Divine King of All Directions 1436

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1436 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ระหว่างที่ตบไหล่ของหลินเทียนนั้นถูโปก็ระลึกกลับไปยังเรื่องที่ในช่วงหลายๆปีหลินเทียนมักจะนำสมบัติมากมายกลับมามอบให้กับนิกายเสมอๆและมันจะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับนิกายไปไม่น้อยซึ่งการกลับมาครั้งนี้พร้อมๆกับเส้นชีพจรเทวะและอื่นๆมากมายนั้นมันไม่สามารถประเมินค่าได้เลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ขุมพลังของพวกเขากลายเป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์ชั้นนี้และหากวัดกันที่รากฐานขุมพลังแล้วก็เรียกได้ว่าอยู่ในระดับแนวหน้าของขุมพลังทั้งหมดในดาวดวงนี้
“เป็นเด็กดีจริงๆ ”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ส่งเสียงออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หลินเทียน ข้าขอเป็นตัวแทนนิกายของเราขอบคุณเจ้ามากๆ ”
จ้าวนิกายแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจและตื่นเต้นออกมาก่อนที่จะโค้งคำนับให้กับหลินเทียน
หลินเทียนเองก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปไม่น้อยพร้อมทั้งรีบพยุงร่างของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยพลังเทวะอ่อนๆแล้วพูดว่า
“ท่านจ้าวนิกาย ท่านเป็นถึงศิษย์น้องของอาจารย์รุ่นเยาว์แล้วจะให้รุ่นเยาว์รับการโค้งคำนับของท่านได้อย่างไรกัน ? ”
เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังพลางพูดต่อว่า
“ยิ่งไปกว่านั้นแม้รุ่นเยาว์จะมีขุมพลังเป็นของตัวเองแล้วแต่ก็ไม่เคยลืมว่าตัวเองมาจากไหน นี่เป็นสิ่งที่รุนเยาว์ควรพึงกระทำอยู่แล้ว ”
อาจารย์ที่เขาเคารพนับถือนั้นแนะนำเขาให้กับนิกายแห่งนี้ดังนั้นสำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้ต่างไปจากพ่อแท้ๆซึ่งผู้อาวุโสสูงสุดและคนอื่นๆเองก็ดีกับเขามากๆและไม่ลังเลเลยที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับขุมพลังที่เคยแข็งแกร่งที่สุดในสวรรค์ชั้นนี้ซึ่งเขาเองก็ไม่มีวันลืมเรื่องนี้ไปเด็ดขาด
สำหรับเขาแล้วสถานที่แห่งนี้มันก็คือบ้านของเขา
จ้าวนิกายได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
“งั้นข้าไม่เกรงใจแล้วกัน ”
“การที่นิกายของเรามีเจ้าศิษย์อาจารย์นี่มัน…….เป็นบุญของพวกเราจริงๆ ”
ผู้อาวุโสสูงสุดได้ส่งเสียงออกมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข
หลินเทียนเองก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมทั้งตระหนักได้ถึงบางสิ่งพลางพูดออกมาว่า
“อ่อใช่ ท่านผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ เมื่อหลายสิบปีก่อนรุ่นเยาว์ได้ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบพร้อมทั้งพบว่าท่านอาจารย์และท่านภรรยาอาจารย์ได้ทะลวงผ่านม่านฟ้าและออกไปท่องในห้วงจักรวาลแล้ว ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้อธิบายเรื่องราวต่างๆในห้วงจักรวาลก่อนที่จะถามออกมาว่า
“แล้วหลายปีมานี้เขาไม่ได้กลับมาบ้างเลย ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วคนอื่นๆก็ได้แต่ผงะไป
“นี่ด้านนอกสวรรค์ชั้นสิบคือห้วงจักรวาล ?! แถมนอกเหนือนั้นยังมีหมู่ดาวและดวงดาวที่แข็งแกร่งมากมาย ?! นี่มัน…..”
พวกเขาได้แต่ตกตะลึงไปกับสิ่งที่ได้ยินนี้และใช้เวลาอยู่พักหนึ่งถึงจะทำใจรับได้
จ้าวนิกายได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ศิษย์พี่และศิษย์พี่หญิงไม่ได้กลับมาเลย พวกเราเองก็คิดถึงพวกเขามากๆ ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขาด้วยความรู้สึกเสียดายเพราะคิดว่าเขาจะได้พบกับอาจารย์ตัวเอง
จระเข้เบญจธาตุที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
“ข้าเองก็คิดไว้ว่าคนที่ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบและฝ่าห้วงจักรวาลออกไปได้จะเป็นเจ้าหนูหลินเสียอีก ”
มันพูดต้อว่า
“แต่พูดก็พูดก็สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงเขาคนนั้น ”
“ท่านอาจารย์ปู่สุดยอดที่สุด ! ”
เย่ตงส่งเสียงออกมาพลางพูดต่อว่า
“ท่านเป็นคนแรกที่ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบ ? ”
“นี่ก็ไม่ใช่เหมือนกัน ”
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมทั้งพูดว่า
“เป็นเพราะเหตุผลพิเศษบางประการทำให้ข้าบังเอิญเห็นภาพความทรงจำของสถานที่แห่งนั้นซึ่งก่อนหน้าท่านอาจารย์คือหวูยี่ได้ก้าวข้ามไปก่อนแล้วและก่อนหน้าหวูยี่ก็คือจ้าวสวรรค์ทั้งเก้า”
คำพูดนี้ทำให้คนอื่นๆนอกเหนือจากเหลาเหลาต่างพากันผงะไป
“นี่แม่นางหวูยี่เคยก้าวข้ามไปก่อนแล้ว ? นี่มัน….แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ! ”
จระเข้เบญจธาตุได้แต่ผงะไปก่อนที่จะพูดต่อว่า
“แล้วนี่จ้าวสวรรค์ทั้งเก้าเองก็ล้วนก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบกันหมดก่อนที่จะทะลวงออกไปในห้วงจักรวาลงั้นรึ ? นี่…….หรือว่าข่าวลือนั่นผิดพลาด ? พวกเขา…….ยังไม่ตาย ? ”
เป็นเพราะว่าทั้งเก้าคนล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานในโลกใบนี้ซึ่งผู้คนทั้งหลายต่างคิดว่าพวกเขาตกตายลงกันไปหมดแล้วเนื่องจากถูกสยบอยู่ภายใต้สวรรค์ชั้นที่สิบทำให้ถูกกาลเวลากลืนกินไปทว่าความจริงกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ? นี่ทั้งเก้าคนต่างก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบกันหมดแล้ว ?!
“ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาแล้วการก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบนั้นจะต้องสามารถตัดผ่านไปยังเขตแดนที่ไม่มีวันแตกดับได้แน่ๆ ข้าคิดว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน ”
หลินเทียนพูดออกมาพลางพูดต่อว่า
“แต่พวกเขาทั้งเก้าคนก็ยังไม่ใช่คนแรกที่ก้าวข้ามไปยังสวรรค์ชั้นที่สิบ ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นใครแต่เขาแข็งแกร่งไร้เทียมทานมากๆ ! เป็นเพราะว่าข้อมูลที่ข้าได้รับล้วนเป็นสิ่งที่เขาจาลึกเอาไว้แถมยังเป็นเพราะกลิ่นอายที่อีกฝ่ายทิ้งเอาไว้ถึงได้ทำให้ม่านพลังในสวรรค์ชั้นที่สิบไม่สามารถทำลายได้ ”
“ว่าไงนะ ?! ”
“เหตุผลที่ม่านพลังสวรรค์ชั้นที่สิบมันแข็งแกร่งมากก็เพราะว่า…….กลิ่นอายที่เขาบังเอิญทิ้งเอาไว้ ?! ”
“นี่มัน………”
หลายๆคนได้แต่ผงะไป
“จากคำพูดของเจ้านี่คนที่จาลึกเขตแดนแลนแก่นแท้ทั้งหมดเอาไว้ได้อยู่ในเขตแดนจักรพรรดิแห่งทวยเทพตั้งแต่อดีตแล้ว ?! ”
หลินเทียนพยักหน้าของเขา
“น่าจะใช่ ”
“เขตแดนจักรพรรดิแห่งทวยเทพ ! นี่ดาวของเจ้าให้กำเนิดตัวตนระดับนี้ได้ด้วย ?! ”
เหลาเหลาถึงกับผงะไป
จี่หยูและคนอื่นๆเองก็มีสีหน้าที่ไม่ต่างกันเพราะไม่คิดเลยว่าสวรรค์สิบชั้นนี้จะมีตัวตนที่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนั้น
นี่ทำให้ทุกคนภายในสถานที่แห่งนี้ต่างพากันนิ่งเงียบไปโดยทันที
“อย่าไปสนใจเรื่องนี้มากเลยเพราะถึงอย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรามากนัก ”
หลินเทียนพูดออกมา
จระเข้เบญจธาตุเองก็พยักหน้าของมันอย่างเห็นด้วยว่า
“ก็จริงแหะ ”
พวกเขาพากันสงบสติของตัวเองและล้มเลิกความคิดทั้งหมดไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นพวกเขาก็ใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกกว่าสามวันก่อนที่จะบอกลากับทุกคนแล้วก้าวเดินออกจากนิกายแห่งนี้
“ไปยังนิกายพิณใต้พิภพกันเถอะ หลังจากนั้นค่อยกลับไปยังอาณาจักรเป่ยหยานกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เขาและคนอื่นๆพากันมุ่งหน้าไปยังนิกายพิณใต้พิภพก่อนที่จะวางเส้นชีพจรเทวะกว่า 150 เส้นและมอบสมบัติและทรัพยากรบ่มเพาะให้มากมายก่อนที่จะกลับไปยังอาณาจักรเป่ยหยานเพื่อเยี่ยมมู่ชิง ฉีดงและคนอื่นๆพร้อมทั้งมอบสมบัติมากมายให้กับพวกเขา
ระหว่างนั้นเขาก็ได้พบกับจูยี่ ซินเหยาและคนอื่นๆพร้อมทั้งแจกจ่ายทรัพยากรบ่มเพาะไปมากมาย
หลังจากนั้นเขาก็พากันเดินทางกลับไปยังสวรรค์ชั้นที่เก้าอย่างรวดเร็ว
พริบตาเวลาก็ได้ผ่านไปอีกกว่าครึ่งเดือน
วันนี้เป็นวันที่เขาเรียกเย่ตงเข้าพบพร้อมทั้งเริ่มอธิบายเกี่ยวกับพลังแห่งความเชื่อและเริ่มก่อสร้างมัน
“พลังแห่งความเชื่อเกิดจากจำนวนผู้ศรัทธา ? ไม่สามารถฝึกฝนมันได้ ? แถมยังสามารถใช้เพิ่มพลังหรือเป็นพลังโจมตีได้ ? ”
เย่ตงได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับพลังที่แปลกใหม่
“ใช่”
หลินเทียนตอบกลับไป
เขาโบกมือสังเวยเอาเจดีย์ราชันอมตะที่รายล้อมไปด้วยประกายแสงสีม่วงและคลื่นสายฟ้าออกมา
เย่ตงได้แต่ผงะไปพลางส่งเสียงออกมาว่า
“ท่านอาจารย์ เจดีย์นี่มัน……”
เป็นเพราะว่าเขาในตอนนี้อยู่ในเขตแดนจ้าวสวรรค์แล้วแถมยังอ่านตำราเก่าแก่ของหลินที่นำกลับมาจากห้วงจักรวาลไปมากมายดังนั้นวินาทีแรกที่เห็นมันก็สัมผัสได้เลยว่าประกายแสงสีม่วงมันคือพลังโกลาหลแถมยังเป็นพลังที่เข้มข้นซึ่งมีเพียงคริสตัลโกลาหลบรรพกาลเท่านั้นที่มีได้
“เจ้าคิดถูกแล้วล่ะ ”
แน่นอนว่าหลินเทียนเองก็พอเดาได้ว่าเย่ตงกำลังคิดอะไรถึงได้พูดต่อว่า
“นี่คือเจดีย์ราชันอมตะที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลของข้า ”
เย่ตงผงะไปเพราะแม้จะเดาไว้ก่อนแล้วแต่หลังจากที่ได้ยินกับหูก็ยังตกตะลึงไม่น้อย
“ยินดีด้วยขอรับ ! ”
เขาพูดออกมา
เป็นเพราะว่าจากตำนานที่จาลึกเอาไว้นั้นต่อให้มันถูกทำลายก็จะสามารถก่อตัวขึ้นใหม่ได้อีกครั้งทำให้ได้ชื่อว่าเป็นสมบัติในหมู่สมบัติทว่าอาจารย์ของเขากลับได้รับมันมาแล้วหลอมเป็นเจดีย์ที่ทรงพลังแบบนี้มันทำให้เขามีความสุขอย่างมาก
หลินเทียนเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดด้วยท่าทางที่จริงจังว่า
“เจ้ารับมันไปแล้วเริ่มการเผยแพร่คำสอนของเราให้กับสวรรค์ทั้งสิบชั้น ”
หลังจากนั้นเขาก็ได้โบกมือส่งเจดีย์ราชันอมตะออกไปแล้วพูดต่อว่า
“ระหว่างที่เผยแพร่คำสอนก็จงใช้มันเป็นตัวแทนแห่งความเชื่อของพวกเรา ”
ความเชื่อนั้นอัดแน่นอยู่ภายในร่างของมนุษย์ธรรมดาซึ่งคนๆเดียวอาจจะถือว่าเล็กน้อยด้อยค่าแต่หากว่ารวมกันเป็นหมื่น เป็นแสน เป็นล้านถึงหลายพันหลายหมื่นล้านแล้วก็จะกลายเป็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวถึงขั้นสามารถทำลายได้ทุกสรรพสิ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด