Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 848 ฝึกคู่ประสาน

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 848 ฝึกคู่ประสาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 848 ฝึกคู่ประสาน

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ต่างตกตะลึงในพลังของโมเทียนหยุน ทั้งสองต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ก่อนจะหยุดหัวใจที่เต้นระรัว และตั้งสติกลับมาได้

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เจี้ยนเฉินก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนค่อย ๆ ตั้งสติ แล้วถามขึ้น “ผู้อาวุโส ….นั้นทรงพลังมากตั้งแต่ยามนั้น แม้ยอดฝีมือของทางนั้นจะถูกท่านสังหารลงไปเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากผ่านมาหลายต่อหลายปี ขุมกำลังของพวกมันย่อมต้องฟื้นฟูกลับมาแล้วเป็นแน่ กลับกัน กฎธรรมชาติและพลังต่าง ๆ ของทวีปเทียนหยวนของเรานั้นยุ่งเหยิงปั่นป่วนเพราะสงครามครั้งใหญ่ในยุคบรรพกาล ทำให้มนุษย์นั้นเพิ่มพลังลำบากมากกว่าเดิมนัก ต่างกับยุคก่อน แล้วเราจะต่อต้านการรุกรานได้อย่างไรด้วยพลังอันน้อยนิดของเรา”

“เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้ารู้เรื่องกฎที่ปั่นป่วนมานานแล้ว แต่มันไม่ได้ปั่นป่วนเพราะสงครามในยุคบรรพกาล แม้สงครามครั้งนั้นจะรุนแรง แต่มันก็ไม่ได้มากพอจะกระทบกฎของธรรมชาติได้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะศิลาเซียนหยินหยาง หากเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ ทวีปเทียนหยวนจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว” โมเทียนหยุนอธิบาย

“อะไรนะ ? ทั้งหมดเป็นเพราะศิลาเซียนหยินหยาง ? ” หลังฟังคำอธิบายของโมเทียนหยุน สีหน้าของเจี้ยนเฉินกลับเป็นตกตะลึง

ยอดฝีมือเกือบทุกคนของทวีปเทียนหยวน รวมไปถึงเซียนราชา ต่างมั่นใจว่าเพราะกฎธรรมชาติที่ปั่นป่วนเนื่องจากสงครามในยุคโบราณกาลทำให้การเพิ่มระดับพลังนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ยามนี้เองที่เขาได้รู้ว่ายอดฝีมือทั้งหมดต่างเข้าใจผิด สาเหตุไม่ใช่เพราะสงครามครั้งใหญ่แต่กลับเป็นเพราะศิลาเซียนหยินหยาง

ร่างของโมเทียนหยุนจางลงอย่างรวดเร็ว ราวกับกลายเป็นกลุ่มควันจาง ๆ ที่กำลังจะหายไป “เจ้าทั้งสองใช้ทักษะควบคุมพลังหยินและหยางเพื่อซึมซับพลังหยินสุดขั้วและพลังหยางสุดขั้วที่แผ่ออกมาจากพลังหยินหยาง ดังนั้นร่างกายและวิญญาณของพวกเจ้านั้นสามารถทนทานพลังหยินและพลังหยางสุดขั้วได้แล้ว ข้ามีทักษะคู่ประสานที่จะมอบให้เจ้า ในอนาคตหลังจากพวกเจ้าที่เพิ่มพลังมากพอแล้ว ก็กลับใช้ทักษะนี้ที่นี่เพื่อดูดซับพลังหยินหยาง มันจะช่วยให้เจ้าเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้วยามที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งเริ่มรุกราน” สิ้นคำโมเทียนหยุนชี้นิ้วชี้ปล่อยเจตจำนงเข้าไปในหัวของเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ด้วยความเร็วสูง

“ก่อนหน้านี้ ข้าเคยตั้งประตูมิติไว้ห่างจากที่นี่ 50 กิโลไปทางตะวันออก พวกเจ้าใช้มันออกไปได้ หากในอนาคตหากเจ้าอยากกลับมา ก็ใช้เส้นทางเดิม จำเอาไว้ว่าเรื่องศิลาเซียนหยินหยาง พวกเจ้าต้องจัดการมันให้เรียบร้อย” ร่างของโมเทียนหยุนยามนี้โปร่งแสงจนราวกับจะจางหายไปได้ทุกเมื่อ มองไปทางจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าอย่างรอคอบคำตอบ

“ไม่ต้องห่วง ศิลาเซียนหยินหยางนั้นมีประโยชน์ทั้งสำหรับเราและนายท่าน พวกเราจะจัดการให้ดีที่สุด” จือหยิงยืนยันออกมา

เพราะจือหยิงให้คำยืนยัน ความกังวลในหัวของโมเทียนหยุนก็จางหายไป ร่างมายาของเขาก็ค่อย ๆ หายไปจนหมด กลิ่นอายและรัศมีพลังทั้งหมดจางหายไป

ทั้งสองไม่รู้สึกว่าโมเทียนหยุนหายไปแล้ว ยามนี้ทั้งสองยืนนิ่งปิดตาค่อย ๆ รับข้อมูลที่กำลังเข้ามาภายในห้วงความคิด

ไม่นานนักข้อมูลการฝึกคู่ประสานก็ถูกส่งต่อเข้ามาในห้วงความคิด แต่ทันทีที่ทั้งสองเห็นข้อมูลทั้งหมด สีหน้าแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันทั้งสองคน ตามมาด้วยบรรยากาศกระอักกระอ่วนน่าอึดอัด

ทั้งสองค่อย ๆ เปิดตา เจี้ยนเฉินมองหน้าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ด้วยแววตาสับสน แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรขึ้นมาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ลืมวิธีการที่ผู้อาวุโสโมเทียนหยุนพูดออกมาให้หมด แล้วห้ามพูดถึงมันอีกในอนาคต” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เย็นเยียบดังออกอย่างไร้ซึ่งความลังเล นางไม่เหลือช่องให้โต้ตอบ

เจี้ยนเฉินถูจมูกตัวเองเบา ๆ อย่างกระอักกระอ่วนพร้อมก่นด่าอยู่ภายในใจ โมเทียนหยุนไม่ใส่ใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแม้แต่น้อย วิธีการของเขานั้นถูกมองข้ามไปทันที

“ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน” เจี้ยนเฉินประสานมือ แต่ก่อนที่เขาจะทันสอบถามมากขึ้น ก็พบว่าโมเทียนหยุนนั้นได้หายไปแล้ว

เจี้ยนเฉินยืนตาค้างจ้องมองอย่างใจลอยอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าใจ “ดูท่าทางกลิ่นอายผู้อาวุโสโมเทียนหยุนจะหายไปหมดแล้ว”

“โมเทียนหยุนไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ” จือหยิงมองไปทางที่โมเทียนหยุนเคยอยู่ เขานั้นเคร่งเครียดแต่หลังจากเห็นศิลาเซียนหยินหยางก็ตื่นเต้นขึ้นมาแทน “นายท่าน รีบไปเร็วเข้า ศิลาเซียนหยินหยางนี้มันประโยชน์กับเรามาก หากท่านดูดซับพลังหยินหยางภายในนั้น ไม่เพียงฉิงโซวกับข้าจะหายเร็วขึ้น ร่างบรรพกาลของท่านก็จะพัฒนาไปด้วย”

เจี้ยนเฉินสลัดความคิดยามนี้ออกไป ก่อนค่อย ๆ เดินไปที่ศิลา เขาไม่รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่ามันมีมูลค่ามากเพียงใด แต่เขากลับหนักใจเป็นอย่างมาก

หลังจากรู้เรื่องโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งจากโมเทียนหยุน แรงกดดันลึกลับและหนักหน่วงถ้าโถมเข้ามาทำเอาเจี้ยนเฉินหายใจติด ๆ ขัด ๆ

แค่จำนวนเซียนจักรพรรดิที่มาครานี้นั้นก็มากกว่า 20 คนแล้ว บางทีอาจจะมีมากกว่านั้นมากเป็นแน่ อาจถึงหลักร้อยก็เป็นไปได้ ทวีปเทียนหยวนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเวลาเผชิญหน้าขุมกำลังขนาดใหญ่เช่นนี้

ต่อให้ศิลาเซียนหยินหยางหมดพลังลงไป แล้วทวีปเทียนหยวนกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลาในการเพิ่มพลังของคนในทวีปให้พร้อมต่อกรกับโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

เจี้ยนเฉินมองศิลาเซียนหยินหยางอย่างสนอกสนใจ ก่อนพูดขึ้น “เราต้องจัดการศิลาเซียนหยินหยางให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งจัดการได้เร็วเท่าไหร่ ทวีปเทียนหยวนของเราก็กลับมาเป็นปกติได้เร็วเท่านั้น จือหยิง ฉิงโซว มีวิธีไหนจัดการพลังของศิลาเซียนหยินหยางได้บ้าง ? “

“นายท่าน คำถามนี้ง่ายดายนัก เราแค่ดูดซับพลังหยิน-หยางทั้งหมดในนั้น แล้วศิลาเซียนหยินหยางก็จะหายไปเอง แต่พลังภายในนั้นทรงพลังนัก พวกเราไม่สามารถดูดซับมันด้วยพลังของเราในยามนี้ได้ หากพวกเราลอง นายท่านจะระเบิดออกมาเพราะมันมากเกินไป”

“ขนาดพวกเจ้ายังทำไม่ได้เลยรึ ? ” เจี้ยนเฉินถาม

ฉิงโซวส่ายหัว “หากเป็นเรายามที่ทรงพลังที่สุด กับแค่ก้อนหินเช่นนี้เราไม่แม้แต่จะมามัวใส่ใจ แค่อ้าปากดูดซับมันคำเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ยามนี้พวกเราอ่อนแอลงมาก หากเราพยายามจะดูดซึม มันจะกลับกลายเป็นว่าพวกข้าจะถูกดูดซับไปเสียเอง อีกอย่าง มีกลิ่นอายร้ายกาจซุกซ่อนอยู่ภายในนั้นตามที่โมเทียนหยุนพูดด้วย เราต้องจัดการมันอีก”

เจี้ยนเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นอย่างเสียดาย “ดูท่าทางศิลาเซียนหยินหยางจะเป็นกล่องสมบัติที่เรายังไม่เปิดไม่ได้ในยามนี้ เห็นทีคงต้องกลับมาจัดการอีกครั้งในอนาคต”

“นายท่าน แม้ท่านจะไม่สามารถดูดซับพลังหยินหยางภายในหินนั้นได้ แต่มันก็มีพลังหยินสุดขั้วและหยางสุดขั้วครอบคลุมอยู่ชั้นบาง ๆ พลังทั้งสองไม่เป็นอันตรายอะไรต่อท่านทั้งสองแล้ว พวกท่านสามารถดูดซับมันได้โดยตรง” จือหยิงพูดขึ้น

เจี้ยนเฉินตาวาวขึ้นมาทันที “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะดูดซับพลังที่อยู่โดยรอบเสียก่อน แล้วเลื่อนร่างบรรพกาลของข้าขึ้นเป็นขั้น 2” หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็หันไปหาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ “เจ้าได้ยินที่จี้หยิงพูดแล้ว เราจะหยุดเพิ่มพลังกันที่นี่ก่อน โอกาสต่อหน้าเรานี้นับว่าเป็นโชคดี จะปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่สนใจเจี้ยนเฉิน นางนั่งลงตรงนั้นก่อนซึมซับพลังที่ปกคลุมก้อนหินอยู่

เจี้ยนเฉินมองใบหน้างดงามของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อน แววตาปั่นป่วนขึ้นมา หลังจากพยายามสงบอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงลง เขาก็นั่งลงแล้วก็เริ่มดูดซับพลังทันที

สายพลังหยางขั้นสูงบาง ๆ บนพื้นผิวศิลาเซียนหยินหยางค่อย ๆ เข้าไปภายในร่างของเจี้ยนเฉิน ฉับพลันนั้นร่างทั้งร่างราวกับลุกเป็นไป ราวกับมีลูกไฟกำลังแผดเผาอยู่ภายใน

แต่ร่างกายของเจี้ยนเฉินไม่ได้ตกอยู่สภาพแย่มากเท่าสามวันก่อน ร่างของเขาเริ่มทนทานต่อพลังหยางสุดขั้ว ดังนั้นต่อให้พลังหยางที่ดูดซึมไปกลายเป็นดังลูกไฟอยู่ภายในตัว มันก็แค่ทำให้อึดอัดและเจ็บปวดแต่ไม่ได้ทำร้ายภายในเหมือนดั่งคราวก่อน

เจี้ยนเฉินกัดฟัน ร่างทั้งร่างร้อนระอุ เขานั่งอดทนซึมซับความทรมานที่ได้มาจากการดูดซับพลังหยางสุดขั้วอย่างยากลำบาก

พลังที่ซ่อนอยู่ภายในพลังหยางขั้นสูงนั้นทรงพลังและบริสุทธิ์มาก หากแต่การที่เขาจะดูดซึมพลังนั้นทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นพลังของตัวเองนั้นยากลำบากมาก พลังหยางในนี้นั้นวุ่นวายสับสน ด้วยระดับพลังของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ เขามีทางเดียวคิดค่อย ๆ สกัดกลั่นไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ เท่านั้น

เวลาที่ใช้ในการสกัดกลั่นพลังหยางสุดขั้วนั้นนานมาก หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม เจี้ยนเฉินสกัดพลังไปได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนของสายใยพลังนั้น

อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ไม่ได้ต่างไปจากเจี้ยนเฉินนัก ร่างของนางดูอึดอัดไม่น้อย ค่อย ๆ พยายามดูดซับพลังหยินสุดขั้วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังจากเห็นภายตรงหน้า จือหยิงอดถอนใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้ “เฮ้อ ถ้าฝึกคู่ประสานกัน แค่เวลาไม่นานก็เพียงพอที่จะสยบพลังทั้งหมดได้ ไม่รู้จะคิดมากมายทำไม”

เจี้ยนเฉินใช้เวลาทั้งวันก่อนจะสกัดกลั่นพลังหยางสุดขั้วสำเร็จ มันกลายเป็นพลังที่ทรงพลังแต่นุ่มนวลอ่อนโยนค่อย ๆ เข้าไปในตัวเจี้ยนเฉิน

พลังที่อยู่ภายในนั้นสูงกว่าแกนอสูรระดับ 7 ต่อให้มีแก่นอสูรจำนวนมากมารวมกันก็ยังไม่เท่ากับผ่านในเส้นพลังอันนี้ หลังจากดูดซึมเข้าไป พลังบรรพกาลในตันเถียนของเจี้ยนเฉินก็ค่อย ๆ ขยายตัวมากขึ้นไปอีก เปลี่ยนจากขนาดเท่ากำปั้นในยามแรก ค่อย ๆ เข้าถึงขีดสุด

เจี้ยนเฉินไม่หยุด หลังจากกลั่นพลังสายแรกแล้ว เขารีบดึงพลังหยางสุดขั้วมาก่อนทำการสกัดกลั่นต่อทันที

มิติลึกลับแห่งนี้ไม่มีกลางวันและกลางคืน เจี้ยนเฉินจมอยู่กับการฝึกฝนไม่ได้รับรู้ถึงเวลา หลังจากดูดซับพลังหยางสุดขั้ว พลังบรรพกาลในตัวของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ชั่ววูบเดียวพลังบรรพกาลในตันเถียนของเจี้ยนเฉินที่มีขนาดเท่ากำปั้นของผู้ใหญ่ก็แตกออก พลังบรรพกาลที่ซ่อนอยู่ภายในรั่วไหลออกมารอบตัว ปั่นป่วนบริเวณโดยรอบ ราวกับม้าป่าหลุดออกมาจากกรง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 848 ฝึกคู่ประสาน

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 848 ฝึกคู่ประสาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 848 ฝึกคู่ประสาน

เจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ต่างตกตะลึงในพลังของโมเทียนหยุน ทั้งสองต้องใช้เวลาครู่ใหญ่ก่อนจะหยุดหัวใจที่เต้นระรัว และตั้งสติกลับมาได้

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง เจี้ยนเฉินก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนค่อย ๆ ตั้งสติ แล้วถามขึ้น “ผู้อาวุโส ….นั้นทรงพลังมากตั้งแต่ยามนั้น แม้ยอดฝีมือของทางนั้นจะถูกท่านสังหารลงไปเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากผ่านมาหลายต่อหลายปี ขุมกำลังของพวกมันย่อมต้องฟื้นฟูกลับมาแล้วเป็นแน่ กลับกัน กฎธรรมชาติและพลังต่าง ๆ ของทวีปเทียนหยวนของเรานั้นยุ่งเหยิงปั่นป่วนเพราะสงครามครั้งใหญ่ในยุคบรรพกาล ทำให้มนุษย์นั้นเพิ่มพลังลำบากมากกว่าเดิมนัก ต่างกับยุคก่อน แล้วเราจะต่อต้านการรุกรานได้อย่างไรด้วยพลังอันน้อยนิดของเรา”

“เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ข้ารู้เรื่องกฎที่ปั่นป่วนมานานแล้ว แต่มันไม่ได้ปั่นป่วนเพราะสงครามในยุคบรรพกาล แม้สงครามครั้งนั้นจะรุนแรง แต่มันก็ไม่ได้มากพอจะกระทบกฎของธรรมชาติได้ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะศิลาเซียนหยินหยาง หากเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ ทวีปเทียนหยวนจะฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว” โมเทียนหยุนอธิบาย

“อะไรนะ ? ทั้งหมดเป็นเพราะศิลาเซียนหยินหยาง ? ” หลังฟังคำอธิบายของโมเทียนหยุน สีหน้าของเจี้ยนเฉินกลับเป็นตกตะลึง

ยอดฝีมือเกือบทุกคนของทวีปเทียนหยวน รวมไปถึงเซียนราชา ต่างมั่นใจว่าเพราะกฎธรรมชาติที่ปั่นป่วนเนื่องจากสงครามในยุคโบราณกาลทำให้การเพิ่มระดับพลังนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ยามนี้เองที่เขาได้รู้ว่ายอดฝีมือทั้งหมดต่างเข้าใจผิด สาเหตุไม่ใช่เพราะสงครามครั้งใหญ่แต่กลับเป็นเพราะศิลาเซียนหยินหยาง

ร่างของโมเทียนหยุนจางลงอย่างรวดเร็ว ราวกับกลายเป็นกลุ่มควันจาง ๆ ที่กำลังจะหายไป “เจ้าทั้งสองใช้ทักษะควบคุมพลังหยินและหยางเพื่อซึมซับพลังหยินสุดขั้วและพลังหยางสุดขั้วที่แผ่ออกมาจากพลังหยินหยาง ดังนั้นร่างกายและวิญญาณของพวกเจ้านั้นสามารถทนทานพลังหยินและพลังหยางสุดขั้วได้แล้ว ข้ามีทักษะคู่ประสานที่จะมอบให้เจ้า ในอนาคตหลังจากพวกเจ้าที่เพิ่มพลังมากพอแล้ว ก็กลับใช้ทักษะนี้ที่นี่เพื่อดูดซับพลังหยินหยาง มันจะช่วยให้เจ้าเพิ่มพลังได้อย่างรวดเร็ว ทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้วยามที่โลกแห่งเซียนที่ถูกทอดทิ้งเริ่มรุกราน” สิ้นคำโมเทียนหยุนชี้นิ้วชี้ปล่อยเจตจำนงเข้าไปในหัวของเจี้ยนเฉินและหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ด้วยความเร็วสูง

“ก่อนหน้านี้ ข้าเคยตั้งประตูมิติไว้ห่างจากที่นี่ 50 กิโลไปทางตะวันออก พวกเจ้าใช้มันออกไปได้ หากในอนาคตหากเจ้าอยากกลับมา ก็ใช้เส้นทางเดิม จำเอาไว้ว่าเรื่องศิลาเซียนหยินหยาง พวกเจ้าต้องจัดการมันให้เรียบร้อย” ร่างของโมเทียนหยุนยามนี้โปร่งแสงจนราวกับจะจางหายไปได้ทุกเมื่อ มองไปทางจิตวิญญาณกระบี่ม่วงฟ้าอย่างรอคอบคำตอบ

“ไม่ต้องห่วง ศิลาเซียนหยินหยางนั้นมีประโยชน์ทั้งสำหรับเราและนายท่าน พวกเราจะจัดการให้ดีที่สุด” จือหยิงยืนยันออกมา

เพราะจือหยิงให้คำยืนยัน ความกังวลในหัวของโมเทียนหยุนก็จางหายไป ร่างมายาของเขาก็ค่อย ๆ หายไปจนหมด กลิ่นอายและรัศมีพลังทั้งหมดจางหายไป

ทั้งสองไม่รู้สึกว่าโมเทียนหยุนหายไปแล้ว ยามนี้ทั้งสองยืนนิ่งปิดตาค่อย ๆ รับข้อมูลที่กำลังเข้ามาภายในห้วงความคิด

ไม่นานนักข้อมูลการฝึกคู่ประสานก็ถูกส่งต่อเข้ามาในห้วงความคิด แต่ทันทีที่ทั้งสองเห็นข้อมูลทั้งหมด สีหน้าแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันทั้งสองคน ตามมาด้วยบรรยากาศกระอักกระอ่วนน่าอึดอัด

ทั้งสองค่อย ๆ เปิดตา เจี้ยนเฉินมองหน้าหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ด้วยแววตาสับสน แต่ก่อนที่จะทันได้พูดอะไรขึ้นมาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ลืมวิธีการที่ผู้อาวุโสโมเทียนหยุนพูดออกมาให้หมด แล้วห้ามพูดถึงมันอีกในอนาคต” เสียงของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์เย็นเยียบดังออกอย่างไร้ซึ่งความลังเล นางไม่เหลือช่องให้โต้ตอบ

เจี้ยนเฉินถูจมูกตัวเองเบา ๆ อย่างกระอักกระอ่วนพร้อมก่นด่าอยู่ภายในใจ โมเทียนหยุนไม่ใส่ใจความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองแม้แต่น้อย วิธีการของเขานั้นถูกมองข้ามไปทันที

“ผู้อาวุโสโมเทียนหยุน” เจี้ยนเฉินประสานมือ แต่ก่อนที่เขาจะทันสอบถามมากขึ้น ก็พบว่าโมเทียนหยุนนั้นได้หายไปแล้ว

เจี้ยนเฉินยืนตาค้างจ้องมองอย่างใจลอยอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเข้าใจ “ดูท่าทางกลิ่นอายผู้อาวุโสโมเทียนหยุนจะหายไปหมดแล้ว”

“โมเทียนหยุนไม่ใช่คนธรรมดา ๆ ” จือหยิงมองไปทางที่โมเทียนหยุนเคยอยู่ เขานั้นเคร่งเครียดแต่หลังจากเห็นศิลาเซียนหยินหยางก็ตื่นเต้นขึ้นมาแทน “นายท่าน รีบไปเร็วเข้า ศิลาเซียนหยินหยางนี้มันประโยชน์กับเรามาก หากท่านดูดซับพลังหยินหยางภายในนั้น ไม่เพียงฉิงโซวกับข้าจะหายเร็วขึ้น ร่างบรรพกาลของท่านก็จะพัฒนาไปด้วย”

เจี้ยนเฉินสลัดความคิดยามนี้ออกไป ก่อนค่อย ๆ เดินไปที่ศิลา เขาไม่รู้สึกมีความสุขเลยแม้แต่น้อยถึงแม้จะรู้ว่ามันมีมูลค่ามากเพียงใด แต่เขากลับหนักใจเป็นอย่างมาก

หลังจากรู้เรื่องโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้งจากโมเทียนหยุน แรงกดดันลึกลับและหนักหน่วงถ้าโถมเข้ามาทำเอาเจี้ยนเฉินหายใจติด ๆ ขัด ๆ

แค่จำนวนเซียนจักรพรรดิที่มาครานี้นั้นก็มากกว่า 20 คนแล้ว บางทีอาจจะมีมากกว่านั้นมากเป็นแน่ อาจถึงหลักร้อยก็เป็นไปได้ ทวีปเทียนหยวนต้องตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเวลาเผชิญหน้าขุมกำลังขนาดใหญ่เช่นนี้

ต่อให้ศิลาเซียนหยินหยางหมดพลังลงไป แล้วทวีปเทียนหยวนกลับมาเป็นปกติ แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลาในการเพิ่มพลังของคนในทวีปให้พร้อมต่อกรกับโลกเซียนที่ถูกทอดทิ้ง

เจี้ยนเฉินมองศิลาเซียนหยินหยางอย่างสนอกสนใจ ก่อนพูดขึ้น “เราต้องจัดการศิลาเซียนหยินหยางให้เร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งจัดการได้เร็วเท่าไหร่ ทวีปเทียนหยวนของเราก็กลับมาเป็นปกติได้เร็วเท่านั้น จือหยิง ฉิงโซว มีวิธีไหนจัดการพลังของศิลาเซียนหยินหยางได้บ้าง ? “

“นายท่าน คำถามนี้ง่ายดายนัก เราแค่ดูดซับพลังหยิน-หยางทั้งหมดในนั้น แล้วศิลาเซียนหยินหยางก็จะหายไปเอง แต่พลังภายในนั้นทรงพลังนัก พวกเราไม่สามารถดูดซับมันด้วยพลังของเราในยามนี้ได้ หากพวกเราลอง นายท่านจะระเบิดออกมาเพราะมันมากเกินไป”

“ขนาดพวกเจ้ายังทำไม่ได้เลยรึ ? ” เจี้ยนเฉินถาม

ฉิงโซวส่ายหัว “หากเป็นเรายามที่ทรงพลังที่สุด กับแค่ก้อนหินเช่นนี้เราไม่แม้แต่จะมามัวใส่ใจ แค่อ้าปากดูดซับมันคำเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่ยามนี้พวกเราอ่อนแอลงมาก หากเราพยายามจะดูดซึม มันจะกลับกลายเป็นว่าพวกข้าจะถูกดูดซับไปเสียเอง อีกอย่าง มีกลิ่นอายร้ายกาจซุกซ่อนอยู่ภายในนั้นตามที่โมเทียนหยุนพูดด้วย เราต้องจัดการมันอีก”

เจี้ยนเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นอย่างเสียดาย “ดูท่าทางศิลาเซียนหยินหยางจะเป็นกล่องสมบัติที่เรายังไม่เปิดไม่ได้ในยามนี้ เห็นทีคงต้องกลับมาจัดการอีกครั้งในอนาคต”

“นายท่าน แม้ท่านจะไม่สามารถดูดซับพลังหยินหยางภายในหินนั้นได้ แต่มันก็มีพลังหยินสุดขั้วและหยางสุดขั้วครอบคลุมอยู่ชั้นบาง ๆ พลังทั้งสองไม่เป็นอันตรายอะไรต่อท่านทั้งสองแล้ว พวกท่านสามารถดูดซับมันได้โดยตรง” จือหยิงพูดขึ้น

เจี้ยนเฉินตาวาวขึ้นมาทันที “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะดูดซับพลังที่อยู่โดยรอบเสียก่อน แล้วเลื่อนร่างบรรพกาลของข้าขึ้นเป็นขั้น 2” หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินก็หันไปหาหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ “เจ้าได้ยินที่จี้หยิงพูดแล้ว เราจะหยุดเพิ่มพลังกันที่นี่ก่อน โอกาสต่อหน้าเรานี้นับว่าเป็นโชคดี จะปล่อยให้เสียเปล่าไม่ได้”

หญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่สนใจเจี้ยนเฉิน นางนั่งลงตรงนั้นก่อนซึมซับพลังที่ปกคลุมก้อนหินอยู่

เจี้ยนเฉินมองใบหน้างดงามของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ย้อนนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อสามวันก่อน แววตาปั่นป่วนขึ้นมา หลังจากพยายามสงบอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงลง เขาก็นั่งลงแล้วก็เริ่มดูดซับพลังทันที

สายพลังหยางขั้นสูงบาง ๆ บนพื้นผิวศิลาเซียนหยินหยางค่อย ๆ เข้าไปภายในร่างของเจี้ยนเฉิน ฉับพลันนั้นร่างทั้งร่างราวกับลุกเป็นไป ราวกับมีลูกไฟกำลังแผดเผาอยู่ภายใน

แต่ร่างกายของเจี้ยนเฉินไม่ได้ตกอยู่สภาพแย่มากเท่าสามวันก่อน ร่างของเขาเริ่มทนทานต่อพลังหยางสุดขั้ว ดังนั้นต่อให้พลังหยางที่ดูดซึมไปกลายเป็นดังลูกไฟอยู่ภายในตัว มันก็แค่ทำให้อึดอัดและเจ็บปวดแต่ไม่ได้ทำร้ายภายในเหมือนดั่งคราวก่อน

เจี้ยนเฉินกัดฟัน ร่างทั้งร่างร้อนระอุ เขานั่งอดทนซึมซับความทรมานที่ได้มาจากการดูดซับพลังหยางสุดขั้วอย่างยากลำบาก

พลังที่ซ่อนอยู่ภายในพลังหยางขั้นสูงนั้นทรงพลังและบริสุทธิ์มาก หากแต่การที่เขาจะดูดซึมพลังนั้นทั้งหมดแล้วเปลี่ยนเป็นพลังของตัวเองนั้นยากลำบากมาก พลังหยางในนี้นั้นวุ่นวายสับสน ด้วยระดับพลังของเจี้ยนเฉินในตอนนี้ เขามีทางเดียวคิดค่อย ๆ สกัดกลั่นไปเรื่อย ๆ อย่างช้า ๆ เท่านั้น

เวลาที่ใช้ในการสกัดกลั่นพลังหยางสุดขั้วนั้นนานมาก หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม เจี้ยนเฉินสกัดพลังไปได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนของสายใยพลังนั้น

อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ไม่ได้ต่างไปจากเจี้ยนเฉินนัก ร่างของนางดูอึดอัดไม่น้อย ค่อย ๆ พยายามดูดซับพลังหยินสุดขั้วให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

หลังจากเห็นภายตรงหน้า จือหยิงอดถอนใจออกมาเบา ๆ ไม่ได้ “เฮ้อ ถ้าฝึกคู่ประสานกัน แค่เวลาไม่นานก็เพียงพอที่จะสยบพลังทั้งหมดได้ ไม่รู้จะคิดมากมายทำไม”

เจี้ยนเฉินใช้เวลาทั้งวันก่อนจะสกัดกลั่นพลังหยางสุดขั้วสำเร็จ มันกลายเป็นพลังที่ทรงพลังแต่นุ่มนวลอ่อนโยนค่อย ๆ เข้าไปในตัวเจี้ยนเฉิน

พลังที่อยู่ภายในนั้นสูงกว่าแกนอสูรระดับ 7 ต่อให้มีแก่นอสูรจำนวนมากมารวมกันก็ยังไม่เท่ากับผ่านในเส้นพลังอันนี้ หลังจากดูดซึมเข้าไป พลังบรรพกาลในตันเถียนของเจี้ยนเฉินก็ค่อย ๆ ขยายตัวมากขึ้นไปอีก เปลี่ยนจากขนาดเท่ากำปั้นในยามแรก ค่อย ๆ เข้าถึงขีดสุด

เจี้ยนเฉินไม่หยุด หลังจากกลั่นพลังสายแรกแล้ว เขารีบดึงพลังหยางสุดขั้วมาก่อนทำการสกัดกลั่นต่อทันที

มิติลึกลับแห่งนี้ไม่มีกลางวันและกลางคืน เจี้ยนเฉินจมอยู่กับการฝึกฝนไม่ได้รับรู้ถึงเวลา หลังจากดูดซับพลังหยางสุดขั้ว พลังบรรพกาลในตัวของเขาก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ชั่ววูบเดียวพลังบรรพกาลในตันเถียนของเจี้ยนเฉินที่มีขนาดเท่ากำปั้นของผู้ใหญ่ก็แตกออก พลังบรรพกาลที่ซ่อนอยู่ภายในรั่วไหลออกมารอบตัว ปั่นป่วนบริเวณโดยรอบ ราวกับม้าป่าหลุดออกมาจากกรง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+