Divine King of All Directions 1480

Now you are reading Divine King of All Directions Chapter 1480 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อตัดผ่านเขตแดนอนันตกาลอย่างแท้จริงแล้วมันทำให้เขาอยู่ในสภาวะที่ไม่มีวันดับสูญไปและไม่ได้รับผลกระทบจากกาลเวลาอีกต่อไปซึ่งแม้ว่าตัวเขาจะเป็นคนที่มีจิตใจแน่วแน่เองก็ยังเกิดความรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
เพราะถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็ก้าวข้ามมายังเขตแดนแห่งการมีชีวิตเป็นนิรันดร์แล้ว
“ในที่สุดก็อยู่ในเขตแดนอนันตกาลเสียที ”
จระเข้เบญจธาตุส่งเสียงออกมาพร้อมทั้งสำรวจร่างกายของหลินเทียนพลางหันมองไปยังเจดีย์ราชันอมตะแล้วพูดออกมาด้วยดวงตาที่ส่องประกายว่า
“ดูเหมือนว่าพลังอำนาจของมันจะเพิ่มขึ้นมากเลยสินะ ”
เป็นเพราะอาวุธนี้คืออาวุธวิญญาณของเขาซึ่งหลังจากที่ได้แบกรับทัณฑ์สวรรค์ไปด้วยกันแล้วมันทำให้กลิ่นอายโกลาหลที่รายล้อมอยู่รอบๆยิ่งเข้มข้นขึ้นไปอีกแถมยังมีประกายสายฟ้าโลดแกล่นอยู่รอบทิศทางจึงสร้างแรงกดดันที่ไม่ธรรมดาอย่างมาก
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่อาวุธอนันตกาลตอนต้นแต่สามารถต่อกรได้กับอาวุธนิรันดร์แท้จริงได้อย่างสบายๆ
“อื้ม ”
หลินเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
มันเป็นอาวุธที่สร้างขึ้นจากคริสตัลโกลาหลบรรพกาลและผ่านการขัดเกลาและหล่อหลอมจากทัณฑ์สวรรค์และพลังแห่งความเชื่อมาหลายต่อหลายครั้งทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่ไร้เทียมทานเลยก็ว่าได้
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันมองออกไปพร้อมทั้งเก็บเอาเจดีย์ราชันอมตะกลับมาแล้วออกเดินทางไปจากสถานที่แห่งนี้
มันเป็นเพราะว่าหลังจากที่ก้าวข้ามทัณฑ์สวรรค์ได้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นอะไรจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป
ไม่นานพวกเขาก็พากันออกเดินจากไปจากที่นี่พร้อมทั้งพบกับขุนเขาขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า
“หาสถานที่ปลอดภัยฝังร่างของนิรันดร์แท้จริงคนนั้นกัน ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเขาล้วนแล้วแต่อยู่ในเขตแดนอนันตกาลกันหมดแล้วแถมด้วยระดับพลังของพวกเขายังเรียกได้ว่ายืนหนึ่งในเขตแดนนี้จึงไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังจากร่างนิรันดร์แท้จริงอีกต่อไปแล้วถึงได้คิดจะฝังร่างๆนั้นเอาไว้เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายเองก็ช่วยเหลือเขามามากทำให้เขาทิ้งไว้เฉยๆไม่ได้เพราะมันดูไม่มีคุณธรรมเอาเสียเลย
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมันพร้อมทั้งพากันค้นหาสถานที่เหมาะๆก่อนที่จะเริ่มการขุดหลุมฝังศพแล้วจัดวางร่างนิรันดรืแท้จริงลงไปก่อนที่จะสลักป้ายหลุมศพเอาไว้
แต่เป็นเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อว่าอะไรดังนั้นเขาถึงได้สลักเอาไว้ว่า สุสานแห่งนิรันดร์ไร้ชื่อ
หลังจากนั้นพวกเขาก็ทำความเคารพเล็กน้อยแล้วหันหลังเดินจากไป
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็พากันก้าวเดินข้ามภูเขามากมายไปก่อนที่จะไปถึงถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมายซึ่งกำลังสนทนากัน
“นานมาแล้วที่ไม่มีใครกล้ากระตุกหนวดของราชวงศ์แต่ไม่คิดเลยว่าซ่งหวางจะถูกสังหารไปแถมยังถูกชิงเองแร่ดาราทั้งหมดไปทำให้ทางราชวงศ์ออกประกาศจับพร้อมทั้งตั้งรางวัลให้สำหรับคนที่มีเบาะแสของอีกฝ่าย ”
“หื้ม ? ประกาศจับ ? ได้ยินมาว่าอีกฝ่ายควบคุมร่างของนิรันดร์แท้จริงเอาไว้ด้วยดวงวิญญาณโดยที่ไม่มีใครเคยเห็นร่างจริงๆของเขาด้วยซ้ำแล้วจะไปประกาศจับได้อย่างไรกัน ? แล้วจะหาเบาะแสของอีกฝ่ายได้อย่างไรเพราะขนาดหน้าตาเองก็ยังไม่รู้จักเลย ? ”
“รู้แล้ว ”
หนึ่งในผู้คนได้ส่งเสียงออกมาว่า
“ได้ยินมาว่ามีคนเห็นตอนที่ซ่งหวางพยายามเชื้อเชิญคนๆหนึ่งเข้าร่วมกับรางวงศ์ทว่าอีกฝ่ายไม่ตอบตกลงทำให้สีหน้าของข้ารับใช้ซ่งหวางเย็นชาลงอย่างมากซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่พอใจมากๆ หลังจากนั้นไม่นานก็ได้พบกับศพของข้ารับใช้คนนั้นพร้อมๆกับตัวอักษรที่ว่า แค่เพียงไม่ยอมเข้าร่วมถึงกับต้องส่งคนมาฆ่า นี่ทำให้ทางราชวงศ์คิดว่าคนที่ควบคุมร่างนิรันดร์แท้จริงร่างนั้นจะต้องเป็นชายหนุ่มคนนั้นแน่ๆ ”
“หมายความว่า……….เป็นเพราะว่าเขาปฏิเสธที่จะเข้าร่วมจึงทำให้ซ่งหวางไม่พอใจแล้วส่งคนออกไปสังหารชายคนนั้นแต่กลับล้มเหลวไม่พอแต่ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นไม่พอใจดังนั้นถึงได้ควบคุมร่างนิรัดนร์แท้จริงไปสังหารซ่งหวางแล้วชิงเอาแร่ดาราทั้งหมดไป ? ”
“เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นนะ ”
“นี่มันเป็นเพียงการคาดการณ์ไม่ใช่หรือไง ? ”
“จากที่ฟังมามันไม่เหมือนการคาดการณ์แต่คือความจริงเนื่องจากมีเพียงตอนที่ได้พบกับชายหนุ่มคนนั้นเท่านั้นที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจและทำให้ซ่งหวางเสียหน้าซึ่งหากว่ารวมเรื่องพวกนี้เข้ากับเบาะแสที่ได้จากศพของข้ารับใช้แล้วมันก็สมเหตุสมผล ? ”
“นี่..ก็จริงแหะ ”
อีกคนได้พยักหน้าพร้อมทั้งพูดต่อว่า
“หากว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆแล้วซ่งหวางก็คงได้แต่ต้องโทษตัวเองแล้วล่ะแต่นี่ทางราชวงศ์ถึงขั้นป่าวประกาศค่าหัวออกไปแบบนี้เลย ? ”
“แล้วไง ? คิดว่าทางราชวงศ์จะสนใจหรือไงว่ามันเป็นความผิดของใคร ? พวกเขาสนใจเพียงแค่เรื่องที่มีคนฆ่าคนของพวกเขาเท่านั้นเพราะนี่เป็นการหยามเกียรติแถมยังมีเรื่องของแร่ดาราจำนวนมากจนน่ากลัวถึงขั้นที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติดังนั้นการที่อีกฝ่ายตั้งค่าหัวก็เป็นการล้างแค้นให้กับซ่งหวางและที่สำคัญที่สุดคือการชิงเอาแร่ดาราเหล่านั้นกลับมา ถึงขั้นที่ว่าขนาดบรรพบุรุษของพวกเขายังต้องออกมาจัดการด้วยตัวเอง ”
“ว่าไงนะ ? เพื่อคนๆเดียวถึงกับทำให้ตัวตนระดับนิรันดร์แท้จริงออกมาจัดการ ? ”
“ได้ยินมาว่างั้น ”
“นี่…..ถึงขั้นที่ขนาดเขตแดนนิรันดร์แท้จริงยังออกโรงด้วยตัวเองแบบนี้เลย ?! ”
“ทำไงได้ ก็ชายคนนั้นถือครองร่างนิรันดร์แท้จริงดังนั้นถึงได้ชื่อว่าไร้เทียมทานภายใต้เขตแดนนั้นจึงมีเพียงนิรันดร์แท้จริงเท่านั้นที่จัดการได้ ”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันส่งเสียงสนทนาออกมาด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
หลินเทียนและคนอื่นๆเองเองก็ได้ยินบทสนทนานี้ได้อย่างดีทำให้ดวงตาของเขาอดหรี่เล็กลงไม่ได้
“พวกมันฉลาดจริงๆเลยนะที่เอาเบาะแสทั้งหมดมารวมกันแล้วสรุปได้ว่าเจ้าเป็นคนฆ่าซ่งหวางแบบนี้ ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่น้อย
“ถึงขั้นที่ปกครองจักรวาลได้ก็ต้องไม่ใช่พวกโง่อยู่แล้ว ”
หลินเทียนพูดต่อว่า
“อีกอย่างหากว่ารวมเบาะแสทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เดายากอะไร ”
จระเข้เบญจธาตุพยักหน้าของมันก่อนที่จะพูดว่า
“ก็จริง ”
หลังจากนั้นก็ถามต่อว่า
“แล้วจะเอาอย่างไรกันดี หากว่าถูกพวกมันพบเข้าให้มีหวังต่อให้มียาเสริมก็ยังต่างชั้นกันอยู่ดี ”
มันหันมองไปทางหลินเทียนพลางพูดต่อว่า
“ลืมไปว่าเจ้าเป็นถึงกายราชันที่แข็งแกร่งที่สุดแถมยังแบกรับทัณฑ์สวรรค์มาแล้วมากมายถึงได้มีสภาพร่างกายที่ต่างจากข้าและเจ้าหนูน้อยดังนั้นด้วยระดับพลังของเจ้าเสริมพลังสิบเท่ามันจะสามารถต่อกรกับนิรันดร์แท้จริงได้รึไม่ ? ”
นี่ทำให้แม้แต่เสี่ยวไท่ชูเองก็หันมองมาทางเขาด้วยความสงสัยเช่นกัน
หลินเทียนส่ายศีรษะของเขาพร้อมพูดว่า
“เอาชนะไม่ได้เพราะว่าความต่างชั้นของข้ากับเขตแดนนิรันดร์แท้จริงมันไม่ใช่แค่สิบเท่าดังนั้นหากว่าต้องการจะ……”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้นคำพูดของเขาก็ได้หยุดลงพร้อมทั้งหันมองไปทางตะวันออกเฉียงใต้ของสถานที่แห่งนี้ด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจ
“ว่าไง ? ”
เมื่อเห็นสีหน้าของหลินเทียนแล้วทั้งสองก็อดแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาไม่ได้
“เสียงพิณนั่นมัน….พิเศษมาก ”
หลินเทียนพูดออกมาขณะที่สายตาทอดยาวออกไป
“อะไร ? เสียง ? เสียงอะไร ? ”
จระเข้เบญจธาตุแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะหันมองตามไปแล้วอุทานออกมาว่า
“ได้ยินแล้ว ! ”
ดวงตาของมันเปล่งประกายพลางพูดต่อว่า
“นี่มัน…..ไม่ธรรมดาจริงๆ ”
เสี่ยวไท่ชูหันมองออกไปพร้อมทั้งตอบรับด้วยเสียงของทารกเพราะมันเองก็ได้ยินเสียงแบบเดียวกัน
“ไปตรวจสอบกันเถอะ ”
หลินเทียนพูดออกมา
เป็นเพราะว่ามันเป็นเสียงที่อ่อนโยนและเบาบางอย่างมากแต่กลับอัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายที่พิเศษถึงขั้นทำให้ดวงวิญญาณของเขาสั่นไหวไม่น้อย
นี่ทำให้พวกเขาพากันเหาะออกไปกว่าสองชั่วโมงก่อนที่จะไปถึงหมู่บ้านธรรมดาๆแห่งหนึ่งพลางได้ยินเสียงพิณที่ชัดเจนขึ้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด