Divine Card Creator 34 ถึงตาของฉันแล้ว

Now you are reading Divine Card Creator Chapter 34 ถึงตาของฉันแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หืม?”

 

ลู่หมิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

 

เสียงแบบนี้…

 

ศัตรูหรือ?

 

เขานึกไม่ออกว่าตนยังมีศัตรูเหลืออยู่อีกรึเปล่า…..หรือบางทีอาจเป็นคนจากบริษัทเงินกู้?

 

นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้ บริษัทเงินกู้คงไม่โง่ขนาดที่จะคอยหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองกลางวันแสกๆ ในย่านใจกลางเมืองแบบนี้!

 

ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้นก็คงเท่ากับตะโกนร้องยั่วยวนให้ตำรวจมาจับเข้าซังเตไปแบบนิ่มๆ

 

งั้นรอบนี้เป็นใครกัน?

 

ลู่หมิงไม่รู้แล้ว

 

อย่างไรก็ตามลู่หมิงค่อนข้างมั่นใจในเรื่องหนึ่ง กล่าวคือเรื่องในตอนนี้ดึงดูดผู้คนรอบๆ ร้านไว้พอสมควรซึ่งแปลว่าด้วยจำนวนไทยมุงมากมายขนาดนี้ ยังไงเขาก็ปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ แน่นอน

 

ลู่หมิงเปิดประตูออกไป

 

“โอ้! ….ซุบซิบ ซุบซิบ“ เหล่าชาวบ้านต่างพากันกระซิบกระซาบด้วยความสงสัย

 

มีฝูงชนขนาดใหญ่ล้อมอยู่รอบๆ จุดที่คน ๆ นั้นตะโกน

 

“คุณเป็นใคร มีอะไรจะคุยกับผม?”

 

ลู่หมิงมองไปที่ชายตรงหน้า

 

ใบหน้าของเขามีหนวดจิ๋มอันเล็กๆ อยู่ และน่าจะมีอายุประมาณสามสิบปี

 

เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตลายตารางหมากรุกลายดอกซึ่งดูขัดตาพิกล เขาดูราวกับฮิตเลอร์ในชุดคาวบอยยุค คศ.1800

 

“มันช่างไม่เข้ากันซะเลย“ ลู่หมิงคิดในใจ

 

ชายคนนั้นจ้องมองลู่หมิงด้วยความแค้นราวกับเขาเคยไปแอบคบกับลูกสาวหมอนี่มา!?

 

เอิ่ม…

 

ลู่หมิงมั่นใจว่าเขาไม่รู้จักชายคนนี้แน่ๆ

 

“ฉันชื่อเจียงหยุนจ้าน และแน่นอนนายอาจไม่รู้จักชื่อฉัน”

 

ตาของชายหนวดจิ๋มหรี่ลง “แต่นายจำสิ่งนี้ได้ไหม”

 

ปังง!

 

เขาโยนการ์ดใบนึงลงบนพื้น

 

ลู่หมิงก้มลงไปดูและพบว่าจริงๆ แล้วพวกมันคือการ์ด Fruit Ninja!

 

“ฉันเป็นใครน่ะเหรอ?”

 

“ฉันเป็นพ่อแม่คนไงล่ะ!”

 

เจียงหยุนจ้านกล่าวอย่างเย็นชา ”ตอนแรกลูกของฉันเป็นนักเรียนดีเด่น และมักจะติดอันดับท็อป 10 ในการสอบ เราตั้งความหวังอย่างสูงว่าเขาจะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นที่ดีที่สุดในเมืองได้ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับสอบไม่ผ่านเพราะเขาหลงระเริงไปกับ … การ์ด Fruit Ninja ของนายมากเกินไป บอกฉันทีนายรู้ไหมว่าทำไมวันนี้ ฉันถึงมาที่นี่”

 

“เอ๊ะ?”

 

หมอนี่กลับเป็นพ่อแม่คนจริงๆ แฮะ

 

ลู่หมิงช็อค

 

“ฉันรอนายมา 2-3 วันแล้วแต่นายไม่ยอมเปิดประตูมาคุยกับฉัน แต่เมื่อเช้าฉันกลับเห็นนายออกมาเดินเล่น หรือว่านายตั้งใจจะซ่อนตัวและไม่กล้าออกมารับผิดชอบ? นายต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับฉัน!” เจียงหยุนซานพูดเสียงดัง

 

ลู่หมิงพูดไม่ออก ”ผมไม่ได้ขายการ์ดพวกนี้มานานมากแล้ว”

 

เขาเหลือบมองการ์ดเหล่านั้น

 

แน่นอนว่ามีการ์ดบางส่วนเป็นของเขา แต่ร้านการ์ดที่อื่นก็ผลิตมันออกมาขายไม่ใช่เรอะ จะมาโทษเขาได้ไงเนี่ย?

 

“แต่นายเป็นคนสร้างการ์ดใบนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ใช่นายที่ต้องรับผิดชอบแล้วจะเป็นใครได้อีก?”

 

เจียงหยุนจ้านโกรธมาก

 

“เดี๋ยวก่อน!”

 

ลู่หมิงลูบหัวของเขา “ขอทาที่ละลาบละล้วง แต่ขอถามหน่อยได้มั้ยว่า…ลูกของคุณใช้การ์ดวันละกี่ใบ?”

 

“ฉันไม่รู้ อาจจะประมาณ 30-40 ใบต่อวัน?”

 

เจียงหยุนจ้านครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

 

“…”

 

ลู่หมิงถอนหายใจ ”นั่นไง มันก็ไม่ต่างกับการที่คุณปล่อยให้ลูกคุณกินข้าววันละ 6-7 มื้อต่อวัน ถ้าเขากินแบบนั้นไปเรื่อยๆ สักวันเขาก็คงท้องแตกตายแน่ๆ”

 

ในขณะนั้นผู้สังเกตการณ์บางคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็หัวเราะออกมา

 

ก็นั่นนะสิ?

 

หมอนี่เลี้ยงลูกไม่ถูกวิธีเองแล้วจะไปโทษคนอื่นทำไมกัน

 

วิธีการใช้งานและปริมาณเวลาที่ควรจำกัดไม่ได้เขียนไว้บนการ์ดอยู่แล้วหรอกหรอ? นายไม่ควบคุมดูแลลูกตัวเอง แต่กลับคาดหวังให้คนอื่นรับผิดชอบเรื่องนี้เนี่ยนะ?

 

ถ้าปล่อยให้ลูกนายใช้เยอะขนาดนั้นปัญหาก็ต้องเกิดอยู่แล้วป่าววะ?!

 

“แกกำลังบิดเบือนคำพูดและใช้ตรรกะไร้สาระ” เจียงหยุนจ้านโวยวาย

 

คนรอบข้างมองบนพร้อมคิดในใจ “เอ็*งน่านแหล่ะ”

 

”เห็นได้ชัดว่าเกมขยะของนายคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกฉันเป็นแบบนี้!”

 

“พี่ชายคุณไม่ควรทำตัวแบบนี้”

 

ลู่หมิงถอนหายใจ ”ถ้าอยากจะวัดฝีมือการโยนความผิดกับผม ผมบอกเลยคุณนะคนละชั้น ถ้าคุณยังขาดทั้งเนื้อหาคำด่าที่เข้มข้น และความรวดเร็วในการแพล่มคำด่าอันดุเดือดแบบนี้ คุณก็ไม่ควรมาลองของกับปรมาจารย์อย่างผม!”

 

จังหวะนั้น ลู่หมิงก็กดปุ่มเรียกรปภ. อย่างใจเย็น

 

เพราะชายคนนี้กำลังก่อปัญหาวุ่นวายในใจกลางเมือง มันไม่ต่างกับว่าเขากำลังเล่นกับไฟอยู่

 

“ดีมาก…”

 

ตอนนั้นเองเจียงหยุนจ้านก็เห็นการกระทำของเขา

 

“ดีมาก

 

นายคิดจะใช้กฎหมายมาขมเหงกันอย่างนั้นหรอ”

 

“เหอะๆ”

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะสอนบทเรียนกับนายสักหน่อยก็แล้วกัน”

 

วูบบ!

 

กระแสพลังงานไหลผ่านร่างกายของชายคนนั้น

 

ลู่หมิงเลิกคิ้ว หมอนี่ช่างเป็นผู้ชายที่กล้าหาญ เขากล้าที่จะต่อสู้ที่นี่จริงๆ หรือ!

 

“นักธุรกิจแบบแกเป็นอันตรายต่อเด็ก แกเป็นเนื้องอกร้ายของสังคม! หากฉันโดนจับกุมฉันจะจ่ายเงินชดเชยเอง แต่ก่อนอื่นแกต้องได้รับบทเรียนสักหน่อย!”

 

“เฮ้ย! พูดอย่างกับฉันไปลวนลามหรือลักพาตัวเด็กอายุ 6 ขวบ มาเฉยเลย อะไรวะ” ลู่หมิงปวดหัวอย่างมาก

 

ร่างของเจียงหยุนจ้านถูกล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร

 

แน่นอนในความคิดเขา เขาไม่สามารถปล่อยให้พ่อค้าที่ไร้ยางอายแบบนี้ทำร้ายอนาคตของชาติได้ เขาคือฮีโร่ของเด็กๆ ทั้งประเทศ

 

“การ์ดเพื่อการบ่มเพาะ…”

 

บ่มเพาะบ้าบออะไรกัน? นั่นมันก็แค่การ์ดเกมชัด ๆ!

 

มันคือเนื้องอกร้ายของสังคม!

 

ลู่หมิงจนปัญญาจะโต้เถียง

 

เขาจะพูดอะไรอีก?

 

มันเหมือนเคสปัญหาเด็กติดเกมในชาติที่แล้วของเขาเลยนี่หว่า!

 

เขาจำได้ว่ามีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในชาติก่อน และทันทีที่เกมเปิดตัว พวกเขาก็ถูกป้ายสีและถูกระบุว่าเป็น ‘สิ่งเสพติด’ รูปแบบหนึ่งเนื่องจากผู้ปกครองบางคนออกมาโวยวายแบบนี้ ส่งผลให้ตอนนั้นกลายเป็นดั่งยุคมืดของอุตสาหกรรมเกม

 

แม้กระทั่งก่อนที่เขาจะมายังโลกนี้ เกมก็ยังถูกนับเป็นเนื้อร้ายของสังคมอยู่เลย!

 

รัฐบาลลลลลล พวกมึ*งบ้ารึเปล่า????????

จุดประสงค์ของการเล่นเกมคือเพื่อการผ่อนคลายโว้ยยย!

 

ดูสิว่าพวกเอ็งทำอะไรลงไป เพราะนโยบายและตรรกะแบบนั้นทำให้ยอดขายเกม Monster Hunter หยุดชะงักไปเลย แถมภาคต่อๆ ไปยังเสี่ยงที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าคอนเทนต์ด้วยซ้ำ!

 

มันทำให้เหล่าเกมเมอร์วัยกลางคนหลายท่านต่างอยากร้องตะโกนว่า: ดูแลลูกพวกมึ*งดีๆ หน่อยสิโว้ยยย … ไอพวกเด็กน้อยเอ้ย ขอร้องได้โปรดเซฟเกมแล้วไปทำการบ้านไป๊!

 

จนถึงตอนนี้ลู่หมิงก็ยังสงสัยว่าเหตุใดเกมจึงต้องกลายเป็นแพะรับบาปจากการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบของผู้ปกครองและการละทิ้งหน้าที่การเรียนของเด็กๆ

 

นอกจากนี้

 

Fruit Ninja เป็นการ์ดแบบไหนน่ะเหรอ?

 

มันก็เป็นการ์ดเพื่อบ่มเพาะไง!

 

แม้แต่กระทรวงศึกษาตอนนี้ก็ยังอนุมัติให้ใช้ในโรงเรียนเลย แล้วไอตัวตลกนี่กำลังทำอะไรอยู่?

 

วูซซซ –

 

พลังงานรอบๆ เจียงหยุนจ้านกำลังพลุ่งพล่าน เขาควบรวมพลังบอลเพลิงไว้ในมือและโยนมันมาใส่ร้านของลู่หมิง

 

ปัง!

 

เกิดเป็นเปลวไฟข้างใน และสิ่งของในร้านต่างตกแตกเป็นเสี่ยง ๆ

 

ตู้กระจกในร้านของลู่หมิงแตกเป็นชิ้น ๆ หล่นลงบนพื้น

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก!

 

ผู้บ่มเพาะระดับ 3!

 

ผู้ชายคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะพลังระดับ 3!

 

ฝูงชนโดยรอบต่างพากันตกใจและถอยห่างออกไป ไม่มีใครอยากเข้ามาข้องเกี่ยวกับสถานการณ์อันตรายแบบนี้ เพราะถึงยังไงพวกเขาทุกคนจะถูกปรับทันทีถ้าเขามาร่วมต่อสู้หรือโจมตีกลับไป!

 

“คุณทำอย่างนั้นทำไม?”

 

ลู่หมิงยักไหล่

 

หมอนี่อาจต้องเสียแม้กระทั่งกางเกงในที่ใส่เพื่อจ่ายค่าชดเชยด้วยซ้ำ ถ้าเขายังทำลายข้าวของไปทั่วแบบนี้

 

สำหรับการต่อสู้น่ะรึ?

 

เอิ่ม…

 

ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงไม่มีทางเลือก

 

และแน่นอนว่าถ้าสู้กันตรงๆ เขาคงเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับ 3 ไม่ไหว

 

แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน ลืมไปแล้วล่ะสิ?

 

ในร้านของตนไง!

 

การ์ดพลังงาน, การ์ดกระทิงคลั่ง, การ์ดทำลายล้าง …

 

ลู่หมิงพุ่งไปยังเครื่องกระตุ้นการ์ดอย่างรวดเร็ว

 

แม้เขาจะไม่อยากใช้การ์ดเหล่านี้ แต่เนื่องจากชายคนนี้เกิดความคิดอยากฆ่าเขาให้ตายๆ ไป ดังนั้นไม่ว่าลู่หมิงจะทำอะไรก็คงมาหาว่าเขาไม่สุภาพไม่ได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม…

 

ในขณะที่เขากำลังจะลงมือนั้น …

 

“ใครมันบังอาจ!”

 

เสียงอันโกรธเกรี้ยวดังเข้ามา

 

ทุกคนต่างมองเห็นเพียงร่างสีดำที่ดูกำยำกระโจนเข้ามาปราบปรามเจียงหยุนซานลงบนพื้นโดยตรง ”หมอนี่กล้ามาสร้างปัญหาในพื้นที่ของฉันจริงๆ เหรอเนี่ย? แกเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”

 

“แกกล้าดียังไง?”

 

เจียงหยุนจ้านกำลังระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ เปลวไฟกำลังพลุ่งพล่านรอบตัวเขา

 

“เหอะๆ”

 

ร่างดำนั้นหยิบกระบองไฟฟ้าออกมาและชี้ไปที่ตูดอันอวบอิ่มของชายหนวดจิ๋มเจียง

 

ซู่วววว—

 

กระบองไฟฟ้ากะพริบ เปรี๊ยะๆๆๆ

 

เจียงหยุนจ้านที่อยู่บนพื้นรู้สึกราวกับกลายเป็นอัมพาต

 

พื้นที่รอบๆ เงียบงันลงทันที

 

นี่เป็นเพราะคนที่มาคือจางเหว่ย ผู้พิทักษ์ของพื้นที่นี้

 

เขามาถึงเร็วขนาดนี้ได้ไง?

 

ลู่หมิงอุทานด้วยความประหลาดใจ

 

ไม่ใช่ว่าปกติแล้วจางเหว่ยควรมาหลังจากผู้เสียหายโดนทำร้ายเหมือนในละครหรอกหรอ?

 

เขาควรตามมาทีหลังเพื่อช่วยเหลือและพดุงความยุติธรรมสิ! หรือว่าจริงๆ แล้วฉันดูหนัง action มากไปเอง?

 

“พวกขี้โกง! พวกแกทุกคนกล้าจับฉันเหรอ!

 

แม่*ม เอ้ย

 

พวกแกควรจะจับลู่หมิงต่างหาก!

 

เขาเป็นคนบงการองค์กรที่แอบทำร้ายการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก”

 

เจียงหยุนจ้านยังคงดิ้นรนและพล่ามเรื่องไร้สาระในจิตนาการของเขาด้วยความโกรธ ”หึ่ยย – อย่ามาสัมผัสก้นของฉัน… อะ-โอ้ยเจ็บๆๆๆ!”

 

“เหอะๆ”

 

จางเหว่ยดึงกระบองไฟฟ้าของเขากลับมาอย่างเย็นชา

 

ช่วงก่อนหน้านี้มีบ้านในซอยข้างๆ ถูกดักปล้นตอนที่เขากำลังเถลไถลไปหาสาวๆ ทำให้ปัจจุบันทีมของเขาถูกผู้มีอำนาจเพ่งเล็ง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องกลายเป็นกระโถนรับอารมณ์ของผู้บังคับบัญชาทั้งวันทั้งคืน ฉะนั้นทันทีที่พวกเขาสัมผัสถึงกระแสพลังงานผันผวนพวกเขาจึงรีบรุดออกมาทันที

 

“ขออภัยเถ้าแก่ลู่ พอดีฉันมาสายไปนิดหน่อย” จางเหว่ยพูดกับลู่หมิงด้วยความรู้สึกผิด

 

เนื่องจากกระแสอันโด่งดังของ Fruit Ninja ตำรวจทุกคนจึงรู้จักลู่หมิงเป็นอย่างดี เพราะตอนนี้ลู่หมิงเปรียบได้ดั่งดาราในเมืองเล็กๆ แห่งนี้

 

หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลู่หมิง พวกเขาก็คงรับผลที่ตามมาไม่ไหวเป็นแน่

 

“ไม่มีปัญหาครับ”

 

ลู่หมิงโบกมืออย่างเป็นกันเองและแสร้งทำเป็นลืมไปว่าวันนี้เขาไม่ได้เปิดร้านเพื่อขายของ ”แต่ผมคงปล่อยหมอนี่ไปไม่ได้ถ้าไม่มีค่าทำขวัญสักหน่อย…เฮ้อ ชายคนนี้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจของผมอย่างมหาศาลเลย…”

 

“อ่า….นั่นสินะ”

 

จางเหว่ยแกล้งทำเป็นเข้าใจตามน้ำ

 

“คุณพาเขาออกไปก่อนเถอะ!”

 

จางเหว่ยหิ้วปีกเจียงหยุนจ้านและจากไป และไทยมุงก็แยกย้ายกันไปตามธรรมชาติ

 

“นี่มันอะไรกันละหน้อ… “

 

ลู่หมิงมองเข้าไปในร้านของตน….ข้างในมีสภาพเละเทะเป็นอย่างมาก

 

เกม…

 

ผู้ปกครอง…

 

จุ๊ๆ นี่ช่างเหมือนกับชีวิตก่อนหน้าของเขาเสียจริง

 

คนบางคนมักจะไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยของตนและโทษคนอื่นไปตลอดชีวิต แต่จะมาโบ้ยความผิดแบบเซ่อซ่าอย่างนี้ก็ไม่ไหวจริงๆ นั่นแหล่ะ

 

แต่ประเด็นสำคัญคืออะไร?

 

เขามีลางสังหรณ์ ..

 

ว่ามีบางอย่างดูไม่ถูกต้องนัก

 

“ฉันว่าเรื่องนี้มีกลิ่นแปลกๆ อยู่?”

 

ลู่หมิงเลิกคิ้ว

 

ลู่หมิงตัดสินใจว่าจะระมัดระวังตัวมากขึ้นในตอนกลางคืน เหตุการณ์พวกนี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตและไม่กล้าทำตัวธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน

 

เขาจัดระเบียบและทำความสะอาดร้าน

 

ตู้นั้นกระจกแตกไปครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะนี่คือสิ่งที่ลู่หมิงน้อยใช้เพื่อโชว์ออฟพี่สาวของเขาเท่านั้น

 

แต่ตอนนี้มันกลายเป็นซาก ที่เขาสามารถเรียกร้องขอค่าเสียหายได้

 

นั่นคือสิ่งที่ลู่หมิงคิดอยู่ในใจ

 

อย่างไรก็ตาม…

 

เขาไม่รู้ว่าเจียงหยุนจ้านผู้ก่อปัญหาจะได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่เขาถูกจับได้ไม่นาน

 

ตอนกลางดึก

 

เจียงหยุนจ้านก็กลับมาที่บ้าน

 

ชายวัยกลางคนที่มีหน้าคล้ายคลึงกับเขากำลังสร้างการ์ดบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น

 

ถ้ามีนักเรียนอยู่รอบ ๆ พวกเขาจะจำชายคนนี้ได้แน่นอน เขาคือเจียงเฟิงอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยที่ลู่หมิงเรียน แถมเขายังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจียงหยุนจ้านอีกด้วย

 

ชู่วๆ !

 

ฟู่ววว !

 

ปากกาสร้างการ์ดของเขาค่อยๆ บรรจงลากเส้นการ์ดบางอย่างออกมา

 

มันคือการ์ด Fruit Ninja!

 

“พี่!”

 

เจียงหยุนจ้านกล่าวด้วยเสียงต่ำ

 

“เรื่องที่ฉันขอให้นายทำเป็นยังไงบ้าง” เจียงเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น

 

“เรียบร้อย”

 

เจียงหยุนจ้านถอนหายใจ ”มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอาย พี่เฟิงทำไมเราต้องใช้วิธีโง่ ๆ แบบนั้นให้เดือดร้อนเองด้วย ฉันมีวิธีสร้างปัญหาที่เจ๋งกว่านี้อีกตั้งเยอะ”

 

“แกจะไปรู้อะไร”

 

เจียงเฟิงพูดอย่างใจเย็น ”เด็กคนนั้นน่ะ…ไม่ธรรมดา”

 

“เหอะๆ”

 

เจียงหยุนจ้าน หัวเราะแห้งๆ ให้เขา 2 ที

 

เด็กนั่นเป็นเพียงแค่นักสร้างการ์ดระดับ 1  มันพิเศษขนาดที่ต้องให้เขาทำเรื่องบ้าๆ บอๆ ไปมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?

 

เจียงเฟิงไม่สนใจเจียงหยุนจ้านอีกต่อไป

 

ฟู่ว !

 

ฟู่ววว !

 

มือที่เขาใช้สร้างการ์ดสั่นเล็กน้อย และเขาก็สร้างมันล้มเหลว

 

“พื้นฐาน… “

 

เจียงเฟิงถอนหายใจ

 

ตั้งแต่ลู่หมิงมีชื่อเสียงขึ้นมา เขาก็ซื้อการ์ด Fruit Ninja และพยายามจะให้คำแนะนำเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่หลังจากที่เขาเห็นลายเส้นด้านหลังการ์ด เขาก็ตกตะลึงไปทันที!

 

เส้นทั้งหมดเกือบจะสมบูรณ์แบบ!

 

ในการ์ดขยะๆ อย่าง Fruit Ninja กลับเต็มไปด้วยลายเส้นพื้นฐานที่ใกล้จะสมบูรณ์แบบแล้ว!

 

เขาพยายามจะวาดตามสไตล์ของลู่หมิงและลากเส้นออกมาดู แต่กลับพบว่าอัตราความล้มเหลวของตนนั้นสูงมาก!

 

ถ้าเข้าใช้วิธีวาดลายเส้นคล้ายๆ กันขึ้นมาแทน เขาสามารถสร้างการ์ดชนิดนี้ได้อย่างง่ายดายเพราะเขามีพลังมากกว่าและเชี่ยวชาญเทคนิคที่แข็งแกร่งกว่า!

 

แถมเขายังสามารถสร้างการ์ดที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานกว่าได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากเทคนิคชั้นสูงทั้งนั้น!

 

หากต้องการสร้างสิ่งที่เกิดจากลายเส้นพื้นฐานแบบลู่หมิง?

 

สำหรับเขามันยากมาก!

 

เขาต้องใช้ความสามารถในการควบคุมที่ทรงพลังและพลังงานที่เกินกว่าระดับ 1 จะมีเพื่อควบคุมปากกาสร้างการ์ด และสร้างออกมาเป็นลายเส้นซับซ้อนเหล่านี้ได้

 

แม้กระทั่งตอนนี้ …

 

เขาก็ยังคงล้มเหลว!

 

ส่วนลู่หมิง …

 

วาดได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ได้ใช้แรงไปมากนัก!

 

แถมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือลู่หมิงยังใช้เวลาสร้าง Fruit Ninja ออกมาแค่แปปเดียวเท่านั้น

 

การ์ดเหล่านี้มีวิธีการวาดที่แตกต่างจากปกติอย่างมากซึ่งน่าจะเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง – นอกจากนี้หลังจากที่ลู่หมิงได้รับความมั่งคั่งจากการสร้าง Fruit Ninja แล้วเขาก็ไปซื้อแบบฝึกหัดและทดลองมันด้วยตนเอง ทั้งยังก้าวหน้าเป็นอย่างมาก!

 

นี่คือพรสวรรค์โดยกำเนิด

 

มันเป็นความสามารถที่ท้าทายสวรรค์!

 

แม้ว่าเขาจะโต้เถียงกับเฒ่าเจียงว่าการมีพื้นฐานแข็งแกร่งจะไม่สำคัญ แต่เขาก็ตระหนักดีว่ารากฐานมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาขีดความสามารถ

 

แม้แต่ต้นไทรยักษ์ก็ยังโตมาจากผลไทรขนาดเท่าลูกอ๊อด ฉะนั้นแล้วแน่นอนว่ารากฐานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ายิ่งมีรากฐานที่ดีคนๆ นั้นก็จะยิ่งโดดเด่น!

 

รากฐานและความสามารถ – อันไหนสำคัญกว่ากันนะเหรอ?

 

ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นทั้งสองอันต่างหาก!

 

“พี่ชาย พี่กำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่?”

 

เจียงหยุนจ้านรู้สึกสับสน

 

พี่ชายคนนี้ปกติมักจะทำตัวติดดินไม่สุงสิงหรือหาเรื่องกับใคร บางทีอาจเป็นไปได้ว่าเขาคงอยู่บ้านนานเกินไป ทำให้ระบบสมองของเขาทำงานผิดปกตินับตั้งแต่ที่เข้ารับหน้าที่เป็นครูใหญ่ แม้ในด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจะพัฒนาอยู่บ้าง แต่ความคิดของเขาก็ยังคงหลุดโลกไม่เปลี่ยนแปลง

 

ไม่งั้นหลายปีก่อนก็คงไม่ …

 

หรือว่าบางที…

 

สมองของเขาอาจได้รับการกระทบกระเทือนอีกรอบ?

 

“ทำในสิ่งที่ควรทำ”

 

เจียงเฟิงมองออกไปยังท้องฟ้าไกล ”เฒ่าเจียงทำสำเร็จแล้ว…”

 

“อันมู่เฟิงก็ทำสำเร็จแล้ว…”

 

“ส่วนตอนนี้คงถึงตาของฉันแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Divine Card Creator 34 ถึงตาของฉันแล้ว

Now you are reading Divine Card Creator Chapter 34 ถึงตาของฉันแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“หืม?”

 

ลู่หมิงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย

 

เสียงแบบนี้…

 

ศัตรูหรือ?

 

เขานึกไม่ออกว่าตนยังมีศัตรูเหลืออยู่อีกรึเปล่า…..หรือบางทีอาจเป็นคนจากบริษัทเงินกู้?

 

นั่นไม่น่าจะเป็นไปได้ บริษัทเงินกู้คงไม่โง่ขนาดที่จะคอยหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเองกลางวันแสกๆ ในย่านใจกลางเมืองแบบนี้!

 

ถ้าพวกเขาทำอย่างนั้นก็คงเท่ากับตะโกนร้องยั่วยวนให้ตำรวจมาจับเข้าซังเตไปแบบนิ่มๆ

 

งั้นรอบนี้เป็นใครกัน?

 

ลู่หมิงไม่รู้แล้ว

 

อย่างไรก็ตามลู่หมิงค่อนข้างมั่นใจในเรื่องหนึ่ง กล่าวคือเรื่องในตอนนี้ดึงดูดผู้คนรอบๆ ร้านไว้พอสมควรซึ่งแปลว่าด้วยจำนวนไทยมุงมากมายขนาดนี้ ยังไงเขาก็ปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ แน่นอน

 

ลู่หมิงเปิดประตูออกไป

 

“โอ้! ….ซุบซิบ ซุบซิบ“ เหล่าชาวบ้านต่างพากันกระซิบกระซาบด้วยความสงสัย

 

มีฝูงชนขนาดใหญ่ล้อมอยู่รอบๆ จุดที่คน ๆ นั้นตะโกน

 

“คุณเป็นใคร มีอะไรจะคุยกับผม?”

 

ลู่หมิงมองไปที่ชายตรงหน้า

 

ใบหน้าของเขามีหนวดจิ๋มอันเล็กๆ อยู่ และน่าจะมีอายุประมาณสามสิบปี

 

เขาแต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตลายตารางหมากรุกลายดอกซึ่งดูขัดตาพิกล เขาดูราวกับฮิตเลอร์ในชุดคาวบอยยุค คศ.1800

 

“มันช่างไม่เข้ากันซะเลย“ ลู่หมิงคิดในใจ

 

ชายคนนั้นจ้องมองลู่หมิงด้วยความแค้นราวกับเขาเคยไปแอบคบกับลูกสาวหมอนี่มา!?

 

เอิ่ม…

 

ลู่หมิงมั่นใจว่าเขาไม่รู้จักชายคนนี้แน่ๆ

 

“ฉันชื่อเจียงหยุนจ้าน และแน่นอนนายอาจไม่รู้จักชื่อฉัน”

 

ตาของชายหนวดจิ๋มหรี่ลง “แต่นายจำสิ่งนี้ได้ไหม”

 

ปังง!

 

เขาโยนการ์ดใบนึงลงบนพื้น

 

ลู่หมิงก้มลงไปดูและพบว่าจริงๆ แล้วพวกมันคือการ์ด Fruit Ninja!

 

“ฉันเป็นใครน่ะเหรอ?”

 

“ฉันเป็นพ่อแม่คนไงล่ะ!”

 

เจียงหยุนจ้านกล่าวอย่างเย็นชา ”ตอนแรกลูกของฉันเป็นนักเรียนดีเด่น และมักจะติดอันดับท็อป 10 ในการสอบ เราตั้งความหวังอย่างสูงว่าเขาจะสามารถเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมต้นที่ดีที่สุดในเมืองได้ แต่สุดท้ายแล้วเขากลับสอบไม่ผ่านเพราะเขาหลงระเริงไปกับ … การ์ด Fruit Ninja ของนายมากเกินไป บอกฉันทีนายรู้ไหมว่าทำไมวันนี้ ฉันถึงมาที่นี่”

 

“เอ๊ะ?”

 

หมอนี่กลับเป็นพ่อแม่คนจริงๆ แฮะ

 

ลู่หมิงช็อค

 

“ฉันรอนายมา 2-3 วันแล้วแต่นายไม่ยอมเปิดประตูมาคุยกับฉัน แต่เมื่อเช้าฉันกลับเห็นนายออกมาเดินเล่น หรือว่านายตั้งใจจะซ่อนตัวและไม่กล้าออกมารับผิดชอบ? นายต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับฉัน!” เจียงหยุนซานพูดเสียงดัง

 

ลู่หมิงพูดไม่ออก ”ผมไม่ได้ขายการ์ดพวกนี้มานานมากแล้ว”

 

เขาเหลือบมองการ์ดเหล่านั้น

 

แน่นอนว่ามีการ์ดบางส่วนเป็นของเขา แต่ร้านการ์ดที่อื่นก็ผลิตมันออกมาขายไม่ใช่เรอะ จะมาโทษเขาได้ไงเนี่ย?

 

“แต่นายเป็นคนสร้างการ์ดใบนี้ขึ้นมา ถ้าไม่ใช่นายที่ต้องรับผิดชอบแล้วจะเป็นใครได้อีก?”

 

เจียงหยุนจ้านโกรธมาก

 

“เดี๋ยวก่อน!”

 

ลู่หมิงลูบหัวของเขา “ขอทาที่ละลาบละล้วง แต่ขอถามหน่อยได้มั้ยว่า…ลูกของคุณใช้การ์ดวันละกี่ใบ?”

 

“ฉันไม่รู้ อาจจะประมาณ 30-40 ใบต่อวัน?”

 

เจียงหยุนจ้านครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

 

“…”

 

ลู่หมิงถอนหายใจ ”นั่นไง มันก็ไม่ต่างกับการที่คุณปล่อยให้ลูกคุณกินข้าววันละ 6-7 มื้อต่อวัน ถ้าเขากินแบบนั้นไปเรื่อยๆ สักวันเขาก็คงท้องแตกตายแน่ๆ”

 

ในขณะนั้นผู้สังเกตการณ์บางคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็หัวเราะออกมา

 

ก็นั่นนะสิ?

 

หมอนี่เลี้ยงลูกไม่ถูกวิธีเองแล้วจะไปโทษคนอื่นทำไมกัน

 

วิธีการใช้งานและปริมาณเวลาที่ควรจำกัดไม่ได้เขียนไว้บนการ์ดอยู่แล้วหรอกหรอ? นายไม่ควบคุมดูแลลูกตัวเอง แต่กลับคาดหวังให้คนอื่นรับผิดชอบเรื่องนี้เนี่ยนะ?

 

ถ้าปล่อยให้ลูกนายใช้เยอะขนาดนั้นปัญหาก็ต้องเกิดอยู่แล้วป่าววะ?!

 

“แกกำลังบิดเบือนคำพูดและใช้ตรรกะไร้สาระ” เจียงหยุนจ้านโวยวาย

 

คนรอบข้างมองบนพร้อมคิดในใจ “เอ็*งน่านแหล่ะ”

 

”เห็นได้ชัดว่าเกมขยะของนายคือต้นเหตุที่ทำให้ลูกฉันเป็นแบบนี้!”

 

“พี่ชายคุณไม่ควรทำตัวแบบนี้”

 

ลู่หมิงถอนหายใจ ”ถ้าอยากจะวัดฝีมือการโยนความผิดกับผม ผมบอกเลยคุณนะคนละชั้น ถ้าคุณยังขาดทั้งเนื้อหาคำด่าที่เข้มข้น และความรวดเร็วในการแพล่มคำด่าอันดุเดือดแบบนี้ คุณก็ไม่ควรมาลองของกับปรมาจารย์อย่างผม!”

 

จังหวะนั้น ลู่หมิงก็กดปุ่มเรียกรปภ. อย่างใจเย็น

 

เพราะชายคนนี้กำลังก่อปัญหาวุ่นวายในใจกลางเมือง มันไม่ต่างกับว่าเขากำลังเล่นกับไฟอยู่

 

“ดีมาก…”

 

ตอนนั้นเองเจียงหยุนจ้านก็เห็นการกระทำของเขา

 

“ดีมาก

 

นายคิดจะใช้กฎหมายมาขมเหงกันอย่างนั้นหรอ”

 

“เหอะๆ”

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันจะสอนบทเรียนกับนายสักหน่อยก็แล้วกัน”

 

วูบบ!

 

กระแสพลังงานไหลผ่านร่างกายของชายคนนั้น

 

ลู่หมิงเลิกคิ้ว หมอนี่ช่างเป็นผู้ชายที่กล้าหาญ เขากล้าที่จะต่อสู้ที่นี่จริงๆ หรือ!

 

“นักธุรกิจแบบแกเป็นอันตรายต่อเด็ก แกเป็นเนื้องอกร้ายของสังคม! หากฉันโดนจับกุมฉันจะจ่ายเงินชดเชยเอง แต่ก่อนอื่นแกต้องได้รับบทเรียนสักหน่อย!”

 

“เฮ้ย! พูดอย่างกับฉันไปลวนลามหรือลักพาตัวเด็กอายุ 6 ขวบ มาเฉยเลย อะไรวะ” ลู่หมิงปวดหัวอย่างมาก

 

ร่างของเจียงหยุนจ้านถูกล้อมรอบไปด้วยกลิ่นอายแห่งการสังหาร

 

แน่นอนในความคิดเขา เขาไม่สามารถปล่อยให้พ่อค้าที่ไร้ยางอายแบบนี้ทำร้ายอนาคตของชาติได้ เขาคือฮีโร่ของเด็กๆ ทั้งประเทศ

 

“การ์ดเพื่อการบ่มเพาะ…”

 

บ่มเพาะบ้าบออะไรกัน? นั่นมันก็แค่การ์ดเกมชัด ๆ!

 

มันคือเนื้องอกร้ายของสังคม!

 

ลู่หมิงจนปัญญาจะโต้เถียง

 

เขาจะพูดอะไรอีก?

 

มันเหมือนเคสปัญหาเด็กติดเกมในชาติที่แล้วของเขาเลยนี่หว่า!

 

เขาจำได้ว่ามีเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นในชาติก่อน และทันทีที่เกมเปิดตัว พวกเขาก็ถูกป้ายสีและถูกระบุว่าเป็น ‘สิ่งเสพติด’ รูปแบบหนึ่งเนื่องจากผู้ปกครองบางคนออกมาโวยวายแบบนี้ ส่งผลให้ตอนนั้นกลายเป็นดั่งยุคมืดของอุตสาหกรรมเกม

 

แม้กระทั่งก่อนที่เขาจะมายังโลกนี้ เกมก็ยังถูกนับเป็นเนื้อร้ายของสังคมอยู่เลย!

 

รัฐบาลลลลลล พวกมึ*งบ้ารึเปล่า????????

จุดประสงค์ของการเล่นเกมคือเพื่อการผ่อนคลายโว้ยยย!

 

ดูสิว่าพวกเอ็งทำอะไรลงไป เพราะนโยบายและตรรกะแบบนั้นทำให้ยอดขายเกม Monster Hunter หยุดชะงักไปเลย แถมภาคต่อๆ ไปยังเสี่ยงที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าคอนเทนต์ด้วยซ้ำ!

 

มันทำให้เหล่าเกมเมอร์วัยกลางคนหลายท่านต่างอยากร้องตะโกนว่า: ดูแลลูกพวกมึ*งดีๆ หน่อยสิโว้ยยย … ไอพวกเด็กน้อยเอ้ย ขอร้องได้โปรดเซฟเกมแล้วไปทำการบ้านไป๊!

 

จนถึงตอนนี้ลู่หมิงก็ยังสงสัยว่าเหตุใดเกมจึงต้องกลายเป็นแพะรับบาปจากการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบของผู้ปกครองและการละทิ้งหน้าที่การเรียนของเด็กๆ

 

นอกจากนี้

 

Fruit Ninja เป็นการ์ดแบบไหนน่ะเหรอ?

 

มันก็เป็นการ์ดเพื่อบ่มเพาะไง!

 

แม้แต่กระทรวงศึกษาตอนนี้ก็ยังอนุมัติให้ใช้ในโรงเรียนเลย แล้วไอตัวตลกนี่กำลังทำอะไรอยู่?

 

วูซซซ –

 

พลังงานรอบๆ เจียงหยุนจ้านกำลังพลุ่งพล่าน เขาควบรวมพลังบอลเพลิงไว้ในมือและโยนมันมาใส่ร้านของลู่หมิง

 

ปัง!

 

เกิดเป็นเปลวไฟข้างใน และสิ่งของในร้านต่างตกแตกเป็นเสี่ยง ๆ

 

ตู้กระจกในร้านของลู่หมิงแตกเป็นชิ้น ๆ หล่นลงบนพื้น

 

ทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก!

 

ผู้บ่มเพาะระดับ 3!

 

ผู้ชายคนนี้เป็นผู้บ่มเพาะพลังระดับ 3!

 

ฝูงชนโดยรอบต่างพากันตกใจและถอยห่างออกไป ไม่มีใครอยากเข้ามาข้องเกี่ยวกับสถานการณ์อันตรายแบบนี้ เพราะถึงยังไงพวกเขาทุกคนจะถูกปรับทันทีถ้าเขามาร่วมต่อสู้หรือโจมตีกลับไป!

 

“คุณทำอย่างนั้นทำไม?”

 

ลู่หมิงยักไหล่

 

หมอนี่อาจต้องเสียแม้กระทั่งกางเกงในที่ใส่เพื่อจ่ายค่าชดเชยด้วยซ้ำ ถ้าเขายังทำลายข้าวของไปทั่วแบบนี้

 

สำหรับการต่อสู้น่ะรึ?

 

เอิ่ม…

 

ถ้าเป็นที่อื่นเขาคงไม่มีทางเลือก

 

และแน่นอนว่าถ้าสู้กันตรงๆ เขาคงเอาชนะผู้บ่มเพาะระดับ 3 ไม่ไหว

 

แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน ลืมไปแล้วล่ะสิ?

 

ในร้านของตนไง!

 

การ์ดพลังงาน, การ์ดกระทิงคลั่ง, การ์ดทำลายล้าง …

 

ลู่หมิงพุ่งไปยังเครื่องกระตุ้นการ์ดอย่างรวดเร็ว

 

แม้เขาจะไม่อยากใช้การ์ดเหล่านี้ แต่เนื่องจากชายคนนี้เกิดความคิดอยากฆ่าเขาให้ตายๆ ไป ดังนั้นไม่ว่าลู่หมิงจะทำอะไรก็คงมาหาว่าเขาไม่สุภาพไม่ได้แล้ว

 

อย่างไรก็ตาม…

 

ในขณะที่เขากำลังจะลงมือนั้น …

 

“ใครมันบังอาจ!”

 

เสียงอันโกรธเกรี้ยวดังเข้ามา

 

ทุกคนต่างมองเห็นเพียงร่างสีดำที่ดูกำยำกระโจนเข้ามาปราบปรามเจียงหยุนซานลงบนพื้นโดยตรง ”หมอนี่กล้ามาสร้างปัญหาในพื้นที่ของฉันจริงๆ เหรอเนี่ย? แกเบื่อกับการมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”

 

“แกกล้าดียังไง?”

 

เจียงหยุนจ้านกำลังระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ เปลวไฟกำลังพลุ่งพล่านรอบตัวเขา

 

“เหอะๆ”

 

ร่างดำนั้นหยิบกระบองไฟฟ้าออกมาและชี้ไปที่ตูดอันอวบอิ่มของชายหนวดจิ๋มเจียง

 

ซู่วววว—

 

กระบองไฟฟ้ากะพริบ เปรี๊ยะๆๆๆ

 

เจียงหยุนจ้านที่อยู่บนพื้นรู้สึกราวกับกลายเป็นอัมพาต

 

พื้นที่รอบๆ เงียบงันลงทันที

 

นี่เป็นเพราะคนที่มาคือจางเหว่ย ผู้พิทักษ์ของพื้นที่นี้

 

เขามาถึงเร็วขนาดนี้ได้ไง?

 

ลู่หมิงอุทานด้วยความประหลาดใจ

 

ไม่ใช่ว่าปกติแล้วจางเหว่ยควรมาหลังจากผู้เสียหายโดนทำร้ายเหมือนในละครหรอกหรอ?

 

เขาควรตามมาทีหลังเพื่อช่วยเหลือและพดุงความยุติธรรมสิ! หรือว่าจริงๆ แล้วฉันดูหนัง action มากไปเอง?

 

“พวกขี้โกง! พวกแกทุกคนกล้าจับฉันเหรอ!

 

แม่*ม เอ้ย

 

พวกแกควรจะจับลู่หมิงต่างหาก!

 

เขาเป็นคนบงการองค์กรที่แอบทำร้ายการเติบโตและพัฒนาการของเด็ก”

 

เจียงหยุนจ้านยังคงดิ้นรนและพล่ามเรื่องไร้สาระในจิตนาการของเขาด้วยความโกรธ ”หึ่ยย – อย่ามาสัมผัสก้นของฉัน… อะ-โอ้ยเจ็บๆๆๆ!”

 

“เหอะๆ”

 

จางเหว่ยดึงกระบองไฟฟ้าของเขากลับมาอย่างเย็นชา

 

ช่วงก่อนหน้านี้มีบ้านในซอยข้างๆ ถูกดักปล้นตอนที่เขากำลังเถลไถลไปหาสาวๆ ทำให้ปัจจุบันทีมของเขาถูกผู้มีอำนาจเพ่งเล็ง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องกลายเป็นกระโถนรับอารมณ์ของผู้บังคับบัญชาทั้งวันทั้งคืน ฉะนั้นทันทีที่พวกเขาสัมผัสถึงกระแสพลังงานผันผวนพวกเขาจึงรีบรุดออกมาทันที

 

“ขออภัยเถ้าแก่ลู่ พอดีฉันมาสายไปนิดหน่อย” จางเหว่ยพูดกับลู่หมิงด้วยความรู้สึกผิด

 

เนื่องจากกระแสอันโด่งดังของ Fruit Ninja ตำรวจทุกคนจึงรู้จักลู่หมิงเป็นอย่างดี เพราะตอนนี้ลู่หมิงเปรียบได้ดั่งดาราในเมืองเล็กๆ แห่งนี้

 

หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลู่หมิง พวกเขาก็คงรับผลที่ตามมาไม่ไหวเป็นแน่

 

“ไม่มีปัญหาครับ”

 

ลู่หมิงโบกมืออย่างเป็นกันเองและแสร้งทำเป็นลืมไปว่าวันนี้เขาไม่ได้เปิดร้านเพื่อขายของ ”แต่ผมคงปล่อยหมอนี่ไปไม่ได้ถ้าไม่มีค่าทำขวัญสักหน่อย…เฮ้อ ชายคนนี้สร้างผลกระทบต่อธุรกิจของผมอย่างมหาศาลเลย…”

 

“อ่า….นั่นสินะ”

 

จางเหว่ยแกล้งทำเป็นเข้าใจตามน้ำ

 

“คุณพาเขาออกไปก่อนเถอะ!”

 

จางเหว่ยหิ้วปีกเจียงหยุนจ้านและจากไป และไทยมุงก็แยกย้ายกันไปตามธรรมชาติ

 

“นี่มันอะไรกันละหน้อ… “

 

ลู่หมิงมองเข้าไปในร้านของตน….ข้างในมีสภาพเละเทะเป็นอย่างมาก

 

เกม…

 

ผู้ปกครอง…

 

จุ๊ๆ นี่ช่างเหมือนกับชีวิตก่อนหน้าของเขาเสียจริง

 

คนบางคนมักจะไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยของตนและโทษคนอื่นไปตลอดชีวิต แต่จะมาโบ้ยความผิดแบบเซ่อซ่าอย่างนี้ก็ไม่ไหวจริงๆ นั่นแหล่ะ

 

แต่ประเด็นสำคัญคืออะไร?

 

เขามีลางสังหรณ์ ..

 

ว่ามีบางอย่างดูไม่ถูกต้องนัก

 

“ฉันว่าเรื่องนี้มีกลิ่นแปลกๆ อยู่?”

 

ลู่หมิงเลิกคิ้ว

 

ลู่หมิงตัดสินใจว่าจะระมัดระวังตัวมากขึ้นในตอนกลางคืน เหตุการณ์พวกนี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตและไม่กล้าทำตัวธรรมดาเหมือนเมื่อก่อน

 

เขาจัดระเบียบและทำความสะอาดร้าน

 

ตู้นั้นกระจกแตกไปครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพราะนี่คือสิ่งที่ลู่หมิงน้อยใช้เพื่อโชว์ออฟพี่สาวของเขาเท่านั้น

 

แต่ตอนนี้มันกลายเป็นซาก ที่เขาสามารถเรียกร้องขอค่าเสียหายได้

 

นั่นคือสิ่งที่ลู่หมิงคิดอยู่ในใจ

 

อย่างไรก็ตาม…

 

เขาไม่รู้ว่าเจียงหยุนจ้านผู้ก่อปัญหาจะได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่เขาถูกจับได้ไม่นาน

 

ตอนกลางดึก

 

เจียงหยุนจ้านก็กลับมาที่บ้าน

 

ชายวัยกลางคนที่มีหน้าคล้ายคลึงกับเขากำลังสร้างการ์ดบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น

 

ถ้ามีนักเรียนอยู่รอบ ๆ พวกเขาจะจำชายคนนี้ได้แน่นอน เขาคือเจียงเฟิงอาจารย์ใหญ่ของวิทยาลัยที่ลู่หมิงเรียน แถมเขายังเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจียงหยุนจ้านอีกด้วย

 

ชู่วๆ !

 

ฟู่ววว !

 

ปากกาสร้างการ์ดของเขาค่อยๆ บรรจงลากเส้นการ์ดบางอย่างออกมา

 

มันคือการ์ด Fruit Ninja!

 

“พี่!”

 

เจียงหยุนจ้านกล่าวด้วยเสียงต่ำ

 

“เรื่องที่ฉันขอให้นายทำเป็นยังไงบ้าง” เจียงเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น

 

“เรียบร้อย”

 

เจียงหยุนจ้านถอนหายใจ ”มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าอาย พี่เฟิงทำไมเราต้องใช้วิธีโง่ ๆ แบบนั้นให้เดือดร้อนเองด้วย ฉันมีวิธีสร้างปัญหาที่เจ๋งกว่านี้อีกตั้งเยอะ”

 

“แกจะไปรู้อะไร”

 

เจียงเฟิงพูดอย่างใจเย็น ”เด็กคนนั้นน่ะ…ไม่ธรรมดา”

 

“เหอะๆ”

 

เจียงหยุนจ้าน หัวเราะแห้งๆ ให้เขา 2 ที

 

เด็กนั่นเป็นเพียงแค่นักสร้างการ์ดระดับ 1  มันพิเศษขนาดที่ต้องให้เขาทำเรื่องบ้าๆ บอๆ ไปมากมายขนาดนี้เลยเหรอ?

 

เจียงเฟิงไม่สนใจเจียงหยุนจ้านอีกต่อไป

 

ฟู่ว !

 

ฟู่ววว !

 

มือที่เขาใช้สร้างการ์ดสั่นเล็กน้อย และเขาก็สร้างมันล้มเหลว

 

“พื้นฐาน… “

 

เจียงเฟิงถอนหายใจ

 

ตั้งแต่ลู่หมิงมีชื่อเสียงขึ้นมา เขาก็ซื้อการ์ด Fruit Ninja และพยายามจะให้คำแนะนำเด็กคนนี้เป็นการส่วนตัว แต่หลังจากที่เขาเห็นลายเส้นด้านหลังการ์ด เขาก็ตกตะลึงไปทันที!

 

เส้นทั้งหมดเกือบจะสมบูรณ์แบบ!

 

ในการ์ดขยะๆ อย่าง Fruit Ninja กลับเต็มไปด้วยลายเส้นพื้นฐานที่ใกล้จะสมบูรณ์แบบแล้ว!

 

เขาพยายามจะวาดตามสไตล์ของลู่หมิงและลากเส้นออกมาดู แต่กลับพบว่าอัตราความล้มเหลวของตนนั้นสูงมาก!

 

ถ้าเข้าใช้วิธีวาดลายเส้นคล้ายๆ กันขึ้นมาแทน เขาสามารถสร้างการ์ดชนิดนี้ได้อย่างง่ายดายเพราะเขามีพลังมากกว่าและเชี่ยวชาญเทคนิคที่แข็งแกร่งกว่า!

 

แถมเขายังสามารถสร้างการ์ดที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานกว่าได้อย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากเทคนิคชั้นสูงทั้งนั้น!

 

หากต้องการสร้างสิ่งที่เกิดจากลายเส้นพื้นฐานแบบลู่หมิง?

 

สำหรับเขามันยากมาก!

 

เขาต้องใช้ความสามารถในการควบคุมที่ทรงพลังและพลังงานที่เกินกว่าระดับ 1 จะมีเพื่อควบคุมปากกาสร้างการ์ด และสร้างออกมาเป็นลายเส้นซับซ้อนเหล่านี้ได้

 

แม้กระทั่งตอนนี้ …

 

เขาก็ยังคงล้มเหลว!

 

ส่วนลู่หมิง …

 

วาดได้อย่างเป็นธรรมชาติและไม่ได้ใช้แรงไปมากนัก!

 

แถมสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือลู่หมิงยังใช้เวลาสร้าง Fruit Ninja ออกมาแค่แปปเดียวเท่านั้น

 

การ์ดเหล่านี้มีวิธีการวาดที่แตกต่างจากปกติอย่างมากซึ่งน่าจะเกิดจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง – นอกจากนี้หลังจากที่ลู่หมิงได้รับความมั่งคั่งจากการสร้าง Fruit Ninja แล้วเขาก็ไปซื้อแบบฝึกหัดและทดลองมันด้วยตนเอง ทั้งยังก้าวหน้าเป็นอย่างมาก!

 

นี่คือพรสวรรค์โดยกำเนิด

 

มันเป็นความสามารถที่ท้าทายสวรรค์!

 

แม้ว่าเขาจะโต้เถียงกับเฒ่าเจียงว่าการมีพื้นฐานแข็งแกร่งจะไม่สำคัญ แต่เขาก็ตระหนักดีว่ารากฐานมีผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาขีดความสามารถ

 

แม้แต่ต้นไทรยักษ์ก็ยังโตมาจากผลไทรขนาดเท่าลูกอ๊อด ฉะนั้นแล้วแน่นอนว่ารากฐานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ภายใต้เงื่อนไขที่ว่ายิ่งมีรากฐานที่ดีคนๆ นั้นก็จะยิ่งโดดเด่น!

 

รากฐานและความสามารถ – อันไหนสำคัญกว่ากันนะเหรอ?

 

ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นทั้งสองอันต่างหาก!

 

“พี่ชาย พี่กำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่?”

 

เจียงหยุนจ้านรู้สึกสับสน

 

พี่ชายคนนี้ปกติมักจะทำตัวติดดินไม่สุงสิงหรือหาเรื่องกับใคร บางทีอาจเป็นไปได้ว่าเขาคงอยู่บ้านนานเกินไป ทำให้ระบบสมองของเขาทำงานผิดปกตินับตั้งแต่ที่เข้ารับหน้าที่เป็นครูใหญ่ แม้ในด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนจะพัฒนาอยู่บ้าง แต่ความคิดของเขาก็ยังคงหลุดโลกไม่เปลี่ยนแปลง

 

ไม่งั้นหลายปีก่อนก็คงไม่ …

 

หรือว่าบางที…

 

สมองของเขาอาจได้รับการกระทบกระเทือนอีกรอบ?

 

“ทำในสิ่งที่ควรทำ”

 

เจียงเฟิงมองออกไปยังท้องฟ้าไกล ”เฒ่าเจียงทำสำเร็จแล้ว…”

 

“อันมู่เฟิงก็ทำสำเร็จแล้ว…”

 

“ส่วนตอนนี้คงถึงตาของฉันแล้ว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+