Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 956: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (3)

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 956: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อนที่ 956: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (3)

“ท่านปู่ ท่านปู่…” หวงหลวนร้องออกมาในขณะที่นางพุ่งเข้าไปที่หวงเทียนป้า เสียงของนางเต็มไปด้วยความวิตกและความกลัวในขณะที่น้ำตาของนางไหลออกมาเหมือนสายฝน

หวงเทียนป้าลืมตาขึ้นช้า ๆ ใบหน้าของเขาหม่นหมองและเขายากที่จะซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ได้

“หลวนเอ๋อ มันเป็นปู่เองที่ทำให้เจ้ามีอันตราย ข้าไม่น่าตกลงให้เจ้ามากลายเป็นลูกศิษย์ของไอ้สารเลวนี้เลย” หวงเทียนป้าพูดอย่างอ่อนแอ เขาโกรธเกรี้ยว

“ท่านปู่…” หวงหลวนสะอื้น นางไม่คิดเลยว่าบรรพชนตระกูลของนางจะถูกจับมาโดยบรรพชนตระกูลหวงกู่ ไม่เพียงแต่มันจะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาออกเป็นเสี่ยงเท่านั้น แต่พวกเขาทั้งสองคนอาจจะออกไปจากที่ไม่ได้ด้วยเช่นกัน

หวงเทียนป้าเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากและจ้องมองอย่างดุร้ายไปที่บรรพชนตระกูลหวงกู่ เขาขบฟันแล้วพูด “ไอ้สารเลว ข้าไว้ใจเจ้ามากเกินไป และปฏิบัติต่อตระกูลของเจ้าเฉกเช่นสหาย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาทำแบบนี้ เจ้าซุกซ่อนความลับอะไรไว้ทำให้ถึงกับต้องขังพวกเราไว้ที่นี่”

หลายวันที่ผ่านมา หวงเทียนป้าได้รับข้อความจากหวงหลวน เขาไม่รู้ว่าหวงหลวนกำลังเจอกับอะไรอยู่ เขาจึงออกมาจากตระกูลหวงโดยไม่ได้เตรียมการอะไร เขาแค่ต้องการจะพบหวงหลวน แต่เขาไม่คิดเลยว่าบรรพชนตระกูลหวงกู่จะโจมตีเขาอย่างกะทันหันตอนที่เขาไม่ได้เตรียมตัว บรรพชนตระกูลหวงกู่ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัสและขังเขาไว้ ก่อนที่ผนึกกำลังของเขาโดยใช้ทักษะลับ มันทำให้เขาอ่อนแอเหมือนคนธรรมดา

แม้แต่ตอนนี้ หวงเทียนป้าก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะโดนอะไรบ้าง

บรรพชนตระกูลหวงกู่เหยียดหยามออกมา “หวงเทียนป้า ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าจะต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่อยู่ที่ตระกูลของพวกเราต่อไปโดยไม่ต้องคิดอะไร ข้าจะไม่ทารุณกรรมเจ้าแน่”

“ไอ้สารเลว ! ความสัมพันธ์ระหว่างหลวนเอ๋อกับเจี้ยนเฉินนั้นลึกซึ้งมาก และครอบครัวของข้าก็มีมิตรภาพอันใกล้ชิดกับคนที่มีอำนาจของตระกูลเจียงหยาง ตระกูลเจียงหยางจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ! ” หวงเทียนป้าร้องออกมา

บรรพชนตระกูลหวงกู่หัวเราะคิกคักออกมา “หวงเทียนป้า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้งั้นหรือ ? ความสัมพันธ์ของเจ้ากับตระกูลเจียงหยางถูกสร้างขึ้นมาโดยเจี้ยนเฉิน ในตอนนี้เจี้ยนเฉินก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว ตระกูลเจียงหยางไม่สนใจตระกูลหวงของเจ้าหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเจียงหยางจะไปรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ยังไง ? หวงเทียนป้า เจ้าควรจะเลิกคิดแบบนั้นดีกว่า”

“ไอ้สารเลว เจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่” หวงเทียนป้าคำราม

สายตาของบรรพชนตระกูลหวงกู่เป็นประกายเย็นชา เขาเหยียด “หืม หวงเทียนป้า เจ้าพูดพล่ามพอหรือยัง” เขาโจมตีไปที่หลังของหวงเทียนป้าด้วยฝ่ามือของเขา ทำให้เลือดพุ่งกระจายออกมาจากปากของหวงเทียนป้า

“อย่าทำร้ายท่านปู่ ! ” หวงหลวนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางรู้สึกบีบหัวใจเมื่อเห็นสภาพของหวงเทียนป้า

บรรพชนตระกูลหวงกู่ยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูด “ศิษย์รักของข้า ชีวิตของปู่เจ้าอยู่ในมือเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าต้องการให้เขาปลอดภัย เจ้าควรจะฝึกอยู่ที่นี่ด้วยวิธีการที่ข้าให้เจ้า” เขาออกจากห้องลับไปหลังจากพูดจบและขังหวงหลวนไว้ข้างในอีกครั้ง

หวงหลวนสะอื้นเงียบ ๆ ในขณะที่นางคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในตอนแรกความหวังเดียวของนางคือหวงเทียนป้า แต่ในตอนนี้เขาถูกจับขังอยู่ นางไม่มีใครให้พึ่งอีกแล้ว นางติดอยู่ในที่มืด ไม่มีหน้าต่างและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง นางรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังถล่มทลาย นี่เป็นความสิ้นหวังที่นางรู้สึก

“เจี้ยนเฉิน เจ้าอยู่ที่ไหนกันตอนนี้ ? ” หวงหลวนสะอื้น ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้ นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา

มีเฉพาะเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหวง และสามารถต่อกรกับตระกูลหวงกู่ได้

ไม่มีใครด้านนอกที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลหวงกู่ แม้แต่ตระกูลหวงยังไม่รู้เลย เพราะหวงเทียนป้าไม่ได้บอกใครก่อนที่เขาจะออกมา ในขณะเดียวกัน ตระกูลเจียงหยางที่เมืองลอร์ก็ไม่คิดหรอกว่าหวงเทียนป้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้

..

เจี้ยนเฉินเข้าไปที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษเพียงลำพังคนเดียว เขาพุ่งผ่านอากาศไปในขณะที่เขาเปล่งประกายไปด้วยกลิ่นอายยิ่งใหญ่ และบินผ่านหลายเผ่าและองค์กรใหญ่นับไม่ถ้วนไปตรงตรง นี่ทำให้ผู้คนรู้ตัวหลายคน อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ จึงไม่มีใครกล้าที่จะออกมาสร้างปัญหา แม้แต่บางคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ไม่ต้องการที่จะยั่วยุคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังด้วยเรื่องเล็กน้อย เพราะว่านี่อาจจะนำปัญหาที่ไม่รู้จบมายังเผ่าของพวกเขาก็เป็นได้

มีจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันที่อาณาจักรทะเลมากมายกว่าที่ทวีปเทียนหยวนนัก แต่การที่เป็นเซียนราชาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เดินทางได้อย่างสะดวกในหลาย ๆ พื้นที่

เจี้ยนเฉินเดินทางผ่านเข้าไปในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษอย่างไม่ปิดบังตัวเอง และมุ่งตรงไปที่ดินแดนที่อยู่ศูนย์กลางด้วยกลิ่นอายที่ไม่เป็นมิตร เขามาถึงตรงหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ใหญ่โตในที่สุดหลังจากที่เดินทางสองวันเต็ม ๆ

ศาลาศักดิ์สิทธิ์เป็นสีดำมันทั้งหมดและลอยอยู่กลางอากาศเหมือนปราสาทใหญ่ มันเต็มไปด้วยภาพแกะสลักมังกรอสรพิษ มังกรอสรพิษเหล่านี้บางครั้งก็คำรามขึ้นใปบนท้องฟ้า บางครั้งพวกมันก็โชว์ฟันและเล็บของมันออกมา พวกมันทั้งหมดดูแตกต่างกันแต่ก็ดูเหมือนมีชีวิต

มังกรอสรพิษสีดำตัวใหญ่ยาว 3,000 เมตรขดอยู่ที่ยอดสุดของโครงสร้าง มันเหมือนผู้คุมกฎที่มองลงมายังโลก มันเปล่งประกายไปด้วยความสูงส่ง ทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นนายเหนือหัวหนึ่งเดียวเท่านั้น

เจี้ยนเฉินลอยกอดอกอยู่กลางอากาศในขณะที่เขาปล่อยแรงกดดันมหาศาล ความกดดันออกมาหลายชั้นและกระหน่ำเข้าไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามันจะไม่สามารถเคลื่อนศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่มันก็เต็มไปด้วยความยั่วยุ

“ใครกันที่กล้าทำตัวโอหังต่อหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ! ? ” เสียงคำรามเหมือนฟ้าร้องดังออกมาจากด้านใน และทูตเซียนผู้คุมกฎหลายคนก็ออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเย็นชา เมื่อทูตออกมาที่ศาลาแล้ว เขาก็พลิกมือและยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ออกมาปรากฏบนมือของเขาทันที เขาเหวี่ยงมันไปที่ทูต

ปราณกระบี่ที่เป็นรูปจันทร์เสี้ยวใหญ่พุ่งออกไปทางทูตด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง มันฟันผ่านหน้าอกของพวกเขาและแยกพวกเขาออกเป็น 2 ส่วน

ทูตคำรามออกมาอย่างโหยหวนในขณะที่พวกเขาหล่นลงจากท้องฟ้าและเลือดทะลักออกมามากมาย

ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินพุ่งต่อไปโดยกำลังไม่ลดลง และกระแทกอย่างแรงเข้าไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ เสียงระเบิดอื้ออึงเกิดขึ้นในขณะที่ทั้งศาลาสั่นไหวเล็กน้อย

การกระทำนี่ได้ทำให้จอมยุทธทั้งหมดข้างในตื่นตัว พลังมหาศาลหลายดวงพุ่งออกมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์และร่างหลายสิบร่างก็โผล่ออกมากลางอากาศ พวกเขาบินออกมาด้วยความเร็วแสง

พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้อาวุโสของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เซียนราชาเกือบครึ่งในอาณาเขตศาลาเทพเจ้าอสรพิษได้ปรากฎตัวขึ้น ในขณะที่มีทูตที่มีจำนวนมากกว่าตามหลังพวกเขามา

ในพริบตาเดียว กลุ่มใหญ่ก็ได้ล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้ นอกเหนือจากเซียนราชาหลายสิบคน ยังมีทูตอีกหลายร้อยคนด้วย

กลุ่มรวมกันรอบเจี้ยนเฉินแน่นเป็นวงแหวน พลังมหาศาลได้เปล่งออกมาจากกลุ่มและตัดกันไปมากลางอากาศและกลายเป็นเหมือนตาข่ายที่หุ้มเจี้ยนเฉินเอาไว้

“เจ้าเป็นใคร ? บอกชื่อของเจ้ามา…”

“เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วงั้นหรือ ? เจ้าทำร้ายทูตและโจมตีศาลาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา…”

“เจ้าหนู เจ้าต้องการที่จะตายที่ทำตัวป่าเถื่อนต่อหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรางั้นหรือ…”

..

เสียงร้องด้วยความโมโหดังออกมาจากรอบ ๆ ในขณะที่พวกเขาต้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาเป็นประกายเย็นชา จิตสังหารก็พุ่งพวยออกมาเช่นกัน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็มุ่งความสนใจไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน

สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายแหลมคม เขาชูกระบี่ไปบนท้องฟ้าและกวัดแกว่งมัน ทันใดนั้นเอง มันก็เริ่มเปล่งประกายไปด้วยสีดำจ้า ในขณะที่พลังแห่งการทำลายล้างได้กระจายไปทั่วรัศมีหลายสิบกิโลเมตร เขาตะโกนออกมา “อย่าหาว่าข้าโหดร้ายถ้าใครไม่หุบปาก”

เสียงหลายเสียงหายไปทันที ในตอนนี้รอบ ๆ เงียบสงัด ทุกคนจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน

พวกเขาไม่ได้กลัวเจี้ยนเฉินแต่ประหลาดใจ ในตลอดที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครในอาณาจักรทะเลที่กล้าพูดจาโจ่งแจ้งต่อหน้าจอมยุทธมากมายขนาดนี้ และยังมาตัวคนเดียวเพื่อมาท้าทายเกียรติของศาลาเทพเจ้าอสรพิษอีก

เจี้ยนเฉินเป็นคนแรก

“หืม เจ้าหนูที่ไม่รู้อะไรเลย เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้วที่มาท้าทายเกียรติของศาลาพวกเรา ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าความแข็งแกร่งมันเป็นยังไง” ชายชราผมขาวคำรามออกมา เขาพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉินทันทีพร้อมหอกสามง่ามที่อยู่ในมือของเขา

เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ชายชราในขณที่ริมฝีปากของเขาบิดไปด้วยความเหยียดหยาม เขาเย้ยออกมา “เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 เจ้ายังไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้” เจี้ยนเฉินแทงออกไปด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิทันที ปราณกระบี่ที่ใหญ่โตก็พุ่งไปทางชายชรา

เสียงระเบิดเหมือนฟ้าร้องดังเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองปะทะกัน มันสะท้อนไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร

ชายชราคำรามออกมาและเลือดก็กระอักเป็นฝอยออกมาจากปากของเขา เขาพุ่งถอยกลับไปไกลกว่าจุดที่เขาเริ่มพุ่งเข้ามาเสียอีก เขากระแทกเข้ากับศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรงก่อนที่หยุด ในตอนนี้เอง เขากระอักเลือดออกมาอีก ใบหน้าของเขาซีดเผือด

ฝูงคนโกลาหลในขณะที่มุมมองเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินของทุกคนเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงเมื่อพวกเขาได้เห็นจอมยุทธ 16 ดาวถูกกระแทกกลับไปและกระอักเลือดเพียงแค่โดนการโจมตีครั้งเดียว

“ผู้อาวุโสประจำศาลามาแล้ว ! “

เสียงชัดเจนดังออกมาจากศาลา หกคนที่มีอายุแตกต่างกันบินออกมาอย่างช้า ๆ เรียงกัน พวกเขาไม่ได้เปล่งประกายพลังแห่งการมีอยู่หรือกลิ่นอายใดใดออกมา และดูเหมือนคนธรรมดา

เจี้ยนเฉินมองออกไปและหรี่ตาเล็กลงทันที เขาเคยเห็นสองจากในหกคนนี้มาก่อน พวกเขาเป็นสองคนที่ไปกับกลุ่มของศาลาเทพเจ้าอสรพิษที่เข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด

“มีผู้อาวุโสประจำศาลาเทพเจ้าอสรพิษ 6 คน เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 หกคน” จิตใจของเจี้ยนเฉินสั่นไหว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 956: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (3)

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 956: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อนที่ 956: เยือนศาลาเทพเจ้าอสรพิษ (3)

“ท่านปู่ ท่านปู่…” หวงหลวนร้องออกมาในขณะที่นางพุ่งเข้าไปที่หวงเทียนป้า เสียงของนางเต็มไปด้วยความวิตกและความกลัวในขณะที่น้ำตาของนางไหลออกมาเหมือนสายฝน

หวงเทียนป้าลืมตาขึ้นช้า ๆ ใบหน้าของเขาหม่นหมองและเขายากที่จะซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ได้

“หลวนเอ๋อ มันเป็นปู่เองที่ทำให้เจ้ามีอันตราย ข้าไม่น่าตกลงให้เจ้ามากลายเป็นลูกศิษย์ของไอ้สารเลวนี้เลย” หวงเทียนป้าพูดอย่างอ่อนแอ เขาโกรธเกรี้ยว

“ท่านปู่…” หวงหลวนสะอื้น นางไม่คิดเลยว่าบรรพชนตระกูลของนางจะถูกจับมาโดยบรรพชนตระกูลหวงกู่ ไม่เพียงแต่มันจะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาออกเป็นเสี่ยงเท่านั้น แต่พวกเขาทั้งสองคนอาจจะออกไปจากที่ไม่ได้ด้วยเช่นกัน

หวงเทียนป้าเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากและจ้องมองอย่างดุร้ายไปที่บรรพชนตระกูลหวงกู่ เขาขบฟันแล้วพูด “ไอ้สารเลว ข้าไว้ใจเจ้ามากเกินไป และปฏิบัติต่อตระกูลของเจ้าเฉกเช่นสหาย ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาทำแบบนี้ เจ้าซุกซ่อนความลับอะไรไว้ทำให้ถึงกับต้องขังพวกเราไว้ที่นี่”

หลายวันที่ผ่านมา หวงเทียนป้าได้รับข้อความจากหวงหลวน เขาไม่รู้ว่าหวงหลวนกำลังเจอกับอะไรอยู่ เขาจึงออกมาจากตระกูลหวงโดยไม่ได้เตรียมการอะไร เขาแค่ต้องการจะพบหวงหลวน แต่เขาไม่คิดเลยว่าบรรพชนตระกูลหวงกู่จะโจมตีเขาอย่างกะทันหันตอนที่เขาไม่ได้เตรียมตัว บรรพชนตระกูลหวงกู่ทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัสและขังเขาไว้ ก่อนที่ผนึกกำลังของเขาโดยใช้ทักษะลับ มันทำให้เขาอ่อนแอเหมือนคนธรรมดา

แม้แต่ตอนนี้ หวงเทียนป้าก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะโดนอะไรบ้าง

บรรพชนตระกูลหวงกู่เหยียดหยามออกมา “หวงเทียนป้า ไม่มีความจำเป็นที่เจ้าจะต้องรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แค่อยู่ที่ตระกูลของพวกเราต่อไปโดยไม่ต้องคิดอะไร ข้าจะไม่ทารุณกรรมเจ้าแน่”

“ไอ้สารเลว ! ความสัมพันธ์ระหว่างหลวนเอ๋อกับเจี้ยนเฉินนั้นลึกซึ้งมาก และครอบครัวของข้าก็มีมิตรภาพอันใกล้ชิดกับคนที่มีอำนาจของตระกูลเจียงหยาง ตระกูลเจียงหยางจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ ! ” หวงเทียนป้าร้องออกมา

บรรพชนตระกูลหวงกู่หัวเราะคิกคักออกมา “หวงเทียนป้า เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้งั้นหรือ ? ความสัมพันธ์ของเจ้ากับตระกูลเจียงหยางถูกสร้างขึ้นมาโดยเจี้ยนเฉิน ในตอนนี้เจี้ยนเฉินก็ไม่อยู่ที่นี่แล้ว ตระกูลเจียงหยางไม่สนใจตระกูลหวงของเจ้าหรอก ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลเจียงหยางจะไปรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ยังไง ? หวงเทียนป้า เจ้าควรจะเลิกคิดแบบนั้นดีกว่า”

“ไอ้สารเลว เจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่” หวงเทียนป้าคำราม

สายตาของบรรพชนตระกูลหวงกู่เป็นประกายเย็นชา เขาเหยียด “หืม หวงเทียนป้า เจ้าพูดพล่ามพอหรือยัง” เขาโจมตีไปที่หลังของหวงเทียนป้าด้วยฝ่ามือของเขา ทำให้เลือดพุ่งกระจายออกมาจากปากของหวงเทียนป้า

“อย่าทำร้ายท่านปู่ ! ” หวงหลวนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางรู้สึกบีบหัวใจเมื่อเห็นสภาพของหวงเทียนป้า

บรรพชนตระกูลหวงกู่ยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูด “ศิษย์รักของข้า ชีวิตของปู่เจ้าอยู่ในมือเจ้าแล้ว ถ้าเจ้าต้องการให้เขาปลอดภัย เจ้าควรจะฝึกอยู่ที่นี่ด้วยวิธีการที่ข้าให้เจ้า” เขาออกจากห้องลับไปหลังจากพูดจบและขังหวงหลวนไว้ข้างในอีกครั้ง

หวงหลวนสะอื้นเงียบ ๆ ในขณะที่นางคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในตอนแรกความหวังเดียวของนางคือหวงเทียนป้า แต่ในตอนนี้เขาถูกจับขังอยู่ นางไม่มีใครให้พึ่งอีกแล้ว นางติดอยู่ในที่มืด ไม่มีหน้าต่างและถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง นางรู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังถล่มทลาย นี่เป็นความสิ้นหวังที่นางรู้สึก

“เจี้ยนเฉิน เจ้าอยู่ที่ไหนกันตอนนี้ ? ” หวงหลวนสะอื้น ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังแบบนี้ นางอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเขา

มีเฉพาะเจี้ยนเฉินเท่านั้นที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลหวง และสามารถต่อกรกับตระกูลหวงกู่ได้

ไม่มีใครด้านนอกที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ตระกูลหวงกู่ แม้แต่ตระกูลหวงยังไม่รู้เลย เพราะหวงเทียนป้าไม่ได้บอกใครก่อนที่เขาจะออกมา ในขณะเดียวกัน ตระกูลเจียงหยางที่เมืองลอร์ก็ไม่คิดหรอกว่าหวงเทียนป้าจะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่แบบนี้

..

เจี้ยนเฉินเข้าไปที่อาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษเพียงลำพังคนเดียว เขาพุ่งผ่านอากาศไปในขณะที่เขาเปล่งประกายไปด้วยกลิ่นอายยิ่งใหญ่ และบินผ่านหลายเผ่าและองค์กรใหญ่นับไม่ถ้วนไปตรงตรง นี่ทำให้ผู้คนรู้ตัวหลายคน อย่างไรก็ตาม ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ จึงไม่มีใครกล้าที่จะออกมาสร้างปัญหา แม้แต่บางคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาก็ไม่ต้องการที่จะยั่วยุคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังด้วยเรื่องเล็กน้อย เพราะว่านี่อาจจะนำปัญหาที่ไม่รู้จบมายังเผ่าของพวกเขาก็เป็นได้

มีจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันที่อาณาจักรทะเลมากมายกว่าที่ทวีปเทียนหยวนนัก แต่การที่เป็นเซียนราชาก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เดินทางได้อย่างสะดวกในหลาย ๆ พื้นที่

เจี้ยนเฉินเดินทางผ่านเข้าไปในอาณาเขตของศาลาเทพเจ้าอสรพิษอย่างไม่ปิดบังตัวเอง และมุ่งตรงไปที่ดินแดนที่อยู่ศูนย์กลางด้วยกลิ่นอายที่ไม่เป็นมิตร เขามาถึงตรงหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ใหญ่โตในที่สุดหลังจากที่เดินทางสองวันเต็ม ๆ

ศาลาศักดิ์สิทธิ์เป็นสีดำมันทั้งหมดและลอยอยู่กลางอากาศเหมือนปราสาทใหญ่ มันเต็มไปด้วยภาพแกะสลักมังกรอสรพิษ มังกรอสรพิษเหล่านี้บางครั้งก็คำรามขึ้นใปบนท้องฟ้า บางครั้งพวกมันก็โชว์ฟันและเล็บของมันออกมา พวกมันทั้งหมดดูแตกต่างกันแต่ก็ดูเหมือนมีชีวิต

มังกรอสรพิษสีดำตัวใหญ่ยาว 3,000 เมตรขดอยู่ที่ยอดสุดของโครงสร้าง มันเหมือนผู้คุมกฎที่มองลงมายังโลก มันเปล่งประกายไปด้วยความสูงส่ง ทำให้คนอื่นรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นนายเหนือหัวหนึ่งเดียวเท่านั้น

เจี้ยนเฉินลอยกอดอกอยู่กลางอากาศในขณะที่เขาปล่อยแรงกดดันมหาศาล ความกดดันออกมาหลายชั้นและกระหน่ำเข้าไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามันจะไม่สามารถเคลื่อนศาลาศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่มันก็เต็มไปด้วยความยั่วยุ

“ใครกันที่กล้าทำตัวโอหังต่อหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา ! ? ” เสียงคำรามเหมือนฟ้าร้องดังออกมาจากด้านใน และทูตเซียนผู้คุมกฎหลายคนก็ออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว

สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายเย็นชา เมื่อทูตออกมาที่ศาลาแล้ว เขาก็พลิกมือและยุทธภัณฑ์จักรพรรดิก็ออกมาปรากฏบนมือของเขาทันที เขาเหวี่ยงมันไปที่ทูต

ปราณกระบี่ที่เป็นรูปจันทร์เสี้ยวใหญ่พุ่งออกไปทางทูตด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง มันฟันผ่านหน้าอกของพวกเขาและแยกพวกเขาออกเป็น 2 ส่วน

ทูตคำรามออกมาอย่างโหยหวนในขณะที่พวกเขาหล่นลงจากท้องฟ้าและเลือดทะลักออกมามากมาย

ปราณกระบี่ของเจี้ยนเฉินพุ่งต่อไปโดยกำลังไม่ลดลง และกระแทกอย่างแรงเข้าไปที่ศาลาศักดิ์สิทธิ์ เสียงระเบิดอื้ออึงเกิดขึ้นในขณะที่ทั้งศาลาสั่นไหวเล็กน้อย

การกระทำนี่ได้ทำให้จอมยุทธทั้งหมดข้างในตื่นตัว พลังมหาศาลหลายดวงพุ่งออกมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์และร่างหลายสิบร่างก็โผล่ออกมากลางอากาศ พวกเขาบินออกมาด้วยความเร็วแสง

พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้อาวุโสของศาลาเทพเจ้าอสรพิษ เซียนราชาเกือบครึ่งในอาณาเขตศาลาเทพเจ้าอสรพิษได้ปรากฎตัวขึ้น ในขณะที่มีทูตที่มีจำนวนมากกว่าตามหลังพวกเขามา

ในพริบตาเดียว กลุ่มใหญ่ก็ได้ล้อมเจี้ยนเฉินเอาไว้ นอกเหนือจากเซียนราชาหลายสิบคน ยังมีทูตอีกหลายร้อยคนด้วย

กลุ่มรวมกันรอบเจี้ยนเฉินแน่นเป็นวงแหวน พลังมหาศาลได้เปล่งออกมาจากกลุ่มและตัดกันไปมากลางอากาศและกลายเป็นเหมือนตาข่ายที่หุ้มเจี้ยนเฉินเอาไว้

“เจ้าเป็นใคร ? บอกชื่อของเจ้ามา…”

“เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วงั้นหรือ ? เจ้าทำร้ายทูตและโจมตีศาลาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรา…”

“เจ้าหนู เจ้าต้องการที่จะตายที่ทำตัวป่าเถื่อนต่อหน้าศาลาศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรางั้นหรือ…”

..

เสียงร้องด้วยความโมโหดังออกมาจากรอบ ๆ ในขณะที่พวกเขาต้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาเป็นประกายเย็นชา จิตสังหารก็พุ่งพวยออกมาเช่นกัน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็มุ่งความสนใจไปที่ยุทธภัณฑ์จักรพรรดิที่อยู่ในมือของเจี้ยนเฉิน

สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายแหลมคม เขาชูกระบี่ไปบนท้องฟ้าและกวัดแกว่งมัน ทันใดนั้นเอง มันก็เริ่มเปล่งประกายไปด้วยสีดำจ้า ในขณะที่พลังแห่งการทำลายล้างได้กระจายไปทั่วรัศมีหลายสิบกิโลเมตร เขาตะโกนออกมา “อย่าหาว่าข้าโหดร้ายถ้าใครไม่หุบปาก”

เสียงหลายเสียงหายไปทันที ในตอนนี้รอบ ๆ เงียบสงัด ทุกคนจ้องไปที่เจี้ยนเฉิน

พวกเขาไม่ได้กลัวเจี้ยนเฉินแต่ประหลาดใจ ในตลอดที่ผ่านมานี้ ไม่มีใครในอาณาจักรทะเลที่กล้าพูดจาโจ่งแจ้งต่อหน้าจอมยุทธมากมายขนาดนี้ และยังมาตัวคนเดียวเพื่อมาท้าทายเกียรติของศาลาเทพเจ้าอสรพิษอีก

เจี้ยนเฉินเป็นคนแรก

“หืม เจ้าหนูที่ไม่รู้อะไรเลย เจ้าประเมินตัวเองสูงไปแล้วที่มาท้าทายเกียรติของศาลาพวกเรา ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเองว่าความแข็งแกร่งมันเป็นยังไง” ชายชราผมขาวคำรามออกมา เขาพุ่งเข้าไปที่เจี้ยนเฉินทันทีพร้อมหอกสามง่ามที่อยู่ในมือของเขา

เจี้ยนเฉินจ้องไปที่ชายชราในขณที่ริมฝีปากของเขาบิดไปด้วยความเหยียดหยาม เขาเย้ยออกมา “เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 3 เจ้ายังไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้” เจี้ยนเฉินแทงออกไปด้วยยุทธภัณฑ์จักรพรรดิทันที ปราณกระบี่ที่ใหญ่โตก็พุ่งไปทางชายชรา

เสียงระเบิดเหมือนฟ้าร้องดังเกิดขึ้นเมื่อทั้งสองปะทะกัน มันสะท้อนไปไกลหลายร้อยกิโลเมตร

ชายชราคำรามออกมาและเลือดก็กระอักเป็นฝอยออกมาจากปากของเขา เขาพุ่งถอยกลับไปไกลกว่าจุดที่เขาเริ่มพุ่งเข้ามาเสียอีก เขากระแทกเข้ากับศาลาศักดิ์สิทธิ์อย่างรุนแรงก่อนที่หยุด ในตอนนี้เอง เขากระอักเลือดออกมาอีก ใบหน้าของเขาซีดเผือด

ฝูงคนโกลาหลในขณะที่มุมมองเกี่ยวกับเจี้ยนเฉินของทุกคนเปลี่ยนไป พวกเขาทั้งหมดตกตะลึงเมื่อพวกเขาได้เห็นจอมยุทธ 16 ดาวถูกกระแทกกลับไปและกระอักเลือดเพียงแค่โดนการโจมตีครั้งเดียว

“ผู้อาวุโสประจำศาลามาแล้ว ! “

เสียงชัดเจนดังออกมาจากศาลา หกคนที่มีอายุแตกต่างกันบินออกมาอย่างช้า ๆ เรียงกัน พวกเขาไม่ได้เปล่งประกายพลังแห่งการมีอยู่หรือกลิ่นอายใดใดออกมา และดูเหมือนคนธรรมดา

เจี้ยนเฉินมองออกไปและหรี่ตาเล็กลงทันที เขาเคยเห็นสองจากในหกคนนี้มาก่อน พวกเขาเป็นสองคนที่ไปกับกลุ่มของศาลาเทพเจ้าอสรพิษที่เข้าไปในโถงศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินทั้งแปด

“มีผู้อาวุโสประจำศาลาเทพเจ้าอสรพิษ 6 คน เซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 หกคน” จิตใจของเจี้ยนเฉินสั่นไหว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+