Divine King of All Directions 1337

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1337 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภูเขาไท่นั้นตั้งอยู่ในซานตงซึ่งทุกวันจะมีผู้มาเที่ยวชมจากทั่วทุกหนแห่ง
เป็นเพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เลื่องชื่อไปทั่วทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ
หลินเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าภูเขาลูกนี้มีดวงตาที่เปล่งประกายออกมาเล็กน้อยและไม่คิดเลยว่าภูเขาที่สูงไม่เท่าไหร่นี้กลับสามารถทำให้เขาที่เป็นจ้าวสวรรค์ถึงกับรู้สึกสั่นสะท้านไปได้
นี่ทำให้เขายังไม่ได้ขยับไปไหนและเอาแต่จ้องมองไปทางมันอย่างจริงจังพร้อมทั้งแผดตรามังกรออกไปโดยรอบเพื่อสำรวจสถานที่แห่งนี้
“เป็นสถานที่ธรรมดามากๆ ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
เป็นเพราะว่าตรามังกรของเขากลับไม่สามารถตรวจพบอาณาเขตที่ผิดปกติโดยรอบแม้แต่น้อยถึงขั้นที่ว่าไม่ได้ต่างอะไรไปกับภูเขาธรรมดาๆเลยด้วยซ้ำ
ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่เขาก็ยังตกตะลึงไม่หายพลางคิดว่ามันเป็นสถานที่ๆไม่ธรรมดาอย่างมากถึงขั้นที่เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการเอาไว้หลายเท่าเพราะแม้แต่ตรามังกรของเขาก็ยังไม่สามารถตรวจจับได้ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะแตะต้องความลับของสถานที่แห่งนี้
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
เป็นเพราะว่ามันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทำให้มีผู้คนรวมตัวกันอยู่มากมายและหากมองออกไปแล้วจะพบว่าอย่างน้อยๆก็มีอยู่มากกว่าหมื่นคน
หลินเทียนก้าวเดินออกไปเรื่อยๆขณะที่รู้สึกขนหัวลุกขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“เป็นความรู้สึกเสมือนโลกใบใหญ่จริงๆ ”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาพลางพูดต่อว่า
“ภูเขานี่มันอะไรกัน ? ”
คนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสถึงความแตกต่างนี้ได้แต่มีเพียงคนที่มีระดับพลังสูงถึงจุดหนึ่งเท่านั้นซึ่งเขาในตอนนี้ที่ยิ่งก้าวออกไปก็ยิ่งรู้สึกใจสั่นมากยิ่งขึ้นทำให้เขาอดเบิกเนตรแห่งสัจธรรมออกมาสำรวจความลับของมันไม่ได้ทว่าผลลัพธ์ก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี
“แปลกจริงๆ ”
เขาพึมพำออกมา
ระหว่างที่ก้าวเดินขึ้นไปนั้นเขาก็ทำการตรวจสอบอยู่หลายๆครั้งโดยที่ไม่สามารถพบสิ่งผิดปกติอะไรแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปพลางก้าวเดินขึ้นไป
ด้านบนไม่ได้มีต้นไม้อยู่มากนักซึ่งเมื่อก้าวมาถึงใจกลางของสถานที่แห่งนี้แล้วกระบี่เทวะภายในทะเลความรู้ของเขาก็ได้สั่นไหวและชี้นำเขาไปยังจุดที่ไม่โดดเด่นอะไรและเต็มไปด้วยก้อนหินมากมาย
มันสั่นไหวอีกครั้งพร้อมทั้งชี้ลงไปด้านใต้
นี่ทำให้ดวงตาของเขาส่องประกายออกมาพลางส่งเสียงพึมพำออกมาว่า
“ที่นั่น ? ”
เขาแผดตรามังกรออกไปลึกพร้อมทั้งหยุดอยู่ที่ใจกลางของสถานที่แห่งนี้พลางพบกับกลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีที่ฝังอยู่ด้านใต้
“พบแล้ว ”
เขาแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาโดยทันที
เป็นเพราะกระบี่เทวะอันลึกลับมันทรงพลังอย่างมากดังนั้นเศษเสี้ยววิญญาณของมันถึงได้มีความสำคัญอย่างมากและเขาต้องรวบรวมพวกมันทั้งหมดเพื่อให้กระบี่เทวะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้งดังนั้นการที่ได้พบมันที่นี่ก็ทำให้เขาอดรู้สึกมีความสุขไม่ได้
ตรามังกรของเขาได้พุ่งฉีกชั้นดินลงไปก่อนที่จะเข้าใกล้ตัวกลุ่มก้อนแสงเจ็ดสีอย่างรวดเร็ว
การเข้าใกล้ของเขาทำให้กระบี่เทวะยิ่งสั่นไหวพร้อมทั้งปลดปล่อยประกายแสงเจ็ดสีออกมาห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้
ระหว่างนี้เองที่เสียงสะท้อนของกระบี่เทวะและก้อนพลังงานได้ถูกส่งออกมาก่อนที่ส่งระลอกคลื่นออกมา
เขาได้โบกมือขวาที่มีตรากระบี่ออกไปทางกลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีตรงหน้า
บึ้สสส ~ !
กลุ่มก้อนพลังงานเจ็ดสีขนาดเท่ากำปั้นได้สั่นไหวเล็กน้อยขณะที่ประกายแสงที่ส่งออกมายิ่งเข้มข้นขึ้นพร้อมทั้งเริ่มเคลื่อนที่เข้าหาหลินเทียน
เมื่อเข้าถึงตัวหลินเทียนแล้วมันก็ส่องประกายแสงออกมาก่อนที่จะโคจรอยู่รอบตัวของเขาไม่ต่างจากเด็กพลัดลงที่ได้พบกับครอบครัวก่อนที่จะผสานเข้ากับมือขวาของเขาแล้วพุ่งตรงเข้าสู่กระบี่เทวะที่อยู่ภายในทะเลความรู้อย่างรวดเร็ว
ตัวกระบี่ได้สั่นไหวพร้อมทั้งส่องประกายแสงเจ็ดสีออกมาโดยทันที
นี่ทำให้ประกายแสงเจ็ดสีที่ส่งออกมาจากร่างของเขายิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกขณะที่กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บึ้สสส ~!
กลุ่มก้อนพลังได้ผสานเข้ากับกระบี่เทวะของเขาทำให้ประกายแสงเจ็ดสีสาดส่องออกไปทั่วทะเลความรู้ของเขา
สำหรับเขาที่รู้สึกเคยชินกับมันแล้วไม่ได้แปลกใจอะไรแม้แต่น้อยเพราะมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งและให้ประโยชน์กับเขามากมาย
เขายืนอยู่นิ่งๆพร้อมทั้งหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อเริ่มการหล่อหลอมประกายแสงเจ็ดสีภายในร่างของตัวเอง
นี่ทำให้ร่างกายของเขาเปล่งประกายแสงสีทองออกมาขณะที่กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ระดับพลังของเขากำลังมุ่งหน้าเข้าสู่เขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8 จากระดับ 7 อย่างรวดเร็ว
บึ้สสส ~!
ประกายแสงสีทองที่อาบร่างของเขาเอาไว้ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก
ทะเลความรู้ที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงเจ็ดสีเองก็ยิ่งให้ความรู้สึกที่ศักดิ์สิทธิ์ออกมามากกว่าเก่า
และมันเป็นตอนนี้เองที่มีภาพมากมายปรากฏขึ้นภายในสมองของเขา
มันเป็นภาพของเทือกเขาขนาดใหญ่อย่างน้อยๆกว่าหมื่นๆลูกที่กินพื้นที่กว้างซึ่งแต่ละลูกล้วนแล้วแต่มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามถึงขั้นที่เป็นกลิ่นอายของเทพโบราณโดยเฉพาะภูเขาสูงทะลุชั้นฟ้าที่อยู่ใจกลางซึ่งให้ความรู้สึกเสมือนกำลังแบกโลกทั้งใบเอาไว้
“นี่มัน ?! ”
เขาที่กำลังหมุนวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันเพื่อบ่มเพาะได้แต่สั่นสะท้านไปอย่างรุนแรง
เป็นเพราะว่าภาพภายในทะเลความรู้ของเขานั้นมันเลือนรางก็จริงแต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยจากมัน
“นี่มันคือ……ภูเขาไท่ ?! ”
หัวใจของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงหลังจากที่สัมผัสได้ถึงจุดนี้เพราะแม้ว่าขนาดของมันจะต่างกันไปมากทว่าโครงร่างของมันยังเหมือนเดิม
“นี่มัน………เป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมัน ? ”
เขาได้แต่ผงะไป
เป็นเพราะว่าภาพภายในสมองที่เขาเห็นคือภูเขาใหญ่ที่มีความสูงไม่ต่างกับจักรพรรดิในหมู่ภูเขาทั้งปวงมันทำให้เขาอดแสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมาไม่ได้เพราะนี่คือภูเขาไท่ ? มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ! ต้องรู้ก่อนนะว่าโลกนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสิบสองล้างกิโลเมตราทว่าภูเขาไท่กลับมีขนาดใหญ่กว่ามาก
นี่มันผิดปกติอย่างมาก !
มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ภูเขาในโลกมันจะใหญ่กว่าโลกทั้งใบ ?!
“นี่……..”
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่งงงวยออกมา
“หรือว่าโลกเคยใหญ่กว่านี้ ? แล้วทำไมถึงได้เหลืออยู่แค่นี้กัน ? ”
เขารู้สึกสงสัยอย่างมากพลางคิดถึงภาพของภูเขาไท่ที่เคยยิ่งใหญ่แต่กลับเหลือเพียงเท่านี้
เขาใช้เวลาคิดอยู่นานแต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้และไม่เข้าใจเลยว่าทำไมตอนที่เข้าใกล้ถึงได้รู้สึกใจสั่นแต่น่าจะเป็นเพราะว่ารูปลักษณ์ดั้งเดิมของมันที่น่าเกรงขามแม้จะแปรเปลี่ยนไปแต่ก็ยังคงเสน่ห์เอาไว้
“จากภาพเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าในยุคก่อนหน้านี้สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นสถานที่บ่มเพาะของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายและ………”
เขาผงึไป
เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้มันต้องเป็นสถานที่บ่มเพาะและอาจถึงขั้นเป็นขุมพลังอมตะแล้วนี่ผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน ?
อย่างน้อยๆก็ต้องอยู่สูงกว่าเขตแดนอนันตกาลอย่างแน่นอน
เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาเพราะไม่คิดเลยว่าโลกใบนี้มันไม่ธรรมดาเหมือนที่เขาเห็นเลยแม้แต่น้อย
ภาพที่ปรากฏขึ้นค่อนข้างเลือนรางและไม่นานก็สลายหายไปเหลือไว้เพียงประกายแสงเจ็ดสีที่แผดไปทั่วร่างของเขา
ดวงตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาด้วยความตกตะลึงอย่างมากก่อนที่จะเรียกสติกลับคืนมา
เขายับยั้งความรู้สึกตกตะลึงของตัวเองเอาไว้พลางหมุนวนพลังเพื่อดูดซับพลังงานทั้งหลายเข้าไปภายในร่าง
ไม่นานประกายแสงสีทองและพลังแห่งสัจธรรมที่แผดออกมาก็ยิ่งทรงพลังขึ้นไปอีก
พริบตาเวลากว่าครึ่งเดือนก็ได้ผ่านพ้นไป
“ตู้มม ~! ”
วันนี้เป็นวันที่ร่างกายของเขาได้ระเบิดคลื่นพลังอันหนักหน่วงออกมาหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8ไปได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด