Divine King of All Directions 1338

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1338 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ระดับ 8 ได้แล้วเขาได้กำหมัดเล็กน้อยพลางสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของร่างกาย พลังเทวะและอื่นๆ
“อีกไม่ไกลก็ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดิว่างเปล่าและตามด้วยอนันตกาล ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
หลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลแล้วเขาก็จะสามารถค้นหาที่อยู่ของดินแดนสวรรค์สิบชั้นเพื่อกลับไปได้เพราะครอบครัวและพวกพ้องของเขาอยู่ที่นั่น
อีกด้านหนึ่งหลังจากตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลได้แล้วก็จะหลุดพ้นจากการตายตามธรรมชาติที่ถือเป็นเป้าหมายหลักของการบ่มเพาะ
“ต้องพยายามมากกว่านี้ ”
เขาส่งเสียงออกมา
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ประกายแสงเจ็ดสีภายในทะเลความรู้ของเขาได้สงบลงพร้อมๆกับอักขระบนคมกระบี่ที่ส่งคลื่นพลังออกมาเป็นระลอกๆ
เขาพยายามสำรวจมันอย่างจริงจังทว่าก็ยังไม่พบอะไรและไม่สามารถเข้าใจมันได้ดังนั้นพยายามไปก็เปล่าประโยชน์
“ช่างเถอะ ”
เขาพึมพำออกมากับตัวเองก่อนที่จะล้มเลิกการสังเกตนี้แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งโดยที่ไม่มีผู้คนอยู่โดยรอบแม้แต่น้อย
เขายืนอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวเดินไปออกไปทั่วๆภูเขาลูกนี้
เขายังคงได้รับความรู้สึกกดดันอยู่อย่างต่อเนื่องแต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรสำหรับเขามากนักพลางสำรวจสถานที่ต่างๆที่อยู่โดยรอบ
“ก่อนหน้านี้ภูเขาไท่มีความสูงกว่าหลายกิโลเมตรที่เปรียบเสมือนดั่งจักรพรรดิในหมู่ขุนเขาทว่าตอนนี้กลับ……”
ดวงตาของเขาส่องประกายออกมา
เป็นเพราะว่าภูเขาสูงใหญ่ขนาดนั้นกลับอยู่ในสภาพแบบนี้แล้วเสียได้
มันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง !
เขาก็ยังคงหาคำตอบไม่ได้ถึงได้ก้าวเดินต่อไปรอบๆพลางหมุนวนพลังของตัวเองเพื่อปรับสมดุลพลังในตอนนี้
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าสองชั่วโมงก่อนที่เขาจะเดินไปถึงสถานที่ๆอยู่ห่างไกลออกไป
มันเป็นทางทิศตะวันตกของภูเขาแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่มีชีวิตชีวาซึ่งห่างออกไปไม่ไกลก็พบกับชายท่าทางแปลกๆที่ต่างออกไปจากกลุ่มนักท่องเที่ยว
เขาเป็นชายตะวันตกสองสองเมตรกำลังซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่งกว่าคนธรรมดากว่าสิบเท่า
“ผู้บ่มเพาะ ”
ดวงตาของเขาหดเล็กลงเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาทว่ากลับมีระดับพลังอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะ
เมื่อได้ก้าวเดินออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจอะไรทำให้อีกฝ่ายตระหนักได้ถึงการมาของเขาอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองไปทางหลินเทียนแล้วชายชาวตะวันตกก็ได้แต่ผงะไปด้วยดวงตาที่ส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาก่อนที่จะกระโจนเข้าใส่พร้อมทั้งตวัดดาบสั้นเข้าใส่ทางศีรษะของหลินเทียนอย่างไม่รอช้า
มันเป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก
คิ้วของหลินเทียนได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะยกมือขึ้นมาคว้าแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วถามว่า
“บ้าหรือเปล่า ? อยากตายงั้นรึ ? ”
“ไม่ใช่คนธรรมดา หรือว่าเจ้าเป็นผู้บ่มเพาะของดินแดนศูนย์กลาง ?! ”
อีกฝ่ายได้แข็งค้างไปเพราะการที่หลินเทียนสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้มันแสดงให้เห็นว่าหลินเทียนไม่ใช่คนธรรมดา
“ลงมือทำไม ? ”
หลินเทียนถามออกมา
ดวงตาของอีกฝ่ายส่องประกายความเย็นยะเยือกออกมาพลางโบกมือสร้างกระบี่ด้วยพลังฉีอันเข้มข้นแทงเข้าใส่หัวใจของหลินเทียน
หลินเทียนได้แต่มองด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสขณะที่กระบี่พลังฉีของอีกฝ่ายแหลกสลายหายไป
“เจ้า…….”
อีกฝ่ายได้แต่ผงะไปด้วยสีหน้าที่ตกตะลึงเพราะว่านี่คือการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาทว่าหลินเทียนที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนกลับสามารถทำลายมันลงได้ง่ายๆ
มันทำให้เขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นยะเยือกพร้อมทั้งคว้าเอายันต์ออกมาพลางหันหลังพุ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนหันมองออกไปเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นว่า
“คิดจะทำอะไร ? แล้วมาทำอะไรที่นี่ ? ”
เขาถามออกมา
เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายมีท่าทางที่ระมัดระวังอย่างมากแถมยังเปิดฉากโจมตีสังหารเข้าใส่เขาอย่างไม่ลังเลนี่แสดงให้เห็นว่ามันมีเป้าหมายบางอย่าง
“คิดว่าข้าจะบอก ? ตลกหน่า ! ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
“เจ้าอยู่ได้อีกไม่นานหรอก ! ”
เป็นเพราะสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนว่าตัวเขาไม่สามารถสู้ได้ดังนั้นถึงได้แต่หันหลังหนีไปด้วยสีหน้าที่ดุร้ายอย่างมาก
หลินเทียนที่กำลังมองออกไปยังอีกฝ่ายกลับรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะสละชีพที่ขุมพลังในสวรรค์สิบชั้นฝึกฝนมาไม่มีผิด
“คิดว่าไม่บอกแล้วข้าจะหาคำตอบไม่ได้ ? ”
เขาพูดออกมา
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้โบกมือส่งประกายแสงออกไปคว้าร่างของอีกฝ่ายเอาไว้พร้อมทั้งอ่านความทรงจำของอีกฝ่ายโดยทันที
“ดินแดนลับภูเขาไท่ การรวมตัวของผู้บ่มเพาะ”
นี่ทำให้ดวงตาของเขาหดเล็กลงโดยทันที
เป็นเพราะว่าข้อมูลที่เขาได้รับมานั้นมีอยู่มากมายซึ่งความจริงแล้วเชื้อสายของผู้บ่มเพาะก็ยังคงสืบต่อกันมาและพวกเขาจะจัดงานรวมตัวกันของผู่บ่มเพาะในทุกๆสามปีซึ่งสถานที่ๆพบกันคือภูเขาไท่แห่งนี้
แน่นอนว่ามันเป็นมิติพิเศษที่คนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสหรือเข้าไปได้จึงเรียกว่าดินแดนลับและทุกๆสามปีพวกเขาจะรวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรวมถึงจัดการประลองระหว่างผู้มีพรสวรรค์ของแต่ละขุมพลัง
ชายชาวตะวันตกคนนี้ได้รับคำสั่งให้มาค้นหาตำแหน่งของดินแดนลับภูเขาไท่ก่อนที่กองกำลังผู้บ่มเพาะชาวตะวันตกจะบุกเข้าไปแล้วสังหารผู้บ่มเพาะของดินแดนศูนย์กลางให้สิ้นซาก
หากว่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งและศิษย์ที่มีพรสวรรค์ชองดินแดนศูนย์กลางได้ตกตายลงทั้งหมดแล้วผู้เชี่ยวชาญดินแดนศูนย์กลางก็จะอ่อนแอลงทำให้ไม่สามารถป้องการการรุกรานของผู้เชี่ยวชาญชาวตะวันตกได้
เป้าหมายหลักของพวกเขาก็เพื่อการชิงเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด
“ภูเขาไท่ ภูเขาคุนหลุน ภูเขาเพ็งไล่ ภูเขาหลงฮู ภูเขาชิงเฉิง ภูเขาอู่ตัง …………… ”
คิ้วของเขาได้ขมวดเข้าหากันเพราะว่าภูเขาทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นภูเขาที่โด่งดังของจีนแถมยังมีตำนานที่เล่าขานกันมานานทว่าผู้เชี่ยวชาญตะวันตกเหล่านี้กลับต้องการจะชิงเอาทั้งหมดไป
“ทำไปเพื่ออะไรกัน ? ”
เขาหันมองออกไปพร้อมทั้งถามออกมา
เขารู้สึกสงสัยอย่างมากว่าอีกฝ่ายจะต้องการเอามันไปทำอะไร มันจะต้องมีความลับบางอย่างแน่นอน
“เจ้า…..”
ฝ่ายตรงข้ามได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดหวั่นออกมาด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านไม่หยุดก่อนที่จะส่งเสียงออกมาว่า
“เจ้าคือ……ผู้เชี่ยวชาญจากยุคกาลก่อน ?! เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! ”
การที่ฝืนตรวจสอบความทรงจำของเขาได้แบบนี้มันไม่ใช่ความสามารถที่ผู้เชี่ยวชาญปกติจะสามารถทำได้แน่ๆ
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพลางส่งจิตสัมผัสออกไปตรวจสอบความทรงจำของอีกฝ่ายอีกครั้ง
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายไม่ได้มีสถานที่ยิ่งใหญ่อะไรภายในองกรมากทำให้ไม่รู้ว่าจะชิงเอาภูเขาเหล่านี้ไปทำไม
“เจ้า……”
ชายคนนั้นได้แต่สั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้กลัวตายก็จริงทว่าหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนสามารถอ่านความทรงจำของเขาได้แบบนี้แล้วจะไม่ให้เขากลัวมันก็เป็นไปไม่ได้
หลินเทียนแสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งบดขยี้ร่างกายของอีกฝ่ายจนแปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดไปทันที
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าจะชิงเอาไปทำไมแต่หากว่ากล้าโผล่มาข้าจะฆ่าให้เกลี้ยงเลยคอยดู ! ”
เขาหันมองออกไปทางตะวันตกด้วยสายตาที่ไม่แยแสแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาจะอยู่ในสวรรค์สิบชั้นจนตัดผ่านเขตแดนจ้าวสวรรค์ทว่ารากเดิมของเขาคือคนของดินแดนศูนย์กลางดังนั้นหากว่ามีคนกล้าคิดจะรุกรานดินแดนแห่งนี้เขาก็ยินดีจะฆ่าพวกมันทั้งหมด
เขายืนอยู่กับที่อยู่นานก่อนที่จะแผดตรามังกรออกไปโดยรอบพื้นที่
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ก้าวออกไปด้วยร่างกายที่แผดคลื่นพลังสีทองออกมาทำให้มิติกระเพื่อมเล็กน้อยแล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นภายในสถานที่แห่งใหม่ที่มีกลุ่มเมฆรายล้อมภูเขาอยู่รอบทิศทางแถมยังมีพลังฉีที่ถือว่าพอใช้ได้
เมื่อมองออกไปแล้วดวงตาของเขาได้หดเล็กลงโดยทันที
“ดินแดนบ่มเพาะ ”
มันคือโลกใบเล็กที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติทำให้มีพลังฉีที่เข้มข้นแถมยังอาจจะมีสมบัติถือกำเนิดขึ้น
ก่อนหน้านี้เขาก็ได้สำรวจภูเขาไท่มาก่อนแล้วแต่กลับไม่พบเลยว่ามันจะมีสถานที่แบบนี้อยู่ภายใน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด