Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง

“มันคือปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราจริง ๆ ” ผู้อาวุโสสองและสามตกใจในใจ สายตาที่พวกเขามองไปทางเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยและค่อนข้างผสมปนเปไป

ผู้อาวุโสสูงสุดกวาดสายตามองผู้คนด้านล่างด้วยตาที่เบิกกว้างและพูดอย่างภูมิใจ “ข้าเชื่อว่าทุก ๆ คนสัมผัสได้ถึงปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเรา มันเป็นเวลากว่าสามหมื่นปีแล้วที่เผ่าของพวกเราไม่มีผู้คุมกฎ ภายใต้การนำของผู้คุมกฎเท่านั้นพวกเราถึงจะยิ่งใหญ่ได้ ทุก ๆ คน ทำไมพวกเจ้าไม่คำนับท่านผู้คุมกฎล่ะ ? “

ทันใดนั้นเอง คนกลุ่มหนึ่งก็คุกเข่าลงและกำลังจะคำนับเจี้ยนเฉิน

“ช้าก่อน” ผู้อาวุโสสองตะโกนออกมาเพื่อหยุดพวกเขา เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสนใจและป้องมือออกไป “ข้าถามชื่อของท่านได้หรือไม่ ? ท่านเกิดที่เผ่าไหน ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของท่านมาก่อน ? ท่านมาจากไหนกันแน่ ? ” ผู้อาวุโสที่สองถามคำถามเหล่านี้อย่างองอาจ เขาไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย จากมุมมองของเขา เขาไม่ได้เคารพผู้คุมกฎเลย

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ เขารู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องตอบคำถามของผู้อาวุโสสอง เพราะว่าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้คุมกฎของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะไข่มุกจิตวิญญาณน้ำที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้เขามา

คำพูดของผู้อาวุโสสองทำให้ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาพูดต่อเสียงแหบห้าว “ผู้อาวุโสสอง เจ้ากำลังพยายามจะสื่ออะไร ? เจ้ากล้าที่จะสงสัยในตัวของท่านผู้คุมกฎหรือ ? เจ้าสัมผัสไม่ได้ถึงปราณของผู้คุมกฎหรือไง ? “

“ใจเย็นก่อน ท่านผู้อาวุโสสูงสุด คนคนนั้นมีปราณของผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราจริงแต่เราไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของเขา อีกทั้งพวกเรายังไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราเลย ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องรู้เกี่ยวกับตัวตนของคนคนนี้ เพราะว่าตำแหน่งผู้คุมกฎนั้นสามารถควบคุมชะตากรรมของทั้งเผ่าได้ พวกไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ได้” ผู้อาวุโสสองพูดอย่างสงบ

ผู้อาวุโสสูงสุดฉุนเฉียว “ผู้อาวุโสสอง ผู้คุมกฎเป็นตำแหน่งที่สืบทอดอำนาจของเผ่าของพวกเรานั้นเป็นสิ่งที่ถกเถียงไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นผู้คุมกฎของทุกคนในเผ่าเต่าและทุกคนเป็นคนของเขา พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัยในตัวตนของเขา ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุด ข้าจะขอประกาศยกเลิกตำแหน่งของผู้นำเผ่าไป สมาชิกทุกคนของเผ่าจะฟังผู้คุมกฎและเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น คำพูดของเขาถือเป็นที่สุด”

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด มันต้องมีข้อตกลงระหว่างพวกเราทั้งสามก่อนที่จะยกเลิกตำแหน่งผู้นำเผ่า ข้าขอลบล้างการตัดสินใจของท่านภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้เพราะว่าเรายังไม่แน่ใจในตัวตนของเขา” ผู้อาวุโสสองพูด

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เขาอาจจะมีปราณของผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราแต่ที่มาของเขายังมีข้อกังขาอีกมาก อีกทั้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นสำคัญมาก ข้ารู้สึกว่าพวกเราไม่ควรจะรีบร้อน ทำไมเราไม่พักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วหารือกันอีกทีภายหลัง” ผู้อาวุโสสามออกความคิดเห็นและเห็นด้วยกับผู้อาวุโสสอง

“จะ จะ เจ้าไม่ปฏิบัติต่อผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราด้วยความเคารพเลยแม้แต่น้อย เจ้ากล้าดียังไง ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่ชี้หน้าผู้อาวุโสทั้งสอง เขาโมโหมาก หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่คนอื่นในโถงและถามอย่างเคร่งเครียด “พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไร ? พวกเจ้าจะปฏิเสธผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราเหมือนผู้อาวุโสสองและสามหรือไม่ ? “

เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดมองหน้ากันและกันหลังจากที่ได้ยิน พวกเขาแสดงท่าทางข้องใจออกมาและปิดปากเงียบ พวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเห็นด้วยกับผู้อาวุโสทั้งสองอย่างเงียบ ๆ

“เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่คิดเลยว่ากลุ่มของพวกเจ้าจะเมินเฉยข้าเพราะว่าข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนที่โถงและไม่ค่อยได้ออกมายุ่งกับเรื่องราวของเผ่า” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดโกรธเกรี้ยวมาก เขากระแทกไม้เท้าลงไปอย่างแรงและเชิดอกขึ้นและแสดงอารมณ์อวดตัวขึ้นมา

เจี้ยนเฉินมองดูอย่างสงบแต่เขาก็แอบดีใจอยู่ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาอยากจะให้เป็นตั้งแต่แรกเพราะว่าเขาไม่สนใจในการที่จะเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เขาจำเป็นที่จะต้องออกไปจากอาณาจักรทะเลในไม่ช้าก็เร็ว

เมื่อได้เห็นว่าเวลาเหมาะสมแล้ว เขาก็ยืนขึ้นจากบัลลังก์แล้วพูด “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ไม่มีประโยชน์ที่ท่านจะไปถกเถียงอีกต่อไปแล้ว ข้าจะไม่เป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ผู้เยาว์ขออำลา” เจี้ยนเฉินออกจากห้องโถงไปหลังจากพูดจบ เขาไม่แสดงท่าทีไม่เต็มใจเลย

ไม่มีใครในโถงหยุดเจี้ยนเฉิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับในเจี้ยนเฉินเพราะว่าผู้อาวุโสสองและสาม แต่ปราณของผู้คุมกฎของเขานั้นเป็นของจริง มันยากมากที่จะปลอมได้

ผู้อาวุโสสูงสุดยืนอยู่อย่างโกรธเกรี้ยวหน้าบัลลังก์ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่มีหน้าที่จะหยุดเจี้ยนเฉินเอาไว้ เขาได้แต่ปล่อยให้เจี้ยนเฉินจากไป

เมื่อเจี้ยนเฉินออกไปจากทางเข้าหลัก เขาเห็นซี่หวังกำลังถกเถียงอย่างไม่พอใจกับองครักษ์ที่รักษาการณ์อยู่ที่นั่น เขาตามเจี้ยนเฉินมาแต่เขานั้นไม่เร็วเท่าผู้อาวุโสสูงสุด ดังนั้นเขาจึงถูกนำห่างไปไกล เมื่อเขามาถึงที่นี่ ทั้งสองก็เข้าไปด้านในแล้ว เขาจึงเข้าไปในเผ่าไม่ได้หากไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดคอยนำทาง ดังนั้นเขาจึงกำลังเถียงกับยามรักษาการที่อยู่ที่ทางเข้าหลัก

“ซี่หวัง” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาและรีบเข้าไปหาเขา

เมื่อได้เห็นเจี้ยนเฉินเดินออกมาจากข้างใน ซี่หวังก็หยุดพูดกับยามรักษาการทันที เขามองขึ้นลงที่เจี้ยนเฉินและพูด “เจ้าออกมาเสียที เป็นยังไงบ้าง ? เจ้าได้กลายเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่าหรือยัง ? “

คำพูดที่ซี่หวังพูดออกมาทำให้ยามรักษาการตกใจและสายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมพวกเขาถึงได้รู้สึกเคารพและเกรงกลัวคนคนนี้ สุดท้ายเพราะว่าเขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าของพวกเขา

“อย่าเพิ่งพูดถึงมันดีกว่า พวกเราไปกันเถอะ” เจี้ยนเฉินยังคงสงบนิ่งในขณะที่เขาเดินออกมาภายใต้สายตาที่ยามรักษาการมองเขาอย่างสับสน หลังจากนั้น พวกเจี้ยนเฉินก็ทะยานขึ้นไป

ซี่หวังมองไปที่ด้านหลังของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาบินออกไปด้วยความสงสัย สีหน้าของเขาแสดงท่าทีครุ่นคิดแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาออกไปพร้อมกับเจี้ยนเฉิน

“เฮ้อ เกิดอะไรขึ้นในเผ่าเต่ากัน ? พวกเขาจำคนผิดและเจ้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าอย่างนั้นหรือ ? ” ซี่หวังไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ใช่ พวกเขาจำคนผิด ข้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า” เจี้ยนเฉินตอบกลับ เขาใจเย็นมากและไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่เผ่าเต่า

ทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดจบ มิติรอบ ๆ ก็หยุดลง มันยึดทั้งคู่ไว้อย่างแน่นกลางอากาศทำให้พวกเขาขยับเขยื้อนไม่ได้

ฉิงยี่หยวนในชุดขาวปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง ใบหน้าของนางเย็นชาในขณะที่นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน นางพูด “ข้าจะดูว่าเจ้าจะหนียังไงคราวนี้”

เจี้ยนเฉินเพ่งสายตาไปแล้วพูด “ผู้อาวุโส ท่านจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าอาจจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดข้าไม่ให้เอาชิ้นส่วนแผนที่คืนมาได้” ฉิงยี่หยวนพูดอย่างเย็นชา นางพุ่งตรงไปที่แหวนมิติของเจี้ยนเฉิน

รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนหน้าของเจี้ยนเฉิน เขารู้ว่าฉิงยี่หยวนสะกดรอยตามเขามานานแล้วซึ่งทำให้เขาสลับแหวนมิติไปแล้ว เขาเก็นแหวนมิติซึ่งเก็บของสำคัญทั้งหมดเอาไว้ในวัตถุเซียนแล้ว

ฉิงยี่หยวนหาทั่วทั้งแหวนมิติแต่นางก็ไม่เจอร่องรอยของชิ้นส่วนแผนที่เลย ใบหน้าของนางห่อเหี่ยวและจ้องอย่างดุร้ายไปที่เจี้ยนเฉินแล้วตะโกนออกมา “พูดมา ! เจ้าเอาชิ้นส่วนแผนที่ไปไว้ไหน ? ! “

“ผู้อาวุโสฉิงยี่หยวน ข้ายังต้องใช้ประโยชน์จากชิ้นส่วนแผนที่อีกมาก ดังนั้นข้าจะไม่ให้มันกับท่าน” เจี้ยนเฉินพูด

“เอาล่ะ เมื่อเจ้าไม่ยอมมอบให้ดี ๆ อย่ามาโทษข้าที่ทำรุนแรงล่ะ ข้าอาจจะฆ่าเจ้าไม่ได้แต่ข้ามีวิธีที่จะทรมานเจ้า มากับข้า” ฉิงยี่หยวนมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในหริบตา และจับเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยนิ้วที่สวยงามของนาง อย่างไรก็ตาม นางมองไปที่ซี่หวังแล้วพูด “เจ้าจะต้องมากับข้าเหมือนกัน เจ้าจะได้ไม่หลุดปากไปบอกใคร” ฉิงยี่หยวนใช้มืออีกข้างคว้าซี่หวังเอาไว้และออกไปพร้อมกับคนทั้งสอง

“ฉิงยี่หยวน เจ้ากล้าปฏิบัติติ่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าแบบนั้นได้อย่างไร” ในตอนนี้ เสียงดังได้ยินมาแต่ไกล มันคือเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่าที่พุ่งเข้ามาอย่างมุ่งร้ายด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล

“บ้าเอ้ย เจ้าเต่าแก่มายุ่งเรื่องของข้าในตอนนี้พอดี” ฉิงยี่หยวนขมวดคิ้วแต่มือที่จับทั้งสองไว้ก็ไม่คลายออกเลยแม้แต่น้อย

“ฉิงยี่หยวน ทำไมเจ้าไม่ปล่อยผู้คุมกฎของข้าไปล่ะ ? อย่ามาตำหนิข้าหากข้าไปรายงานเรื่องนี้กับท่านเจ้าศาลานะ” ผู้อาวุโสสูงสุดมาถึงตรงหน้าของฉิงยี่หยวนและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ในตอนนี้ เขาดูตัวไม่เล็กเลยเมื่อเทียบกับหลังที่ค่อมของเขา

ความกลัวลึก ๆ ปรากฏขึ้นในแววตาของฉิงยี่หยวนทันทีที่นางได้ยินเขาเอ่ยถึงเจ้าศาลา นางคิด “ท่านเจ้าศาลาถือคนผู้นี้เป็นคนสำคัญมากและยังให้สถานะแขกกับเขาด้วยตัวเองอีก ถ้าข้าเอาตัวเขาไป เจ้าเต่าแก่นี่ต้องไปรายงานท่านเจ้าศาลาแน่ ข้าจะต้องมีปัญหาแน่ถ้างั้น เฮ้อ ช่างเถอะ” ฉิงยี่หยวนเลิกล้มความคิดที่จะเอาตัวเจี้ยนเฉินไป นางพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนครั้งนี้ ถ้าเจ้าไม่ให้ชิ้นส่วนแผนที่กับข้า ข้าจะตามติดเจ้าไปเรื่อย ๆ ” ฉิงยี่หยวนจากไปหลังจากพูดแบบนั้น นางบินไปไวมากและหายไปในพริบตา

“ท่านผู้คุมกฎ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและถามอย่างกังวล

“โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดมาทันเวลา ไม่ใช่นั้นช้าอาจจะมีปัญหาได้” เจี้ยนเฉินพูดอย่างซึ้งใจ

ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดในขณะที่เขาพูด “ฉิงยี่หยวนทรงพลังมาก การโจมตีของนางนั้นเร็วและรุนแรง ในขณะที่คนของเผ่าเต่านั้นมีพลังป้องกันที่สูงแต่การโจมตีที่ต่ำ ถ้าพวกเราต้องต่อสู้กันจริง ๆ ข้าคงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย โชคดีที่นางกลัวท่านเจ้าศาลา ไม่เช่นนั้นข้าก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ท่านผู้คุมกฎ ท่านอยู่ภายใต้การจับตามองของฉิงยี่หยวนในตอนนี้ ท่านควรกลับไปที่เผ่ากับข้า ตราบใดที่ท่านผู้คุมกฎยังอยู่ที่นั่น ฉิงยี่หยวนจะไม่มารบกวนแน่ไม่ว่านางจะกล้าแค่ไหนก็ตาม เผ่าของพวกเราอาจจะไม่แข็งแกร่งแต่พวกเราก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นางไม่กล้าที่จะสร้างปัญหากับพวกเราในฐานะที่นางเป็นคนนอกหรอก”

“ข้าขอบคุณในความห่วงใยของท่านผู้อาวุโสสูงสุดมาก แต่เผ่าไม่ใช่ที่ของข้า ข้ามีที่อื่น” เจี้ยนเฉินปฎิเสธไปตรง ๆ

ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจและพูด “ดูเหมือนว่าผู้คุมกฎจะโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันเป็นเวลากว่าสามหมื่นปีแล้วที่พวกเราไม่มีผู้คุมกฎซึ่งทำให้ความยิ่งใหญ่ของเผ่าของพวกเราลดลงไป แต่ไม่ต้องกังวลไปท่านผู้คุมกฎ ข้าจะจัดการทุกอย่างในเผ่าในเวลาอันสั้นนี้เพื่อที่จะทำให้ท่านผู้คุมกฎกลับมามีอำนาจได้สำเร็จ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง

“มันคือปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราจริง ๆ ” ผู้อาวุโสสองและสามตกใจในใจ สายตาที่พวกเขามองไปทางเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยและค่อนข้างผสมปนเปไป

ผู้อาวุโสสูงสุดกวาดสายตามองผู้คนด้านล่างด้วยตาที่เบิกกว้างและพูดอย่างภูมิใจ “ข้าเชื่อว่าทุก ๆ คนสัมผัสได้ถึงปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเรา มันเป็นเวลากว่าสามหมื่นปีแล้วที่เผ่าของพวกเราไม่มีผู้คุมกฎ ภายใต้การนำของผู้คุมกฎเท่านั้นพวกเราถึงจะยิ่งใหญ่ได้ ทุก ๆ คน ทำไมพวกเจ้าไม่คำนับท่านผู้คุมกฎล่ะ ? “

ทันใดนั้นเอง คนกลุ่มหนึ่งก็คุกเข่าลงและกำลังจะคำนับเจี้ยนเฉิน

“ช้าก่อน” ผู้อาวุโสสองตะโกนออกมาเพื่อหยุดพวกเขา เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสนใจและป้องมือออกไป “ข้าถามชื่อของท่านได้หรือไม่ ? ท่านเกิดที่เผ่าไหน ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของท่านมาก่อน ? ท่านมาจากไหนกันแน่ ? ” ผู้อาวุโสที่สองถามคำถามเหล่านี้อย่างองอาจ เขาไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย จากมุมมองของเขา เขาไม่ได้เคารพผู้คุมกฎเลย

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ เขารู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องตอบคำถามของผู้อาวุโสสอง เพราะว่าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้คุมกฎของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะไข่มุกจิตวิญญาณน้ำที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้เขามา

คำพูดของผู้อาวุโสสองทำให้ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาพูดต่อเสียงแหบห้าว “ผู้อาวุโสสอง เจ้ากำลังพยายามจะสื่ออะไร ? เจ้ากล้าที่จะสงสัยในตัวของท่านผู้คุมกฎหรือ ? เจ้าสัมผัสไม่ได้ถึงปราณของผู้คุมกฎหรือไง ? “

“ใจเย็นก่อน ท่านผู้อาวุโสสูงสุด คนคนนั้นมีปราณของผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราจริงแต่เราไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของเขา อีกทั้งพวกเรายังไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราเลย ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องรู้เกี่ยวกับตัวตนของคนคนนี้ เพราะว่าตำแหน่งผู้คุมกฎนั้นสามารถควบคุมชะตากรรมของทั้งเผ่าได้ พวกไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ได้” ผู้อาวุโสสองพูดอย่างสงบ

ผู้อาวุโสสูงสุดฉุนเฉียว “ผู้อาวุโสสอง ผู้คุมกฎเป็นตำแหน่งที่สืบทอดอำนาจของเผ่าของพวกเรานั้นเป็นสิ่งที่ถกเถียงไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นผู้คุมกฎของทุกคนในเผ่าเต่าและทุกคนเป็นคนของเขา พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัยในตัวตนของเขา ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุด ข้าจะขอประกาศยกเลิกตำแหน่งของผู้นำเผ่าไป สมาชิกทุกคนของเผ่าจะฟังผู้คุมกฎและเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น คำพูดของเขาถือเป็นที่สุด”

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด มันต้องมีข้อตกลงระหว่างพวกเราทั้งสามก่อนที่จะยกเลิกตำแหน่งผู้นำเผ่า ข้าขอลบล้างการตัดสินใจของท่านภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้เพราะว่าเรายังไม่แน่ใจในตัวตนของเขา” ผู้อาวุโสสองพูด

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เขาอาจจะมีปราณของผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราแต่ที่มาของเขายังมีข้อกังขาอีกมาก อีกทั้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นสำคัญมาก ข้ารู้สึกว่าพวกเราไม่ควรจะรีบร้อน ทำไมเราไม่พักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วหารือกันอีกทีภายหลัง” ผู้อาวุโสสามออกความคิดเห็นและเห็นด้วยกับผู้อาวุโสสอง

“จะ จะ เจ้าไม่ปฏิบัติต่อผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราด้วยความเคารพเลยแม้แต่น้อย เจ้ากล้าดียังไง ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่ชี้หน้าผู้อาวุโสทั้งสอง เขาโมโหมาก หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่คนอื่นในโถงและถามอย่างเคร่งเครียด “พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไร ? พวกเจ้าจะปฏิเสธผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราเหมือนผู้อาวุโสสองและสามหรือไม่ ? “

เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดมองหน้ากันและกันหลังจากที่ได้ยิน พวกเขาแสดงท่าทางข้องใจออกมาและปิดปากเงียบ พวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเห็นด้วยกับผู้อาวุโสทั้งสองอย่างเงียบ ๆ

“เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่คิดเลยว่ากลุ่มของพวกเจ้าจะเมินเฉยข้าเพราะว่าข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนที่โถงและไม่ค่อยได้ออกมายุ่งกับเรื่องราวของเผ่า” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดโกรธเกรี้ยวมาก เขากระแทกไม้เท้าลงไปอย่างแรงและเชิดอกขึ้นและแสดงอารมณ์อวดตัวขึ้นมา

เจี้ยนเฉินมองดูอย่างสงบแต่เขาก็แอบดีใจอยู่ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาอยากจะให้เป็นตั้งแต่แรกเพราะว่าเขาไม่สนใจในการที่จะเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เขาจำเป็นที่จะต้องออกไปจากอาณาจักรทะเลในไม่ช้าก็เร็ว

เมื่อได้เห็นว่าเวลาเหมาะสมแล้ว เขาก็ยืนขึ้นจากบัลลังก์แล้วพูด “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ไม่มีประโยชน์ที่ท่านจะไปถกเถียงอีกต่อไปแล้ว ข้าจะไม่เป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ผู้เยาว์ขออำลา” เจี้ยนเฉินออกจากห้องโถงไปหลังจากพูดจบ เขาไม่แสดงท่าทีไม่เต็มใจเลย

ไม่มีใครในโถงหยุดเจี้ยนเฉิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับในเจี้ยนเฉินเพราะว่าผู้อาวุโสสองและสาม แต่ปราณของผู้คุมกฎของเขานั้นเป็นของจริง มันยากมากที่จะปลอมได้

ผู้อาวุโสสูงสุดยืนอยู่อย่างโกรธเกรี้ยวหน้าบัลลังก์ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่มีหน้าที่จะหยุดเจี้ยนเฉินเอาไว้ เขาได้แต่ปล่อยให้เจี้ยนเฉินจากไป

เมื่อเจี้ยนเฉินออกไปจากทางเข้าหลัก เขาเห็นซี่หวังกำลังถกเถียงอย่างไม่พอใจกับองครักษ์ที่รักษาการณ์อยู่ที่นั่น เขาตามเจี้ยนเฉินมาแต่เขานั้นไม่เร็วเท่าผู้อาวุโสสูงสุด ดังนั้นเขาจึงถูกนำห่างไปไกล เมื่อเขามาถึงที่นี่ ทั้งสองก็เข้าไปด้านในแล้ว เขาจึงเข้าไปในเผ่าไม่ได้หากไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดคอยนำทาง ดังนั้นเขาจึงกำลังเถียงกับยามรักษาการที่อยู่ที่ทางเข้าหลัก

“ซี่หวัง” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาและรีบเข้าไปหาเขา

เมื่อได้เห็นเจี้ยนเฉินเดินออกมาจากข้างใน ซี่หวังก็หยุดพูดกับยามรักษาการทันที เขามองขึ้นลงที่เจี้ยนเฉินและพูด “เจ้าออกมาเสียที เป็นยังไงบ้าง ? เจ้าได้กลายเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่าหรือยัง ? “

คำพูดที่ซี่หวังพูดออกมาทำให้ยามรักษาการตกใจและสายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมพวกเขาถึงได้รู้สึกเคารพและเกรงกลัวคนคนนี้ สุดท้ายเพราะว่าเขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าของพวกเขา

“อย่าเพิ่งพูดถึงมันดีกว่า พวกเราไปกันเถอะ” เจี้ยนเฉินยังคงสงบนิ่งในขณะที่เขาเดินออกมาภายใต้สายตาที่ยามรักษาการมองเขาอย่างสับสน หลังจากนั้น พวกเจี้ยนเฉินก็ทะยานขึ้นไป

ซี่หวังมองไปที่ด้านหลังของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาบินออกไปด้วยความสงสัย สีหน้าของเขาแสดงท่าทีครุ่นคิดแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาออกไปพร้อมกับเจี้ยนเฉิน

“เฮ้อ เกิดอะไรขึ้นในเผ่าเต่ากัน ? พวกเขาจำคนผิดและเจ้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าอย่างนั้นหรือ ? ” ซี่หวังไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ใช่ พวกเขาจำคนผิด ข้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า” เจี้ยนเฉินตอบกลับ เขาใจเย็นมากและไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่เผ่าเต่า

ทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดจบ มิติรอบ ๆ ก็หยุดลง มันยึดทั้งคู่ไว้อย่างแน่นกลางอากาศทำให้พวกเขาขยับเขยื้อนไม่ได้

ฉิงยี่หยวนในชุดขาวปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง ใบหน้าของนางเย็นชาในขณะที่นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน นางพูด “ข้าจะดูว่าเจ้าจะหนียังไงคราวนี้”

เจี้ยนเฉินเพ่งสายตาไปแล้วพูด “ผู้อาวุโส ท่านจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าอาจจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดข้าไม่ให้เอาชิ้นส่วนแผนที่คืนมาได้” ฉิงยี่หยวนพูดอย่างเย็นชา นางพุ่งตรงไปที่แหวนมิติของเจี้ยนเฉิน

รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนหน้าของเจี้ยนเฉิน เขารู้ว่าฉิงยี่หยวนสะกดรอยตามเขามานานแล้วซึ่งทำให้เขาสลับแหวนมิติไปแล้ว เขาเก็นแหวนมิติซึ่งเก็บของสำคัญทั้งหมดเอาไว้ในวัตถุเซียนแล้ว

ฉิงยี่หยวนหาทั่วทั้งแหวนมิติแต่นางก็ไม่เจอร่องรอยของชิ้นส่วนแผนที่เลย ใบหน้าของนางห่อเหี่ยวและจ้องอย่างดุร้ายไปที่เจี้ยนเฉินแล้วตะโกนออกมา “พูดมา ! เจ้าเอาชิ้นส่วนแผนที่ไปไว้ไหน ? ! “

“ผู้อาวุโสฉิงยี่หยวน ข้ายังต้องใช้ประโยชน์จากชิ้นส่วนแผนที่อีกมาก ดังนั้นข้าจะไม่ให้มันกับท่าน” เจี้ยนเฉินพูด

“เอาล่ะ เมื่อเจ้าไม่ยอมมอบให้ดี ๆ อย่ามาโทษข้าที่ทำรุนแรงล่ะ ข้าอาจจะฆ่าเจ้าไม่ได้แต่ข้ามีวิธีที่จะทรมานเจ้า มากับข้า” ฉิงยี่หยวนมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในหริบตา และจับเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยนิ้วที่สวยงามของนาง อย่างไรก็ตาม นางมองไปที่ซี่หวังแล้วพูด “เจ้าจะต้องมากับข้าเหมือนกัน เจ้าจะได้ไม่หลุดปากไปบอกใคร” ฉิงยี่หยวนใช้มืออีกข้างคว้าซี่หวังเอาไว้และออกไปพร้อมกับคนทั้งสอง

“ฉิงยี่หยวน เจ้ากล้าปฏิบัติติ่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าแบบนั้นได้อย่างไร” ในตอนนี้ เสียงดังได้ยินมาแต่ไกล มันคือเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่าที่พุ่งเข้ามาอย่างมุ่งร้ายด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล

“บ้าเอ้ย เจ้าเต่าแก่มายุ่งเรื่องของข้าในตอนนี้พอดี” ฉิงยี่หยวนขมวดคิ้วแต่มือที่จับทั้งสองไว้ก็ไม่คลายออกเลยแม้แต่น้อย

“ฉิงยี่หยวน ทำไมเจ้าไม่ปล่อยผู้คุมกฎของข้าไปล่ะ ? อย่ามาตำหนิข้าหากข้าไปรายงานเรื่องนี้กับท่านเจ้าศาลานะ” ผู้อาวุโสสูงสุดมาถึงตรงหน้าของฉิงยี่หยวนและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ในตอนนี้ เขาดูตัวไม่เล็กเลยเมื่อเทียบกับหลังที่ค่อมของเขา

ความกลัวลึก ๆ ปรากฏขึ้นในแววตาของฉิงยี่หยวนทันทีที่นางได้ยินเขาเอ่ยถึงเจ้าศาลา นางคิด “ท่านเจ้าศาลาถือคนผู้นี้เป็นคนสำคัญมากและยังให้สถานะแขกกับเขาด้วยตัวเองอีก ถ้าข้าเอาตัวเขาไป เจ้าเต่าแก่นี่ต้องไปรายงานท่านเจ้าศาลาแน่ ข้าจะต้องมีปัญหาแน่ถ้างั้น เฮ้อ ช่างเถอะ” ฉิงยี่หยวนเลิกล้มความคิดที่จะเอาตัวเจี้ยนเฉินไป นางพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนครั้งนี้ ถ้าเจ้าไม่ให้ชิ้นส่วนแผนที่กับข้า ข้าจะตามติดเจ้าไปเรื่อย ๆ ” ฉิงยี่หยวนจากไปหลังจากพูดแบบนั้น นางบินไปไวมากและหายไปในพริบตา

“ท่านผู้คุมกฎ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและถามอย่างกังวล

“โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดมาทันเวลา ไม่ใช่นั้นช้าอาจจะมีปัญหาได้” เจี้ยนเฉินพูดอย่างซึ้งใจ

ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดในขณะที่เขาพูด “ฉิงยี่หยวนทรงพลังมาก การโจมตีของนางนั้นเร็วและรุนแรง ในขณะที่คนของเผ่าเต่านั้นมีพลังป้องกันที่สูงแต่การโจมตีที่ต่ำ ถ้าพวกเราต้องต่อสู้กันจริง ๆ ข้าคงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย โชคดีที่นางกลัวท่านเจ้าศาลา ไม่เช่นนั้นข้าก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ท่านผู้คุมกฎ ท่านอยู่ภายใต้การจับตามองของฉิงยี่หยวนในตอนนี้ ท่านควรกลับไปที่เผ่ากับข้า ตราบใดที่ท่านผู้คุมกฎยังอยู่ที่นั่น ฉิงยี่หยวนจะไม่มารบกวนแน่ไม่ว่านางจะกล้าแค่ไหนก็ตาม เผ่าของพวกเราอาจจะไม่แข็งแกร่งแต่พวกเราก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นางไม่กล้าที่จะสร้างปัญหากับพวกเราในฐานะที่นางเป็นคนนอกหรอก”

“ข้าขอบคุณในความห่วงใยของท่านผู้อาวุโสสูงสุดมาก แต่เผ่าไม่ใช่ที่ของข้า ข้ามีที่อื่น” เจี้ยนเฉินปฎิเสธไปตรง ๆ

ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจและพูด “ดูเหมือนว่าผู้คุมกฎจะโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันเป็นเวลากว่าสามหมื่นปีแล้วที่พวกเราไม่มีผู้คุมกฎซึ่งทำให้ความยิ่งใหญ่ของเผ่าของพวกเราลดลงไป แต่ไม่ต้องกังวลไปท่านผู้คุมกฎ ข้าจะจัดการทุกอย่างในเผ่าในเวลาอันสั้นนี้เพื่อที่จะทำให้ท่านผู้คุมกฎกลับมามีอำนาจได้สำเร็จ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 899: พบกับฉิงยี่หยวนอีกครั้ง

“มันคือปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราจริง ๆ ” ผู้อาวุโสสองและสามตกใจในใจ สายตาที่พวกเขามองไปทางเจี้ยนเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อยและค่อนข้างผสมปนเปไป

ผู้อาวุโสสูงสุดกวาดสายตามองผู้คนด้านล่างด้วยตาที่เบิกกว้างและพูดอย่างภูมิใจ “ข้าเชื่อว่าทุก ๆ คนสัมผัสได้ถึงปราณของผู้คุมกฎของเผ่าเรา มันเป็นเวลากว่าสามหมื่นปีแล้วที่เผ่าของพวกเราไม่มีผู้คุมกฎ ภายใต้การนำของผู้คุมกฎเท่านั้นพวกเราถึงจะยิ่งใหญ่ได้ ทุก ๆ คน ทำไมพวกเจ้าไม่คำนับท่านผู้คุมกฎล่ะ ? “

ทันใดนั้นเอง คนกลุ่มหนึ่งก็คุกเข่าลงและกำลังจะคำนับเจี้ยนเฉิน

“ช้าก่อน” ผู้อาวุโสสองตะโกนออกมาเพื่อหยุดพวกเขา เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความสนใจและป้องมือออกไป “ข้าถามชื่อของท่านได้หรือไม่ ? ท่านเกิดที่เผ่าไหน ? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินเรื่องของท่านมาก่อน ? ท่านมาจากไหนกันแน่ ? ” ผู้อาวุโสที่สองถามคำถามเหล่านี้อย่างองอาจ เขาไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย จากมุมมองของเขา เขาไม่ได้เคารพผู้คุมกฎเลย

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ เขารู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องตอบคำถามของผู้อาวุโสสอง เพราะว่าเขารู้ดีอยู่แล้วว่าเขาไม่ใช่ผู้คุมกฎของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเพราะไข่มุกจิตวิญญาณน้ำที่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลให้เขามา

คำพูดของผู้อาวุโสสองทำให้ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาพูดต่อเสียงแหบห้าว “ผู้อาวุโสสอง เจ้ากำลังพยายามจะสื่ออะไร ? เจ้ากล้าที่จะสงสัยในตัวของท่านผู้คุมกฎหรือ ? เจ้าสัมผัสไม่ได้ถึงปราณของผู้คุมกฎหรือไง ? “

“ใจเย็นก่อน ท่านผู้อาวุโสสูงสุด คนคนนั้นมีปราณของผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราจริงแต่เราไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของเขา อีกทั้งพวกเรายังไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราเลย ดังนั้นข้าจึงรู้สึกว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องรู้เกี่ยวกับตัวตนของคนคนนี้ เพราะว่าตำแหน่งผู้คุมกฎนั้นสามารถควบคุมชะตากรรมของทั้งเผ่าได้ พวกไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ได้” ผู้อาวุโสสองพูดอย่างสงบ

ผู้อาวุโสสูงสุดฉุนเฉียว “ผู้อาวุโสสอง ผู้คุมกฎเป็นตำแหน่งที่สืบทอดอำนาจของเผ่าของพวกเรานั้นเป็นสิ่งที่ถกเถียงไม่ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นผู้คุมกฎของทุกคนในเผ่าเต่าและทุกคนเป็นคนของเขา พวกเราไม่มีสิทธิ์ที่จะสงสัยในตัวตนของเขา ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสสูงสุด ข้าจะขอประกาศยกเลิกตำแหน่งของผู้นำเผ่าไป สมาชิกทุกคนของเผ่าจะฟังผู้คุมกฎและเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น คำพูดของเขาถือเป็นที่สุด”

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด มันต้องมีข้อตกลงระหว่างพวกเราทั้งสามก่อนที่จะยกเลิกตำแหน่งผู้นำเผ่า ข้าขอลบล้างการตัดสินใจของท่านภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้เพราะว่าเรายังไม่แน่ใจในตัวตนของเขา” ผู้อาวุโสสองพูด

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เขาอาจจะมีปราณของผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราแต่ที่มาของเขายังมีข้อกังขาอีกมาก อีกทั้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นสำคัญมาก ข้ารู้สึกว่าพวกเราไม่ควรจะรีบร้อน ทำไมเราไม่พักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วหารือกันอีกทีภายหลัง” ผู้อาวุโสสามออกความคิดเห็นและเห็นด้วยกับผู้อาวุโสสอง

“จะ จะ เจ้าไม่ปฏิบัติต่อผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราด้วยความเคารพเลยแม้แต่น้อย เจ้ากล้าดียังไง ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดอย่างโกรธเกรี้ยวในขณะที่ชี้หน้าผู้อาวุโสทั้งสอง เขาโมโหมาก หลังจากนั้น เขาก็มองไปที่คนอื่นในโถงและถามอย่างเคร่งเครียด “พวกเจ้าตั้งใจจะทำอะไร ? พวกเจ้าจะปฏิเสธผู้คุมกฎของเผ่าพวกเราเหมือนผู้อาวุโสสองและสามหรือไม่ ? “

เซียนผู้คุมกฎทั้งหมดมองหน้ากันและกันหลังจากที่ได้ยิน พวกเขาแสดงท่าทางข้องใจออกมาและปิดปากเงียบ พวกเขาแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเห็นด้วยกับผู้อาวุโสทั้งสองอย่างเงียบ ๆ

“เอาล่ะ เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่คิดเลยว่ากลุ่มของพวกเจ้าจะเมินเฉยข้าเพราะว่าข้าใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนที่โถงและไม่ค่อยได้ออกมายุ่งกับเรื่องราวของเผ่า” ท่านผู้อาวุโสสูงสุดโกรธเกรี้ยวมาก เขากระแทกไม้เท้าลงไปอย่างแรงและเชิดอกขึ้นและแสดงอารมณ์อวดตัวขึ้นมา

เจี้ยนเฉินมองดูอย่างสงบแต่เขาก็แอบดีใจอยู่ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาอยากจะให้เป็นตั้งแต่แรกเพราะว่าเขาไม่สนใจในการที่จะเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า เขาจำเป็นที่จะต้องออกไปจากอาณาจักรทะเลในไม่ช้าก็เร็ว

เมื่อได้เห็นว่าเวลาเหมาะสมแล้ว เขาก็ยืนขึ้นจากบัลลังก์แล้วพูด “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ไม่มีประโยชน์ที่ท่านจะไปถกเถียงอีกต่อไปแล้ว ข้าจะไม่เป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่า ผู้เยาว์ขออำลา” เจี้ยนเฉินออกจากห้องโถงไปหลังจากพูดจบ เขาไม่แสดงท่าทีไม่เต็มใจเลย

ไม่มีใครในโถงหยุดเจี้ยนเฉิน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยอมรับในเจี้ยนเฉินเพราะว่าผู้อาวุโสสองและสาม แต่ปราณของผู้คุมกฎของเขานั้นเป็นของจริง มันยากมากที่จะปลอมได้

ผู้อาวุโสสูงสุดยืนอยู่อย่างโกรธเกรี้ยวหน้าบัลลังก์ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็ไม่มีหน้าที่จะหยุดเจี้ยนเฉินเอาไว้ เขาได้แต่ปล่อยให้เจี้ยนเฉินจากไป

เมื่อเจี้ยนเฉินออกไปจากทางเข้าหลัก เขาเห็นซี่หวังกำลังถกเถียงอย่างไม่พอใจกับองครักษ์ที่รักษาการณ์อยู่ที่นั่น เขาตามเจี้ยนเฉินมาแต่เขานั้นไม่เร็วเท่าผู้อาวุโสสูงสุด ดังนั้นเขาจึงถูกนำห่างไปไกล เมื่อเขามาถึงที่นี่ ทั้งสองก็เข้าไปด้านในแล้ว เขาจึงเข้าไปในเผ่าไม่ได้หากไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดคอยนำทาง ดังนั้นเขาจึงกำลังเถียงกับยามรักษาการที่อยู่ที่ทางเข้าหลัก

“ซี่หวัง” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาและรีบเข้าไปหาเขา

เมื่อได้เห็นเจี้ยนเฉินเดินออกมาจากข้างใน ซี่หวังก็หยุดพูดกับยามรักษาการทันที เขามองขึ้นลงที่เจี้ยนเฉินและพูด “เจ้าออกมาเสียที เป็นยังไงบ้าง ? เจ้าได้กลายเป็นผู้คุมกฎของเผ่าเต่าหรือยัง ? “

คำพูดที่ซี่หวังพูดออกมาทำให้ยามรักษาการตกใจและสายตาที่พวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าทำไมพวกเขาถึงได้รู้สึกเคารพและเกรงกลัวคนคนนี้ สุดท้ายเพราะว่าเขาเป็นผู้คุมกฎของเผ่าของพวกเขา

“อย่าเพิ่งพูดถึงมันดีกว่า พวกเราไปกันเถอะ” เจี้ยนเฉินยังคงสงบนิ่งในขณะที่เขาเดินออกมาภายใต้สายตาที่ยามรักษาการมองเขาอย่างสับสน หลังจากนั้น พวกเจี้ยนเฉินก็ทะยานขึ้นไป

ซี่หวังมองไปที่ด้านหลังของเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาบินออกไปด้วยความสงสัย สีหน้าของเขาแสดงท่าทีครุ่นคิดแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาออกไปพร้อมกับเจี้ยนเฉิน

“เฮ้อ เกิดอะไรขึ้นในเผ่าเต่ากัน ? พวกเขาจำคนผิดและเจ้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าอย่างนั้นหรือ ? ” ซี่หวังไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ใช่ พวกเขาจำคนผิด ข้าไม่ใช่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่า” เจี้ยนเฉินตอบกลับ เขาใจเย็นมากและไม่สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นที่เผ่าเต่า

ทันทีที่เจี้ยนเฉินพูดจบ มิติรอบ ๆ ก็หยุดลง มันยึดทั้งคู่ไว้อย่างแน่นกลางอากาศทำให้พวกเขาขยับเขยื้อนไม่ได้

ฉิงยี่หยวนในชุดขาวปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง ใบหน้าของนางเย็นชาในขณะที่นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน นางพูด “ข้าจะดูว่าเจ้าจะหนียังไงคราวนี้”

เจี้ยนเฉินเพ่งสายตาไปแล้วพูด “ผู้อาวุโส ท่านจะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ?”

“ข้าอาจจะไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่ก็ไม่มีอะไรหยุดข้าไม่ให้เอาชิ้นส่วนแผนที่คืนมาได้” ฉิงยี่หยวนพูดอย่างเย็นชา นางพุ่งตรงไปที่แหวนมิติของเจี้ยนเฉิน

รอยยิ้มเยาะปรากฏขึ้นบนหน้าของเจี้ยนเฉิน เขารู้ว่าฉิงยี่หยวนสะกดรอยตามเขามานานแล้วซึ่งทำให้เขาสลับแหวนมิติไปแล้ว เขาเก็นแหวนมิติซึ่งเก็บของสำคัญทั้งหมดเอาไว้ในวัตถุเซียนแล้ว

ฉิงยี่หยวนหาทั่วทั้งแหวนมิติแต่นางก็ไม่เจอร่องรอยของชิ้นส่วนแผนที่เลย ใบหน้าของนางห่อเหี่ยวและจ้องอย่างดุร้ายไปที่เจี้ยนเฉินแล้วตะโกนออกมา “พูดมา ! เจ้าเอาชิ้นส่วนแผนที่ไปไว้ไหน ? ! “

“ผู้อาวุโสฉิงยี่หยวน ข้ายังต้องใช้ประโยชน์จากชิ้นส่วนแผนที่อีกมาก ดังนั้นข้าจะไม่ให้มันกับท่าน” เจี้ยนเฉินพูด

“เอาล่ะ เมื่อเจ้าไม่ยอมมอบให้ดี ๆ อย่ามาโทษข้าที่ทำรุนแรงล่ะ ข้าอาจจะฆ่าเจ้าไม่ได้แต่ข้ามีวิธีที่จะทรมานเจ้า มากับข้า” ฉิงยี่หยวนมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในหริบตา และจับเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยนิ้วที่สวยงามของนาง อย่างไรก็ตาม นางมองไปที่ซี่หวังแล้วพูด “เจ้าจะต้องมากับข้าเหมือนกัน เจ้าจะได้ไม่หลุดปากไปบอกใคร” ฉิงยี่หยวนใช้มืออีกข้างคว้าซี่หวังเอาไว้และออกไปพร้อมกับคนทั้งสอง

“ฉิงยี่หยวน เจ้ากล้าปฏิบัติติ่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าแบบนั้นได้อย่างไร” ในตอนนี้ เสียงดังได้ยินมาแต่ไกล มันคือเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดของเผ่าเต่าที่พุ่งเข้ามาอย่างมุ่งร้ายด้วยพลังแห่งการมีอยู่ที่มหาศาล

“บ้าเอ้ย เจ้าเต่าแก่มายุ่งเรื่องของข้าในตอนนี้พอดี” ฉิงยี่หยวนขมวดคิ้วแต่มือที่จับทั้งสองไว้ก็ไม่คลายออกเลยแม้แต่น้อย

“ฉิงยี่หยวน ทำไมเจ้าไม่ปล่อยผู้คุมกฎของข้าไปล่ะ ? อย่ามาตำหนิข้าหากข้าไปรายงานเรื่องนี้กับท่านเจ้าศาลานะ” ผู้อาวุโสสูงสุดมาถึงตรงหน้าของฉิงยี่หยวนและคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ในตอนนี้ เขาดูตัวไม่เล็กเลยเมื่อเทียบกับหลังที่ค่อมของเขา

ความกลัวลึก ๆ ปรากฏขึ้นในแววตาของฉิงยี่หยวนทันทีที่นางได้ยินเขาเอ่ยถึงเจ้าศาลา นางคิด “ท่านเจ้าศาลาถือคนผู้นี้เป็นคนสำคัญมากและยังให้สถานะแขกกับเขาด้วยตัวเองอีก ถ้าข้าเอาตัวเขาไป เจ้าเต่าแก่นี่ต้องไปรายงานท่านเจ้าศาลาแน่ ข้าจะต้องมีปัญหาแน่ถ้างั้น เฮ้อ ช่างเถอะ” ฉิงยี่หยวนเลิกล้มความคิดที่จะเอาตัวเจี้ยนเฉินไป นางพูดอย่างเย็นชา “ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อนครั้งนี้ ถ้าเจ้าไม่ให้ชิ้นส่วนแผนที่กับข้า ข้าจะตามติดเจ้าไปเรื่อย ๆ ” ฉิงยี่หยวนจากไปหลังจากพูดแบบนั้น นางบินไปไวมากและหายไปในพริบตา

“ท่านผู้คุมกฎ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและถามอย่างกังวล

“โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดมาทันเวลา ไม่ใช่นั้นช้าอาจจะมีปัญหาได้” เจี้ยนเฉินพูดอย่างซึ้งใจ

ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดในขณะที่เขาพูด “ฉิงยี่หยวนทรงพลังมาก การโจมตีของนางนั้นเร็วและรุนแรง ในขณะที่คนของเผ่าเต่านั้นมีพลังป้องกันที่สูงแต่การโจมตีที่ต่ำ ถ้าพวกเราต้องต่อสู้กันจริง ๆ ข้าคงแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย โชคดีที่นางกลัวท่านเจ้าศาลา ไม่เช่นนั้นข้าก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ท่านผู้คุมกฎ ท่านอยู่ภายใต้การจับตามองของฉิงยี่หยวนในตอนนี้ ท่านควรกลับไปที่เผ่ากับข้า ตราบใดที่ท่านผู้คุมกฎยังอยู่ที่นั่น ฉิงยี่หยวนจะไม่มารบกวนแน่ไม่ว่านางจะกล้าแค่ไหนก็ตาม เผ่าของพวกเราอาจจะไม่แข็งแกร่งแต่พวกเราก็เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งของศาลาเทพเจ้าแห่งท้องทะเล นางไม่กล้าที่จะสร้างปัญหากับพวกเราในฐานะที่นางเป็นคนนอกหรอก”

“ข้าขอบคุณในความห่วงใยของท่านผู้อาวุโสสูงสุดมาก แต่เผ่าไม่ใช่ที่ของข้า ข้ามีที่อื่น” เจี้ยนเฉินปฎิเสธไปตรง ๆ

ผู้อาวุโสสูงสุดถอนหายใจและพูด “ดูเหมือนว่าผู้คุมกฎจะโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันเป็นเวลากว่าสามหมื่นปีแล้วที่พวกเราไม่มีผู้คุมกฎซึ่งทำให้ความยิ่งใหญ่ของเผ่าของพวกเราลดลงไป แต่ไม่ต้องกังวลไปท่านผู้คุมกฎ ข้าจะจัดการทุกอย่างในเผ่าในเวลาอันสั้นนี้เพื่อที่จะทำให้ท่านผู้คุมกฎกลับมามีอำนาจได้สำเร็จ”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+