Divine King of All Directions 1361

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1361 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ศิลาหินได้สั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่อักขระที่รายล้อมมันเอาไว้ส่องประกายออกมาอย่างนุ่มนวล
มันเคลื่อนที่เข้าหาหลินเทียนเสมือนว่าเป็นเด็กน้อยที่พลัดหลงจากครอบครัว
“ระยำเอ้ย ! เจ้าทำอะไรลงไปกัน ! ”
ราชันวิหกส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดัง
เป็นเพราะว่าศิลานี้หลุดออกจากการควบคุมของเขา !
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาขณะที่เสน่ห์ของภูเขาไท่ยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีก
นี่ทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของศิลาหินเพิ่มสูงขึ้นไปอีก
ภาพเหล่านี้ทำให้สีหน้าของราชันวิหกตกต่ำลงถึงขีดสุด
“มันเป็นของข้า ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังขณะที่พลังเทวะภายในร่างสั่นไหวอย่างรุนแรงพร้อมทั้งพยายามควบคุมอักขระที่ตีตราเอาไว้ทำให้ศิลาหินหยุดการเคลื่อนไหวของมัน
“กลับมา ! ”
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังโดยที่ทิ้งความคิดเรื่องที่จะฆ่าหลินเทียนไปทั้งหมดเพราะถึงอย่างไรมันก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆในตอนนี้
เป็นเพราะว่าศิลาหินได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงดังนั้นทำให้มันไม่สามารถสำแดงพลังทำลายล้างออกมาได้
มันทำให้เขาทำได้เพียงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อดึงเอามันกลับมา
“กลับมา ! !! ”
เขาส่งเสียงออกมาอย่างดัง
ตราบเท่าที่ดึงมันกลับมาได้แล้วเขาก็เชื่อว่าหลินเทียนจะไม่สามารถแทรกแซงมันได้อีก
ศิลาหินได้สั่นไหวอย่างรุนแรงเนื่องจากตราประทับที่สลักเอาไว้ก่อนที่จะเริ่มเคลื่อนไหวกลับมาหาเขา
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งหมุดวนเคล็ดวิชาดวงใจสุริยันอย่างบ้าคลั่งทำให้แผดเสน่ห์ของภูเขาไท่ออกมาอย่างเข้มข้นส่งผลให้ศิลาหินที่กำลังเคลื่อนที่กลับไปหาราชันวิหกได้หันกลับมาทางเขาอีกครั้ง
“ระยำเอ้ย ! ”
ราชันวิหกได้ส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธขณะที่พลังเทวะระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งส่งผลให้อักขระส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมา
แน่นอนเองว่าหลินเทียนก็ไม่มีทางยอมถอยดังนั้นถึงได้ยิ่งแผดกลิ่นอายอันทรงพลังยิ่งกว่าเก่าออกมาเช่นกัน
นี่ทำให้ศิลาหินสั่นไหวไม่หยุก่อนที่จะพุ่งเข้าหาทางหลินเทียน
ภาพเหล่านี้ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ได้แต่ผงะไป
“นี่เจ้าหนูนี่กำลังแย่งชิงศิลาหินนั่นจากเจ้านกนั่น ?! ทำได้อย่างไรกัน ?! ไม่ใช่ว่ามันถูกเจ้านกนั่นควบคุมอย่างสมบูรณ์แล้ว ? เขาชิงเอามาได้ไงกัน ?! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างถึงขีดสุด
บึ้สสส !!
มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่อักขระมากมายส่องประกายแสงออกมาเป็นพักๆก่อนที่จะหม่นหมองลง
หลินเทียนและราชันวิหกยังคงแย่งชิงกันอย่างต่อเนื่อง
คนหนึ่งสามารถผสานเข้ากับเสน่ห์ของภูเขาไท่ได้ส่วนอีกคนได้ตีตราประทับลงบนศิลาหินขณะที่พยายามแย่งชิงการควบคุมองมันทำให้ศิลาหินสั่นไหวอย่างต่อเนื่องและส่งผลให้มิติโดยรอบฉีกขาดออกจากกัน
“พอกันที ! ”
ราชันวิหกส่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“มันเป็นของข้า ! ”
เขาคำรามออกมาเสียงดังพร้อมทั้งประสานมือเข้าหากัน
นี่ทำให้มิติโดยรอบสั่นไหวอีกครั้งก่อนที่ร่างกายของเหล่าศิษย์ทั้งหลายจะสั่นไหวอย่างรุนแรงขณะที่พลังเทวะของพวกเขาเริ่มปั่นป่วนถึงขั้นที่ไม่สามารถควบคุมได้
“พวกเจ้าจงเป็นพลังให้กับข้า ! ”
พุฟฟ !
เขาได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่ร่างของศิษย์ทั้งหลายจะระเบิดออกกลายเป็นกองเลือดและผสานเข้ากับร่างกายของเขาทำให้กลิ่นอายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ภายเหล่านี้ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายพากันมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงโดยทันที
“ท่าน…ราชันวิหก…….ท่านกำลังทำอะไรกัน ! ”
หลายๆคนส่งเสียงโห่ร้องออกมา
เป็นเพราะหลายๆคนได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นกองเลือดและถูกกลืนกินไปโดยบรรพบุรุษของพวกเขา
พุฟฟ !
พุฟ !
พุฟฟฟ !
กองเลือดระเบิดออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่เหล่าศิษย์หลายคนเริ่มตกตายลง
นี่ทำให้กลิ่นอายที่แผดออกมาจากร่างของราชันวิหกพุ่งสูงขึ้นไปอีก
“ท่าน….”
“ได้โปรด….เมตตา……”
“ท่าน………..ท่านทำอะไรกัน ?! ไม่ใช่ว่าจะนำพวกเราไปยังดินแดนแห่งนิรันดร์ ?! ทำไมถึงได้…….”
ศิษย์ทั้งหลายพากันส่งเสียงออกมาด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งพวกเขาเคารพบูชากลับกำลังกลืนกินพวกเขาเพื่อเพิ่มพลังของตัวเอง
“นำพวกเจ้าไปยังดินแดนนิรันดร์ ? ตลกหน่า ! อย่าพวกเจ้าน่ะเรอะ ! พวกเจ้าเป็นเพียงแค่หมากของข้าสำหรับการสังเวยก็แค่นั้นแหละ ! ”
ราชันวิหกส่งเสียงอันเย็นยะเยือกออกมาพลางพูดต่อว่า
“ถึงอย่างไรก็ต้องตายอยู่แล้วดังนั้นจงมาเป็นพลังให้กับข้าซะเถอะ ! ”
เป็นเพราะว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ถ่ายทอดกันภายในนิกายนั้นได้ถูกเขาดัดแปลงและใส่ตราประทับลงไปทำให้สามารถเปลี่ยนคนเหล่านั้นกลายเป็นกองเลือดและกลืนกินพลังของพวกเขาไปได้
คำพูดเหล่านี้ทำให้บรรพบุรุษที่สองและคนอื่นๆต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
ไม่เว้นแม้กระทั่งพยัคฆ์ขาวและเซียนเซียนเองก็ด้วย
เพราะจากบทสนทนาของคนเหล่านี้แล้วพวกเขาล้วนได้ยินคำพูดว่า…..ดินแดนนิรันดร์กันอย่างชัดเจน
“ดินแดนนิรันดร์ ? สรวงสวรรค์ ? ดินแดนที่อยู่เหนือหมู่ดาวและโลกทั้งปวงมันมีอยู่จริง ?! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
สีหน้าของหลินเทียนที่กำลังแย่งชิงศิลาหินอยู่เองก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน
“ดินแดนนิรันดร์นี่มัน…..”
ดวงตาของเขาได้หดเล็กลง
เนื่องจากว่าดินแดนแห่งนั้นถูกเรียกว่าเป็นสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นดินแดนที่เป็นที่อยู่ของเหล่านิรันด์และมีพื้นที่กว้างใหญ่ยิ่งกว่าห้วงจักรวาลและอยู่เหนือหมู่ดาวทั้งปวง
เขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าที่สร้างขึ้นเท่านั้นแต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเหล่าศิษย์ทั้งหลายแล้วก็พบว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมากๆแถมความฝันของคนเหล่านี้คือการก้าวไปยังดินแดนนิรันดร์โดยการชักใยอยู่เบื้องหลังขุมพลังต่างๆ
พุฟฟ!
พุฟ !
พุฟฟ !
ศิษย์ทั้งหลายที่มีพลังเทวะปั่นป่วนต่างระเบิดออกเป็นกองเลือด
เลือดมากมายที่เจิ่งนอกอยู่รอบทิศทางได้ถูกสูบเข้าไปในร่างของราชันวิหกจนไม่มีเหลือ
“ไม่ ไม่ ไม่ ! ”
ศิษย์ทั้งหลายพากันสั่นสะท้านไปอย่างมากพร้อมทั้งก้าวถอยหลังกลับไปด้วยสีหน้าที่หวาดหวั่นถึงขีดสุด
เป็นเพราะว่าเพื่อเป้าหมายในการไปยังดินแดนนิรันดร์นี้ทำให้พวกเขาซื่อสัตย์และเชื่อฟังราชันวิหกอย่างมากและหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้ก้าวข้ามไปยังดินแดนแห่งนั้นทว่ากลับต้องพบว่าคนที่พวกเขานับถือบูชากลับไม่เคยคิดจะนำพวกเขาไปทั้งแต่แรกแถมยังใช้พวกเขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น
“เจ้า…….หลอกใช้พวกเรา ?! ”
หนึ่งในศิษย์ได้ส่งเสียงสั่นๆออกมา
เป็นเพราะว่าพลังเทวะภายในร่างปั่นป่วนอย่างมากและแม้จะพยายามยับยั้งมันเอาไว้แต่ก็ไม่สามารถทำได้
“การที่สามารถเป็นหมากของข้าได้ก็ถือว่าพวกเจ้ามีคุณค่าแล้ว ”
ราชันวิหกส่งเสียงแสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“หากว่าไม่มีเคล็ดวิชาที่ข้ามอบให้พวกเจ้าจะมาถึงจุดนี้ได้ ? การที่ตายเพื่อข้านั้นถือเป็นเกียรติของพวกเจ้า ! ”
เมื่อสิ้นสุดคำพูดแล้วร่างกายของเหล่าศิษย์ทั้งหลายก็ยิ่งสั่นไหวขณะที่พลังเทวะปั่นป่วนถึงขีดสุด
“พุฟฟ ! ”
“พุฟ ! ”
“พุฟฟฟฟ ! ”
กองเลือดสาดกระจายออกไปรอบทิศทาง
พริบตานี้เองที่นอกเหนือจากบรรพบุรุษที่สองแล้วคนอื่นๆล้วนตกตายลงกันหมดอย่างสมบูรณ์
……
กองเลือดทั้งหลายจับตัวเป็นกลุ่มก้อนพร้อมทั้งถูกสูบเข้าไปภายในร่างของอีกฝ่าย
นี่ทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“แม่เจ้าโว้ย….มันเหี้ยมได้ใจจริงๆ ! ”
พยัคฆ์ขาวส่งเสียงออกมา
ร่างกายของหลินเทียนเองก็สั่นไหวอย่างรุนแรงเพราะตอนนี้พลังเทวะภายในร่างของเขาเหลืออยู่อีกไม่มากแล้วแถมยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักทว่าอีกฝ่ายที่กลืนกินเลือดเนื้อของเหล่าศิษย์ไปทำให้ความแข็งแกร่งกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดอีกครั้งถึงขั้นที่แข็งแกร่งกว่าเดิมด้วยซ้ำซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเลื่อมล้ำด้านพลังอย่างมาก
ราชันวิหกที่ร่างกายส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมานั้นได้หันมองมาทางเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“ข้าบอกแล้วว่ามันเป็นของข้า อย่าฝันไปหน่อยเลยว่าจะสามารถชิงมันจากข้าได้ ! ”
เขาส่งเสียงออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกก่อนที่จะพูดต่อขณะที่ศิลาหินลอยกลับมาหาเขาว่า
“ถึงแม้ว่าแผนการของข้าจะถูกเจ้าทำลายจนหมดแต่ก็ไม่เป็นอะไร ที่ข้าเลือกทำแบบนั้นแต่แรกก็เพราะไม่อยากให้มันยุ่งยากแต่ดูเหมือนว่ามันไม่ทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องลงมือด้วยตัวเอง ข้าจะเอาจับผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดไปรวมกันไว้ที่ดินแดนศูนย์กลางแล้วทำการสังเวยพวกมันเพื่อเปิดเส้นทางไปยังดินแดนนิรันดร์ ! ”
เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
“ส่วนเจ้า ข้าจะยกที่นี่ให้เป็นที่ฝังศพเจ้าแล้วกัน ! ”
“ตู้มมม ~! ”
คลื่นพลังอันหนักหน่วงแผดออกมาทำให้ศิลาหินเคลื่อนที่เขาหาเขาอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนกัดฟันเอาไว้แน่นพร้อมทั้งพยายามแผดเสน่ห์ของภูเขาไท่ออกมาจนถึงขีดสุด
ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับราชันวิหกที่กลืนกินเลือดเนื้อของเหล่าศิษย์จำนวนมากไปก็ทำให้อีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นมากถึงขั้นที่เขาไม่มีความสามารถต่อกรได้อีกเนื่องจากความต่างชั้นของระดับพลังที่สูงเกินไป
“ในเมื่อโลกนี้มีแสงสว่างก็ย่อมต้องมีความมืด โปรดมอบพลังให้ข้าเพื่อทำลายล้างความมืดที่โสมมนี้ ! ”
มันเป็นตอนนี้เองที่มีเสียงสวดภาวนาถูกส่งออกมาขณะที่ปรากฏร่างของชายชราชุดคลุมที่ห้อมล้อมไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่สายตาจะหยุดอยู่ที่ร่างของอีกฝ่าย
“พระสันตะปาปาจากขุมพลังเนตรศักดิ์สิทธิ์ ?! ”
สีหน้าของพยัคฆ์ขาวเปลี่ยนไปทันที
ร่างกายของชายชรารายล้อมไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์อย่างเข้มข้นแม้ว่าจะไม่ได้ส่งกลิ่นอายทำลายล้างที่ทรงพลังออกมาทว่ากลับให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก
“สหายจากดินแดนศูนย์กลางโปรดรับมันเอาไว้และเป็นพลังให้เจ้าได้ขจัดความชั่วร้าย ! ”
พระสันตะปาปาส่งเสียงออกมา
ระหว่างที่พูดจบแล้วเขาก็ได้โบกมือส่งประกายแสงสีขาวายในร่างพุ่งผ่านอากาศอัดเข้าใส่ร่างของหลินเทียนอย่างจัง
มันเป็นประกายแสงที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังถึงขั้นทำให้อาการบาดเจ็บและพลังเทวะของเขาฟื้นตัวด้วยความเร็วที่น่าสะพรึงกลัว
เพียงชั่วพริบตานี้บาดแผลทั้งหมดและระดับพลังของเขาพุ่งสูงถึงขีดสุดอีกครั้ง

“นี่มัน ?! ”
สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาได้แต่สั่นสะท้านไปเพราะไม่เพียงแค่จะสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ทว่ามันกลับเป็นพลังที่เขาคุ้นเคยแบบเดียวกันกับตอนที่ได้รับภายในสวรรค์สิบชั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด