถึงด้านล่างแล้ว ด้านล่างแคบมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงแค่ 100 เมตร ลูกบอลแสงที่เต็มไปด้วยพลังลอยอยู่ ณ ใจกลาง ลูกบอลลอยอยู่ห่างจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ลูกหนึ่งเป็นสีขาวอีกลูกเป็นสีดำ

นั่นคือ ศิลาเซียนหยินหยาง ข้าไม่เคยคิดว่าพลังหยินหยางที่นี่จะมีพลังมากซะจนสามารถสร้างศิลาเซียนหยินหยางขึ้นมาได้ จิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองปรากฏออกมาเหนือหัวเจี้ยนเฉินพร้อมกัน ทั้งคู่มองจ้องไปที่ลูกบอลทั้งสองด้วยความตกใจ

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่ศิลาเซียนหยิน-หยางและจ้องมองมันแบบไม่คลาดสายตา เจี้ยนเฉินมองไปที่ลูกบอลด้วยความสนใจชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ

อย่างไรก็ตามทันทีที่เจี้ยนเฉินเข้าใกล้ถึงระยะ 50 เมตรจากลูกบอล ก็ได้มีร่างแสงสีขาวปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ และปิดกั้นเส้นทางของเจี้ยนเฉิน

ร่างสีขาวทำให้เจี้ยนเฉินตกใจมาก เขาไม่ลังเลแต่อย่างใดที่จะใช้ทักษะมายาพริบตาและรีบถอยออกมาด้วยความเร็วแสงซึ่งทิ้งภาพพร่ามัวไว้เบื้องหลัง เขาจ้องไปที่ร่างที่ปรากฏขี้น

เพียงขณะนี้เจี้ยนเฉินจึงได้เห็นรูปร่างที่ชัดเจน เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัย 40 แต่ใบหน้าที่หนักแน่นนั้นยังคงมีความหล่อเหลาของผู้เยาว์อยู่ เขาไม่ได้ดูเหมือนผู้ชายสามัญ ดวงตาที่ไม่แยแสเหมือนใครของเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ราวกับว่าเขาเป็นผู้ปกครองของโลกดั่งพระเจ้าที่ก้มมองลงมาในสรรพชีวิต อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาดูเหมือนไม่เป็นตัวตน เขาดูเหมือนจะไม่มีตัวตน

การปรากฏตัวของชายคนนี้ แรงกดดันอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ จู่ ๆ เริ่มแผ่ซ่านสภาพแวดล้อม ในขณะนี้โลกทั้งใบดูเหมือนจะหยุดนิ่ง แม้กระทั่งเวลาก็ตาม

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จู่ ๆ รู้สึกเคลื่อนไหวไม่ได้ มันไม่ใช่แค่ร่างกายหยุดอยู่กับที่ พวกเขาสูญเสียความรู้สึกของร่างกายไปอย่างสิ้นเชิง มันรู้สึกเหมือนว่าวิญญาณและร่างกายของพวกเขาเพิ่งถูกแยกออกและแบ่งออกเป็นสอง

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทั้งคู่ประหลาดใจ เพียงแรงกดดันจากชายคนนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขาแยกออกจากร่างกาย พวกเขารู้สึกตกใจมากและหวาดกลัวกับพลังของชายประหลาดคนนี้

เซียนจักรพรรดิ !

ความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวกับคนทั้งสองในเวลาเดียวกัน เนื่องจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้ เฉพาะเซียนจักรพรรดิในตำนานเท่านั้นที่สามารถทำได้

ชายคนนั้นลอยขึ้นไป 3 เมตรในอากาศ เขาจ้องเขม็งไปที่จิตวิญญาณกระบี่เหนือศีรษะของเจี้ยนเฉินขณะที่ความประหลาดใจบางอย่างปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

จิตวิญญาณกระบี่ยังมองไปที่ชายคนนั้นด้วยเหมือนกัน พวกเขารู้สึกเคร่งเครียดมาก พวกเขาจ้องมองชายคนนั้นชั่วครู่ก่อนที่จือหยิงจะพูดว่า ท่านเป็นใครกัน? ท่านเป็นผู้ที่ก่อค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศหรือ?

เศษเสี้ยงของความแปลกใจวูบวาบผ่านดวงของชายประหลาดอีกครั้ง เขากล่าวว่า ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทั้งสองจะรู้เกี่ยวกับค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศด้วย น่าประทับใจและประทับใจมาก ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ทำไมพวกกระจอกสองคนถึงมาที่นี่ได้ ก็เพราะเจ้าทั้งสองนั่นเอง

พอเขาพูดเสร็จ ความกดดันในบริเวณโดยรอบก็หายไปทันที เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์กลับมาควบคุมร่างกายของตนเองได้ ทั้งคู่มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความตกใจและตะลึงกับพลังของเขา

จ้องมองที่ใบหน้าของชายประหลาด เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขารู้จักชายประหลาดราวกับเขาเคยพบเขาที่อื่น

ว่าแต่เจ้าเป็นใคร ? ทำไมเจ้าถึงรู้จักค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศ ? คราวนี้คนที่ถามคือฉิงโซว นางจ้องมองที่ชายคนนั้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม

ทันทีที่ฉิงโซวพูดจบ ดูเหมือนเจี้ยนเฉินจะคิดบางสิ่งบางอย่างได้ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเขาก็ร้องอุทานออกมาขณะที่เขามองชายประหลาดด้วยความตกใจ ท่านคือจอมยุทธอันดับ 1 ของมวลมนุษย์ โมเทียนหยุน ! เจี้ยนเฉินไม่คุ้นตากับรูปลักษณ์ของโมเทียนหยุน แต่เขาเคยได้เห็นรูปปั้นของท่านในเมืองทหารรับจ้างและรูปลักษณ์ของชายประหลาดก็เหมือนกับภาพรูปปั้นของโมเทียนหยุน

ด้วยเหตุนี้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จึงรู้สึกตกใจยิ่งกว่า นางมองไปที่ใบหน้าของชายประหลาด ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มก็ดังก้องไปทั่วศีรษะของนาง คนข้างหน้านางนั้นมีลักษณะเหมือนรูปปั้นขนาดใหญ่ในเมืองทหารรับจ้างจริง ๆ

โม- โมเทียนหยุน ท่านเป็นโมเทียนหยุนจริง ๆ งั้นหรือ ? หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ร้องอุทานออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ มีข่าวลือมานานแล้วว่าโมเทียนหยุนตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ตำนานได้ปรากฏตัวต่อหน้านางราวกับปาฏิหาริย์ นางพยายามที่จะเชื่อ

ชายประหลาดมองไปที่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ร่องรอยของความเศร้าโศกปรากฏบนใบหน้าของเขาและเขาถอนหายใจ “เจ้าน่าจะมาจากทวีปเทียนหยวน ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแต่ข้าก็ยังสามารถมองเห็นผู้คนจากทวีปได้ เดิมทีข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดจากทวีปสามารถมาที่นี่ได้เสียแล้ว

“ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน นั่นท่านจริงเหรอ ? เสียงของเจี้ยนเฉินโห่ร้องออกมาอย่างไม่อาจอธิบายได้ เขาเคยสงสัยมาก่อน แต่ตอนนี้เขาได้ยืนยันตัวตนของชายผู้นี้แล้ว เขาเป็นจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ โมเทียนหยุน

โมเทียนหยุนเป็นเทพผู้พิทักษ์แห่งทวีปเทียนหยวน เมื่อทวีปถูกรุกรานโดยร้อยเผ่าพันธุ์ในยุคโบราณ มันคือโมเทียนหยุนที่ปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตหลังจากมวลมนุษย์ถูกรุกรานโดยผู้เชี่ยวชาญของร้อยเผ่าพันธุ์ เขาได้ขับไล่ร้อยเผ่าพันธุ์และปกป้องเหล่าผู้คนบนทวีปเทียนหยวนได้สำเร็จ จึงเป็นเหตุผลที่ทวีปเทียนหยวนคงอยู่จนถึงทุกวันนี้

แม้ว่าเจี้ยนเฉินไม่เคยเพบเจอโมเทียนหยุนตัวจริง เขาก็ยังคงเป็นคนที่เกิดในทวีปนี้ ซื่งทำให้เขาชื่นชมและเคารพนับถือผู้กอบกู้ทวีปอย่างโมเทียนหยุนอย่างมาก ตอนนี้เขาได้เห็นตำนานแล้ว; มันย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะไม่ตื่นเต้น

สถานการณ์ระหว่างทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะเป็นยังไงบ้าง ? โมเทียนหยุนถามทั้งสอง

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินเล่าสถานการณ์ของทวีปให้ฟัง เขาไม่ได้ซ่อนอะไร พยัคฆ์ปีกเทวะที่ปรากฏตัวขี้นมาใหม่อีกครั้งหรือว่าทวีปสัตว์เทวะได้รุกราน เขาเชื่อว่าตั้งแต่โมเทียนหยุนตั้งกฎแก่ผู้คนของเมืองทหารรับจ้าง

เมืองทหารรับจ้างไม่สามารถเป็นศัตรูกับพยัคฆ์ปีกเทวะ แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำอันตรายใด ๆ กับพยัคฆ์ปีกเทวะแน่นอน

เมื่อหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะ ความตกใจก็แวบผ่านดวงตาของนาง นางเหลือบมองอย่างเย็นชาไปที่เจี้ยนเฉิน ด้วยความคิดที่ชาญฉลาดของนาง นางเดาได้ทันทีว่าเสือขาวที่นางขี่บนเกาะมังกรครั้งนั้นคือพยัคฆ์ปีกเทวะ

เมื่อได้ยินเสียงพยัคฆ์ปีกเทวะ ท่าทางของโมเทียนหยุนก็ค่อนข้างแปลกไป เขากล่าวว่า ให้ข้าดูซิ

เจียนฉินรู้ว่าโมเทียนหยุนหมายถึงพยัคฆ์ปีกเทวะ เขาไม่ลังเลที่จะยื่นเสี่ยวไป๋ในขนาดเท่าแมวจากวัตถุเซียนให้โดยทันที อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋กรนหลับในขณะนี้จากการดูดซับผลกระทบจากสมุนไพรสมบัติสวรรค์ มันไม่ได้ตื่นขึ้นมา

ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้างเคยคาดเดาว่า ถ้าพยัคฆ์ปีกเทวะตกอยู่ในมือของพวกทวีปสัตว์เทวะจะเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ผู้ปกครองของพวกมันจะเอาร่างกายของพยัคฆ์ปีกเทวะไปสังเวยที่หอคอยสัตว์เทวะเพื่อขอรับมรดก เจี้ยนเฉินกล่าว

โมเทียนหยุนถอนหายใจเบา ๆ แน่นอน เจ้าเด็กน้อยนี้จะต้องผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากเมื่อให้มันโตขึ้น ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของที่นี่เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้และป้องกันไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถออกไปได้ นอกจากนี้เวลาของข้าก็ยังเหลือไม่มากแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าสองคนได้ปลุกข้าขึ้นมาในเวลานี้ ร่องรอยของการปรากฏตัวของข้าคงจะหายไปไม่นานหลังจากนั้น พวกเจ้าคงได้แต่พึ่งพาตัวเองในอนาคตเท่านั้น ข้าไม่สามารถช่วยพวกเจ้าได้โดยตรง

ด้วยเหตุนี้เจี้ยนเฉินจึงลอบถอนหายใจออกมา เขารู้สึกหดหู่

โมเทียนหยุนมองไปยังจิตวิญญาณกระบี่ ถ้าตาของข้าไม่ฝ้าฟาง พวกเจ้าทั้งสองจะต้องเป็นสมบัตินิกายของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง ของผู้นำนิกายของมหานิกายทั้งเก้า จิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้า

คำพูดของโมเทียนหยุนทำให้จิตวิญญาณกระบี่สั่นไหว พวกเขาจ้องมองที่โมเทียนหยุนด้วยความตกใจและโห่ร้องออกมาพร้อม ๆ กันว่า ท่านเป็นใครกันแน่ ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 846 มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 846 มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 846 มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด

เจี้ยนเฉินให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงการแสดงออกของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ที่กำลังใจจดใจจ่ออย่างมาก เมื่อเห็นว่านางไม่ได้ดื้อรั้นอีก จู่ ๆ เขาก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อยและหลังจากลังเลสักพักหนึ่ง แล้วเขากล่าวว่า “หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ลองเดินไปดูข้างหน้าหน่อยหรือไม่ เผื่อเราอาจจะพบทางกลับก็ได้นะ”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์นั่งลงกับพื้นอย่างเศร้าใจ ราวกับว่านางไม่ได้ยินสิ่งที่เจี้ยนเฉินพูดเลย นางไม่ตอบโต้แต่อย่างใด

เจี้ยนเฉินถอนใจเบา ๆ และก้มหัวคิด เขาลุกขึ้นยืนจากพื้นดินและจ้องไปที่ตำแหน่งที่พลังหยิน-หยางเคยอยู่ เขากล่าวว่า ท่านไม่ต้องการหาสิ่งที่บังคับให้พวกเราต้องทำเช่นนี้หรือ ? ถ้าท่านอยากรู้ก็มากับข้าเถิด เจี้ยนเฉินไม่ได้สนใจกับนางอีก เขาหันกายไปรอบ ๆ และเดินออกไปในที่ไกล ๆ

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ค่อย ๆ แหงนหน้ามองอย่างขมขื่น นางจ้องมองที่แผ่นหลังของเจี้ยนเฉิน ซึ่งอารมณ์ของนางทั้งแปนปรวนและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ นางค่อย ๆ กัดริมฝีปากตัวเอง นางลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะค่อย ๆ ลุกตามตามเจี้ยนเฉินไปในที่สุด

ทั้งสองเดินห่างกันราว 30 เมตร ขณะที่พวกเขาเดินไปสักพัก ในที่สุดก็มาถึงหลุมลึก 1,000 เมตร นี่เป็นจุดที่มีเสาแห่งแสงขนาดใหญ่ทั้งสองตั้งอยู่เมื่อสามวันก่อน

ยืนอยู่ที่ขอบของหลุมลึก เจี้ยนเฉินไม่ได้รีบที่จะลงไป สายตาเขาจ้องมองที่จุดกึ่งกลางของมัน เขาคล้ายจะรู้สึกถึงระลอกคลื่นที่คลุมเครืออย่างมากและคลื่นนั้นก็มีพลังมากจนทำให้เขาตกใจ

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เดินมาจากข้างหลัง แม้ยังมีแผลในหัวใจของนาง แต่นางก็สงบใจลงได้ อีกทั้งใบหน้าของนางก็ถูกปิดโดยผ้าคลุมหน้าอีกครั้ง นางยืนอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉินไป 3 เมตรที่ริมหลุม ในเวลาเดียวกันนางจ้องมองลึกลงไปในหลุม แต่ลึก ๆ ลงไปในดวงตาของนางนั้นยังคงเต็มไปด้วยความเศร้า เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกคลุมเครือมาก แต่สายตาของนางก็ยังคงเข้มแข็ง

นายท่าน มันอยู่ที่นี่ นี่คือที่ ๆ พลังหยิน-หยางแผ่ออกมา เสียงของจือหยิงดังขึ้นในใจของเจี้ยนเฉิน

เราไม่สามารถแผ่จิตสัมผัสของเราได้ทั่วถึง นายท่าน ท่านควรลงไปดูเถิด น้ำเสียงที่ใจร้อนของฉิงโซวดังขึ้นในหัวของเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินกลายเป็นน่าเกรงขาม สายพลังบรรพกาลพวยพุ่งขึ้นจากเม็ดพลังบรรพกาล ทำให้ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยพลัง เขาผลักดันการป้องกันของร่างกายจนถึงขีดสุด หลังจากนั้นเขาก็หันหน้าไปหาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ข้าอยากลงไปดูสักหน่อย เจ้าจะตามข้าลงไปด้วยก็ได้นะ

นางยังคงเงียบเช่นเดิม

เจี้ยนเฉินไม่ลังเลอีกต่อไปและกระโจนลงไปในหลุม เขาค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงตามความลาดชันขณะที่เขามุ่งหน้าลงไปข้างล่าง

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ตามเขามาติด ๆ หลังจากที่เขากระโดดลงมา นางตามตามหลังเจี้ยนเฉินมาอย่างติด ๆ และค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงไปที่ด้านล่าง นางไม่คุ้นชินกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ นางไม่สามารถหาทางกลับได้ด้วยตนเอง ในขณะเดียวกันดูเหมือนว่าเจี้ยนเฉินจะรู้ความลับอะไรบางอย่าง หากตามเจี้ยนเฉินไป นางอาจจะมีโอกาสที่จะออกจากสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้

ทั้งสองได้ลงมาถึงด้านล่างแล้ว ด้านล่างแคบมาก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงแค่ 100 เมตร ลูกบอลแสงที่เต็มไปด้วยพลังลอยอยู่ ณ ใจกลาง ลูกบอลลอยอยู่ห่างจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ลูกหนึ่งเป็นสีขาวอีกลูกเป็นสีดำ

นั่นคือ ศิลาเซียนหยินหยาง ข้าไม่เคยคิดว่าพลังหยินหยางที่นี่จะมีพลังมากซะจนสามารถสร้างศิลาเซียนหยินหยางขึ้นมาได้ จิตวิญญาณกระบี่ทั้งสองปรากฏออกมาเหนือหัวเจี้ยนเฉินพร้อมกัน ทั้งคู่มองจ้องไปที่ลูกบอลทั้งสองด้วยความตกใจ

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มองไปที่ศิลาเซียนหยิน-หยางและจ้องมองมันแบบไม่คลาดสายตา เจี้ยนเฉินมองไปที่ลูกบอลด้วยความสนใจชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างช้า ๆ

อย่างไรก็ตามทันทีที่เจี้ยนเฉินเข้าใกล้ถึงระยะ 50 เมตรจากลูกบอล ก็ได้มีร่างแสงสีขาวปรากฏขึ้นอย่างเงียบ ๆ และปิดกั้นเส้นทางของเจี้ยนเฉิน

ร่างสีขาวทำให้เจี้ยนเฉินตกใจมาก เขาไม่ลังเลแต่อย่างใดที่จะใช้ทักษะมายาพริบตาและรีบถอยออกมาด้วยความเร็วแสงซึ่งทิ้งภาพพร่ามัวไว้เบื้องหลัง เขาจ้องไปที่ร่างที่ปรากฏขี้น

เพียงขณะนี้เจี้ยนเฉินจึงได้เห็นรูปร่างที่ชัดเจน เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะอยู่ในวัย 40 แต่ใบหน้าที่หนักแน่นนั้นยังคงมีความหล่อเหลาของผู้เยาว์อยู่ เขาไม่ได้ดูเหมือนผู้ชายสามัญ ดวงตาที่ไม่แยแสเหมือนใครของเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม ราวกับว่าเขาเป็นผู้ปกครองของโลกดั่งพระเจ้าที่ก้มมองลงมาในสรรพชีวิต อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาดูเหมือนไม่เป็นตัวตน เขาดูเหมือนจะไม่มีตัวตน

การปรากฏตัวของชายคนนี้ แรงกดดันอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ จู่ ๆ เริ่มแผ่ซ่านสภาพแวดล้อม ในขณะนี้โลกทั้งใบดูเหมือนจะหยุดนิ่ง แม้กระทั่งเวลาก็ตาม

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จู่ ๆ รู้สึกเคลื่อนไหวไม่ได้ มันไม่ใช่แค่ร่างกายหยุดอยู่กับที่ พวกเขาสูญเสียความรู้สึกของร่างกายไปอย่างสิ้นเชิง มันรู้สึกเหมือนว่าวิญญาณและร่างกายของพวกเขาเพิ่งถูกแยกออกและแบ่งออกเป็นสอง

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ทั้งคู่ประหลาดใจ เพียงแรงกดดันจากชายคนนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองรู้สึกว่าวิญญาณของพวกเขาแยกออกจากร่างกาย พวกเขารู้สึกตกใจมากและหวาดกลัวกับพลังของชายประหลาดคนนี้

เซียนจักรพรรดิ !

ความคิดนี้เกิดขึ้นในหัวกับคนทั้งสองในเวลาเดียวกัน เนื่องจากเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 ก็ยังไม่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ได้ เฉพาะเซียนจักรพรรดิในตำนานเท่านั้นที่สามารถทำได้

ชายคนนั้นลอยขึ้นไป 3 เมตรในอากาศ เขาจ้องเขม็งไปที่จิตวิญญาณกระบี่เหนือศีรษะของเจี้ยนเฉินขณะที่ความประหลาดใจบางอย่างปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา

จิตวิญญาณกระบี่ยังมองไปที่ชายคนนั้นด้วยเหมือนกัน พวกเขารู้สึกเคร่งเครียดมาก พวกเขาจ้องมองชายคนนั้นชั่วครู่ก่อนที่จือหยิงจะพูดว่า ท่านเป็นใครกัน? ท่านเป็นผู้ที่ก่อค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศหรือ?

เศษเสี้ยงของความแปลกใจวูบวาบผ่านดวงของชายประหลาดอีกครั้ง เขากล่าวว่า ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทั้งสองจะรู้เกี่ยวกับค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศด้วย น่าประทับใจและประทับใจมาก ดูเหมือนว่าเหตุผลที่ทำไมพวกกระจอกสองคนถึงมาที่นี่ได้ ก็เพราะเจ้าทั้งสองนั่นเอง

พอเขาพูดเสร็จ ความกดดันในบริเวณโดยรอบก็หายไปทันที เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์กลับมาควบคุมร่างกายของตนเองได้ ทั้งคู่มองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความตกใจและตะลึงกับพลังของเขา

จ้องมองที่ใบหน้าของชายประหลาด เจี้ยนเฉินรู้สึกว่าเขารู้จักชายประหลาดราวกับเขาเคยพบเขาที่อื่น

ว่าแต่เจ้าเป็นใคร ? ทำไมเจ้าถึงรู้จักค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศ ? คราวนี้คนที่ถามคือฉิงโซว นางจ้องมองที่ชายคนนั้นด้วยท่าทางเคร่งขรึม

ทันทีที่ฉิงโซวพูดจบ ดูเหมือนเจี้ยนเฉินจะคิดบางสิ่งบางอย่างได้ ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วและเขาก็ร้องอุทานออกมาขณะที่เขามองชายประหลาดด้วยความตกใจ ท่านคือจอมยุทธอันดับ 1 ของมวลมนุษย์ โมเทียนหยุน ! เจี้ยนเฉินไม่คุ้นตากับรูปลักษณ์ของโมเทียนหยุน แต่เขาเคยได้เห็นรูปปั้นของท่านในเมืองทหารรับจ้างและรูปลักษณ์ของชายประหลาดก็เหมือนกับภาพรูปปั้นของโมเทียนหยุน

ด้วยเหตุนี้หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์จึงรู้สึกตกใจยิ่งกว่า นางมองไปที่ใบหน้าของชายประหลาด ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มก็ดังก้องไปทั่วศีรษะของนาง คนข้างหน้านางนั้นมีลักษณะเหมือนรูปปั้นขนาดใหญ่ในเมืองทหารรับจ้างจริง ๆ

โม- โมเทียนหยุน ท่านเป็นโมเทียนหยุนจริง ๆ งั้นหรือ ? หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ร้องอุทานออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ มีข่าวลือมานานแล้วว่าโมเทียนหยุนตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ตำนานได้ปรากฏตัวต่อหน้านางราวกับปาฏิหาริย์ นางพยายามที่จะเชื่อ

ชายประหลาดมองไปที่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ร่องรอยของความเศร้าโศกปรากฏบนใบหน้าของเขาและเขาถอนหายใจ “เจ้าน่าจะมาจากทวีปเทียนหยวน ถึงแม้เวลาจะผ่านไปแต่ข้าก็ยังสามารถมองเห็นผู้คนจากทวีปได้ เดิมทีข้าคิดว่าไม่มีผู้ใดจากทวีปสามารถมาที่นี่ได้เสียแล้ว

“ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน นั่นท่านจริงเหรอ ? เสียงของเจี้ยนเฉินโห่ร้องออกมาอย่างไม่อาจอธิบายได้ เขาเคยสงสัยมาก่อน แต่ตอนนี้เขาได้ยืนยันตัวตนของชายผู้นี้แล้ว เขาเป็นจอมยุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษย์ โมเทียนหยุน

โมเทียนหยุนเป็นเทพผู้พิทักษ์แห่งทวีปเทียนหยวน เมื่อทวีปถูกรุกรานโดยร้อยเผ่าพันธุ์ในยุคโบราณ มันคือโมเทียนหยุนที่ปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตหลังจากมวลมนุษย์ถูกรุกรานโดยผู้เชี่ยวชาญของร้อยเผ่าพันธุ์ เขาได้ขับไล่ร้อยเผ่าพันธุ์และปกป้องเหล่าผู้คนบนทวีปเทียนหยวนได้สำเร็จ จึงเป็นเหตุผลที่ทวีปเทียนหยวนคงอยู่จนถึงทุกวันนี้

แม้ว่าเจี้ยนเฉินไม่เคยเพบเจอโมเทียนหยุนตัวจริง เขาก็ยังคงเป็นคนที่เกิดในทวีปนี้ ซื่งทำให้เขาชื่นชมและเคารพนับถือผู้กอบกู้ทวีปอย่างโมเทียนหยุนอย่างมาก ตอนนี้เขาได้เห็นตำนานแล้ว; มันย่อมเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะไม่ตื่นเต้น

สถานการณ์ระหว่างทวีปเทียนหยวนและทวีปสัตว์เทวะเป็นยังไงบ้าง ? โมเทียนหยุนถามทั้งสอง

หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินเล่าสถานการณ์ของทวีปให้ฟัง เขาไม่ได้ซ่อนอะไร พยัคฆ์ปีกเทวะที่ปรากฏตัวขี้นมาใหม่อีกครั้งหรือว่าทวีปสัตว์เทวะได้รุกราน เขาเชื่อว่าตั้งแต่โมเทียนหยุนตั้งกฎแก่ผู้คนของเมืองทหารรับจ้าง

เมืองทหารรับจ้างไม่สามารถเป็นศัตรูกับพยัคฆ์ปีกเทวะ แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำอันตรายใด ๆ กับพยัคฆ์ปีกเทวะแน่นอน

เมื่อหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะ ความตกใจก็แวบผ่านดวงตาของนาง นางเหลือบมองอย่างเย็นชาไปที่เจี้ยนเฉิน ด้วยความคิดที่ชาญฉลาดของนาง นางเดาได้ทันทีว่าเสือขาวที่นางขี่บนเกาะมังกรครั้งนั้นคือพยัคฆ์ปีกเทวะ

เมื่อได้ยินเสียงพยัคฆ์ปีกเทวะ ท่าทางของโมเทียนหยุนก็ค่อนข้างแปลกไป เขากล่าวว่า ให้ข้าดูซิ

เจียนฉินรู้ว่าโมเทียนหยุนหมายถึงพยัคฆ์ปีกเทวะ เขาไม่ลังเลที่จะยื่นเสี่ยวไป๋ในขนาดเท่าแมวจากวัตถุเซียนให้โดยทันที อย่างไรก็ตาม เสี่ยวไป๋กรนหลับในขณะนี้จากการดูดซับผลกระทบจากสมุนไพรสมบัติสวรรค์ มันไม่ได้ตื่นขึ้นมา

ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งเมืองทหารรับจ้างเคยคาดเดาว่า ถ้าพยัคฆ์ปีกเทวะตกอยู่ในมือของพวกทวีปสัตว์เทวะจะเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ผู้ปกครองของพวกมันจะเอาร่างกายของพยัคฆ์ปีกเทวะไปสังเวยที่หอคอยสัตว์เทวะเพื่อขอรับมรดก เจี้ยนเฉินกล่าว

โมเทียนหยุนถอนหายใจเบา ๆ แน่นอน เจ้าเด็กน้อยนี้จะต้องผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากเมื่อให้มันโตขึ้น ตอนนี้ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของที่นี่เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้และป้องกันไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถออกไปได้ นอกจากนี้เวลาของข้าก็ยังเหลือไม่มากแล้ว ในเมื่อพวกเจ้าสองคนได้ปลุกข้าขึ้นมาในเวลานี้ ร่องรอยของการปรากฏตัวของข้าคงจะหายไปไม่นานหลังจากนั้น พวกเจ้าคงได้แต่พึ่งพาตัวเองในอนาคตเท่านั้น ข้าไม่สามารถช่วยพวกเจ้าได้โดยตรง

ด้วยเหตุนี้เจี้ยนเฉินจึงลอบถอนหายใจออกมา เขารู้สึกหดหู่

โมเทียนหยุนมองไปยังจิตวิญญาณกระบี่ ถ้าตาของข้าไม่ฝ้าฟาง พวกเจ้าทั้งสองจะต้องเป็นสมบัตินิกายของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง ของผู้นำนิกายของมหานิกายทั้งเก้า จิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้า

คำพูดของโมเทียนหยุนทำให้จิตวิญญาณกระบี่สั่นไหว พวกเขาจ้องมองที่โมเทียนหยุนด้วยความตกใจและโห่ร้องออกมาพร้อม ๆ กันว่า ท่านเป็นใครกันแน่ ?

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+