Divine King of All Directions 1430

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1430 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แสงเจ็ดสีส่องประกายออกมาจากกลุ่มก้อนพลังงานดวงน้อยๆเสมือนว่าเป็นเทพผู้ปกครองทุกสรรพสิ่ง
หลินเทียนที่มองอยู่ห่างออกไปเองก็ได้แต่มีดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
เป็นเพราะในที่สุดเขาก็ได้พบมันเสียที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ดวงตาของอสรพิษม่วงถึงกับหดเล็กลงอย่างกะทันหันเพราะเมื่อมองออกไปแล้วมันได้แต่ผงะไปเนื่องจากสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นกลุ่มก้อนพลังงานที่ไม่ธรรมดาเอามากๆ
มันเปรียบเสมือนแก่นแท้ของดาวทั้งดวง !
คนที่ประหลาดใจที่สุดในสถานที่แห่งนี้คือเหลาเหลาที่ได้แต่มองออกไปพร้อมทั้งส่งเสียงออกมาว่า
“นั่นมัน ?! ”
เป็นเพราะนางเคยเห็นประกายแสงเหล่านี้ต่อต้านสัจธรรมทั้งหลายมาแล้วแถมจี้ห้อยคอของนางเอาก็เป็นสิ่งที่ปู่ของนางนำเอาแร่ธาตุที่อาบประกายแสงเจ็ดสีเป็นเวลานานมาหลอมให้และด้วยพลังของมันทำให้นางรอดพ้นหายนะมาหลายต่อหลายครั้ง
นางไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับประกายแสงเจ็ดสีนี้ที่นี่แถมยังเป็นแบบเดียวกันกับบนดาวของนางซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันมีที่มาแบบเดียวกัน
“นี่…”
นางได้แต่มองออกไปด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่ออย่างมาก
“ท่านผู้อาวุโสรออยู่ตรงนี้สักครู่ รุ่นเยาว์จะไปเก็บกู้มันแล้วเราจะได้ไปจากทีนี่กัน ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมา
คำพูดนี้ทำให้ทั้งสองคนได้แต่ผงะไป
“ที่เจ้าบอกว่าต้องการจะมาเก็บบางอย่างที่นี่คือสิ่งนี้ ?”
เหลาเหลาส่งเสียงออกมา
“ใช่ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาไม่ได้ปิดบังอะไรพร้อมทั้งก้าวเดินออกไปเพื่อมุ่งตรงเข้าไปภายในสถานที่ตรงหน้า
พริบตาที่เขาก้าวเข้าไปนั้นประกายแสงเจ็ดสีก็ได้ส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาอย่างเข้มข้นพร้อมเคลื่อนที่เข้าหาเขาเสมือนว่ามีสติปัญญาเป็นของตัวเอง
ภาพเหล่านี้ทำให้เหลาเหลาและอสรพิษม่วงได้แต่ผงะไปโดยเฉพาะเหลาเหลาที่แสดงสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อออกมา
“นี่มัน…”
ดวงตาของนางแทบจะถลนออกมาเลยก็ว่าได้
เป็นเพราะว่านางเองก็เคยเห็นกลุ่มก้อนพลังงานแบบเดียวกันในดวงดาวของนางทว่ามันสามารถต่อต้านพลังทุกอย่างไม่เว้นแม้กระทั่งพลังแห่งสัจธรรมทำให้ไม่มีใครเข้าใกล้มันได้ มีแม้กระทั่งคนที่ปกป้องร่างกายเอาไว้ด้วยอาวุธนิรันดร์แท้จริงแต่ก็เปล่าประโยชน์ทว่ากลุ่มก่อนพลังงานเหล่านี้กลับเหาะเข้าหาร่างของหลินเทียนด้วยตัวมันเองแบบนี้นี่มัน
“บึ้สส ~! ”
ประกายแสงเจ็ดสีส่องประกายแสงเจิดจรัสออกมาพร้อมๆกับโคจรอยู่รอบตัวของเขา
กลิ่นอายที่มันส่งออกมาไม่ได้รุนแรงอะไรทว่ากลับให้ความรู้สึกเสมือนสามารถสยบได้ทุกสรรพสิ่ง
มันเป็นพลังที่สัจธรรมทั้งหลายต้องศิโรราบ
แววตาของหลินเทียนส่องประกายออกมาก่อนที่จะก้าวเดินออกไปเนื่องจากเขาใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะมาถึงที่นี่ได้
เมื่อมองออกไปแล้วเขาได้ตั้งสติเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือขวาออกไปทำให้ตรากระบี่ส่องประกายแสงระยิบระยับออกมา
หลังจากนั้นเองที่กลุ่มก้อนพลังงานนี้ได้ผสานเข้ากับร่างของเขาด้วยตัวของมันเอง
“ผสานเข้ากับร่างด้วยตัวของมันเอง ? ”
เหลาเหลาที่อยู่ห่างออกไปถึงกับโห่ร้องออกมาขณะที่อสรพิษม่วงเองก็ได้แต่โง่งมอยู่กับที่
หลินเทียนยังคงยืนอยู่กับที่ระหว่างที่เศษเสี้ยวกระบี่พุ่งตรงเข้าไปภายในทะเลความรู้ของเขาก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้ากระบี่เทวะภายในร่างแล้วผสานเข้าด้วยกันอย่างไม่รอช้า
นี่ทำให้กระบี่เทวะสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมทั้งส่องประกายแสงเจ็ดสีออกไปทั่วทะเลความรู้ของเขา
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ดีดังนั้นถึงไม่ลังเลเลยที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะเพื่อดูดกลืนเอาพลังงานเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว
นี่ทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดแม้แต่น้อย
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงเต็ม
หนึ่งชั่วโมงนี้เศษเสี้ยววิญญาณกระบี่ได้ผสานเข้ากับร่างของเขาอย่างสมบูรณ์แบบทำอักขระที่ใบดาบชัดเจนมากยิ่งขึ้น
กลิ่นอายของเขาเองก็เพิ่มสูงขึ้นถึงเขตแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นขั้นกลาง
มันเป็นการพัฒนาที่ถือว่าไม่ธรรมดาอย่างมากเพราะอย่างน้อยๆบางคนแทบจะไม่มีความสามารถที่จะตัดผ่านจากเขนแดนนิรันดร์อมตะตอนต้นขั้นต้นไปยังขั้นกลางได้ด้วยซ้ำทว่าเขากลับใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น
เขากำหมัดไว้เล็กน้อยพร้อมทั้งสัมผัสถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างพลางกวาดจิตสัมผัสออกไปปกคลุมกระบี่เทวะเอาไว้เล็กน้อยก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินกลับไปหาเหลาเหลาและอสรพิษม่วง
“นี่ทำไมกลุ่มก้อนพลังงานนั่นถึงได้เข้าหาเจ้าด้วยตัวมันเองกัน ? เพราะอะไรกัน ? ”
นางถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัยอย่างมาก
เป็นเพราะว่าที่ดาวของนางเองก็มีกลุ่มก้อนพลังงานแบบเดียวกันแต่ขนาดผู้ที่ถือครองอาวุธนิรันดร์แท้จริงก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้มันได้ทว่ามันกลับเคลื่อนที่เข้าหาหลินเทียนและผสานเข้ากับร่างของเขาด้วยตัวมันเองแบบนี้นี่ทำให้นางโง่งมไปทันที
“ทำไม ? ”
หลินเทียนพูดต่อว่า
“น่าจะเป็นเพราะว่าข้าเป็นคนดีล่ะมั้ง ”
เหลาเหลาได้แต่แข็งค้างไปซึ่งแน่นอนว่าไม่พอใจกับคำตอบนี้เอามากๆ
หลินเทียนหัวเราะออกมาคำโตเนื่องจากเขามีความสุขเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นก็ได้หันไปพูดกับทั้งสองคนพร้อมทั้งหันหลังเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
เป็นเพราะว่าในเมื่อได้รับเศษเสี้ยววิญญาณกระบี่มาแล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
“ฟู้วว ~! ”
สายลมอ่อนๆพัดผ่านสถานที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกที่เย็นยะเยือกถึงขั้วหัวใจ
พวกเขาพากันเดินออกไปแต่เป็นเพราะว่าฝ่าฝันอันตรายมาก่อนแล้วดังนั้นการกลับไปเส้นทางเดิมจึงเป็นไปได้อย่างราบเรียบและไม่นานก็กลับออกมาจากหุบเขากลืนนิรันดร์ได้อย่างปลอดภัย
“สิ่งที่ต้องการก็ได้มาแล้วดังนั้นก็ค้นหาตำแหน่งดาวตามที่สหายตัวน้อยต้องการกันเลยไหม ? ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมา
หลินเทียนได้ช่วยมันออกมาจากสวนสวรรค์แต่มีข้อตกลงว่ามันจำเป็นต้องช่วยเขาสองเรื่องซึ่งเรื่องแรกก็สำเร็จลุล่วงไปแล้วและเหลืออยู่เพียงแค่การค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของดาวดวงหนึ่งเท่านั้น
ตอนนี้สิ่งที่หลินเทียนต้องการก็ได้รับมาแล้วดังนั้นถึงได้คิดจะจัดการเรื่องสุดท้ายให้เรียบร้อย
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นก็มีแววตาที่เปล่งประกายออกมาโดยทันที
“อื้ม ต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสด้วยนะขอรับ ”
ณ ตอนนี้พวกเขาต่างพากันเหาะออกมาจากดาวดวงนี้ก่อนที่ไม่นานจะปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบกับพื้นที่มืดสลัวๆที่รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวส่องประกายแสงสีเงินระยิบระยับออกมจากรอบทิศทาง
“ต้องรบกวนท่านด้วย ”
หลินเทียนส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งอธิบายสภาพพื้นที่ต่างๆรวมถึงลักษณะพิเศษของดาวสวรรค์สิบชั้นออกไป
เป็นเพราะว่าก่อนที่จะจากดาวสวรรค์สิบชั้นไปนั้นเขาใช้เวลาจดจำรูปลักษณ์ของมันอยู่นานจึงอธิบายออกไปอย่างแม่นยำ
อสรพิษม่วงที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้พยักหน้าของมันพร้อมทั้งแผดจิตสัมผัสอันทรงพลังออกไปโดยรอบทิศทาง
พลังอสูรอันเข้มข้นของมันผสานเข้ากับจิตสัมผัสที่แกร่งกล้าโดยใช้เวลาไปกว่าสิบสี่ชั่วโมงถึงจะหยุดลง
“ดาวดวงนี้หรือเปล่า ? ”
มันได้ถามออกมาพร้อมทั้งโบกมือส่งพลังอสูรออกมาก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของดาวดวงหนึ่ง
มันเป็นดวงดาวหลากสีที่มีขนาดเล็กกว่าดาวจี่หยานจนเทียบกันไม่ได้แต่กลับรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกที่ให้ความรู้สึกเป็นเอกภาพ
หลินเทียนหันมองออกไปก่อนที่แววตาของเขาจะส่องประกายออกมายิ่งกว่าเก่า
“ใช่แล้ว นี่แหละ ! ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาซ้ำๆ
อสรพิษม่วงที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า
“งั้นก็พบแล้ว ”
หลังจากที่พูดจบหน้าผากของมันก็ได้เรืองแสงออกมาก่อนที่จะส่งคลื่นพลังจิตสัมผัสสลักที่ตั้งของดาวดวงนี้ให้กับหลินเทียน
เมื่อได้รับตำแหน่งที่ตั้งของดาวสวรรค์สิบชั้นแล้วดวงตาของหลินเทียนก็ยิ่งเปล่งประกายออกมาโดยทันที
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสมากๆ ! ”
เขาส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งแสดงความเคารพ
จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องขอบคุณก็ได้เพราะว่ามันเป็นข้อตกลงที่พวกเขาทำร่วมกันเอาไว้ทว่าเหตุผลก็เพราะว่าหลังจากที่พลัดหลงจากดาวสวรรค์สิบชั้นมันทำให้เขารู้สึกตกต่ำอย่างมากและเป็นอสรพิษม่วงที่เป็นคนช่วยค้นหาที่อยู่ของมันทำให้เขามีความสุขถึงขีดสุด
“สหายตัวน้อยก็สุภาพเกินไป นี่เป็นสิ่งที่ข้าได้ตกลงเอาไว้แล้ว ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ”
อสรพิษม่วงส่งเสียงออกมาด้วยรอยยิ้มพลางถามต่อด้วยน้ำเสียงที่สงสัยว่า
“แล้วทำไมสหายตัวน้อยถึงได้ค้นหาที่ตั้งของดาวดวงนั้นกัน ? ”
“เป็นเพราะว่ารุ่นเยาว์เริ่มก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะจากที่นั่น มันเป็นที่อยู่ของครอบครัวและพวกพ้องของรุ่นเยาว์แต่เป็นเพราะอุบัติเหตุถึงได้ทำให้พลัดหลงโดยที่ไม่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของมันแต่แรกดังนั้นจึงไม่สามารถกลับไปได้และรู้สึกอยากกลับไปที่นั่น ”
หลินเทียนตอบกลับ
อสรพิษม่วงเองก็ได้พยักหน้าของมันพร้อมกับพูดว่า
“เป็นแบบนี้นี่เอง ”
หลังจากนั้นมันก็ได้พูดต่อว่า
“แล้วนี่สหายตัวน้อยคิดจะออกจากดาวจี่หยานเพื่อไปยังดาวดวงนั้น ? ”
“ขอรับ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
เป็นเพราะว่าอุบัติเหตุจึงทำให้เขาพลัดหลงกับดาวสวรรค์สิบชั้นและไม่สามารถกลับไปในช่วงหลายปีมานี้จึงทำให้เขารู้สึกคิดถึงบ้านเกินอย่างมาก
ระหว่างนั้นก็เป็นเพราะว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นจะต้องทำให้ทุกคนเป็นห่วงเขามากๆเพราะถึงอย่างไรอยู่ดีๆเขาก็หายไปดื้อๆแบบนี้โดยที่ไม่มีใครรู้ข่าวคราวแม้แต่น้อย
ดังนั้นเมื่อพบที่ตั้งของมันแล้วเขาก็อยากจะกลับไปให้เร็วที่สุดเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด