Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 847 โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 847 โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 847 โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

สีหน้าของโมเทียนหยุนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “การต่อสู้ในปีนั้นเป็นการทำลายล้าง สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบล้วนถูกทำลาย แม้แต่กระบี่ม่วงฟ้าที่เป็นสมบัตินิกายของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง ผู้นำนิกายของนิกายที่ยิ่งใหญ่ทั้งเก้าต่างก็ถูกทำลายเนื่องจากล้มเหลวในการหลอมกระบี่ กระบี่จึงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และจิตวิญญาณกระบี่ก็ได้สูญหายไป ข้าไม่เคยคิดว่า ข้าจะพบจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าที่นี่วันนี้ ช่างนึกไม่ถึงทีเดียว”

“จิตวิญญาณกระบี่ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องถามข้าว่าข้าเป็นใคร ข้าอาจรู้เรื่องบ้างจากยุคนั้นแต่ข้าหาได้เกิดในยุคนั้น ดังนั้นต่อให้ข้าบอกว่าข้าเป็นใคร บางทีพวกเจ้าอาจไม่รู้”

“เจ้าเป็นคนของโลกนั้น ? “จือหยิงถามเสียงต่ำ

ความทรงจำต่าง ๆ ถูกย้อนกลับมาในสายตาของโมเทียนหยุน ก่อนที่เขาจะทอดสายตามองไปในท้องฟ้า สีหน้าเขากลายเป็นผสมผสานหลากหลาย มีทั้งความรำพึงและความเคียดแค้น พร้อมความโศกเศร้าเล็ก ๆ ที่ซึ่งสุดจะพรรณนาคละเคล้ากัน

“ไม่ว่าอย่างไร ทุกอย่างในอดีต ไม่ควรค่าการกล่าวถึง” โมเทียนหยุนกล่าวเสียงเบา ท่าทางเขาเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นจริงจังอีกครั้ง เขากล่าวกับจิตวิญญาณกระบี่ว่า “ตำนานกล่าวไว้ว่ากระบี่ม่วงฟ้าเกิดจากเศษเสี้ยวพลังงานจากพลังหยิน-หยาง ก่อนที่จะถูกครอบครองโดยผู้นำนิกายรุ่นที่ 2 ของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง ต่อมาเขาได้เก็บรวบรวมวัสดุคุณภาพสูงต่าง ๆ ในโลกด้วยความสามารถผิดธรรมดาของเขาและตีพวกมันออกมาเป็นกระบี่ นั่นถูกต้องหรือไม่ ? “

“ถูกต้อง ทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง” จือหยิงกล่าว

โมเทียนหยุนได้พูดต่อว่า “นับแต่พวกเจ้าทั้งสองเกิดจากพลังหยิน-หยาง พวกเจ้าย่อมคุ้นเคยกับวัตถุด้านหลังข้าสินะ”

จือหยิงและฉิงโซวมองไปยังศิลาหยิน-หยางด้านหลังโมเทียนหยุนพร้อมกันในเวลาเดียว จือหยิงกล่าวว่า”สิ่งนี้คือศิลาหยิน-หยางที่ถูกควบแน่นจากพลังหยิน-หยาง เจ้าได้มันมาเช่นไร ? “

ภาพแห่งห้วงคำนึงเต็มอยู่ในดวงตาโมเทียนหยุน “ศิลาหยิน-หยางนี้บินมาจากนอกมิติและตกลงบนเกาะ โชคดีที่ความทรงจำข้ามีการบันทึกเกี่ยวกับของชิ้นนี้ ในตอนนั้น ข้าไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่่ยวกับมันโดยไม่รู้ หลังจากที่ข้าระบุได้ว่ามันคืออะไร ข้าจึงกังวลว่าพลังหยิน-หยางที่ซ่อนไว้ภายในจะระเบิดออกมาและชักนำยิ่งกว่าภัยพิบัติ เป็นผลให้ข้าติดตั้งค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศในหลุม แล้วเชื่อมต่อมันไปสู่นอกมิติด้วยค่ายกลและสร้างสะพานที่นำไปสู่ดวงดาว ผ่านสะพาน ข้าได้ย้ายศิลาหยิน-หยางไปสู่นอกมิติด้วยการระมัดระวังสูงสุด ให้ห่างไกลจากเกาะมังกร”

“มิตินี้เป็นดินแดนที่ข้าเก็บรักษาศิลาหยิน-หยางไว้ หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ศิลาจะรั่วไหลออกมาในบางครั้งเป็นพลังหยิน-หยาง แล้วปรับเปลี่ยนกฎของโลกและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในที่นี้ ดินแดนเดิมของนอกมิติกลับกลายเป็นพื้นที่อิสระของตนเองที่ไม่ขึ้นกับใคร ซึ่งเป็นอย่างที่พวกเจ้าเห็นอยู่ในตอนนี้”

คำพูดของโมเทียนหยุนดั่งพลังจิตที่ทรงพลังกระแทกใส่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ดูเหมือนเรื่องโกหกต่อพวกเขา นั่นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะจินตนาการได้ จอมยุทธมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โมเทียนหยุน แท้จริงแล้วครอบครองพลังที่สามารถสร้างสะพานเดินทางสู่ดวงดาวผ่านค่ายกลในมิติ ความสามารถของเขายิ่งใหญ่เกินจะหยั่งถึง ยิ่งใหญ่จนเหลือเชื่อ

ทุกคนมองไปรอบพื้นที่มิติที่กว้างใหญ่โดยไม่ตั้งใจ พวกเขาพยายามจะจินตนาการว่าพื้นที่มิตินี้แท้จริงแล้วเป็นถูกสร้างจากศิลาหยิน-หยาง

โมเทียนหยุนกลายเป็นไร้ตัวตนยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า “แกนหลักของจิตมุ่งร้ายนี้อยู่ภายในศิลา ในตอนนี้ ศิลายังคงกำลังเพิ่งเติบโต มันยังคงอยู่ในช่วงอ่อนแอเหมือนทารกอยู่ ดังนั้นมันจึงสามารถได้รับผลกระทบโดยจิตมารได้โดยง่าย ตอนที่ข้าเอาศิลาเข้าสู่หมู่ดาวในปีนั้น ข้าต้องการจะเสียสละตัวเองเพื่อทำลายมันให้หมดสิ้นไป ก่อนที่มันจะเติบโตขึ้นโดยเต็มที่ อย่างไรก็ตามผลพวงจากการระเบิดของพลังหยิน-หยางคงจะมากมายเกินไป ดังนั้นหลังจากคิดถี่ถ้วน ข้าจึงไม่ดำเนินการกับมัน ข้าปล่อยให้แกนหลักของจิตมุ่งร้ายปกป้องพื้นที่นี้เแทน และหวังว่าศิลาหยิน-หยางจะสามารถกำจัดจิตมารได้ ถ้าศิลาปราชัยต่อจิตมาร ถึงตอนนั้นข้าจะใช้ตัวตนนี้ทำลายเพื่อปรับสมดุลของหยิน-หยางภายในศิลาโดยไม่รั้งกลับแต่อย่างใด และทำให้มันระเบิดขึ้นเสีย”

“หลายปีที่ผันผ่าน ไม่ว่าข้าจะคิดยังไง ข้าไม่เคยคาดหวังว่าจะพบกับจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าที่เกิดจากพลังหยิน-หยางแม้แต่น้อย นับแต่พวกเจ้าอยู่ที่นี่ตอนนี้ พวกเจ้าย่อมมีหนทางที่ดีกว่าในการจัดการกับศิลาหยิน-หยางอยู่แล้ว ข้าสามารถวางใจได้แล้วในตอนนี้”

“ตัวตนของข้าสามารถปรากฏได้เพียงอีกครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว ข้าจะปล่อยศิลาให้พวกเจ้าวิญญาณทั้งสองจัดการ” โมเทียนหยุนค่อย ๆ จางลง ๆ ตัวตนของเขาคงอยู่มานานเกินไป ก่อนหน้านี้มันมักจะดำรงอยู่เฉย ๆ มันไม่สามารถดำรงอยู่ได้นานอยู่แล้วนับตั้งแต่ต้น และตอนนี้ที่มันได้ปรากฏ มันได้ใช้พลังของมันจำนวนมาก ทำให้การเร่งเวลาสลายตัวของมันเร็วขึ้น

ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน จิตวิญญาณม่านพลังของเมืองทหารรับจ้างคิดถึงท่านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ชิ้นส่วนขนสัตว์พวกนี้ก็ยังไม่ทราบต้นกำเนิดของพวกมันเลย ? สุดท้ายเราจะต้องออกจากที่นี่ได้อย่างไรหรือ ? เจี้ยนเฉินดึงชิ้นส่วนขนสัตว์ที่ลึกลับออกจากวงแหวนมิติของเขาและถามคำถามหลายข้อติดต่อกัน

โมเทียนหยุนจ้องมองขนสัตว์ในมือของเจี้ยนเฉินอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า มีทั้งหมด 8 ชิ้น ในตอนที่เจ้าเก็บรวบรวมทั้งหมดได้ เจ้าสามารถรวมพวกมันโดยใช้พลังจิตวิญญาณ ในเวลานั้นเจ้าจะเข้าใจความลับที่ซ่อนอยู่เอง อย่างไรก็ตาม มีเพียงวิญญาณในระดับเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถรวมพวกมันเป็นหนึ่งเดียวกันได้

สำหรับเสี่ยวหลิง มีอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในตอนที่ข้าใช้ความสามารถเพื่อทำให้นางมีจิตสำนึกและสติปัญญา ทำให้จิตวิญญาณของนางไม่สมบูรณ์ ต่อมานางในที่สุดก็ปลอดภัยโดยสมบูรณ์และไม่เป็นอันตรายอีก แต่ก็ทำให้นางไม่สามารถฟื้นคืนได้ จิตใจของนางจะยังคงเดิมเหมือนเด็กอายุ 5 หรือ 6 ขวบ นางจะไม่มีวันเติบโตได้อีก ไม่ว่านางจะผ่านพ้นเวลาไปเนิ่นนานเท่าไหร่ นางจะไม่มีวันเติบโตขึ้น

เสี่ยวหลิงเป็นเด็กนิรันดร์ที่จะไม่โตขึ้น ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถปฏิบัติต่อนางอย่างดีในอนาคต เมื่อก่อนนั้นข้าได้ให้วิธีการบ่มเพาะกับนางในตอนข้าจากไป ถ้านางพยายามอย่างหนักในการบ่มเพาะนางจะฟื้นอิสรภาพของนางหลังจากหมดหน้าที่

ในเมื่อจิตวิญญาณกระบี่ติดตามตามเจ้าด้วยความเต็มใจ ความสำเร็จในอนาคตของเจ้าจะไม่ธรรมดาเลย ข้าสามารถรู้สึกถึงพลังบรรพกาลภายในตัวเจ้า แม้ว่าจะยังอ่อนแอและไม่นับว่าดี หากเจ้าฝึกฝนอย่างหนัก เจ้าจะได้รับร่างบรรพกาลที่แท้จริงในอนาคต และเนื่องจากเป็นเช่นนั้น ข้าสามารถเปิดเผยความลับบางอย่างเกี่ยวกับทวีปเทียนหยวนแก่เจ้าได้

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรและตั้งใจฟังคำพูดของโมเทียนหยุนอย่างเงียบ ๆ จากสิ่งที่เขาพูดนั้น ทั้งสองได้รู้ความลับที่ครบถ้วนมากมาย ความลับเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏอยู่ในบันทึกของเมืองทหารรับจ้างหรือสิบตระกูลผู้พิทักษ์

โมเทียนหยุนกล่าวต่อว่า มีรอยแตกมิติที่ไม่มีใครรู้แอบซ่อนอยู่ใต้ทวีปเทียนหยวน รอยแตกนี้เชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นและคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นล้วนแล้วแต่ทรงพลังมาก พวกเขาเรียกตัวเองว่าเผ่าพันธุ์เซียนที่ถูกทอดทิ้ง ในขณะที่โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

เมื่อครั้งแรกที่ข้าได้พบโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ข้าเดินทางเข้าไปในส่วนลึกเพื่อดูโดยตัวเอง ต่อมาตัวตนที่แท้จริงของข้าถูกค้นพบโดยผู้เชี่ยวชาญในโลกนั้น เราเริ่มต่อสู้กัน มันเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ ข้าไม่ต้องการที่จะฆ่า ดังนั้นข้าจึงได้รับบาดเจ็บหนักโดยไม่สละชีวิตของพวกเขา อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานผู้เชี่ยวชาญจากโลกนั้นก็ได้ค้นพบทวีปเทียนหยวนผ่านรอยแตก พวกเขาเริ่มเรียกรวมคนอื่นเพื่อวางแผนที่จะรุกรานทวีปเทียนหยวน

โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนั้นทรงพลังมาก ในตอนนั้นต่อให้ทวีปเทียนหยวน,ทวีปสัตว์เทวะและร้อยเผ่าพันธุ์ร่วมมือกัน แต่ทว่าก็ยังไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้ เป็นผลให้ข้าเข้าไปในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งด้วยตัวเองเพื่อต่อสู้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่นั่นอีกครั้ง ในการสู้รบครั้งนั้น ข้าได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทั้งหมดของโลกนั่น ซึ่งทำให้กองกำลังของพวกเขาอ่อนแอลง หลังจากนั้นข้าก็ปิดผนึกรอยแตกมิติไว้ ก่อนที่ข้าจะออกไป ข้าใช้พลังงานของโลกเพื่อสร้างเมืองทหารรับจ้างไว้เพื่อกดทับและปิดผนึกรอบแตก ก่อนที่จะได้พบจิตวิญญาณปฐพีโดยบังเอิญ ข้าได้ให้จิตสำนึกและสติปัญหากับนางและมอบหมายให้นางปกป้องเหมืองทหารรับจ้าง

อาวุโส จิตวิญญาณนั่นเป็นจิตวิญญาณม่านพลังเสี่ยวหลิงหรือ ? เจี้ยนเฉินถาม

ใช่ หลายคนเชื่อว่าเซียวหลิงมีอยู่เพื่อเป็นม่านพลังคอยปกป้องสิ่งที่ข้าทิ้งไว้เมื่อหลายปีก่อน ความจริงแล้วไม่ใช่ เสี่ยวหลิงไม่ได้เป็นม่านพลังอย่างที่หลายคนกล่าว แต่เป็นบุตรีพลังงานของโลกที่เกิดจากแกนพลังของโลก นางสามารถควบคุมม่านพลังที่ข้าทิ้งไว้ได้เมื่อหลายปีก่อน โมเทียนหยุนกล่าว

ดูเหมือนประทับตราที่เสี่ยวหลิงเคยกล่าวไว้ครั้งก่อนคือตราประทับทางเข้าของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เจี้ยนเฉินคิด หลายคำถามในใจของเขาได้รับการแก้ไขด้วยสิ่งที่โมเทียนหยุนกล่าว

ในตอนนั้นตราประทับที่ข้าทิ้งให้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนั้นมีความแข็งแกร่งมาก แต่ก็จะมีช่วงเวลาที่พลังงานของมันหมดไป และเมื่อหลายปีผันผ่าน ข้าสงสัยว่าโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งจะฟื้นพลังของหรือยัง? บางทีผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดของที่นั่น ในตอนนี้คงสามารถโจมตีตราประทับของข้าได้แล้ว การโจมตีมีแต่จะทำให้มันสึกหรอเร็วขึ้น ในอนาคตหากตราประทับพังทลาย ถึงตอนนั้นเจ้าคงเพียงสามารถหลบหนีการรุกรานของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนี้ได้เท่านั้น โมเทียนหยุนกล่าว

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และค่อย ๆ สงบลง นางมองไปที่โมเทียนหยุนอย่างสุภาพ ผู้อาวุโสโมเทียนหยุนที่เคารพ ข้าสงสัยว่าโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งครอบครองความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหนกัน? เมื่อเทียบกับทวีปเทียนหยวนของเราแล้ว พวกเขามีพลังมากแค่ไหน ?

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ โมเทียนหยุนกล่าวว่า ข้าน่าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องให้มากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้เจ้ามีความเข้าใจที่ไม่ผิดพลาดเกี่ยวกับพวกเขา และเจ้าจะได้เตรียมตัวได้ถูกในอนาคต” โมเทียนหยุนหยุดชั่วครู ก่อนที่จะพูดต่อ เมื่อตอนแรกที่ข้าได้บุกเข้าไปในโลกนั้น เพียงจำนวนผู้ที่บรรลุเซียนจักรพรรดิก็มีมากกว่า 20 คน นอกจากนี้ยังมีอีก 3 คนที่มีระดับที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น

สิ่งที่โมเทียนหยุนกล่าวนับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจ มันทำให้เกิดความประหลาดใจทันทีทั้งเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ซึ่งเพิ่มระลอกคลื่นของความรู้สึกในหัวใจของพวกเขามากขึ้น พวกเขาพยายามที่จะสงบใจลงแม้ว่าหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน

เพียงจำนวนเซียนจักรพรรดิก็มากกว่า 20 คน เมื่อพวกเขาได้ยินตัวเลขดังกล่าว เป็นเหมือนพายุฝนฟ้าคะนองที่หมุนปั่นผ่านศีรษะของพวกเขาและหยุดความคิดของพวกเขา

นอกเหนือจากเซียนจักรพรรดิที่มากกว่า 20 คน ยังมีอีก 3 คนที่มีระดับที่ยิ่งใหญ่กว่า คงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยู่เหนือระดับเหนือเซียนจักรพรรดิหรือ ? ทั้งเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พยายามที่จะยอมรับเรื่องนี้

พวกเขาเคยคิดว่าเซียนจักรพรรดิจะเป็นเหล่าคนที่มีพลังอำนาจมากที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดว่ามีสิ่งชีวิตใดจะพลังมากยิ่งไปกว่านั้น

นอกจากนี้ความสามารถของโมเทียนหยุนก็ยิ่งเกินความเข้าใจของผู้คนจากทวีปเทียนหยวน ลุยเดี่ยวเข้าไปในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งด้วยตัวเองและฆ่าล้างบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งรวมถึงผู้บรรลุเซียนจักรพรรดิ 20 คนและทั้งสามผู้ที่มีระดับยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยกระดับความเข้าใจใหม่จากผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ

ความแข็งแกร่งของโมเทียนหยุนที่เพิ่งได้ค้นพบทะลุความเข้าใจของทั้งทวีปเทียนหยวน มันถึงระดับที่ไม่สามารถมองเห็นได้

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 847 โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 847 โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 847 โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

สีหน้าของโมเทียนหยุนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า “การต่อสู้ในปีนั้นเป็นการทำลายล้าง สมบัติศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบล้วนถูกทำลาย แม้แต่กระบี่ม่วงฟ้าที่เป็นสมบัตินิกายของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง ผู้นำนิกายของนิกายที่ยิ่งใหญ่ทั้งเก้าต่างก็ถูกทำลายเนื่องจากล้มเหลวในการหลอมกระบี่ กระบี่จึงแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และจิตวิญญาณกระบี่ก็ได้สูญหายไป ข้าไม่เคยคิดว่า ข้าจะพบจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าที่นี่วันนี้ ช่างนึกไม่ถึงทีเดียว”

“จิตวิญญาณกระบี่ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องถามข้าว่าข้าเป็นใคร ข้าอาจรู้เรื่องบ้างจากยุคนั้นแต่ข้าหาได้เกิดในยุคนั้น ดังนั้นต่อให้ข้าบอกว่าข้าเป็นใคร บางทีพวกเจ้าอาจไม่รู้”

“เจ้าเป็นคนของโลกนั้น ? “จือหยิงถามเสียงต่ำ

ความทรงจำต่าง ๆ ถูกย้อนกลับมาในสายตาของโมเทียนหยุน ก่อนที่เขาจะทอดสายตามองไปในท้องฟ้า สีหน้าเขากลายเป็นผสมผสานหลากหลาย มีทั้งความรำพึงและความเคียดแค้น พร้อมความโศกเศร้าเล็ก ๆ ที่ซึ่งสุดจะพรรณนาคละเคล้ากัน

“ไม่ว่าอย่างไร ทุกอย่างในอดีต ไม่ควรค่าการกล่าวถึง” โมเทียนหยุนกล่าวเสียงเบา ท่าทางเขาเต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวแต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นจริงจังอีกครั้ง เขากล่าวกับจิตวิญญาณกระบี่ว่า “ตำนานกล่าวไว้ว่ากระบี่ม่วงฟ้าเกิดจากเศษเสี้ยวพลังงานจากพลังหยิน-หยาง ก่อนที่จะถูกครอบครองโดยผู้นำนิกายรุ่นที่ 2 ของนิกายกระบี่สวรรค์ม่วง ต่อมาเขาได้เก็บรวบรวมวัสดุคุณภาพสูงต่าง ๆ ในโลกด้วยความสามารถผิดธรรมดาของเขาและตีพวกมันออกมาเป็นกระบี่ นั่นถูกต้องหรือไม่ ? “

“ถูกต้อง ทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง” จือหยิงกล่าว

โมเทียนหยุนได้พูดต่อว่า “นับแต่พวกเจ้าทั้งสองเกิดจากพลังหยิน-หยาง พวกเจ้าย่อมคุ้นเคยกับวัตถุด้านหลังข้าสินะ”

จือหยิงและฉิงโซวมองไปยังศิลาหยิน-หยางด้านหลังโมเทียนหยุนพร้อมกันในเวลาเดียว จือหยิงกล่าวว่า”สิ่งนี้คือศิลาหยิน-หยางที่ถูกควบแน่นจากพลังหยิน-หยาง เจ้าได้มันมาเช่นไร ? “

ภาพแห่งห้วงคำนึงเต็มอยู่ในดวงตาโมเทียนหยุน “ศิลาหยิน-หยางนี้บินมาจากนอกมิติและตกลงบนเกาะ โชคดีที่ความทรงจำข้ามีการบันทึกเกี่ยวกับของชิ้นนี้ ในตอนนั้น ข้าไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่่ยวกับมันโดยไม่รู้ หลังจากที่ข้าระบุได้ว่ามันคืออะไร ข้าจึงกังวลว่าพลังหยิน-หยางที่ซ่อนไว้ภายในจะระเบิดออกมาและชักนำยิ่งกว่าภัยพิบัติ เป็นผลให้ข้าติดตั้งค่ายกลหยิน-หยางแปดทิศในหลุม แล้วเชื่อมต่อมันไปสู่นอกมิติด้วยค่ายกลและสร้างสะพานที่นำไปสู่ดวงดาว ผ่านสะพาน ข้าได้ย้ายศิลาหยิน-หยางไปสู่นอกมิติด้วยการระมัดระวังสูงสุด ให้ห่างไกลจากเกาะมังกร”

“มิตินี้เป็นดินแดนที่ข้าเก็บรักษาศิลาหยิน-หยางไว้ หลังจากหลายปีที่ผ่านมา ศิลาจะรั่วไหลออกมาในบางครั้งเป็นพลังหยิน-หยาง แล้วปรับเปลี่ยนกฎของโลกและเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ในที่นี้ ดินแดนเดิมของนอกมิติกลับกลายเป็นพื้นที่อิสระของตนเองที่ไม่ขึ้นกับใคร ซึ่งเป็นอย่างที่พวกเจ้าเห็นอยู่ในตอนนี้”

คำพูดของโมเทียนหยุนดั่งพลังจิตที่ทรงพลังกระแทกใส่เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ดูเหมือนเรื่องโกหกต่อพวกเขา นั่นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะจินตนาการได้ จอมยุทธมนุษย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โมเทียนหยุน แท้จริงแล้วครอบครองพลังที่สามารถสร้างสะพานเดินทางสู่ดวงดาวผ่านค่ายกลในมิติ ความสามารถของเขายิ่งใหญ่เกินจะหยั่งถึง ยิ่งใหญ่จนเหลือเชื่อ

ทุกคนมองไปรอบพื้นที่มิติที่กว้างใหญ่โดยไม่ตั้งใจ พวกเขาพยายามจะจินตนาการว่าพื้นที่มิตินี้แท้จริงแล้วเป็นถูกสร้างจากศิลาหยิน-หยาง

โมเทียนหยุนกลายเป็นไร้ตัวตนยิ่งขึ้น เขากล่าวว่า “แกนหลักของจิตมุ่งร้ายนี้อยู่ภายในศิลา ในตอนนี้ ศิลายังคงกำลังเพิ่งเติบโต มันยังคงอยู่ในช่วงอ่อนแอเหมือนทารกอยู่ ดังนั้นมันจึงสามารถได้รับผลกระทบโดยจิตมารได้โดยง่าย ตอนที่ข้าเอาศิลาเข้าสู่หมู่ดาวในปีนั้น ข้าต้องการจะเสียสละตัวเองเพื่อทำลายมันให้หมดสิ้นไป ก่อนที่มันจะเติบโตขึ้นโดยเต็มที่ อย่างไรก็ตามผลพวงจากการระเบิดของพลังหยิน-หยางคงจะมากมายเกินไป ดังนั้นหลังจากคิดถี่ถ้วน ข้าจึงไม่ดำเนินการกับมัน ข้าปล่อยให้แกนหลักของจิตมุ่งร้ายปกป้องพื้นที่นี้เแทน และหวังว่าศิลาหยิน-หยางจะสามารถกำจัดจิตมารได้ ถ้าศิลาปราชัยต่อจิตมาร ถึงตอนนั้นข้าจะใช้ตัวตนนี้ทำลายเพื่อปรับสมดุลของหยิน-หยางภายในศิลาโดยไม่รั้งกลับแต่อย่างใด และทำให้มันระเบิดขึ้นเสีย”

“หลายปีที่ผันผ่าน ไม่ว่าข้าจะคิดยังไง ข้าไม่เคยคาดหวังว่าจะพบกับจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าที่เกิดจากพลังหยิน-หยางแม้แต่น้อย นับแต่พวกเจ้าอยู่ที่นี่ตอนนี้ พวกเจ้าย่อมมีหนทางที่ดีกว่าในการจัดการกับศิลาหยิน-หยางอยู่แล้ว ข้าสามารถวางใจได้แล้วในตอนนี้”

“ตัวตนของข้าสามารถปรากฏได้เพียงอีกครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีเวลาเหลือมากแล้ว ข้าจะปล่อยศิลาให้พวกเจ้าวิญญาณทั้งสองจัดการ” โมเทียนหยุนค่อย ๆ จางลง ๆ ตัวตนของเขาคงอยู่มานานเกินไป ก่อนหน้านี้มันมักจะดำรงอยู่เฉย ๆ มันไม่สามารถดำรงอยู่ได้นานอยู่แล้วนับตั้งแต่ต้น และตอนนี้ที่มันได้ปรากฏ มันได้ใช้พลังของมันจำนวนมาก ทำให้การเร่งเวลาสลายตัวของมันเร็วขึ้น

ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน จิตวิญญาณม่านพลังของเมืองทหารรับจ้างคิดถึงท่านเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ชิ้นส่วนขนสัตว์พวกนี้ก็ยังไม่ทราบต้นกำเนิดของพวกมันเลย ? สุดท้ายเราจะต้องออกจากที่นี่ได้อย่างไรหรือ ? เจี้ยนเฉินดึงชิ้นส่วนขนสัตว์ที่ลึกลับออกจากวงแหวนมิติของเขาและถามคำถามหลายข้อติดต่อกัน

โมเทียนหยุนจ้องมองขนสัตว์ในมือของเจี้ยนเฉินอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า มีทั้งหมด 8 ชิ้น ในตอนที่เจ้าเก็บรวบรวมทั้งหมดได้ เจ้าสามารถรวมพวกมันโดยใช้พลังจิตวิญญาณ ในเวลานั้นเจ้าจะเข้าใจความลับที่ซ่อนอยู่เอง อย่างไรก็ตาม มีเพียงวิญญาณในระดับเซียนจักรพรรดิเท่านั้นที่สามารถรวมพวกมันเป็นหนึ่งเดียวกันได้

สำหรับเสี่ยวหลิง มีอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในตอนที่ข้าใช้ความสามารถเพื่อทำให้นางมีจิตสำนึกและสติปัญญา ทำให้จิตวิญญาณของนางไม่สมบูรณ์ ต่อมานางในที่สุดก็ปลอดภัยโดยสมบูรณ์และไม่เป็นอันตรายอีก แต่ก็ทำให้นางไม่สามารถฟื้นคืนได้ จิตใจของนางจะยังคงเดิมเหมือนเด็กอายุ 5 หรือ 6 ขวบ นางจะไม่มีวันเติบโตได้อีก ไม่ว่านางจะผ่านพ้นเวลาไปเนิ่นนานเท่าไหร่ นางจะไม่มีวันเติบโตขึ้น

เสี่ยวหลิงเป็นเด็กนิรันดร์ที่จะไม่โตขึ้น ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถปฏิบัติต่อนางอย่างดีในอนาคต เมื่อก่อนนั้นข้าได้ให้วิธีการบ่มเพาะกับนางในตอนข้าจากไป ถ้านางพยายามอย่างหนักในการบ่มเพาะนางจะฟื้นอิสรภาพของนางหลังจากหมดหน้าที่

ในเมื่อจิตวิญญาณกระบี่ติดตามตามเจ้าด้วยความเต็มใจ ความสำเร็จในอนาคตของเจ้าจะไม่ธรรมดาเลย ข้าสามารถรู้สึกถึงพลังบรรพกาลภายในตัวเจ้า แม้ว่าจะยังอ่อนแอและไม่นับว่าดี หากเจ้าฝึกฝนอย่างหนัก เจ้าจะได้รับร่างบรรพกาลที่แท้จริงในอนาคต และเนื่องจากเป็นเช่นนั้น ข้าสามารถเปิดเผยความลับบางอย่างเกี่ยวกับทวีปเทียนหยวนแก่เจ้าได้

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรและตั้งใจฟังคำพูดของโมเทียนหยุนอย่างเงียบ ๆ จากสิ่งที่เขาพูดนั้น ทั้งสองได้รู้ความลับที่ครบถ้วนมากมาย ความลับเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏอยู่ในบันทึกของเมืองทหารรับจ้างหรือสิบตระกูลผู้พิทักษ์

โมเทียนหยุนกล่าวต่อว่า มีรอยแตกมิติที่ไม่มีใครรู้แอบซ่อนอยู่ใต้ทวีปเทียนหยวน รอยแตกนี้เชื่อมต่อกับพื้นที่อื่นและคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นล้วนแล้วแต่ทรงพลังมาก พวกเขาเรียกตัวเองว่าเผ่าพันธุ์เซียนที่ถูกทอดทิ้ง ในขณะที่โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่ถูกเรียกว่าโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

เมื่อครั้งแรกที่ข้าได้พบโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง ข้าเดินทางเข้าไปในส่วนลึกเพื่อดูโดยตัวเอง ต่อมาตัวตนที่แท้จริงของข้าถูกค้นพบโดยผู้เชี่ยวชาญในโลกนั้น เราเริ่มต่อสู้กัน มันเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ ข้าไม่ต้องการที่จะฆ่า ดังนั้นข้าจึงได้รับบาดเจ็บหนักโดยไม่สละชีวิตของพวกเขา อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานผู้เชี่ยวชาญจากโลกนั้นก็ได้ค้นพบทวีปเทียนหยวนผ่านรอยแตก พวกเขาเริ่มเรียกรวมคนอื่นเพื่อวางแผนที่จะรุกรานทวีปเทียนหยวน

โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนั้นทรงพลังมาก ในตอนนั้นต่อให้ทวีปเทียนหยวน,ทวีปสัตว์เทวะและร้อยเผ่าพันธุ์ร่วมมือกัน แต่ทว่าก็ยังไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้ เป็นผลให้ข้าเข้าไปในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งด้วยตัวเองเพื่อต่อสู้กับเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่นั่นอีกครั้ง ในการสู้รบครั้งนั้น ข้าได้ฆ่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูงทั้งหมดของโลกนั่น ซึ่งทำให้กองกำลังของพวกเขาอ่อนแอลง หลังจากนั้นข้าก็ปิดผนึกรอยแตกมิติไว้ ก่อนที่ข้าจะออกไป ข้าใช้พลังงานของโลกเพื่อสร้างเมืองทหารรับจ้างไว้เพื่อกดทับและปิดผนึกรอบแตก ก่อนที่จะได้พบจิตวิญญาณปฐพีโดยบังเอิญ ข้าได้ให้จิตสำนึกและสติปัญหากับนางและมอบหมายให้นางปกป้องเหมืองทหารรับจ้าง

อาวุโส จิตวิญญาณนั่นเป็นจิตวิญญาณม่านพลังเสี่ยวหลิงหรือ ? เจี้ยนเฉินถาม

ใช่ หลายคนเชื่อว่าเซียวหลิงมีอยู่เพื่อเป็นม่านพลังคอยปกป้องสิ่งที่ข้าทิ้งไว้เมื่อหลายปีก่อน ความจริงแล้วไม่ใช่ เสี่ยวหลิงไม่ได้เป็นม่านพลังอย่างที่หลายคนกล่าว แต่เป็นบุตรีพลังงานของโลกที่เกิดจากแกนพลังของโลก นางสามารถควบคุมม่านพลังที่ข้าทิ้งไว้ได้เมื่อหลายปีก่อน โมเทียนหยุนกล่าว

ดูเหมือนประทับตราที่เสี่ยวหลิงเคยกล่าวไว้ครั้งก่อนคือตราประทับทางเข้าของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้ง เจี้ยนเฉินคิด หลายคำถามในใจของเขาได้รับการแก้ไขด้วยสิ่งที่โมเทียนหยุนกล่าว

ในตอนนั้นตราประทับที่ข้าทิ้งให้กับโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนั้นมีความแข็งแกร่งมาก แต่ก็จะมีช่วงเวลาที่พลังงานของมันหมดไป และเมื่อหลายปีผันผ่าน ข้าสงสัยว่าโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งจะฟื้นพลังของหรือยัง? บางทีผู้เชี่ยวชาญจุดสูงสุดของที่นั่น ในตอนนี้คงสามารถโจมตีตราประทับของข้าได้แล้ว การโจมตีมีแต่จะทำให้มันสึกหรอเร็วขึ้น ในอนาคตหากตราประทับพังทลาย ถึงตอนนั้นเจ้าคงเพียงสามารถหลบหนีการรุกรานของโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งนี้ได้เท่านั้น โมเทียนหยุนกล่าว

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และค่อย ๆ สงบลง นางมองไปที่โมเทียนหยุนอย่างสุภาพ ผู้อาวุโสโมเทียนหยุนที่เคารพ ข้าสงสัยว่าโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งครอบครองความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหนกัน? เมื่อเทียบกับทวีปเทียนหยวนของเราแล้ว พวกเขามีพลังมากแค่ไหน ?

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบ โมเทียนหยุนกล่าวว่า ข้าน่าจะบอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องให้มากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้เจ้ามีความเข้าใจที่ไม่ผิดพลาดเกี่ยวกับพวกเขา และเจ้าจะได้เตรียมตัวได้ถูกในอนาคต” โมเทียนหยุนหยุดชั่วครู ก่อนที่จะพูดต่อ เมื่อตอนแรกที่ข้าได้บุกเข้าไปในโลกนั้น เพียงจำนวนผู้ที่บรรลุเซียนจักรพรรดิก็มีมากกว่า 20 คน นอกจากนี้ยังมีอีก 3 คนที่มีระดับที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น

สิ่งที่โมเทียนหยุนกล่าวนับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจ มันทำให้เกิดความประหลาดใจทันทีทั้งเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ ซึ่งเพิ่มระลอกคลื่นของความรู้สึกในหัวใจของพวกเขามากขึ้น พวกเขาพยายามที่จะสงบใจลงแม้ว่าหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน

เพียงจำนวนเซียนจักรพรรดิก็มากกว่า 20 คน เมื่อพวกเขาได้ยินตัวเลขดังกล่าว เป็นเหมือนพายุฝนฟ้าคะนองที่หมุนปั่นผ่านศีรษะของพวกเขาและหยุดความคิดของพวกเขา

นอกเหนือจากเซียนจักรพรรดิที่มากกว่า 20 คน ยังมีอีก 3 คนที่มีระดับที่ยิ่งใหญ่กว่า คงไม่ได้หมายความว่าพวกเขาอยู่เหนือระดับเหนือเซียนจักรพรรดิหรือ ? ทั้งเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์พยายามที่จะยอมรับเรื่องนี้

พวกเขาเคยคิดว่าเซียนจักรพรรดิจะเป็นเหล่าคนที่มีพลังอำนาจมากที่สุด พวกเขาไม่เคยคิดว่ามีสิ่งชีวิตใดจะพลังมากยิ่งไปกว่านั้น

นอกจากนี้ความสามารถของโมเทียนหยุนก็ยิ่งเกินความเข้าใจของผู้คนจากทวีปเทียนหยวน ลุยเดี่ยวเข้าไปในโลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งด้วยตัวเองและฆ่าล้างบรรดาผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดทั้งหมดด้วยตัวเอง ซึ่งรวมถึงผู้บรรลุเซียนจักรพรรดิ 20 คนและทั้งสามผู้ที่มีระดับยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะยกระดับความเข้าใจใหม่จากผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ

ความแข็งแกร่งของโมเทียนหยุนที่เพิ่งได้ค้นพบทะลุความเข้าใจของทั้งทวีปเทียนหยวน มันถึงระดับที่ไม่สามารถมองเห็นได้

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+