Divine Card Creator 53 เข้าสู่ระดับ 2

Now you are reading Divine Card Creator Chapter 53 เข้าสู่ระดับ 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Divine Card Creator ตอนที่ 53 เข้าสู่ระดับ 2

“ดูเหมือนว่าพี่แมวจะไม่ชอบสไตล์นี้แฮะ”

ลู่หมิงทําได้เพียงยอมแพ้ไปก่อนเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้

เอิ่ม..ลืมมันไปซะ ปล่อยให้โชคชะตาจัดการไปละกัน

เขามองไปยังเสี่ยวไปที่กําลังสร้างการ์ดด้วยความทุ่มเทจากระยะไกล

เธอทําให้เขารู้สึกเหมือนถูกไฟลนกัน

เสี่ยวไปก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก จากทรงแล้วไม่นานเธอจะต้องพัฒนาไปเหนือกว่าความสามารถของเขาแน่ๆ และถ้าลู่หมิงยังนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้ ไม่นานก็คงโดนสาวน้อยคนนี้แซงไปจริงๆ

สงสัยคงได้เวลาบ่มเพาะแล้ว!

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลู่หมิงก็ต้องเคร่งเครียดอีกครั้ง

เพราะสิ่งที่เขาควรจะทําในตอนนี้คืออัพระดับตัวเองให้เป็นผู้บ่มเพาะระดับ 21

จริงอยู่ว่าหากเทียบกับจางเสี่ยวป้งและผองเพื่อน ลู่หมิงแทบจะแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแล้ว แต่ถ้าเทียบกับคนภายนอกล่ะ!?

เอาง่ายๆ ก็เทียบกับนักศึกษาวิทยาลัยแห่งอื่นๆ หรือกระทั่งวิทยาลัยเอกะ!

ที่นั่นมีแต่เทพเซียนกลับชาติมาเกิดชัดๆ!

ฉะนั้นเขาจึงต้องแข็งแกร่งขึ้น

แต่ประเด็นคือ..แล้วจะทํายังไงดี?

อืมม…ถ้าพิจารณาดูแล้ว สิ่งเดียวที่เขามีตอนนี้ก็คือเงิน!

“ระดับพลังงานปัจจุบันของฉันอยู่ที่ 340 แต้ม”

ลู่หมิงตรวจสอบความสามารถในปัจจุบันของตน

จากทรัพยากรที่มีอยู่เวลาที่ลู่หมิงต้องใช้ในการพัฒนาเป็นระดับ 2 อย่างน้อยก็ 7 วัน

จากนั้นลู่หมิงก็ตรวจสอบเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีของเขาอีกครั้ง

“อืม น่าจะพออยู่นะ”

และเนื่องจากลู่หมิงมีความเร็วในการบ่มเพาะเยี่ยงเต่า ฉะนั้นหนทางเดียวในเส้นทางการบ่มเพาะของเขาเลยเหลือแต่การผันเปลี่ยนมาเป็นผู้บ่มเพาะสายวาฬในชีวิตจริง

“เอาล่ะ เริ่มเลยละกัน”

ลู่หมิงลงมือทันที

ภายในวันเดียวกันนี้เอง ทรัพยากรจํานวนมากก็มาส่งถึงหน้าบ้านของเขา

ลู่หมิงกลับเข้าสู่โหมดระห่ำ ทันใดนั้นระดับพลังงานของเขาก็เริ่มทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

400 แต้ม!

500 แต้ม!

600 แต้ม!

นับเป็นความเร็วอันน่าทึ่ง!

ระดับพลังงานของลู่หมิงเพิ่มขึ้นเป็น 990 แต้มภายในเวลาแค่ 7 วัน แต่หลังจากมาถึงจุดนี้ จู่ๆ ระดับพลังงานก็เพิ่มขึ้นไม่ได้อีกราวกับจะล้นทะลักออกมาทุกเมื่อ

แสดงว่าเขามาถึงคอขวดแล้ว!

วิธีที่จะบุกทะลวงผ่าคอขวดนั้นง่ายมาก – บุกทะลวงด้วยกําลัง!

ความแตกต่างระหว่างผู้บ่มเพาะระดับ 1 และ 2 นั้นมีเพียงแค่ขีดจํากัดสูงสุดของระดับพลังงาน ส่วนในแง่คุณภาพของพลังงานนั้นก็เหมือนๆกัน

ฉะนั้นอย่างน้อยตอนนี้ลู่หมิงก็ยังไม่ต้องมาควบรวมพลังงานให้บริสุทธิ์เหมือนพระเอกในนิยายจีนเรื่องอื่นๆ เพื่อบรรลุระดับ!

จากเหตุดังกล่าวการทะลุฝาคอขวดรอบนี้จึงง่ายมากๆ

มันเปรียบเป็นดั่งชั้นของฟิล์มบางๆ ที่พร้อมจะหลุดไปเมื่อถูกสะกิด

ปังง!

ลู่หมิงประสบความสําเร็จหลังจากพยายามไปเพียง 3 ครั้ง

ระดับพลังงาน 1000 แต้ม!

“สําเร็จ!”

ลู่หมิงตื่นเต้นมาก

หลังจากตัดผ่านมาได้ เขารู้สึกราวกับว่าความจุพลังงานในร่างกายของเขามีขนาดใหญ่ขึ้นมาก พลังงานที่ล้นออกมาเมื่อกี้ ตอนนี้กลับกินพื้นที่เพียงนิดเดียวเท่านั้น

“ตอนนี้ฉันกลายเป็นนักสร้างการ์ดระดับ 2 แล้ว!”

ลู่หมิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

การเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 2 นั้นนับว่ามีสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นมากมาย

ตัวอย่างคือ ในวิทยาลัยของลู่หมิง หากมีใครไปถึงระดับ 2 แล้ว ก็สามารถจบการศึกษาแล้วออกไปใช้ชีวิตที่เหลือตามใจได้ทันที

แน่นอนว่าสําหรับลู่หมิง การบ่มเพาะระดับ 2 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

โดยทั่วไปผู้บ่มเพาะระดับ 1 ในสายตาของผู้บ่มเพาะก็แทบไม่ต่างจากตัวประกอบ หรือกีกี้ในไอมดแดง

ส่วนระดับ 2 จึงเริ่มเป็นผู้บ่มเพาะตัวจริงขึ้นมาหน่อย เพราะเริ่มมีการวางรากฐานกักเก็บพลังงานอย่างจริงๆ จังๆ

ในขณะที่ระดับ 3 นับว่าเป็นการเข้าสู่ความแข็งแกร่งของเส้นทางการบ่มเพาะอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้บ่มเพาะในระดับนี้สามารถแปรรูปพลังงานออกมาเป็นความสามารถได้หลากหลายรูปแบบ

“ระดับ 3.”

ลู่หมิงครุ่นคิด

“เหอะๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพูดว่าระดับ 2 คือระดับที่พัฒนารากฐานด้านพลังงาน เพราะหากจะพัฒนาไปเป็นระดับ 3 มันต้องใช้ระดับพลังงานถึง 1 หมื่นแต้ม

นับเป็น 10 เท่าจากระดับพลังงานของลู่หมิงในตอนนี้

ลู่หมิงเริ่มอยากจะรู้แล้วว่าจะไปถึงขั้นนั้นเขาต้องทรัพยากรมากมายขนาดไหนกัน?

ลู่หมิงเริ่มทําการคาดการณ์มันออกมาเป็นมูลค่าทั้งหมดที่เขาต้องวาฬ

เขาใช้เงินไป 1 แสนหยวนในการบ่มเพาะแต่ละวัน ได้พลังงานเพิ่ม 100 แต้มต่อวัน ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วเขาจะต้องใช้เงิน 1 พันหยวนเพื่อเพิ่มระดับพลังงาน 1 จุด

แปลว่าถ้าเขาอยากเพิ่มพลังงานให้ถึงหมื่นแต้ม …

ลู่หมิงคํานวณออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ตัวเลขมันถึงกับทําให้เขาหน้าชา 10 ล้าน! ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ มันต้องใช้เงินทั้งหมดถึง 10 ล้านเพื่อบ่มเพาะให้ถึงระดับ 3!

มันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากสําหรับเด็กในวัยเท่านี้

 

จะให้ไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาได้ยังไง ขายตูดเรอะ?

แต่หงุดหงิดไปก็เท่านั้น เพราะผลตอบแทนจากการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้นก็ย่อมคุ้มค่า

 

เพราะโดยทั่วไปแล้ว แม้แต่อาจารย์ก็มีเกณฑ์ขั้นต่ําอยู่ที่ระดับ 3

แต่เมื่อเทียบกับวิทยาลัยดังๆแล้ว ระดับ 3 เป็นแค่เกณฑ์ขั้นต่ําในการจบการศึกษาของนักศึกษาปีศาจเหล่านั้น!

หากจะพูดกันตรงๆ ก็แทบจะนับได้ว่า ผู้บ่มเพาะระดับ 3 เป็นกระดูกสันหลังของโลกใบนี้ พวกเขาต่างก็กระจายตัวกันไปในแต่ละสายอาชีพเพื่อรับผิดชอบหน้าที่แตกต่างกันออกไป

บางคนถึงกระทั่งตั้งเป้าหมายว่าในชีวิตนี้ขอแค่ไปถึงการบ่มเพาะระดับ 3 ได้ ตรูก็ตายตาหลับแล้ว อะไรทํานองนั้น

ส่วนถ้าลู่หมิงอยากจะบรรลุถึงระดับนั้น?

เขาย่อมต้องจ่ายเงินเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง!

แน่นอนว่านอกเหนือจากการจ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพยากรแล้วยังมีทางลัดอื่นๆ

ตัวอย่างเช่น

ออกไปผจญภัยหรือเข้าร่วมการต่อสู้

 

สํารวจซากปรักหักพัง!

ออกสํารวจอาณาเขตเร้นลับ!

เพราะทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสายบู๊มักจะทํากัน

แต่ลู่หมิงปฏิเสธความคิดนั้นทันที เนื่องจากมันอันตรายเกินไปสําหรับเขาที่เป็นนักสร้างการ์ด! คงไม่มีนักสร้างการ์ดระดับ 2 คนไหนออกไปสู้ทุกวันอย่างกับแรมโบ้หรอก!

“ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปละกัน”

ลู่หมิงตัดสินใจที่จะพัฒนาไปอย่างสบายๆ

ระดับ 3 เป็นเรื่องของอนาคต ดังนั้นกังวลไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“จริงสิ บางทีมันน่าจะยังมีช่องว่างให้ทําเงินจาก Leviathan เหลืออยู่อีกนิดหน่อย

ถ้าเป็นนักสร้างการ์ดคนอื่นๆที่ต้องเสียเงินซื้อแปลนการออกแบบ ย่อมมีต้นทุนที่สูงกว่าลู่หมิงที่ลงมือทําด้วยตนเอง

ลู่หมิงคํานวณในใจสักพัก

จากนั้นจึงสรุปว่าตอนนี้ “Leviathan” น่าจะยังพอทํากําไรได้ระดับนึง ดังนั้นเขาจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างการ์ดเพื่อหาเงินไปก่อน

ด้วยวิธีนี้ลู่หมิงทั้งได้เงิน ทั้งไม่เสียเวลาบ่มเพาะไปเปล่าๆ นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวชัดๆ

และอย่าลืมว่าความต่างของนักสร้างการ์ดระดับ 1 กับ 2 นั้นมีมากมาย

ทั้งมีพลังงานมากขึ้น

 

ฟื้นตัวเร็วขึ้น

แถมยังมีการ์ดที่ใช้งานได้เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก!

ก่อนหน้านี้เนื่องจากระดับพลังงานอันจํากัดของลู่หมิง เขาจึงสามารถใช้ได้แค่เฉพาะการ์ดระดับต่ําเท่านั้น

แต่ตอนนี้ระดับพลังงานของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับ 2 แล้วฉะนั้นมันน่าจะจะมีอะไรดีๆ ให้เขาได้ใช้เพิ่มขึ้น

แถมนี่ยังเป็นประเด็นสําคัญอีกด้วย

เพราะมันหมายความว่าเขาจะมีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคสร้างการ์ดใหม่ๆได้มากขึ้นไปอีก

“ถ้าฉันมีเทคนิคที่ดีกว่านี้ ”

ไม่แน่ว่าฉันอาจจะสร้างการ์ดดีๆได้มากกว่านี้?

ใช่

ตอนนี้เขาไม่มีการ์ดที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะของตนอีกต่อไปแล้ว ทั้งวงล้อมกระทิงคลั่ง การ์ดทําลายล้าง และอื่นๆ ต่างก็ให้พลังงานไม่คุ้มเวลาที่เสียไป

แถมก่อนหน้านี้ เจ็ดวันที่ผ่านมาลู่หมิงก็สร้างแต่การ์ดทําลายล้าง ตอนนี้เขาจึงมีมันอยู่มากมายจนล้นห้อง!

หากเขาเอาไปขาย แต่ละใบนั้นมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3500 หยวน!

ราคาสูงกว่าการ์ด “Leviathan” อยู่หลายเท่า!

แต่ประเด็นคือ ..

ใครจะยอมซื้อมันไปวะ!?

การ์ดประเภทนี้จะขายให้ใครได้บ้าง?

คนงานเหมือง? หรือบริษัทรับเหมาก่อสร้างเรอะ?!

แม้ว่าเอฟเฟกต์ของมันจะยอดเยี่ยม แต่ราคา 3500 หยวนนี่ก็แพงไม่ใช่เล่น ดังนั้นคงยากที่จะมีคนซื้อมันเอาไปทําอะไรเทือกๆนั้น

ใช้เงินไปจ้างรถแบคโฮ หรือเครื่องจักรขุดเจาะอะไรสักอย่าง ยังน่าจะคุ้มกว่าอีก

ดังนั้นเป้าหมายหลักของลู่หมิงคือต่อไปเขาจะบ่มเพาะด้วยการ์ดที่ขายได้ราคาเท่านั้น

ถ้าต่อไปเขาทั้งบ่มเพาะและขายการ์ดที่บ่มเพาะออกไปได้ นี่แทบจะเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน และลู่หมิงคงจะไม่ต้องติดปัญหาขาดเงินอีกต่อไป

หลังจากคิดไปสักพัก ลู่หมิงก็หันไปมองที่การ์ดทําลายล้าง

เอามันไปทําอะไรดี?

บางที

เอามาผสมอีกครั้งดีมะ?

ลู่หมิงเลิกคิ้ว

ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าทดสอบเพราะกลัวว่ามันจะใช้พลังงานสูงเกินไป!

ก่อนหน้านี้ลู่หมิงไม่ได้ลองมันเนื่องจากเขาเสียดายทรัพยากร เพราะแค่การ์ดทําลายล้างยังไม่มีใครอยากได้เลย เอามันมาผสมกันแล้วจะมีอะไรดีอีกหรอ แต่จากของเหลือตอนนี้ บางที…..

“ลองดูดีกว่า…”

ลู่หมิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

เขาไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะยังไงเขาก็มีการ์ดทําลายล้างอยู่ในห้องนี้ตั้ง 200 กว่าใบ!

“เอาละนะ”

ลู่หมิงเริ่มผสมมันเข้าด้วยกัน

การ์ดใบแรกเรียบร้อย!

การ์ดใบที่ 2

เยี่ยม

ลายเส้นเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นแล้ว

ใบที่ 3 ใบที่ 4 ใบที่ 5

ลู่หมิงเฝ้ามองลายเส้นซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นจากประสบการณ์ของเขาแล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดก็ต่อเมื่อใส่การ์ดใบที่ 7 ลงไปเท่านั้น!

ใบที่ 6 และใบที่ 7

รูซซ –

แสงไฟพลุ่งพล่าน

ลายเส้นกําลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การ์ดใหม่กําลังจะปรากฏขึ้น

“มาแล้ว!”

ลู่หมิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขารวมการ์ดทําลายล้างเจ็ดใบเข้าด้วยกันนะ?

จากประสบการณ์คราวที่แล้ว สิ่งแรกที่ลู่หมิงทําคือพลิกหน้าการ์ดมาดูภาพหน้าการ์ดก่อน

ทันทีที่เห็นมัน ลู่หมิงก็เหมือนกินหญ้าอีกครา

นี่มันบ้าอะไรอีกวะเนี่ย!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Divine Card Creator 53 เข้าสู่ระดับ 2

Now you are reading Divine Card Creator Chapter 53 เข้าสู่ระดับ 2 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Divine Card Creator ตอนที่ 53 เข้าสู่ระดับ 2

“ดูเหมือนว่าพี่แมวจะไม่ชอบสไตล์นี้แฮะ”

ลู่หมิงทําได้เพียงยอมแพ้ไปก่อนเพราะมันเป็นวิธีเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้

เอิ่ม..ลืมมันไปซะ ปล่อยให้โชคชะตาจัดการไปละกัน

เขามองไปยังเสี่ยวไปที่กําลังสร้างการ์ดด้วยความทุ่มเทจากระยะไกล

เธอทําให้เขารู้สึกเหมือนถูกไฟลนกัน

เสี่ยวไปก้าวหน้าอย่างรวดเร็วมาก จากทรงแล้วไม่นานเธอจะต้องพัฒนาไปเหนือกว่าความสามารถของเขาแน่ๆ และถ้าลู่หมิงยังนิ่งเฉยอยู่อย่างนี้ ไม่นานก็คงโดนสาวน้อยคนนี้แซงไปจริงๆ

สงสัยคงได้เวลาบ่มเพาะแล้ว!

แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลู่หมิงก็ต้องเคร่งเครียดอีกครั้ง

เพราะสิ่งที่เขาควรจะทําในตอนนี้คืออัพระดับตัวเองให้เป็นผู้บ่มเพาะระดับ 21

จริงอยู่ว่าหากเทียบกับจางเสี่ยวป้งและผองเพื่อน ลู่หมิงแทบจะแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มแล้ว แต่ถ้าเทียบกับคนภายนอกล่ะ!?

เอาง่ายๆ ก็เทียบกับนักศึกษาวิทยาลัยแห่งอื่นๆ หรือกระทั่งวิทยาลัยเอกะ!

ที่นั่นมีแต่เทพเซียนกลับชาติมาเกิดชัดๆ!

ฉะนั้นเขาจึงต้องแข็งแกร่งขึ้น

แต่ประเด็นคือ..แล้วจะทํายังไงดี?

อืมม…ถ้าพิจารณาดูแล้ว สิ่งเดียวที่เขามีตอนนี้ก็คือเงิน!

“ระดับพลังงานปัจจุบันของฉันอยู่ที่ 340 แต้ม”

ลู่หมิงตรวจสอบความสามารถในปัจจุบันของตน

จากทรัพยากรที่มีอยู่เวลาที่ลู่หมิงต้องใช้ในการพัฒนาเป็นระดับ 2 อย่างน้อยก็ 7 วัน

จากนั้นลู่หมิงก็ตรวจสอบเงินที่เหลืออยู่ในบัญชีของเขาอีกครั้ง

“อืม น่าจะพออยู่นะ”

และเนื่องจากลู่หมิงมีความเร็วในการบ่มเพาะเยี่ยงเต่า ฉะนั้นหนทางเดียวในเส้นทางการบ่มเพาะของเขาเลยเหลือแต่การผันเปลี่ยนมาเป็นผู้บ่มเพาะสายวาฬในชีวิตจริง

“เอาล่ะ เริ่มเลยละกัน”

ลู่หมิงลงมือทันที

ภายในวันเดียวกันนี้เอง ทรัพยากรจํานวนมากก็มาส่งถึงหน้าบ้านของเขา

ลู่หมิงกลับเข้าสู่โหมดระห่ำ ทันใดนั้นระดับพลังงานของเขาก็เริ่มทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

400 แต้ม!

500 แต้ม!

600 แต้ม!

นับเป็นความเร็วอันน่าทึ่ง!

ระดับพลังงานของลู่หมิงเพิ่มขึ้นเป็น 990 แต้มภายในเวลาแค่ 7 วัน แต่หลังจากมาถึงจุดนี้ จู่ๆ ระดับพลังงานก็เพิ่มขึ้นไม่ได้อีกราวกับจะล้นทะลักออกมาทุกเมื่อ

แสดงว่าเขามาถึงคอขวดแล้ว!

วิธีที่จะบุกทะลวงผ่าคอขวดนั้นง่ายมาก – บุกทะลวงด้วยกําลัง!

ความแตกต่างระหว่างผู้บ่มเพาะระดับ 1 และ 2 นั้นมีเพียงแค่ขีดจํากัดสูงสุดของระดับพลังงาน ส่วนในแง่คุณภาพของพลังงานนั้นก็เหมือนๆกัน

ฉะนั้นอย่างน้อยตอนนี้ลู่หมิงก็ยังไม่ต้องมาควบรวมพลังงานให้บริสุทธิ์เหมือนพระเอกในนิยายจีนเรื่องอื่นๆ เพื่อบรรลุระดับ!

จากเหตุดังกล่าวการทะลุฝาคอขวดรอบนี้จึงง่ายมากๆ

มันเปรียบเป็นดั่งชั้นของฟิล์มบางๆ ที่พร้อมจะหลุดไปเมื่อถูกสะกิด

ปังง!

ลู่หมิงประสบความสําเร็จหลังจากพยายามไปเพียง 3 ครั้ง

ระดับพลังงาน 1000 แต้ม!

“สําเร็จ!”

ลู่หมิงตื่นเต้นมาก

หลังจากตัดผ่านมาได้ เขารู้สึกราวกับว่าความจุพลังงานในร่างกายของเขามีขนาดใหญ่ขึ้นมาก พลังงานที่ล้นออกมาเมื่อกี้ ตอนนี้กลับกินพื้นที่เพียงนิดเดียวเท่านั้น

“ตอนนี้ฉันกลายเป็นนักสร้างการ์ดระดับ 2 แล้ว!”

ลู่หมิงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย

การเป็นผู้บ่มเพาะระดับ 2 นั้นนับว่ามีสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นมากมาย

ตัวอย่างคือ ในวิทยาลัยของลู่หมิง หากมีใครไปถึงระดับ 2 แล้ว ก็สามารถจบการศึกษาแล้วออกไปใช้ชีวิตที่เหลือตามใจได้ทันที

แน่นอนว่าสําหรับลู่หมิง การบ่มเพาะระดับ 2 เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

โดยทั่วไปผู้บ่มเพาะระดับ 1 ในสายตาของผู้บ่มเพาะก็แทบไม่ต่างจากตัวประกอบ หรือกีกี้ในไอมดแดง

ส่วนระดับ 2 จึงเริ่มเป็นผู้บ่มเพาะตัวจริงขึ้นมาหน่อย เพราะเริ่มมีการวางรากฐานกักเก็บพลังงานอย่างจริงๆ จังๆ

ในขณะที่ระดับ 3 นับว่าเป็นการเข้าสู่ความแข็งแกร่งของเส้นทางการบ่มเพาะอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้บ่มเพาะในระดับนี้สามารถแปรรูปพลังงานออกมาเป็นความสามารถได้หลากหลายรูปแบบ

“ระดับ 3.”

ลู่หมิงครุ่นคิด

“เหอะๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่คนพูดว่าระดับ 2 คือระดับที่พัฒนารากฐานด้านพลังงาน เพราะหากจะพัฒนาไปเป็นระดับ 3 มันต้องใช้ระดับพลังงานถึง 1 หมื่นแต้ม

นับเป็น 10 เท่าจากระดับพลังงานของลู่หมิงในตอนนี้

ลู่หมิงเริ่มอยากจะรู้แล้วว่าจะไปถึงขั้นนั้นเขาต้องทรัพยากรมากมายขนาดไหนกัน?

ลู่หมิงเริ่มทําการคาดการณ์มันออกมาเป็นมูลค่าทั้งหมดที่เขาต้องวาฬ

เขาใช้เงินไป 1 แสนหยวนในการบ่มเพาะแต่ละวัน ได้พลังงานเพิ่ม 100 แต้มต่อวัน ดังนั้นโดยเฉลี่ยแล้วเขาจะต้องใช้เงิน 1 พันหยวนเพื่อเพิ่มระดับพลังงาน 1 จุด

แปลว่าถ้าเขาอยากเพิ่มพลังงานให้ถึงหมื่นแต้ม …

ลู่หมิงคํานวณออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ตัวเลขมันถึงกับทําให้เขาหน้าชา 10 ล้าน! ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ มันต้องใช้เงินทั้งหมดถึง 10 ล้านเพื่อบ่มเพาะให้ถึงระดับ 3!

มันเป็นตัวเลขที่น่าตกใจมากสําหรับเด็กในวัยเท่านี้

 

จะให้ไปหาเงินมากมายขนาดนั้นมาได้ยังไง ขายตูดเรอะ?

แต่หงุดหงิดไปก็เท่านั้น เพราะผลตอบแทนจากการบ่มเพาะที่เพิ่มขึ้นก็ย่อมคุ้มค่า

 

เพราะโดยทั่วไปแล้ว แม้แต่อาจารย์ก็มีเกณฑ์ขั้นต่ําอยู่ที่ระดับ 3

แต่เมื่อเทียบกับวิทยาลัยดังๆแล้ว ระดับ 3 เป็นแค่เกณฑ์ขั้นต่ําในการจบการศึกษาของนักศึกษาปีศาจเหล่านั้น!

หากจะพูดกันตรงๆ ก็แทบจะนับได้ว่า ผู้บ่มเพาะระดับ 3 เป็นกระดูกสันหลังของโลกใบนี้ พวกเขาต่างก็กระจายตัวกันไปในแต่ละสายอาชีพเพื่อรับผิดชอบหน้าที่แตกต่างกันออกไป

บางคนถึงกระทั่งตั้งเป้าหมายว่าในชีวิตนี้ขอแค่ไปถึงการบ่มเพาะระดับ 3 ได้ ตรูก็ตายตาหลับแล้ว อะไรทํานองนั้น

ส่วนถ้าลู่หมิงอยากจะบรรลุถึงระดับนั้น?

เขาย่อมต้องจ่ายเงินเพื่อความก้าวหน้าของตนเอง!

แน่นอนว่านอกเหนือจากการจ่ายเงินเพื่อซื้อทรัพยากรแล้วยังมีทางลัดอื่นๆ

ตัวอย่างเช่น

ออกไปผจญภัยหรือเข้าร่วมการต่อสู้

 

สํารวจซากปรักหักพัง!

ออกสํารวจอาณาเขตเร้นลับ!

เพราะทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสายบู๊มักจะทํากัน

แต่ลู่หมิงปฏิเสธความคิดนั้นทันที เนื่องจากมันอันตรายเกินไปสําหรับเขาที่เป็นนักสร้างการ์ด! คงไม่มีนักสร้างการ์ดระดับ 2 คนไหนออกไปสู้ทุกวันอย่างกับแรมโบ้หรอก!

“ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปละกัน”

ลู่หมิงตัดสินใจที่จะพัฒนาไปอย่างสบายๆ

ระดับ 3 เป็นเรื่องของอนาคต ดังนั้นกังวลไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

“จริงสิ บางทีมันน่าจะยังมีช่องว่างให้ทําเงินจาก Leviathan เหลืออยู่อีกนิดหน่อย

ถ้าเป็นนักสร้างการ์ดคนอื่นๆที่ต้องเสียเงินซื้อแปลนการออกแบบ ย่อมมีต้นทุนที่สูงกว่าลู่หมิงที่ลงมือทําด้วยตนเอง

ลู่หมิงคํานวณในใจสักพัก

จากนั้นจึงสรุปว่าตอนนี้ “Leviathan” น่าจะยังพอทํากําไรได้ระดับนึง ดังนั้นเขาจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างการ์ดเพื่อหาเงินไปก่อน

ด้วยวิธีนี้ลู่หมิงทั้งได้เงิน ทั้งไม่เสียเวลาบ่มเพาะไปเปล่าๆ นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวชัดๆ

และอย่าลืมว่าความต่างของนักสร้างการ์ดระดับ 1 กับ 2 นั้นมีมากมาย

ทั้งมีพลังงานมากขึ้น

 

ฟื้นตัวเร็วขึ้น

แถมยังมีการ์ดที่ใช้งานได้เพิ่มขึ้นอีกต่างหาก!

ก่อนหน้านี้เนื่องจากระดับพลังงานอันจํากัดของลู่หมิง เขาจึงสามารถใช้ได้แค่เฉพาะการ์ดระดับต่ําเท่านั้น

แต่ตอนนี้ระดับพลังงานของเขาเพิ่มขึ้นถึงระดับ 2 แล้วฉะนั้นมันน่าจะจะมีอะไรดีๆ ให้เขาได้ใช้เพิ่มขึ้น

แถมนี่ยังเป็นประเด็นสําคัญอีกด้วย

เพราะมันหมายความว่าเขาจะมีโอกาสได้เรียนรู้เทคนิคสร้างการ์ดใหม่ๆได้มากขึ้นไปอีก

“ถ้าฉันมีเทคนิคที่ดีกว่านี้ ”

ไม่แน่ว่าฉันอาจจะสร้างการ์ดดีๆได้มากกว่านี้?

ใช่

ตอนนี้เขาไม่มีการ์ดที่เหมาะสมกับการบ่มเพาะของตนอีกต่อไปแล้ว ทั้งวงล้อมกระทิงคลั่ง การ์ดทําลายล้าง และอื่นๆ ต่างก็ให้พลังงานไม่คุ้มเวลาที่เสียไป

แถมก่อนหน้านี้ เจ็ดวันที่ผ่านมาลู่หมิงก็สร้างแต่การ์ดทําลายล้าง ตอนนี้เขาจึงมีมันอยู่มากมายจนล้นห้อง!

หากเขาเอาไปขาย แต่ละใบนั้นมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 3500 หยวน!

ราคาสูงกว่าการ์ด “Leviathan” อยู่หลายเท่า!

แต่ประเด็นคือ ..

ใครจะยอมซื้อมันไปวะ!?

การ์ดประเภทนี้จะขายให้ใครได้บ้าง?

คนงานเหมือง? หรือบริษัทรับเหมาก่อสร้างเรอะ?!

แม้ว่าเอฟเฟกต์ของมันจะยอดเยี่ยม แต่ราคา 3500 หยวนนี่ก็แพงไม่ใช่เล่น ดังนั้นคงยากที่จะมีคนซื้อมันเอาไปทําอะไรเทือกๆนั้น

ใช้เงินไปจ้างรถแบคโฮ หรือเครื่องจักรขุดเจาะอะไรสักอย่าง ยังน่าจะคุ้มกว่าอีก

ดังนั้นเป้าหมายหลักของลู่หมิงคือต่อไปเขาจะบ่มเพาะด้วยการ์ดที่ขายได้ราคาเท่านั้น

ถ้าต่อไปเขาทั้งบ่มเพาะและขายการ์ดที่บ่มเพาะออกไปได้ นี่แทบจะเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน และลู่หมิงคงจะไม่ต้องติดปัญหาขาดเงินอีกต่อไป

หลังจากคิดไปสักพัก ลู่หมิงก็หันไปมองที่การ์ดทําลายล้าง

เอามันไปทําอะไรดี?

บางที

เอามาผสมอีกครั้งดีมะ?

ลู่หมิงเลิกคิ้ว

ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าทดสอบเพราะกลัวว่ามันจะใช้พลังงานสูงเกินไป!

ก่อนหน้านี้ลู่หมิงไม่ได้ลองมันเนื่องจากเขาเสียดายทรัพยากร เพราะแค่การ์ดทําลายล้างยังไม่มีใครอยากได้เลย เอามันมาผสมกันแล้วจะมีอะไรดีอีกหรอ แต่จากของเหลือตอนนี้ บางที…..

“ลองดูดีกว่า…”

ลู่หมิงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า

เขาไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะยังไงเขาก็มีการ์ดทําลายล้างอยู่ในห้องนี้ตั้ง 200 กว่าใบ!

“เอาละนะ”

ลู่หมิงเริ่มผสมมันเข้าด้วยกัน

การ์ดใบแรกเรียบร้อย!

การ์ดใบที่ 2

เยี่ยม

ลายเส้นเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้นแล้ว

ใบที่ 3 ใบที่ 4 ใบที่ 5

ลู่หมิงเฝ้ามองลายเส้นซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กระนั้นจากประสบการณ์ของเขาแล้วการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะเกิดก็ต่อเมื่อใส่การ์ดใบที่ 7 ลงไปเท่านั้น!

ใบที่ 6 และใบที่ 7

รูซซ –

แสงไฟพลุ่งพล่าน

ลายเส้นกําลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง การ์ดใหม่กําลังจะปรากฏขึ้น

“มาแล้ว!”

ลู่หมิงเต็มไปด้วยความคาดหวัง

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเขารวมการ์ดทําลายล้างเจ็ดใบเข้าด้วยกันนะ?

จากประสบการณ์คราวที่แล้ว สิ่งแรกที่ลู่หมิงทําคือพลิกหน้าการ์ดมาดูภาพหน้าการ์ดก่อน

ทันทีที่เห็นมัน ลู่หมิงก็เหมือนกินหญ้าอีกครา

นี่มันบ้าอะไรอีกวะเนี่ย!

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+