Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 965: กลับไปที่เกาะสามเซียน

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 965: กลับไปที่เกาะสามเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 965: กลับไปที่เกาะสามเซียน

ในท้องฟ้าเหนืออาณาจักรทะเล เจี้ยนเฉินก็สงบใจลงช้า ๆ แสงสีทองพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขาและตกลงมาบนมือของเขาเป็นหอคอยสีทอง แสงสีขาวพุ่งออกมาจากมัน เสี่ยวไป๋ที่ขนาดเท่าแมวถูกปล่อยออกมาจากวัตถุเซียนและมาปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเจี้ยนเฉิน

หลังจากที่ใช้เวลา 5 ปีอยู่ในวัตถุเซียน เสือขาวก็ตื่นเต้นมากที่ได้ออกมาจากที่นั่นเสียที มันเริ่มที่จะครางออกมาอย่างตื่นเต้น และบินไปรอบ ๆ ด้วยปีกของมัน มันบินไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินเรื่อย ๆ

เจี้ยนเฉินได้รับผลกระทบจากความดีใจของเสือขาวอย่างไม่รู้ตัว เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา

เสือขาวเล่นไปรอบ ๆ จนพอใจแล้วก็กลับมาที่ไหล่ของเจี้ยนเฉิน ดวงตาที่ไร้เดียงสาและสดใสของมันเต็มไปด้วยความสงสัยในขณะที่มันมองไปรอบ ๆ เรื่อย ๆ มันกระโจนจากไหล่ข้างหนึ่งไปยังอีกไหล่อีกข้างหนึ่งเป็นครั้งคราว

ก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินทำได้แต่เอาเสือขาวไว้ในวัตถุเซียนเพื่อที่จะป้องกันมันหลังจากที่ตัวตนของมันถูกเปิดเผย ในตอนนี้เจี้ยนเฉินแข็งแกร่งกว่าเดิมและไม่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว ในตอนนี้เขาสามารถปกป้องตัวเองและเสือขาวได้แล้ว ดังนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บเสือขาวไว้ในวัตถุเซียนเหมือนแต่ก่อนแล้ว

เสือขาวได้กลายเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 แล้วเช่นกัน ในฐานะที่มันเป็นเทพเจ้าสัตว์อสูร พลังในการต่อสู้ของมันนั้นเหนือกว่าสัตว์อสูรโบราณมาก เช่นนั้น มันจึงมีความแข็งแกร่งที่จะปกป้องตัวเองด้วยเช่นกัน คงมีแต่ไม่กี่คนในหมู่เซียนผู้คุมกฎที่สามารถทำร้ายมันได้ในตอนนี้

เจี้ยนเฉินยอมให้เสือขาวเล่นไปรอบ ๆ ที่ไหล่ของเขา เขารับแดดบนท้องฟ้าก่อนที่จะหลอมรวมกับมิติรอบ ๆและพุ่งออกไปที่ทวีปเทียนหยวนโดยการใช้พลังมิติ

การเปิดประตูมิติเป็นความสามารถที่เซียนราชามี แม้ว่าเจี้ยนเฉินในตอนนี้จะมีพลังในการต่อสู้เท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 แต่ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติของเขานั้นยังต่ำอยู่มาก เหตุผลเดียวที่ความเข้าใจของเขาอยู่ในระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 นั้นเป็นเพราะการกลืนกินวิญญาณของจักรพรรดิเลือดปีศาจเข้าไป นี่หมายความว่าเจี้ยนเฉินไม่สามารถสร้างประตูมิติได้แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง

ท้องฟ้าและทะเลดูเหมือนจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งทำให้มันง่ายที่จะหลงทางโดยสิ้นเชิง เจี้ยนเฉินใช้พระอาทิตย์เพื่อที่จะหาทิศทาง ทำให้เขาเคลื่อนที่อย่างเร็วไปเหนือมหาสมุทร

หลังจากที่เดินทางไป 2 วัน เกาะใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเจี้ยนเฉิน แม้ว่ามันจะอยู่ไกลออกไปมาก แต่เจี้ยนเฉินก็อ่านป้ายแผ่นหินที่ตั้งอยู่บนเกาะได้อย่างชัดเจน คำสามคำถูกสลักเอาไว้อย่างดีบนนั้น ‘เกาะสามเซียน’

เขามาถึงที่เกาะสามเซียนอย่างไม่รู้ตัว เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความงดงามที่สุดยอดของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ในตอนที่เขาเห็นเกาะ เช่นเดียวกับทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองที่เกาะมหาสมุทรดวงดาว ความทรงจำเหล่านี้แว่บเข้ามาในหัวของเขาเหมือนความฝัน

เจี้ยนเฉินช้าลงโดยจิตใต้สำนึกและร่อนลงอย่างไม่รู้ตัวบนเกาะก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ป่า

มีเมืองบนเกาะสามเซียนที่ที่ชาวประมงพื้นเมืองอยู่ เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในเมือง เขาชื่นชมขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เมื่อเปรียบเทียบกับทวีปเทียนหยวน

ทุกคนที่อยู่บนเกาะสามเซียนหาปลาเป็นอาชีพหลัก ดังนั้นเกือบทุกคนจึงมีทักษะในการหาปลา ในเวลาเดียวกัน ยังมีนักสู้อีกอยู่อีกบ้าง จากระดับนักสู้ที่อ่อนแอที่สุดที่ยังไม่สามารถควบแน่นได้แม้แต่อาวุธเซียนจนกระทั่งถึงเซียนปฐพีที่ทรงพลัง

คนจากเกาะใช้ชีวิตอยู่เสมือนกึ่งสันโดษ พวกเขารู้เรื่องเกี่ยวกับทวีปเทียนหยวนและเห็นคนที่ทวีปมาก่อนแต่พวกเขาก็ไม่เคยไปที่นั่น นี่เป็นเพราะว่าระยะทางระหว่างทั้งสองที่นั้นไกลมาก แม้แต่เซียนสวรรค์ก็ยังยากที่จะเดินทางไปที่นั่น เพราะว่าพวกเขาจะสูญเสียการรับรู้ทิศทางไปในไม่นานนัก

ดังนั้น ข้อพิพาทบนทวีปเทียนหยวนไม่สามารถที่จะมากระทบกับเกาะสามเซียนได้ และทำให้คนอยู่อย่างเรียบง่ายและซื่อสัตย์ แต่ละคนมีความซุกซนและยิ้มอย่างมีความสุข

ในฐานะที่เป็นคนนอก เจี้ยนเฉินถูกพบเห็นได้ทันทีจากคนพื้นที่ในขณะที่เขามาในเมือง เขาถูกล้อมรอบด้วยชายหนุ่มที่อายุพอพอกับเขาที่เข้ามาต้อนรับอย่างอบอุ่นทันที

ชายหนุ่มเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไร คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเซียนแต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง เขายิ้มในขณะที่เขาพูดคุยกับพวกนั้นที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของทวีปเทียนหยวน

“ในเมื่อเจ้ามาจากทวีปเทียนหยวน เจ้าต้องแข็งแกร่งมากที่ข้ามทะเลมาได้ เจ้าเป็นเซียนสวรรค์ ใช่หรือไม่ ? “

“โอ้ เซียนสวรรค์ นั่นเทียบเท่ากับผู้อาวุโสบางคนบนเกาะเลย เจ้าดูยังไม่แก่เลย แต่เจ้ายังฝึกฝนจนถึงระดับนี้แล้ว พวกเราชื่นชมเจ้าจริง ๆ “

ชายหนุ่มรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินในขณะที่พวกเขาพูดคุย

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินก็พูดออกมา “เจ้าถามข้ามาหลายคำถามแล้ว ถึงตาที่ข้าควรจะถามบ้างหรือยังตอนนี้ ? “

“ถามได้เท่าที่เจ้าต้องการเลย น้องชาย ถ้าพวกเรารู้มัน พวกเราจะไม่ปิดบังเจ้าแน่” ชายหนุ่มแตะไปที่หน้าอกของเขาในขณะที่พูด

“ข้าต้องการที่รู้เกี่ยวกับเรื่องของนางที่เป็นที่รักของเกาะของพวกเจ้า” เจี้ยนเฉินถามอย่างปกติ แต่เขาก็มองไปที่เกาะสามเซียนที่อยู่แต่ไกล

ตาของชายหนุ่มเบิกขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเจี้ยนเฉินพูดถึงนางอันเป็นที่รัก พวกเขาผลัดกันอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนางที่เป็นที่รักของเกาะ ทั้งหมดยากที่จะซ่อนความเคารพเอาไว้ในตาของพวกเขา มันเกิดมาจากก้นบึ้งของจิตใจของพวกเขา

เจี้ยนเฉินเข้าใจในอดีตของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาได้รู้เรื่องทุกอย่างจากชายหนุ่มแล้ว เขาจึงล่ำลาพวกนั้น และบินตรงไปที่ภูเขาสามเซียน

เจี้ยนเฉินไม่ได้ลบพลังแห่งการมีอยู่ของพวกในขณะที่กำลังเดินทางไปที่ภูเขา พลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังเปล่งประกายออกมาจากเขา แต่มันก็เป็นแค่ระดับเซียนผู้คุมกฎเท่านั้น

เสี่ยวเยี่ยน และเสี่ยวเยี่ยทั้งคู่เลิกฝึกฝนอยูและออกมาจากที่อยู่ของพวกเขาบนภูเขา เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงการมาถึงของเซียนผู้คุมกฎ พวกเขาก็จำได้ว่าเป็นเจี้ยนเฉินแต่ไกลและตะโกนออกมา “นั่นคืออาจารย์เจี้ยนเฉินน่ะเองที่อยู่ดี ๆ ก็มาเยี่ยม”

เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่พวกนางทั้งสองในขณะที่เขายิ้มและพูดออกมา “ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว ถ้าข้ามารบกวนล่ะก็ ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย”

“อาจารย์เจี้ยนเฉินไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ได้โปรดเข้ามา” เสี่ยวเยี่ยนและเสี่ยวเยี่ยไม่ปฏิบัติกับเจี้ยนเฉินเหมือนเป็นคนนอกแม้แต่น้อย พวกนางเป็นมิตรมาก

เจี้ยนเฉินตาทั้งสองไปที่ภูเขา หลังจากที่พูดคุยกันเล็กน้อย เขาก็ขยายพลังแห่งการมีอยู่ออกมาและมันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็หาร่องรอยหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่พบ ดังนั้น เขาจึงถามออกมา “แม่นางเสี่ยวเยี่ยน แม่นางเสี่ยวเยี่ย ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าอาจารย์ของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน ? “

“อาจารย์ได้ทำสมาธิมาหลายปีแล้ว ถ้าอาจารย์เจี้ยนเฉินมาหาท่านอาจารย์ล่ะก็ ท่านอาจจะผิดหวัง” เสี่ยวเยี่ยนพูด

“ทำสมาธิ ? ” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว เขามองผ่านไปยังที่ซึ่งหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ฝึกฝนก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่พบนางที่นั่น

“บางทีหญิงสาวเจ้าเสน่ห์อาจจะไม่ได้แยกตัวไปฝึกฝนบนเกาะนี้แต่ไปที่อื่นอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินคิด

ตาของเจี้ยนเฉินหรี่เล็กลงในตอนนี้ เขาเงยหน้าขึ้นทันทีไปไกลและเห็นหญิงในชุดขาวยืนอยู่ไหลออกไปพร้อมกับพิณที่อยู่ในมือของนาง นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างงุนงง

หญิงสาวนั้นน่ารักมาก และดูเหมือนจะบดบังแสงจากาจันทร์ได้ นางมีความงามที่หาได้ยากบนปฐพี นางไม่ได้อายุมากและดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 20 ปี นางปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างสุภาพและเงียบเชียบ และมีความสูงศักดิ์เป็นธรรมชาติเนื่องจากการศึกษาของนาง

“แม่นางฉินฉิน ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่เขาจ้องไปที่หญิงสาวด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่คนเห็นรูปร่างลักษณะของฉินฉิน แต่เขาก็คุ้นเคยกับนาง เขาจำนางได้ตั้งแต่แวบแรก นางเป็นคุณหนูรองของตระกูลเทียนฉิน

ฉินฉินเดินออกมาช้า ๆ พร้อมพิณในมือของนางในขณะที่นางจ้องตาไม่กระพริบไปที่เจี้ยนเฉิน ตาของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป “อาจารย์เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะจำข้าได้ เป็นเกียรติของข้าจริง ๆ “

“แม่นางฉินฉิน ไม่ใช่ว่าเจ้าอยู่ที่ตระกูลเทียนฉินบนทวีปเทียนหยวนหรอกหรือ ? ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างประหลาดใจ

“ข้าได้คารวะหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ให้เป็นอาจารย์ของข้าแล้ว อาจารย์พาข้ามาที่นี่” ฉินฉินพูด เสียงของนางนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความเป็นหญิง

“ความเข้าใจในพิณของแม่นางฉินฉินนั้นสูงมาก มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่เจ้าได้กลายเป็นลูกศิษย์ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์” เจี้ยนเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม เขารู้สึกดีใจมาจากก้นบึ้งของหัวใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เขากังวลใจก็คือสายตาของนางที่มองมายังเขา

เจี้ยนเฉินไม่ได้ซื่อบื้อเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาบอกได้เลยว่าฉินฉินนั้นชอบเขา ซึ่งมันทำให้เขากลุ้มใจ

เจี้ยนเฉินถอนหายใจในใจเล็กน้อย และไม่ต้องการที่พิจารณาถึงเรื่องที่น่าลำคาญใจนี้ เขาดึงเอาชิ้นหยกออกมาจากแหวนมิติแล้วพูด “แม่นางฉินฉิน เกาะนี้ไกลจากทวีปเทียนหยวนมาก และหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ยังแยกตัวไปฝึกฝนบ่อยอีก ถ้าเจ้าต้องการที่จะกลับบ้าน ก็แค่บีบหยกนี่ ข้าจะรีบมาด้วยอย่างเร็วเพื่อที่จะพาเจ้ากลับไป เพื่อที่เจ้าจะได้ไปเยี่ยมบ้านได้”

“ขอบคุณมาก อาจารย์เจี้ยนเฉิน” ฉินฉินเผยรอยยิ้มหวานออกมาบนใบหน้า นางยื่นมือที่นุ่มนวลและขาวของนางเพื่อออกไปรับชิ้นหยกจากเจี้ยนเฉิน และถือมันไว้ในมือเหมือนชิ้นสมบัติ

“มันถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปที่ทวีปเทียนหยวน แม่นางฉินฉิน แม่นางเสี่ยวเยี่ยน และแม่นางเสี่ยวเยี่ย หวังว่าเราจะได้พบกับอีกในโอกาสหน้า” เจี้ยนเฉินหวนคิดถึงครอบครัวของเขาและเขาไม่อยากที่จะอยู่นานที่เกาะ ดังนั้น เขาจึงร่ำลากับหญิงสาวทั้งสามทันที

เมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินกำลังจะไปที่ทวีปเทียนหยวน ฉินฉินก็เริ่มตื่นตระหนกทันที “อาจารย์เจี้ยนเฉิน เจ้ายังกลับไปที่ทวีปเทียนหยวนไม่ได้ มีคนตามหาท่านอยู่ทุกที่ในตอนนี้ พวกเขาต้องการที่จะเอาพยัคฆ์ปีกเทวะไป” นางอดไม่ได้ที่จะมองอย่างเกียจคร้านไปที่เสือขาวบนไหล่ของเจี้ยนเฉินในขณะที่นางพูดแบบนั้น

เจี้ยนเฉินยิ้มและตอบกลับ “อย่าห่วงไปเลย พวกเขาไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก”

เจี้ยนเฉินร่ำลาหญิงสาวทั้งสาม ก่อนที่จะบินออกจากเกาะไปที่ทวีปเทียนหยวนทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ 965: กลับไปที่เกาะสามเซียน

Now you are reading Chaotic sword god เทพกระบี่มรณะ Chapter 965: กลับไปที่เกาะสามเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 965: กลับไปที่เกาะสามเซียน

ในท้องฟ้าเหนืออาณาจักรทะเล เจี้ยนเฉินก็สงบใจลงช้า ๆ แสงสีทองพุ่งออกมาจากหว่างคิ้วของเขาและตกลงมาบนมือของเขาเป็นหอคอยสีทอง แสงสีขาวพุ่งออกมาจากมัน เสี่ยวไป๋ที่ขนาดเท่าแมวถูกปล่อยออกมาจากวัตถุเซียนและมาปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเจี้ยนเฉิน

หลังจากที่ใช้เวลา 5 ปีอยู่ในวัตถุเซียน เสือขาวก็ตื่นเต้นมากที่ได้ออกมาจากที่นั่นเสียที มันเริ่มที่จะครางออกมาอย่างตื่นเต้น และบินไปรอบ ๆ ด้วยปีกของมัน มันบินไปรอบ ๆ เจี้ยนเฉินเรื่อย ๆ

เจี้ยนเฉินได้รับผลกระทบจากความดีใจของเสือขาวอย่างไม่รู้ตัว เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขา

เสือขาวเล่นไปรอบ ๆ จนพอใจแล้วก็กลับมาที่ไหล่ของเจี้ยนเฉิน ดวงตาที่ไร้เดียงสาและสดใสของมันเต็มไปด้วยความสงสัยในขณะที่มันมองไปรอบ ๆ เรื่อย ๆ มันกระโจนจากไหล่ข้างหนึ่งไปยังอีกไหล่อีกข้างหนึ่งเป็นครั้งคราว

ก่อนหน้านี้ เจี้ยนเฉินทำได้แต่เอาเสือขาวไว้ในวัตถุเซียนเพื่อที่จะป้องกันมันหลังจากที่ตัวตนของมันถูกเปิดเผย ในตอนนี้เจี้ยนเฉินแข็งแกร่งกว่าเดิมและไม่อ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแล้ว ในตอนนี้เขาสามารถปกป้องตัวเองและเสือขาวได้แล้ว ดังนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บเสือขาวไว้ในวัตถุเซียนเหมือนแต่ก่อนแล้ว

เสือขาวได้กลายเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 แล้วเช่นกัน ในฐานะที่มันเป็นเทพเจ้าสัตว์อสูร พลังในการต่อสู้ของมันนั้นเหนือกว่าสัตว์อสูรโบราณมาก เช่นนั้น มันจึงมีความแข็งแกร่งที่จะปกป้องตัวเองด้วยเช่นกัน คงมีแต่ไม่กี่คนในหมู่เซียนผู้คุมกฎที่สามารถทำร้ายมันได้ในตอนนี้

เจี้ยนเฉินยอมให้เสือขาวเล่นไปรอบ ๆ ที่ไหล่ของเขา เขารับแดดบนท้องฟ้าก่อนที่จะหลอมรวมกับมิติรอบ ๆและพุ่งออกไปที่ทวีปเทียนหยวนโดยการใช้พลังมิติ

การเปิดประตูมิติเป็นความสามารถที่เซียนราชามี แม้ว่าเจี้ยนเฉินในตอนนี้จะมีพลังในการต่อสู้เท่ากับเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 7 แต่ความเข้าใจในความลึกลับของธรรมชาติของเขานั้นยังต่ำอยู่มาก เหตุผลเดียวที่ความเข้าใจของเขาอยู่ในระดับเซียนผู้คุมกฎชั้นสวรรค์ที่ 7 นั้นเป็นเพราะการกลืนกินวิญญาณของจักรพรรดิเลือดปีศาจเข้าไป นี่หมายความว่าเจี้ยนเฉินไม่สามารถสร้างประตูมิติได้แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง

ท้องฟ้าและทะเลดูเหมือนจะหลอมรวมกันเป็นหนึ่งทำให้มันง่ายที่จะหลงทางโดยสิ้นเชิง เจี้ยนเฉินใช้พระอาทิตย์เพื่อที่จะหาทิศทาง ทำให้เขาเคลื่อนที่อย่างเร็วไปเหนือมหาสมุทร

หลังจากที่เดินทางไป 2 วัน เกาะใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเจี้ยนเฉิน แม้ว่ามันจะอยู่ไกลออกไปมาก แต่เจี้ยนเฉินก็อ่านป้ายแผ่นหินที่ตั้งอยู่บนเกาะได้อย่างชัดเจน คำสามคำถูกสลักเอาไว้อย่างดีบนนั้น ‘เกาะสามเซียน’

เขามาถึงที่เกาะสามเซียนอย่างไม่รู้ตัว เจี้ยนเฉินอดไม่ได้ที่จะคิดถึงความงดงามที่สุดยอดของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ในตอนที่เขาเห็นเกาะ เช่นเดียวกับทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองที่เกาะมหาสมุทรดวงดาว ความทรงจำเหล่านี้แว่บเข้ามาในหัวของเขาเหมือนความฝัน

เจี้ยนเฉินช้าลงโดยจิตใต้สำนึกและร่อนลงอย่างไม่รู้ตัวบนเกาะก่อนที่จะเดินเข้าไปที่ป่า

มีเมืองบนเกาะสามเซียนที่ที่ชาวประมงพื้นเมืองอยู่ เจี้ยนเฉินเดินเข้าไปในเมือง เขาชื่นชมขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์เมื่อเปรียบเทียบกับทวีปเทียนหยวน

ทุกคนที่อยู่บนเกาะสามเซียนหาปลาเป็นอาชีพหลัก ดังนั้นเกือบทุกคนจึงมีทักษะในการหาปลา ในเวลาเดียวกัน ยังมีนักสู้อีกอยู่อีกบ้าง จากระดับนักสู้ที่อ่อนแอที่สุดที่ยังไม่สามารถควบแน่นได้แม้แต่อาวุธเซียนจนกระทั่งถึงเซียนปฐพีที่ทรงพลัง

คนจากเกาะใช้ชีวิตอยู่เสมือนกึ่งสันโดษ พวกเขารู้เรื่องเกี่ยวกับทวีปเทียนหยวนและเห็นคนที่ทวีปมาก่อนแต่พวกเขาก็ไม่เคยไปที่นั่น นี่เป็นเพราะว่าระยะทางระหว่างทั้งสองที่นั้นไกลมาก แม้แต่เซียนสวรรค์ก็ยังยากที่จะเดินทางไปที่นั่น เพราะว่าพวกเขาจะสูญเสียการรับรู้ทิศทางไปในไม่นานนัก

ดังนั้น ข้อพิพาทบนทวีปเทียนหยวนไม่สามารถที่จะมากระทบกับเกาะสามเซียนได้ และทำให้คนอยู่อย่างเรียบง่ายและซื่อสัตย์ แต่ละคนมีความซุกซนและยิ้มอย่างมีความสุข

ในฐานะที่เป็นคนนอก เจี้ยนเฉินถูกพบเห็นได้ทันทีจากคนพื้นที่ในขณะที่เขามาในเมือง เขาถูกล้อมรอบด้วยชายหนุ่มที่อายุพอพอกับเขาที่เข้ามาต้อนรับอย่างอบอุ่นทันที

ชายหนุ่มเหล่านี้ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไร คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นเซียนแต่เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่ง เขายิ้มในขณะที่เขาพูดคุยกับพวกนั้นที่พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของทวีปเทียนหยวน

“ในเมื่อเจ้ามาจากทวีปเทียนหยวน เจ้าต้องแข็งแกร่งมากที่ข้ามทะเลมาได้ เจ้าเป็นเซียนสวรรค์ ใช่หรือไม่ ? “

“โอ้ เซียนสวรรค์ นั่นเทียบเท่ากับผู้อาวุโสบางคนบนเกาะเลย เจ้าดูยังไม่แก่เลย แต่เจ้ายังฝึกฝนจนถึงระดับนี้แล้ว พวกเราชื่นชมเจ้าจริง ๆ “

ชายหนุ่มรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินในขณะที่พวกเขาพูดคุย

ในตอนนี้ เจี้ยนเฉินก็พูดออกมา “เจ้าถามข้ามาหลายคำถามแล้ว ถึงตาที่ข้าควรจะถามบ้างหรือยังตอนนี้ ? “

“ถามได้เท่าที่เจ้าต้องการเลย น้องชาย ถ้าพวกเรารู้มัน พวกเราจะไม่ปิดบังเจ้าแน่” ชายหนุ่มแตะไปที่หน้าอกของเขาในขณะที่พูด

“ข้าต้องการที่รู้เกี่ยวกับเรื่องของนางที่เป็นที่รักของเกาะของพวกเจ้า” เจี้ยนเฉินถามอย่างปกติ แต่เขาก็มองไปที่เกาะสามเซียนที่อยู่แต่ไกล

ตาของชายหนุ่มเบิกขึ้นเมื่อพวกเขาได้ยินว่าเจี้ยนเฉินพูดถึงนางอันเป็นที่รัก พวกเขาผลัดกันอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนางที่เป็นที่รักของเกาะ ทั้งหมดยากที่จะซ่อนความเคารพเอาไว้ในตาของพวกเขา มันเกิดมาจากก้นบึ้งของจิตใจของพวกเขา

เจี้ยนเฉินเข้าใจในอดีตของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์มากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาได้รู้เรื่องทุกอย่างจากชายหนุ่มแล้ว เขาจึงล่ำลาพวกนั้น และบินตรงไปที่ภูเขาสามเซียน

เจี้ยนเฉินไม่ได้ลบพลังแห่งการมีอยู่ของพวกในขณะที่กำลังเดินทางไปที่ภูเขา พลังแห่งการมีอยู่ที่ทรงพลังเปล่งประกายออกมาจากเขา แต่มันก็เป็นแค่ระดับเซียนผู้คุมกฎเท่านั้น

เสี่ยวเยี่ยน และเสี่ยวเยี่ยทั้งคู่เลิกฝึกฝนอยูและออกมาจากที่อยู่ของพวกเขาบนภูเขา เมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงการมาถึงของเซียนผู้คุมกฎ พวกเขาก็จำได้ว่าเป็นเจี้ยนเฉินแต่ไกลและตะโกนออกมา “นั่นคืออาจารย์เจี้ยนเฉินน่ะเองที่อยู่ดี ๆ ก็มาเยี่ยม”

เจี้ยนเฉินป้องมือไปที่พวกนางทั้งสองในขณะที่เขายิ้มและพูดออกมา “ข้ามาโดยไม่ได้บอกกล่าว ถ้าข้ามารบกวนล่ะก็ ได้โปรดให้อภัยข้าด้วย”

“อาจารย์เจี้ยนเฉินไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ได้โปรดเข้ามา” เสี่ยวเยี่ยนและเสี่ยวเยี่ยไม่ปฏิบัติกับเจี้ยนเฉินเหมือนเป็นคนนอกแม้แต่น้อย พวกนางเป็นมิตรมาก

เจี้ยนเฉินตาทั้งสองไปที่ภูเขา หลังจากที่พูดคุยกันเล็กน้อย เขาก็ขยายพลังแห่งการมีอยู่ออกมาและมันก็ปกคลุมไปทั่วทั้งภูเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็หาร่องรอยหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ไม่พบ ดังนั้น เขาจึงถามออกมา “แม่นางเสี่ยวเยี่ยน แม่นางเสี่ยวเยี่ย ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าอาจารย์ของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน ? “

“อาจารย์ได้ทำสมาธิมาหลายปีแล้ว ถ้าอาจารย์เจี้ยนเฉินมาหาท่านอาจารย์ล่ะก็ ท่านอาจจะผิดหวัง” เสี่ยวเยี่ยนพูด

“ทำสมาธิ ? ” เจี้ยนเฉินขมวดคิ้ว เขามองผ่านไปยังที่ซึ่งหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ฝึกฝนก่อนหน้านี้ แต่เขาก็ไม่พบนางที่นั่น

“บางทีหญิงสาวเจ้าเสน่ห์อาจจะไม่ได้แยกตัวไปฝึกฝนบนเกาะนี้แต่ไปที่อื่นอย่างนั้นหรือ ? ” เจี้ยนเฉินคิด

ตาของเจี้ยนเฉินหรี่เล็กลงในตอนนี้ เขาเงยหน้าขึ้นทันทีไปไกลและเห็นหญิงในชุดขาวยืนอยู่ไหลออกไปพร้อมกับพิณที่อยู่ในมือของนาง นางจ้องไปที่เจี้ยนเฉินอย่างงุนงง

หญิงสาวนั้นน่ารักมาก และดูเหมือนจะบดบังแสงจากาจันทร์ได้ นางมีความงามที่หาได้ยากบนปฐพี นางไม่ได้อายุมากและดูเหมือนจะมีอายุประมาณ 20 ปี นางปรากฏตัวขึ้นมาได้อย่างสุภาพและเงียบเชียบ และมีความสูงศักดิ์เป็นธรรมชาติเนื่องจากการศึกษาของนาง

“แม่นางฉินฉิน ! ” เจี้ยนเฉินตะโกนออกมาอย่างไม่รู้ตัวในขณะที่เขาจ้องไปที่หญิงสาวด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่คนเห็นรูปร่างลักษณะของฉินฉิน แต่เขาก็คุ้นเคยกับนาง เขาจำนางได้ตั้งแต่แวบแรก นางเป็นคุณหนูรองของตระกูลเทียนฉิน

ฉินฉินเดินออกมาช้า ๆ พร้อมพิณในมือของนางในขณะที่นางจ้องตาไม่กระพริบไปที่เจี้ยนเฉิน ตาของนางเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ผสมปนเป “อาจารย์เจี้ยนเฉิน ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะจำข้าได้ เป็นเกียรติของข้าจริง ๆ “

“แม่นางฉินฉิน ไม่ใช่ว่าเจ้าอยู่ที่ตระกูลเทียนฉินบนทวีปเทียนหยวนหรอกหรือ ? ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ ? ” เจี้ยนเฉินถามอย่างประหลาดใจ

“ข้าได้คารวะหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ให้เป็นอาจารย์ของข้าแล้ว อาจารย์พาข้ามาที่นี่” ฉินฉินพูด เสียงของนางนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความเป็นหญิง

“ความเข้าใจในพิณของแม่นางฉินฉินนั้นสูงมาก มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่เจ้าได้กลายเป็นลูกศิษย์ของหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์” เจี้ยนเฉินพูดพร้อมรอยยิ้ม เขารู้สึกดีใจมาจากก้นบึ้งของหัวใจ สิ่งเดียวที่ทำให้เขากังวลใจก็คือสายตาของนางที่มองมายังเขา

เจี้ยนเฉินไม่ได้ซื่อบื้อเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาบอกได้เลยว่าฉินฉินนั้นชอบเขา ซึ่งมันทำให้เขากลุ้มใจ

เจี้ยนเฉินถอนหายใจในใจเล็กน้อย และไม่ต้องการที่พิจารณาถึงเรื่องที่น่าลำคาญใจนี้ เขาดึงเอาชิ้นหยกออกมาจากแหวนมิติแล้วพูด “แม่นางฉินฉิน เกาะนี้ไกลจากทวีปเทียนหยวนมาก และหญิงสาวเจ้าเสน่ห์แห่งสวรรค์ก็ยังแยกตัวไปฝึกฝนบ่อยอีก ถ้าเจ้าต้องการที่จะกลับบ้าน ก็แค่บีบหยกนี่ ข้าจะรีบมาด้วยอย่างเร็วเพื่อที่จะพาเจ้ากลับไป เพื่อที่เจ้าจะได้ไปเยี่ยมบ้านได้”

“ขอบคุณมาก อาจารย์เจี้ยนเฉิน” ฉินฉินเผยรอยยิ้มหวานออกมาบนใบหน้า นางยื่นมือที่นุ่มนวลและขาวของนางเพื่อออกไปรับชิ้นหยกจากเจี้ยนเฉิน และถือมันไว้ในมือเหมือนชิ้นสมบัติ

“มันถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปที่ทวีปเทียนหยวน แม่นางฉินฉิน แม่นางเสี่ยวเยี่ยน และแม่นางเสี่ยวเยี่ย หวังว่าเราจะได้พบกับอีกในโอกาสหน้า” เจี้ยนเฉินหวนคิดถึงครอบครัวของเขาและเขาไม่อยากที่จะอยู่นานที่เกาะ ดังนั้น เขาจึงร่ำลากับหญิงสาวทั้งสามทันที

เมื่อได้ยินว่าเจี้ยนเฉินกำลังจะไปที่ทวีปเทียนหยวน ฉินฉินก็เริ่มตื่นตระหนกทันที “อาจารย์เจี้ยนเฉิน เจ้ายังกลับไปที่ทวีปเทียนหยวนไม่ได้ มีคนตามหาท่านอยู่ทุกที่ในตอนนี้ พวกเขาต้องการที่จะเอาพยัคฆ์ปีกเทวะไป” นางอดไม่ได้ที่จะมองอย่างเกียจคร้านไปที่เสือขาวบนไหล่ของเจี้ยนเฉินในขณะที่นางพูดแบบนั้น

เจี้ยนเฉินยิ้มและตอบกลับ “อย่าห่วงไปเลย พวกเขาไม่กล้าทำอะไรข้าหรอก”

เจี้ยนเฉินร่ำลาหญิงสาวทั้งสาม ก่อนที่จะบินออกจากเกาะไปที่ทวีปเทียนหยวนทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+