Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 937: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (1)

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 937: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 937: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (1)

“บางทีอาจจะมีทางหนึ่งที่พวกเราจะสามารถทำลายทางเข้านี้ได้” เจี้ยนเฉินพูดออกมาด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

ใบหน้าของนูบิสสดใสขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสนใจแล้วถาม “เจี้ยนเฉิน เจ้ามีความคิดอะไรหรือ ? “

“ตามหายุทธภัณฑ์จักรพรรดิ และใช้พลังของมันเพื่อทำลายผ่านไป” เจี้ยนเฉินพูดออกมา

ความยินดีของนูบิสหายไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่บ่งบอกถึงปัญหา “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ถึงพลังของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ พวกเราไม่สามารถควบคุมมันได้ในตอนนี้ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรา แม้ว่าพวกเราจะควบคุมมันได้ เราจะสามารถทำลายทางเข้าได้จริง ๆ หรือ ? เข้าจำได้หรือไม่ว่าแม้แต่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิยังติดอยู่ที่นี่ตอนนี้และยังออกไปไม่ได้เลย”

“มันไม่สำคัญหรอก พวกเราต้องลองมัน ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว ทั้งหมดที่พวกเราจะหวังได้ในตอนนี้ก็คือหวังให้ทางเข้าศูนย์ควบคุมไม่แข็งแกร่งมากนัก”

“ยังไงก็เถอะ พวกเราจำเป็นต้องพัฒนาการก่อนที่พวกเราจะออกไปตามหายุทภัณฑ์จักรพรรดิ เมื่อร่างบรรพกาลของข้าถึงขั้นที่ 3 แล้ว ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็คงไม่น่าจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้อีก ข้าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดายในตอนนั้น” เจี้ยนเฉินพึมพำ

“เอาหล่ะ ข้าอยู่ในจุดสูงสุดของระดับ 7 มานานแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่ามันมีข้อห้ามในการเข้ามาที่โถงศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าก็คงพัฒนาการไปนานแล้ว พวกเราอาจจะสามารถเข้าไปได้เมื่อเราพัฒนาและใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ”

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินและนูบิสก็เข้าไปในวัตถุเซียนทันที พวกเขาต้องการที่จะเป็นเซียนราชาให้ได้ในรวดเดียว

วัตถุเซียนนั้นแข็งแกร่งมาก เมื่อซ่อนอยู่ในมันแล้ว ไทนิชก็ยากที่จะทำลายเข้ามาได้ชั่วคราว แม้ว่าเขาจะควบคุมโถงได้และใช้มันโจมตีวัตถุเซียน ดังนั้นในตอนนี้วัตถุเซียนจึงเป็นการป้องกันเดียวของเจี้ยนเฉินและนูบิส

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ตรงกึ่งกลางของโถงที่สงบอย่างมากในวัตถุเซียน แกนอสูรระดับสูงกองเท่าภูเขาและเหรียญผลึกชั้นยอดกองอยู่รอบ ๆ เขา พร้อมทั้งผลึกศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่ากำปั้นอยู่ระหว่างพวกมัน

นี่เป็นสิ่งของที่เจี้ยนเฉินจำเป็นต้องพึ่งในการที่จะพัฒนาการ พวกมันสามารถให้พลังงานปริมาณมหาศาลกับเจี้ยนเฉินได้ ถ้าเขามีเวลาเพียงพอ เขาก็สามารถพัฒนาการได้โดยสำเร็จ

“ร่างบรรพกาลขั้นที่ 1 ให้ความแข็งแกรงกับข้าเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 ในขณะที่ขั้นที่ 2 เพิ่มพลังของข้าให้เท่ากับชั้นสวรรค์ที่ 7 และร่างบรรพกาลขั้นที่ 3 เมื่อรวมกับยุทธภัณฑ์ราชา ข้าน่าจะข้ามชั้นสวรรค์ที่ 8 และที่ 9 และไปถึงเซียนราชาได้ด้วยร่างบรรพกาลขั้นที่ 3 ของข้า ข้าอยากรู้ว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนเมื่อข้าใช้ยุทธภัณฑ์ราชา” เจี้ยนเฉินคิด เขาตั้งหน้าตั้งตารอ

“และยังมียุทธภัณฑ์จักรพรรดิอีก มันน่ากลัวมากเมื่อมามีใครควบคุมมัน ข้าสงสัยว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนหลังจากที่ข้าพัฒนาการแล้ว ข้าจะแข็งแกร่งพอที่จะสูสีกับผู้อาวุโสประจำศาลาได้หรือไม่ ? “

“เกราะไหมบรรพการยังอยู่กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ข้าอาจจะไม่รู้ว่าจะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นยังไง แต่มันก็เป็นสมบัติที่เฉพาะตัวที่โลกได้ให้กำเนิดมันมา มันยังเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นด้วย เมื่อข้าแข็งแกร่งเพียงพอ ข้าจะไปที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษและเอามันกลับคืนมาให้ได้” เจี้ยนเฉินรู้สึกค่อนข้างเร่งรีบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้ว่ามันอีกไม่นานแล้วที่วันนั้นจะมาถึง เมื่อเขาพัฒนาการแล้ว เขาน่าจะมีพลังพอที่จะสู้กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ถ้าเขาใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

“ฝึกฝน ฝึกฝน ข้าจำเป็นต้องฝึกฝนให้ไว ข้าจำเป็นต้องเป็นขั้นที่ 3 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้น อย่าว่าแต่การที่จะเอาเกราะไหมบรรพกาลกลับมาเลย ข้าก็จะไม่สามารถออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างมีชีวิตรอดได้เสียด้วยซ้ำ” เจี้ยนเฉินเลิกคิดอย่างไวและทุ่มเทสมาธิในการฝึกฝน

จิตวิญญาณกระบี่ปรากฏขึ้นที่เหนือหัวของเขาเพื่อช่วยเขาในการสกัดแกนอสูร เหรียญผลึกและผลึก

กลิ่นเลือดจาง ๆ ฟุ้งออกมาจากกองแกนอสูร เขาเอาพวกมันมาจากร่างของสัตว์อสูรที่ดุร้ายจากโถงก่อนหน้านี้ ดังนั้น พลังงานที่อยู่ในแกนอสูรแต่ละอันจึงยังสดใหม่อยู่มาก มันทำให้การสกัดเป็นไปอย่างง่ายดาย

เวลากระชั้นชิดมาก เจี้ยนเฉินใช้เฉพาะแกนอสูรที่เก็บมาใหม่และไม่ใช้อันเก่าที่ได้มาจากวัตถุเซียน

พวกมันทั้งหมดเป็นแกนอสูรระดับสูง แต่พลังที่ค่อนข้างมากของมันได้รั่วออกมาและตกผลึก นี่ทำให้มันต้องใช้ความพยายามและเวลาอย่างมากเพื่อที่จะสกัดพวกมัน พวกมันยังไม่เหมาะสมที่จะถูกใช้ในเวลานี้

นูบิสก็ไม่ได้อยู่เฉยเฉยในขณะที่เจี้ยนเฉินสกัดแกนอสูร เขาฝึกฝนอย่างเงียบเงียบอยู่ในห้องโถง และใช้วิธีการฝึกฝนที่แตกต่างกันกับเจี้ยนเฉิน เขาดูดซึมแกนลับของอสรพิษชราจากทวีปสัตว์เทวะ กระบวนการนี้ง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับเจี้ยนเฉินและมันยังเร็วกว่าด้วยเช่นกัน

ที่ศูนย์กลางของโถงศักดิ์สิทธิ์มีห้องเล็กมากมากอยู่ มันว่างเปล่าและไม่มีเครื่องเรือนอะไรเลย สิ่งเดียวที่อยู่ที่นั่นคือโถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดจิ๋วที่ลอยอยู่กึ่งกลางสูง 1 เมตรกลางอากาศ

โถงศักดิ์สิทธิ์จิ๋วนั้นมีกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ แต่มันเล็กมากมาก มันกว้างและสูงน้อยกว่า 1 เมตร ถ้ามีบางคนที่คุ้นเคยกับโถงมาเห็นมันเข้า คนผู้นั้นก็คงจะรู้ว่ามันเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณทั้งแปดแต่มันขนาดเล็กกว่าหลายเท่าเท่านั้นเอง

ไทนิชกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าโถงจิ๋วนี้ พลังของเขาไหลออกมาอย่างไม่หยุดเข้าไปที่โถง

“จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ และตำนานของเจ้าเป็นเรื่องหลอกลวงที่เจ้าสร้างขึ้นมา พวกเราทั้งหมดถูกเจ้าหลอก แต่แล้วไง ? พลังของจักรพรรดิอยู่ในร่างของข้า ไม่ได้เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะยึดร่างของผู้คุมกฎเผ่าเต่าได้สำเร็จ เจ้าก็คงต้องอ่อนแอมาก ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะต้านการโจมตีจากพลังของจักรพรรดิได้หรือไม่”

“ข้าอาจจะไม่ได้ตำนานไป แต่ใครก็ห้ามไม่ให้ข้าครอบครองโถงนี้ได้ เมื่อข้าควบคุมที่นี่ได้แล้ว มันอาจจะไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องใช้พลังของเซียนจักรพรรดิที่อยู่ในตัวของเขาเลย แค่พลังของโถงก็เพียงพอที่จะกำจัดเจ้าไปได้แล้ว”

ตาของไทนิชสั่นไหวไปด้วยแสงที่แหลมคม แม้ว่าการที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดยังมีชีวิตอยู่จะทำให้เขาตกใจอย่างมาก เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยเพราะว่าเขามีวิธีการที่จะจัดการกับจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด

“จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด เวลาที่เจ้าจะตายจะมาถึงในไม่ถึง 5 ปีนี้แหละ น่าเสียดายที่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าต้องมาตายอย่างอนาถ”

ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็อยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ครบปีแล้ว ในตอนนี้ กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้สร้างเมืองอัคนีเสร็จแล้วในทวีปเทียนหยวนที่ห่างไกลออกไป

กำแพงเมืองเป็นสีดำเงา จากไกลไกล มันดูเหมือนมังกรอสรพิษที่ขดตัวอยู่ตรงนั้น มันมีกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และมีพลังที่กดดันหัวใจของคนอื่น ๆ อย่างไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ข้าง ๆ สัตว์อสูรที่ดุร้ายในตอนที่เขาเดินผ่านกำแพงไป

กำแพงสูงร้อยเมตรและยาวหลายสิบกิโลเมตร ปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรติดอยู่ด้านบนกำแพงและที่ทหารหลายคนซึ่งยืนอยู่ถัดจากปืนใหญ่แต่ละอัน พวกเขาดูเคร่งเครียดและเย็นชามาก

วันนี้เป็นวันที่สามที่ที่เมืองสร้างเสร็จและเป็นวันที่มีชีวิตชีวาที่สุดนับตั้งแต่การก่อสร้างเสร็จ นี่เป็นเพราะว่ารองเจ้าเมืองได้เชิญองค์กรและตระกูลใหญ่หลายตระกูลในรัศมีแสนกิโลเมตรมาเพื่อร่วมในการตัดริบบิ้นเปิดเมือง

นี่เป็นวันที่พิเศษมากสำหรับเมืองอัคนี ไม่เพียงแต่ราชาของอาณาจักรเกอซุนยังเดินทางมาแต่ไกลเท่านั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลเจียงหยางและลุงเจียงก็ยังมาด้วยเช่นกัน

ชีวิตของเจียนหยาง ซู หยุนคงได้ถูกช่วยเอาไว้โดยเจี้ยนเฉิน ถ้าเจี้ยนเฉินไม่ได้ไปที่มหาสมุทรดวงดาวเพื่อไปเอาหญ้าน้ำลายมังกรมา เขาก็อาจจะตายไปแล้วที่เกราะสามเซียนและไม่ได้กลับมาที่ทวีปเทียนหยวนเพื่อที่จะมาหาครอบครัวของเขาอีก

ดังนั้น เจียงหยาง ซู หยุนคง จึงห่วงใยหลานที่มีพรสวรรค์ของเขามาก กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีถูกก่อตั้งขึ้นมาเองโดยเจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาจึงเห็นว่ากลุ่มนี้มีความสำคัญมาก

แม้แต่ หมิงตง ตู่กูเฟิง เถี่ยต้า เจ้าอ้วนน้อย หวังยี่เฟิง และคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ออกมาจากการฝึกฝนเพื่อที่มาเข้าร่วมในการตัดริบบิ้นด้วย ในฐานะที่เป็นสมาชิกหลักของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี พวกเขาจะพลาดในการออกมาปรากฎตัวในวันที่สำคัญที่เมืองอัคนีจะได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการได้อย่างไร ?

หลังจากที่ฝึกฝนมาหลายปี พวกเขาทั้งหมดก็พัฒนาความแข็งแกร่งไปอย่างมาก พวกเขาไม่ได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ แต่ทุกคนนอกจากหวังยี่เฟิงก็ได้ไปถึงระดับเซียนสวรรค์ทั้งหมด

ในกลุ่มพวกเขา หนึ่งในนั้นที่พัฒนาไปเร็วที่สุดไม่ใช่หมิงตงหรือเจ้าอ้วนน้อยที่มีพรสวรรค์ แต่เป็นเถี่ยต้าที่ซื่อสัตย์และธรรมดา เขาตามทุกคนและแซงทุกคนไปได้และอยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนสวรรค์แล้วในตอนนี้ เขาห่างอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะเป็นเซียนผู้คุมกฎ

เถี่ยต้าเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมกันกับความเร็วในการฝึกฝนที่น่ากลัวของเขา ก่อนหน้านี้เขากำยำและผิวดำเหมือนถ่าน แต่ในตอนนี้ผิวสีดำของเขาก็ได้หายไปจนหมด มันแทนที่ด้วยสีทองและส่องแสงแวววาวเหมือนโลหะในตอนที่เขายืนอยู่กลางแดด

นอกเหนือจากสีผิวของเขา เถี่ยต้ายังตัวใหญ่ขึ้นและกำยำขึ้น ในตอนนี้เขาสูง 4 เมตร บวกกับรูปร่างของเขา ในทำให้เขาดูเหมือนภูเขาลูกเล็ก ๆ แม้แต่ภายใต้รูปร่างลักษณะที่ซื่อสัตว์ของเขา กลิ่นอายที่สง่างามก็ออกมาจากเขาได้เป็นครั้งคราว

ในฐานะที่เมืองอัคนีเป็นเมืองแรกที่สร้างมาจากทังสเตนล้วน ๆ ชื่อเสียงของมันจึงกระจายไปทั่วทั้งทวีปมานานแล้ว บรรยากาศในเมืองอึกทึกครึกโครมเกินกว่าที่ผู้คนจินตนาการเอาไว้

นอกเหนือจากผู้คนที่ถูกเชิญมาจากอาณาเขตรอบ ๆ ตัวแทนจากตระกูลและองค์กรใหญ่หลายที่ได้เดินทางมาหลายแสนกิโลเมตร หรือแม้แต่หลายล้านกิโลเมตรเพื่อที่จะมาร่วมในงานฉลองตัดริบบิ้นนี้ นี่รวมถึงผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงพร้อมกับองค์ชายสาม ฉิ๋นจี๋ ฉิ๋นเซียว และผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเทียนฉิน พวกเขาทั้งหมดรีบมาที่นี่

ยังมีแม้แต่ตระกูลสันโดษที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและตระกูลโบราณที่ส่งคนมาเพื่อเฉลิมฉลองกับเมืองอัคนีพร้อมด้วยของขวัญ

แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงยังมาด้วยตัวเองพร้อมกับเซียนผู้คุมกฎอีก 3 คนเพื่อมาอวยพร

ในครั้งนี้ เกือบหนึ่งในสามขององค์กรในทวีปได้มามารวมกันอยู่ในดินแดนเล็ก ๆ ที่เมืองอัคนีตั้งอยู่ มันวุ่นวายและมีชีวิตชีวามาก ซึ่งถือเป็นเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 937: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (1)

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 937: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 937: การต่อสู้ของเมืองอัคนี (1)

“บางทีอาจจะมีทางหนึ่งที่พวกเราจะสามารถทำลายทางเข้านี้ได้” เจี้ยนเฉินพูดออกมาด้วยใบหน้ามืดครึ้ม

ใบหน้าของนูบิสสดใสขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขามองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างสนใจแล้วถาม “เจี้ยนเฉิน เจ้ามีความคิดอะไรหรือ ? “

“ตามหายุทธภัณฑ์จักรพรรดิ และใช้พลังของมันเพื่อทำลายผ่านไป” เจี้ยนเฉินพูดออกมา

ความยินดีของนูบิสหายไปอย่างรวดเร็ว เขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยท่าทางที่บ่งบอกถึงปัญหา “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่รู้ถึงพลังของยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ พวกเราไม่สามารถควบคุมมันได้ในตอนนี้ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเรา แม้ว่าพวกเราจะควบคุมมันได้ เราจะสามารถทำลายทางเข้าได้จริง ๆ หรือ ? เข้าจำได้หรือไม่ว่าแม้แต่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิยังติดอยู่ที่นี่ตอนนี้และยังออกไปไม่ได้เลย”

“มันไม่สำคัญหรอก พวกเราต้องลองมัน ไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้ว ทั้งหมดที่พวกเราจะหวังได้ในตอนนี้ก็คือหวังให้ทางเข้าศูนย์ควบคุมไม่แข็งแกร่งมากนัก”

“ยังไงก็เถอะ พวกเราจำเป็นต้องพัฒนาการก่อนที่พวกเราจะออกไปตามหายุทภัณฑ์จักรพรรดิ เมื่อร่างบรรพกาลของข้าถึงขั้นที่ 3 แล้ว ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็คงไม่น่าจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้อีก ข้าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดายในตอนนั้น” เจี้ยนเฉินพึมพำ

“เอาหล่ะ ข้าอยู่ในจุดสูงสุดของระดับ 7 มานานแล้ว ถ้าไม่ใช่ว่ามันมีข้อห้ามในการเข้ามาที่โถงศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าก็คงพัฒนาการไปนานแล้ว พวกเราอาจจะสามารถเข้าไปได้เมื่อเราพัฒนาและใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ”

หลังจากนั้น เจี้ยนเฉินและนูบิสก็เข้าไปในวัตถุเซียนทันที พวกเขาต้องการที่จะเป็นเซียนราชาให้ได้ในรวดเดียว

วัตถุเซียนนั้นแข็งแกร่งมาก เมื่อซ่อนอยู่ในมันแล้ว ไทนิชก็ยากที่จะทำลายเข้ามาได้ชั่วคราว แม้ว่าเขาจะควบคุมโถงได้และใช้มันโจมตีวัตถุเซียน ดังนั้นในตอนนี้วัตถุเซียนจึงเป็นการป้องกันเดียวของเจี้ยนเฉินและนูบิส

เจี้ยนเฉินนั่งอยู่ตรงกึ่งกลางของโถงที่สงบอย่างมากในวัตถุเซียน แกนอสูรระดับสูงกองเท่าภูเขาและเหรียญผลึกชั้นยอดกองอยู่รอบ ๆ เขา พร้อมทั้งผลึกศักดิ์สิทธิ์ขนาดเท่ากำปั้นอยู่ระหว่างพวกมัน

นี่เป็นสิ่งของที่เจี้ยนเฉินจำเป็นต้องพึ่งในการที่จะพัฒนาการ พวกมันสามารถให้พลังงานปริมาณมหาศาลกับเจี้ยนเฉินได้ ถ้าเขามีเวลาเพียงพอ เขาก็สามารถพัฒนาการได้โดยสำเร็จ

“ร่างบรรพกาลขั้นที่ 1 ให้ความแข็งแกรงกับข้าเทียบเท่ากับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 3 ในขณะที่ขั้นที่ 2 เพิ่มพลังของข้าให้เท่ากับชั้นสวรรค์ที่ 7 และร่างบรรพกาลขั้นที่ 3 เมื่อรวมกับยุทธภัณฑ์ราชา ข้าน่าจะข้ามชั้นสวรรค์ที่ 8 และที่ 9 และไปถึงเซียนราชาได้ด้วยร่างบรรพกาลขั้นที่ 3 ของข้า ข้าอยากรู้ว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนเมื่อข้าใช้ยุทธภัณฑ์ราชา” เจี้ยนเฉินคิด เขาตั้งหน้าตั้งตารอ

“และยังมียุทธภัณฑ์จักรพรรดิอีก มันน่ากลัวมากเมื่อมามีใครควบคุมมัน ข้าสงสัยว่าข้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดไหนหลังจากที่ข้าพัฒนาการแล้ว ข้าจะแข็งแกร่งพอที่จะสูสีกับผู้อาวุโสประจำศาลาได้หรือไม่ ? “

“เกราะไหมบรรพการยังอยู่กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ ข้าอาจจะไม่รู้ว่าจะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นยังไง แต่มันก็เป็นสมบัติที่เฉพาะตัวที่โลกได้ให้กำเนิดมันมา มันยังเกี่ยวกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นด้วย เมื่อข้าแข็งแกร่งเพียงพอ ข้าจะไปที่ศาลาเทพเจ้าอสรพิษและเอามันกลับคืนมาให้ได้” เจี้ยนเฉินรู้สึกค่อนข้างเร่งรีบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้ว่ามันอีกไม่นานแล้วที่วันนั้นจะมาถึง เมื่อเขาพัฒนาการแล้ว เขาน่าจะมีพลังพอที่จะสู้กับแม่ทัพศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ถ้าเขาใช้ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิ

“ฝึกฝน ฝึกฝน ข้าจำเป็นต้องฝึกฝนให้ไว ข้าจำเป็นต้องเป็นขั้นที่ 3 ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ในครั้งนี้ ไม่เช่นนั้น อย่าว่าแต่การที่จะเอาเกราะไหมบรรพกาลกลับมาเลย ข้าก็จะไม่สามารถออกจากโถงศักดิ์สิทธิ์ไปอย่างมีชีวิตรอดได้เสียด้วยซ้ำ” เจี้ยนเฉินเลิกคิดอย่างไวและทุ่มเทสมาธิในการฝึกฝน

จิตวิญญาณกระบี่ปรากฏขึ้นที่เหนือหัวของเขาเพื่อช่วยเขาในการสกัดแกนอสูร เหรียญผลึกและผลึก

กลิ่นเลือดจาง ๆ ฟุ้งออกมาจากกองแกนอสูร เขาเอาพวกมันมาจากร่างของสัตว์อสูรที่ดุร้ายจากโถงก่อนหน้านี้ ดังนั้น พลังงานที่อยู่ในแกนอสูรแต่ละอันจึงยังสดใหม่อยู่มาก มันทำให้การสกัดเป็นไปอย่างง่ายดาย

เวลากระชั้นชิดมาก เจี้ยนเฉินใช้เฉพาะแกนอสูรที่เก็บมาใหม่และไม่ใช้อันเก่าที่ได้มาจากวัตถุเซียน

พวกมันทั้งหมดเป็นแกนอสูรระดับสูง แต่พลังที่ค่อนข้างมากของมันได้รั่วออกมาและตกผลึก นี่ทำให้มันต้องใช้ความพยายามและเวลาอย่างมากเพื่อที่จะสกัดพวกมัน พวกมันยังไม่เหมาะสมที่จะถูกใช้ในเวลานี้

นูบิสก็ไม่ได้อยู่เฉยเฉยในขณะที่เจี้ยนเฉินสกัดแกนอสูร เขาฝึกฝนอย่างเงียบเงียบอยู่ในห้องโถง และใช้วิธีการฝึกฝนที่แตกต่างกันกับเจี้ยนเฉิน เขาดูดซึมแกนลับของอสรพิษชราจากทวีปสัตว์เทวะ กระบวนการนี้ง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับเจี้ยนเฉินและมันยังเร็วกว่าด้วยเช่นกัน

ที่ศูนย์กลางของโถงศักดิ์สิทธิ์มีห้องเล็กมากมากอยู่ มันว่างเปล่าและไม่มีเครื่องเรือนอะไรเลย สิ่งเดียวที่อยู่ที่นั่นคือโถงศักดิ์สิทธิ์ขนาดจิ๋วที่ลอยอยู่กึ่งกลางสูง 1 เมตรกลางอากาศ

โถงศักดิ์สิทธิ์จิ๋วนั้นมีกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ แต่มันเล็กมากมาก มันกว้างและสูงน้อยกว่า 1 เมตร ถ้ามีบางคนที่คุ้นเคยกับโถงมาเห็นมันเข้า คนผู้นั้นก็คงจะรู้ว่ามันเป็นโถงศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณทั้งแปดแต่มันขนาดเล็กกว่าหลายเท่าเท่านั้นเอง

ไทนิชกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าโถงจิ๋วนี้ พลังของเขาไหลออกมาอย่างไม่หยุดเข้าไปที่โถง

“จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่ และตำนานของเจ้าเป็นเรื่องหลอกลวงที่เจ้าสร้างขึ้นมา พวกเราทั้งหมดถูกเจ้าหลอก แต่แล้วไง ? พลังของจักรพรรดิอยู่ในร่างของข้า ไม่ได้เป็นแค่วิญญาณเท่านั้น แม้ว่าเจ้าจะยึดร่างของผู้คุมกฎเผ่าเต่าได้สำเร็จ เจ้าก็คงต้องอ่อนแอมาก ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะต้านการโจมตีจากพลังของจักรพรรดิได้หรือไม่”

“ข้าอาจจะไม่ได้ตำนานไป แต่ใครก็ห้ามไม่ให้ข้าครอบครองโถงนี้ได้ เมื่อข้าควบคุมที่นี่ได้แล้ว มันอาจจะไม่จำเป็นที่ข้าจะต้องใช้พลังของเซียนจักรพรรดิที่อยู่ในตัวของเขาเลย แค่พลังของโถงก็เพียงพอที่จะกำจัดเจ้าไปได้แล้ว”

ตาของไทนิชสั่นไหวไปด้วยแสงที่แหลมคม แม้ว่าการที่จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปดยังมีชีวิตอยู่จะทำให้เขาตกใจอย่างมาก เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยเพราะว่าเขามีวิธีการที่จะจัดการกับจักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด

“จักรพรรดิของแผ่นดินทั้งแปด เวลาที่เจ้าจะตายจะมาถึงในไม่ถึง 5 ปีนี้แหละ น่าเสียดายที่ผู้คุมกฎของเผ่าเต่าต้องมาตายอย่างอนาถ”

ในพริบตาเดียว เจี้ยนเฉินก็อยู่ในโถงศักดิ์สิทธิ์ครบปีแล้ว ในตอนนี้ กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีได้สร้างเมืองอัคนีเสร็จแล้วในทวีปเทียนหยวนที่ห่างไกลออกไป

กำแพงเมืองเป็นสีดำเงา จากไกลไกล มันดูเหมือนมังกรอสรพิษที่ขดตัวอยู่ตรงนั้น มันมีกลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่และมีพลังที่กดดันหัวใจของคนอื่น ๆ อย่างไม่รู้ตัว พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ข้าง ๆ สัตว์อสูรที่ดุร้ายในตอนที่เขาเดินผ่านกำแพงไป

กำแพงสูงร้อยเมตรและยาวหลายสิบกิโลเมตร ปืนใหญ่ผลึกแกนอสูรติดอยู่ด้านบนกำแพงและที่ทหารหลายคนซึ่งยืนอยู่ถัดจากปืนใหญ่แต่ละอัน พวกเขาดูเคร่งเครียดและเย็นชามาก

วันนี้เป็นวันที่สามที่ที่เมืองสร้างเสร็จและเป็นวันที่มีชีวิตชีวาที่สุดนับตั้งแต่การก่อสร้างเสร็จ นี่เป็นเพราะว่ารองเจ้าเมืองได้เชิญองค์กรและตระกูลใหญ่หลายตระกูลในรัศมีแสนกิโลเมตรมาเพื่อร่วมในการตัดริบบิ้นเปิดเมือง

นี่เป็นวันที่พิเศษมากสำหรับเมืองอัคนี ไม่เพียงแต่ราชาของอาณาจักรเกอซุนยังเดินทางมาแต่ไกลเท่านั้น แม้แต่หัวหน้าตระกูลเจียงหยางและลุงเจียงก็ยังมาด้วยเช่นกัน

ชีวิตของเจียนหยาง ซู หยุนคงได้ถูกช่วยเอาไว้โดยเจี้ยนเฉิน ถ้าเจี้ยนเฉินไม่ได้ไปที่มหาสมุทรดวงดาวเพื่อไปเอาหญ้าน้ำลายมังกรมา เขาก็อาจจะตายไปแล้วที่เกราะสามเซียนและไม่ได้กลับมาที่ทวีปเทียนหยวนเพื่อที่จะมาหาครอบครัวของเขาอีก

ดังนั้น เจียงหยาง ซู หยุนคง จึงห่วงใยหลานที่มีพรสวรรค์ของเขามาก กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีถูกก่อตั้งขึ้นมาเองโดยเจี้ยนเฉิน ดังนั้นเขาจึงเห็นว่ากลุ่มนี้มีความสำคัญมาก

แม้แต่ หมิงตง ตู่กูเฟิง เถี่ยต้า เจ้าอ้วนน้อย หวังยี่เฟิง และคนอื่น ๆ ทั้งหมดก็ออกมาจากการฝึกฝนเพื่อที่มาเข้าร่วมในการตัดริบบิ้นด้วย ในฐานะที่เป็นสมาชิกหลักของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี พวกเขาจะพลาดในการออกมาปรากฎตัวในวันที่สำคัญที่เมืองอัคนีจะได้ก่อตั้งอย่างเป็นทางการได้อย่างไร ?

หลังจากที่ฝึกฝนมาหลายปี พวกเขาทั้งหมดก็พัฒนาความแข็งแกร่งไปอย่างมาก พวกเขาไม่ได้กลายเป็นเซียนผู้คุมกฎ แต่ทุกคนนอกจากหวังยี่เฟิงก็ได้ไปถึงระดับเซียนสวรรค์ทั้งหมด

ในกลุ่มพวกเขา หนึ่งในนั้นที่พัฒนาไปเร็วที่สุดไม่ใช่หมิงตงหรือเจ้าอ้วนน้อยที่มีพรสวรรค์ แต่เป็นเถี่ยต้าที่ซื่อสัตย์และธรรมดา เขาตามทุกคนและแซงทุกคนไปได้และอยู่ในขั้นสูงสุดของเซียนสวรรค์แล้วในตอนนี้ เขาห่างอีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นก่อนที่จะเป็นเซียนผู้คุมกฎ

เถี่ยต้าเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมกันกับความเร็วในการฝึกฝนที่น่ากลัวของเขา ก่อนหน้านี้เขากำยำและผิวดำเหมือนถ่าน แต่ในตอนนี้ผิวสีดำของเขาก็ได้หายไปจนหมด มันแทนที่ด้วยสีทองและส่องแสงแวววาวเหมือนโลหะในตอนที่เขายืนอยู่กลางแดด

นอกเหนือจากสีผิวของเขา เถี่ยต้ายังตัวใหญ่ขึ้นและกำยำขึ้น ในตอนนี้เขาสูง 4 เมตร บวกกับรูปร่างของเขา ในทำให้เขาดูเหมือนภูเขาลูกเล็ก ๆ แม้แต่ภายใต้รูปร่างลักษณะที่ซื่อสัตว์ของเขา กลิ่นอายที่สง่างามก็ออกมาจากเขาได้เป็นครั้งคราว

ในฐานะที่เมืองอัคนีเป็นเมืองแรกที่สร้างมาจากทังสเตนล้วน ๆ ชื่อเสียงของมันจึงกระจายไปทั่วทั้งทวีปมานานแล้ว บรรยากาศในเมืองอึกทึกครึกโครมเกินกว่าที่ผู้คนจินตนาการเอาไว้

นอกเหนือจากผู้คนที่ถูกเชิญมาจากอาณาเขตรอบ ๆ ตัวแทนจากตระกูลและองค์กรใหญ่หลายที่ได้เดินทางมาหลายแสนกิโลเมตร หรือแม้แต่หลายล้านกิโลเมตรเพื่อที่จะมาร่วมในงานฉลองตัดริบบิ้นนี้ นี่รวมถึงผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงพร้อมกับองค์ชายสาม ฉิ๋นจี๋ ฉิ๋นเซียว และผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลเทียนฉิน พวกเขาทั้งหมดรีบมาที่นี่

ยังมีแม้แต่ตระกูลสันโดษที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและตระกูลโบราณที่ส่งคนมาเพื่อเฉลิมฉลองกับเมืองอัคนีพร้อมด้วยของขวัญ

แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงยังมาด้วยตัวเองพร้อมกับเซียนผู้คุมกฎอีก 3 คนเพื่อมาอวยพร

ในครั้งนี้ เกือบหนึ่งในสามขององค์กรในทวีปได้มามารวมกันอยู่ในดินแดนเล็ก ๆ ที่เมืองอัคนีตั้งอยู่ มันวุ่นวายและมีชีวิตชีวามาก ซึ่งถือเป็นเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+