Divine King of All Directions 1431

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1431 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เป็นเพราะอุบัติเหตุทำให้เขาต้องพลัดพรากจากดาวบ้านเกิดมานานหลายปีและในที่สุดก็ค้นหามันจนเจอดังนั้นถึงได้ทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างมากและอยากจะรีบมุ่งหน้าตรงไปทันที
อสรพิษม่วงได้ถามออกมาว่า
“จะไปตอนนี้เลย ? ”
“ขอรับ ”
หลินเทียนตอบกลับไป
หลังจากนั้นเขาก็ได้ทำการขอบคุณอีกฝ่ายอีกครั้งเพราะมันได้ช่วยเขาฝ่าเข้าไปภายในหุบเขากลืนนิรันดร์จนได้รับเศษเสี้ยวกระบี่คืนมาแถมยังค้นหาตำแหน่งที่ตั้งของดาวสวรรค์สิบชั้นซึ่งแม้ว่ามันจะเป็นเพราะข้อตกลงที่ทำเอาไว้แต่เขาก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายเองก็ช่วยเขาในหลายๆเรื่องด้วย
“เพื่อนตัวน้อยไม่ต้องสุภาพไปหรอก การที่สามารถรู้จักเจ้าได้ถือเป็นความโชคดีของข้ามากๆ หากว่าไม่มีเจ้าข้าก็คงยังติดอยู่ภายในสวนสวรรค์ไปแล้ว ดังนั้นต่อให้ข้าอยู่ในเขตแดนที่ไม่มีวันแตกดับก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ”
มันได้ส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“หากว่าเป็นไปได้ข้าก็อยากจะติดตามเจ้าไปยังดาวบ้านเกิดแต่เป็นเพราะข้าต้องรีบเก็บตัวบ่มเพาะเพื่อตัดผ่านให้เร็วที่สุดและอย่างน้อยๆคงกินเวลาอีกหลายต่อหลายปี ”
มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเสียดาย
เป็นเพราะหลังจากที่ได้รับหยกนิรันดร์สุดขั้วมาแล้วมันก็ฝืนจัดการหลายๆเรื่องไปทำให้การตัดผ่านถูกยืดออกไปพร้อมส่งผลเสียต่อมันไม่น้อยและตอนนี้ไม่สามารถยื้อออกไปได้อีกแล้ว
“รุ่นเยาว์ขอขอบคุณความมีน้ำใจของท่าน ข้าได้รบกวนท่านมามากแล้วและไม่สามารถสร้างปัญหากับการตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงของท่าน”
หลินเทียนพูดออกมาพร้อมๆกับพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
“แต่ด้วยความสามารถของท่านผู้อาวุโสที่มีหยกนิรันดร์สุดขั้วแล้วจะต้องตัดผ่านเขตแดนนิรันดร์แท้จริงได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นแล้วท่านจะต้องไร้เทียมทานอย่างแน่นอน ”
นี่ไม่ใช่ว่าเขาอวยอสรพิษม่วงแต่เป็นความจริงเนื่องจากมีแม้กระทั่งสมบัติที่ช่วยทำให้ตัดผ่านได้ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ตัดผ่านไปได้แล้วกลิ่นอายนิรันดร์แท้จริงของอีกฝ่ายเองก็จะเข้มข้นกว่าคนอื่นๆในระดับเดียวกันทำให้เรียกได้เลยว่าไร้เทียมทาน
“อื้มม ขอให้สมพรปากนะ ”
อสรพิษม่วงได้พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
“หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกันอีกนะ ”
หลังจากที่พูดจบแล้วมันก็ได้ยื่นมือออกมาทางหลินเทียน
หลินเทียนยิ้มตอบก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับมืออีกฝ่ายเอาไว้
“ลาก่อนท่านผู้อาวุโส”
เขาบอกลากับอีกฝ่ายก่อนที่จะนำทางเหลาเหลาออกไปอย่างรวดเร็ว
อสรพิษม่วงได้แต่มองไปยังทิศทางที่พวกเขาจากไปและหลังจากที่หายไปจากระยะสายตาแล้วถึงจะก้าวถอยหลับแล้วเหาะกลับลงไปยังดาวจี่หยานเพื่อหาสถานที่เก็บตัวบ่มเพาะอีกครั้ง
………….
หลินเทียนและอสรพิษม่วงได้แยกทางกันพร้อมทั้งนำทางเหลาเหลาออกไปยังสถานที่ไกลแสนไกล
ร่างกายของเขารายล้อมไปด้วยประกายแสงสีทองอร่ามซึ่งมันคอยห่อหุ้มร่างของเหลาเหลาเอาไว้เนื่องจากนางเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดินภาเท่านั้นทำให้ไม่สามารถแบกรับแรงกดดันของห้วงจักรวาลได้
“แล้วนี่จะใช้เวลานานขนาดไหนกันถึงจะไปยังดาวบ้านเกิดของเจ้าได้ ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมา
เป็นเพราะแม้นางจะอยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาเท่านั้นแต่เนื่องจากเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งทำให้มีประสบการณ์โชกโชนจึงไม่ได้แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องเดินทางข้ามอวกาศเท่าไหร่เพราะเคยเดินทางกับปู่นางอยู่หลายๆครั้ง
“ด้วยระดับความเร็วของข้าน่าจะใช้เวลาประมาณสองปีหากว่ารวมเวลาที่พักระหว่างเดินทางด้วย ”
หลินเทียนพูดออกมา
ด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ทำให้มีความเร็วไม่ด้อยไปกว่าเขตแดนอนันตกาลมากนักแต่เป็นเพราะห้วงจักรวาลมันกว้างใหญ่เกินไปดังนั้นการที่จะก้าวข้ามหมู่ดาวถึงสองแห่งไปยังดาวสวรรค์สิบชั้นอีกนั้นจึงใช้เวลาเดินทางไม่น้อย
อีกอย่างเป็นเพราะว่าท่านพลังที่ขวางกั้นระหว่างห้วงจักรวาลนั้นมั่นคงอย่างมากจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฉีกห้วงอวกาศเพื่อก้าวข้ามระยะทางไกลๆด้วยระดับพลังของเขาในตอนนี้ถึงขั้นที่ต่อให้อยู่ในเขตแดนอนันตกาลก็ยังไม่สามารถทำได้เพราะอย่างน้อยๆต้องเป็นเขตแดนนิรันดร์แท้จริงเท่านั้น
“ก่อนหน้านี้ปู่จูเองก็เคยพาข้ามาเที่ยวในห้วงจักรวาลเหมือนกันแต่อยู่นานสุดก็แค่เจ็ดวันเท่านั้น การที่ต้องเดินทางสองปีนี่ดูน่าสนใจจริงๆ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนได้ตอบรับและไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนที่จะเร่งความเร็วของเขาขึ้นไปอีกเพื่อพุ่งผ่านม่านจักรวาลไปอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเป็นเพราะต้องใช้เวลากว่าสองปีดังนั้นเขาถึงได้อาศัยช่วงเวลาเหล่านี้ดูดกลืนแก่นพลังจากหมู่ดาวเพื่อหล่อหลอมร่างกายทำให้กลิ่นอายของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เวลาสองปีได้ผ่านไปภายในชั่วพริบตา
วันนี้เป็นวันที่เขาได้นำทางเหลาเหลาไปถึงหมู่ดาวที่แปลกประหลาดพร้อมทั้งหยุดอยู่ตรงหน้าดวงดาวขนาดใหญ่
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันมีหลากสีแถมยังรายล้อมไปด้วยกลุ่มหมอกและให้ความรู้สึกที่เป็นเอกภาพมากๆ
“กลับมาแล้ว ! ”
เมื่อมองออกไปยังดวงดาวตรงหน้าแล้วดวงตาของเขาก็ได้เปล่งประกายออกมาโดยทันที
แน่นอนว่าดาวนี้คือดาวสวรรค์สิบชั้น
จากที่เคยอยู่ที่นี่แต่กลับต้องพลัดพรากจากไปอยู่นานนับสิบๆปี ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว
“ที่นี่คือดาวสวรรค์สิบชั้นที่เจ้าว่า ? ”
เหลาเหลาได้ถามออกมา
หลินเทียนพยักหน้าตอบกลับไปว่า
“ใช่แล้ว ”
เมื่อมองออกไปแล้วเจขาก็ได้บอกให้นางระมัดระวังก่อนที่จะฉีกม่านพลังชั้นนอกของดาวออกแล้วเหาะเข้าไปภายใน
หลังจากนั้นไม่นานก็เข้าไปอยู่ภายในดาวดวงนี้
ท้องฟ้าสีครามและพืชพันธุ์นาๆชนิดรายล้อมอยู่รอบทิศทาง
เขาได้กวาดสายตาออกไปโดยรอบพร้อมทั้งพบว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย มันไม่มีภูเขา ไม่มีแม่น้ำแต่มีเพียงท้องฟ้าสีครามอยู่ทั่วทุกหนแห่งแถมยังพบกับผู้คนจำนวนหนึ่งที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดากระจายตัวกันอยู่ตามจุดต่างๆ
อย่างไรก็ตามแม้คนเหล่านี้จะไม่ได้อ่อนแอแต่กว่าเก้าในสิบส่วนล้วนแล้วไม่ใช่คนที่สามมารถก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ได้ด้วยตัวเองแต่เป็นเพราะได้รับการปกป้องระหว่างก้าวข้ามมาโดยผู้เชี่ยวชาญ
“หลังจากที่ข้าได้ปลดผนึกสวรรค์ชั้นนี้ไปแล้วผู้เชี่ยวชาญเขตแดนกึ่งจักรพรรดิโกลาหลก็จะสามารถก้าวข้ามายังดินแดนแห่งนี้ได้ซึ่งขุมพลังใหญ่ๆเองก็คงจะนำเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นก้าวข้ามมายังสวรรค์ชั้นนี้ ? ”
เขาพึมพำอยู่กับตัวเอง
นี่คือข้อสันนิษฐานของเขาแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักพร้อมทั้งนำเหลาเหลาเหาะจากไปยังสวรรค์ชั้นที่ 9
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้นำเหลาเหลาไปถึงภูเขาแห่งหนึ่ง
เมื่อมองออกไปแล้วจะพบว่ามันเป็นขุนเขาที่ไม่ได้สูงมากแต่กลับส่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามเสมือนดั่งอสูรร้ายผู้ปกครองโลกใบนี้
มันรายล้อมไปด้วยตำหนักหรูหรามากมายกินพื้นที่ออกไปไกลกว่าหลายกิโลเมตรแถมในอากาศยังเต็มไปด้วยอักขระมากมาย
“ที่นี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ ”
เหลาเหลาได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
“มีพลังฉีของมังกรอยู่ด้วย นี่หรือว่าตั้งอยู่บนเส้นชีพจรมังกรบรรพกาล ?! ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด